คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ลำดับตอนที่ 1
Intro
“ฮือ ๆ ๆ ฉันจะทำยังไงต่อไปดี”
“ตายไปเลยสิ -_-”
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ได้คิดสั้นขนาดนั้น”
“แล้วแกมาถามฉันทำไมเล่า”
ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะหินอ่อนและปล่อยโฮออกมายกใหญ่ ขอแนะนำตัวตัว ฉันชื่อ สมายด์ หญิงสาวหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ ไม่สวย ไม่เลิศ ไม่เพอร์เฟคเหมือนใครเขาหรอก อายุประมาน ม.6 นี่แหละ อยากรู้ไปคำนวณเอาเอง - -* ฉันมีเพื่อนสาวสนิทอยู่คนนึง เธอชื่อต้นข้าว คนนี้สนิทแน่น ซี้ปึก เพราะว่าแม่ฉันกับแม่ยัยนี่เพื่อนสนิทกัน เลยยิ่งทำให้สนิทกันไปใหญ่
เข้าเรื่องดีกว่า เรื่องของเรื่องที่ฉันมาร้องไห้ขี้มูกโป่งยิ่งกว่าเด็กสองขวบนี่ก็เพราะว่าแฟนคนล่าสุดของฉันมาบอกเลิกสดๆ ร้อนๆ นี่เอง คิดดูสิ..เดือนนี้ฉันโดนบอกเลิกไปไม่ต่ำกว่าเจ็ดคน แล้วแต่ล่ะคนมีคำบอกเลิกได้เจ็บแสบมากๆ อาทิเช่น
‘หน้าตาดูเธอดูไม่ได้เลวร้ายนะ แต่เธอจะบึกบึนไปถึงไหน เธอสามารถขนกระสอบทรายไปช่วยน้ำท่วมได้ถึงวันละเป็นร้อยๆ กระสอบ จนพวกเล่นกล้ามยังยอมแพ้ ฉันรับความบึกบึนของเธอไม่ไหว เราเลิกกันเถอะนะ’
‘ฉันยอมรับว่าเธอดูสวยในสายตาฉันนะสมายด์ แต่เธอควรจะอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงซะบ้าง หรือไม่ก็ให้ฉันช่วยเธอเวลาคนมาลวนลามเธอไม่ใช่ว่าจัดการอัดพวกนั้นเอง เธอแกร่งเกินไป เธอไม่ให้ฉันเป็นฮีโร่ซะบ้างเลย ลาก่อน!’
‘ทำไมเธอถึงอึดถึกอย่างนี้นะมายด์ ฉันรับไม่ไหวหรอกนะ เลิกกันเถอะ!’
แกร่ง ถึก และบึกบึน ทำไมฉันต้องมาเจอคำพวกนี้ด้วยนะ ยิ่งคำว่า ’ถึก’ นี่ไม่สมควรใช้กับฉันเลยจริงๆ มันสมควรไปใช้เจ้าตัวที่ร้อง มอ อยู่กลางทุ่งนู้นไม่ใช่รึไงนะ โอ๊ย~ ยิ่งคิดยิ่งอยากร้องไห้
“แกถึกเองนี่หว่า” นั่น! ถึกอีกแล้ว T^T
“ไม่ช่วยก็อย่ามาซ้ำเติมไอ้ข้าว”
“ใครว่าฉันไม่ช่วยแก ฉันก็แนะนำให้แกไปตายแล้วนี่”
“อย่าโง่ ต้นข้าว ฉันขอร้อง”
“เอาน่า แกก็โดนอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยังไม่ชินอีกหรอ”
-_-*
อย่างที่ไอ้ข้าวมันว่านั่นแหละ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดนบอกเลิกแบบนี้ ตั้งแต่โผล่หัวจากท้องแม่มาร้องอุแว้ๆ และอยู่บนโลกที่แสนจะกว้างใหญ่มาหลายปี ฉันไม่เคยได้มีโอกาสบอกเลิกใครเลย มีแต่ผู้ชายพวกนั้นที่มาบอกเลิกฉัน
ดูสิ! เกิดมาเสียชาติเกิดซะเหลือเกิน
“ฉัน-จะ-บ้า-ตาย!” ฉันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยกขึ้นมาทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“ตาบเลยๆ”
“เหมือนแกจะอยากให้ฉันตายมากเลยนะเพื่อนรัก - -*”
“ไม่รู้สิ แกน่ะเกิดมามีกรรม ดูเหมือนจะสวยแต่ดันบึกบึน ฉันว่าถ้าแกเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูเป็นสาวหวานขึ้นมาหน่อยแกจะเลิศมากเลยนะ”
“จะให้ฉันพูดคะพูดขา นั่งร้อยมาลัยแล้วใส่ส้นสูงเดินกระโปรงพลิ้วทั้งวันเลยเหรอ ไม่ไหวหรอก” แค่คิดฉันยังขนลุกเลย
“ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย”
“เอ้า! แล้วหล่อนหมายความว่ายังไงล่ะ เท่าที่สมองอันน้อยนิดของฉันประมวลผลมามันก็ประมาณนั้นแหละ” หรือฉันโง่ที่แปลไทยเป็นไทยไม่ได้ - -*
“ฉันหมายถึงให้แกเปลี่ยนนิสัย ไม่ใช่บู๊แหลกขนาดนี้”
“ฉันบู๊ตรงไหน”
“แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมาใครอัดผู้ชายตัวเท่าช้างน้ำจนเลือดท่วมหัว มันไม่ลุกขึ้นมากระโดดทับแกก็บุญเท่าไร่แล้ว”
“ก็มันจะฉุดฉันต่อหน้าแฟนขี้ก้างของฉันเชียวนะ มันหน้าด้านมากจนฉันทนไม่ไหว”
“แล้วใครมันจะอยากเอาแกทำเมียวะ”
กรี๊ดด! ทำไมเพื่อนฉันมันถึงหยาบคายขนาดนี้ ฉันไม่ได้บู๊แหลกอะไรขนาดนั้นนะ ฉันก็ต้องป้องกันตัวสิ ไม่งั้นจะเรียนเทควันโดไปทำไม ที่สำคัญ ขืนยืนรอให้แฟนของฉันมาช่วย มีหวังฉันได้เป็นเมียไอ้ช้างน้ำนั่นแน่ๆ แหละความจริงแฟนคนนั้นบอกเลิกไปก็ดีกับตัวเองแล้วนี่ ทำไมฉันต้องมานั่นเสียใจด้วยวะ!
“ฉันว่าแกเอาเวลาที่มีอยู่น้อยนิดของแกไปล้างหน้าแล้วเตรียมไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวเจ้านายสุดหล่อดุเอาไม่รู้ด้วยนะ”
โอ้! กำลังคิดได้ว่าตัวฉันมางานที่ต้องไปทำหลังเลิกเรียนนี่นา ฉันทำงานอยู่ที่ร้านอาหารของพี่ซีฟ หนุ่มมหา’ลัยสุดหล่อ หล่อสะบั้นหั่นแหลก หล่อแบบควรตายไปซะ - -* ฉันทำงานที่ร้านพี่ซีฟตั้งแต่ตอนฉันอยู่ม.4 พ่อแม่อยู่ที่ต่างจังหวัด ทิ้งให้ฉันเผชิญโชคอยู่ในกรุงเทพฯคนเดียว ยังดีที่มีร้านพี่ซีฟนี่แหละเป็นที่ซุกหัวนอน ฉันเลยต้องไปทำงานแลกที่พักที่ได้รู้กันนั่นแหละ
“หน้าแกยิ่งผิดกฎหมายอยู่ มาร้องไห้แบบนี้หน้ายิ่งกันดารเข้าไปใหญ่”
“หน้าฉันมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยรึไง!”
“ก็ไม่ได้เลวร้ายนี่” ตอบได้หน้าตายมากเพื่อนฉัน
=_=^ แต่ที่แกพูดมาเมื่อกี้มันเลวร้ายมาก มากถึงมากที่สุดในโลก
“แล้ววันนี้แกจะไม่ไปกับฉันเหรอ” ฉันถามไอ้ข้าวพร้อมๆ กับเก็บของใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง
“วันนี้ฉันมีนัดทำรายงานกับเพื่อน”
“ตอแหล ฉันอยู่ห้องเดียวกับแกนะโว๊ย!!”
“เออน่า บอกพี่ซีฟแบบนั้นแหละ เดี๋ยวพี่แกหักเงินเดือนฉันแล้วจะยุ่ง”
“เออๆ ไปไหนก็ไปเลย”
ฉันโบกมืออำลาเพื่อนสาวสุดที่รักก่อนจะเดินหน้าตั้งไปที่ร้านอาหารของพี่ซีฟที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก แค่เกือบๆ กิโลเอง - -* เดินไปๆ มาๆ ระหว่างร้านกับโรงเรียนจนน่องแทบกระเป็นกล้าม นี่ฉันเดินไปเดินมา ใช้พลังงานยิ่งกว่าควายเดินไถนาซะอีกนะเนี่ย นี่แหละมั้งฉันถึงได้ชื่อว่าหญิงถึกบึกบึน –[]-
กริ๊ง~
เสียงกริ่งหน้าร้านดังขึ้นทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในร้าน ฉันยกมือไหว้สวัสดีพี่ซีฟที่ยืนหล่ออยู่ที่เคาน์เตอร์ของร้านตามมารยาทหญิงไทย ก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านและจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเฉกเช่นทุกวัน
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงให้ดูตื่นเต้นเลย
“ตาบวมอีกแล้วยัยเด็กคนนี้”
ฉันหันไปมองต้นเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง พี่ซีฟยืนเกาะประตูและยิ้มมาให้ก่อนที่จะเดินเข้ามานั่งโต๊ะใกล้ๆ ให้ตายสิผู้ชายคนนี้มันหล่อเกินเยียวยาจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเข้าเป็นผู้มีพระคุณของฉันนะ ฉันจะฉุดเข้าถ้ำไปปล้ำตอนนี้แหละ
ดูสิ หน้าใสยิ่งกว่าก้นเด็กทารก จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาเรียวคมดูอ่อนโยนและมีเสน่ห์เอามากๆ พอมองใกล้แบบนี้แล้วหัวใจดวงน้อยของฉันจะละลายตายไปซะตรงนี้เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ! ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันอยากจะ อยากจะ...
ป้าบ!
มือพิฆาตของใครบางคนตบหัวฉันจนหน้าคะมำลงเกือบทิ่มพื้น - -* ยัยกังหัน น้องสาวพี่ซีฟยืนกอดอกมองหน้าฉัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่ฉันอย่างดุดัน นี่แหละเห็นผลที่พี่ซีฟไม่มีแฟน ก็เล่นมีน้องสาวที่สวย(น้อยกว่าฉัน) เป็นตัวทำลายความสุข ใครก็รู้ว่ายัยนี่หวงพี่ชายเอามากๆ ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้พี่ชายหล่อนนะ หน้าแหกกลับบ้านไปทุกราย
“อย่ามาบังอาจมองพี่ชายฉันด้วยสายตาทุเรศแบบนั้น” สายตาเธอก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าฉันหรอกย่ะ
“นี่กังหัน เขาเป็นรุ่นพี่เธอนะ”
“แค่ปีเดียวเอง”
ก็ถือว่ารุ่นพี่โว้ยยยย!!~
ฉันเอือมกับนิสัยไม่มีมารยาทของยัยเด็กคนนี้จริงๆ เลย วันๆ ยัยนี่พูดกับฉันเหมือนพูดกับน้องสาวของตัวเอง ทั้งกดขี่ข่มเหงฉันสารพัดเกินจะบรรยาย นี่ถ้าฉันเป็นพี่ยัยนี่นะ ฉันจะจับฆ่าหมกส้วมซะให้เข็ดเลย คนอะไรไม่รู้คนไหนเด็กคนไหนผู้ใหญ่
เฮ้อ~ พอด่ายัยนี่ในใจก็เครียดขึ้นมาทีนทีทันใดเลย เอาเป็นว่าฉันจะสรุปให้ฟังว่าที่ร้านนี้มีใครสิงสถิตอยู่บ้าง ร้านอาหารนี้เป็นร้านอาหารของพี่ซีฟ และพี่ซีฟมีน้องสาวชื่อกังหัน และฉันกับยัยต้นข้าวก็เป็นลูกจ้างคนสนิทในร้าน แต่เห็นคนเขาบอกว่าพี่ซีฟมีน้องชายอีกคนซึ่งเป็นใครอยู่ที่ไหนฉันก็ไม่รู้เพราะไม่เคยเห็นหน้า เป็นเรื่องแปลกใช่ไหมล่ะที่ฉันอยู่ที่นี่มาเกือบ ๆ สามปี แต่ไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักนิดเดียว
ช่างมันเถอะ! ยิ่งถ้ามีน้องชายโผล่หน้ามาอีกคน ฉันคงหัวใจวายตายเพราะความหล่อ ตระกูลนี้มันหล่อๆ สวยๆ ทั้งโคตรจริงๆ เลย ทางที่ดีไม่ต้องโผล่หัวโผล่หางมานั่นแหละดีแล้ว
“อกหักมาอีกแล้วสิท่า”
ฉันเหลือบไปมองพี่ซีฟที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่โดยมียังกังหันเกาะแขนอยู่ข้างๆ นี่ถ้าใครไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันเขาคงเหมาว่าเป็นแฟนกันไปแล้วแน่ๆ เลย
“รู้ได้ไง”
“โอ๊ย! ชีวิตเธอก็มีแต่อกหัก แล้วก็อกหักแค่นั้นแหละย่ะ”
ยัยกังหันพูดด้วยน้ำเสียงสะดีดสะดิ้งจนฉันอยากจะเอาแปรงขัดส้วมมาถูฟันหลอนซะให้เข็ด อกหักเป็นเรื่องประจำ แล้วมันเป็นยังไงเหรอ! ไม่เห็นจะตายเลย
ก็แค่ช้ำใจเล็กน้อยถึงมาที่สุดแค่นั้นเอง T^T
แค่นั้นจริงๆ นะ
“ยุ่งยากมากนักก็เป็นทอมไปเลยซะสิยะ!”
“หือ? ทอมงั้นเหรอ”
ฉันหันขวับไปมองยังกังหันทันที ยัยนั่นเดินไปหยิบอะไรบางอย่างที่หลังกล่องก่อนจะเอามาโชว์ให้ฉันดู ในมือของยัยกังหันเป็นโปสเตอร์ของนักร้องคนหนึ่งที่หน้าจาคล้ายผู้ชายแต่ว่าไม่ใช่
“เอ่อ! ไม่เคยเห็นรึไงทอมน่ะ พี่ซีวงซุปเปอร์จูเนียร์น่ะ เคยเห็นไหม”
“พี่ซีนั่นมันนักร้องไทยไม่ใช่เหรอ - -*” โผล่ไปเกาหลีได้ยังไงวะนั่น
“นั่นแหละๆ ขอบอกว่าหล่อมาก >O<” มั่วได้มึนมาก
ทอมงั้นเหรอ..
น่าสนใจดีนี่นา คนสมัยนี้ก็มีเยอะแยะไปที่ชายรักชาย หญิงรักหญิง แถมเดี๋ยวนี้ฉันก็ถูกคนว่าบ่อยๆ ว่านิสัยเหมือนผู้ชาย ดีล่ะ ฉันจะเป็นทอมให้ดู ผู้ชายมันไม่รัก รักผู้หญิงด้วยกันก็ได้วะ!!
TALK
บทนำมาแล้ว เป็นยังไงบ้างเอ่ย ?
อ่านแล้วอย่าลืมเม้นบอกกันน้า ^^
เพิ่งเริ่มแต่ง ยังไงก็อย่าเพิ่งหนีหายกันนะ
แล้วจะมาลงให้อ่านกันเรื่อยๆ นะจ้ะ
ถ้าพิมพ์ผิดหรือผิดพลาดอะไรก็ขอโทษด้วยนะ
เพราะว่าลงดิบๆ เลย ยังไม่ได้ตรวจคำผิเลย 5555.
หมายเหตุ : ขอร้องนะคะ อย่าทำตัวเป็นนักอ่านเงา ถ้าจะไม่เม้นท์ก็อย่ากดอ่านเลยค่ะ มันเสียความรู้สึก ถ้าไม่สนุกก็บอกเลยค่ะ อย่ามาเงียบๆ และไปเงียบๆ แบบนี้
ความคิดเห็น