คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6
1 อาทิตย์ต่อมา
ตอนนี้ยูริกำลังจัดคนขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทริมทะเลที่ได้จัดเตรียมให้เป็นงานหมั้นของน้องสาวสุดที่รัก ยูริกำลังนึกถึงเพื่อนหน้าม่อของตัวเองที่ปฏิเสธการมาเที่ยวครั้งนี้
ย้อนกลับไปเมื่อสามวันที่แล้ว
“ไอ้หยองๆ อาทิตย์หน้ามีงานหมั้นยุนกับซอ จัดที่ทะเล แกจะไปด้วยมั้ย” ยูริชวนซูยอง
“น่าไปว่ะอืม..... เห้ยยย วันไหนน่ะ”ตอนแรกยิ้มด้วยความดีใจแต่เมื่อครุ่นคิดสักพักรอยยิ้มที่ประดับบนหน้าก็หายไป
“อาทิตย์หน้า สรุปไปมั้ยจะได้จัดห้องพักให้”
“ฉันก็อยากไปนะเว้ยย แต่...ฉันต้องไปดูตัวว่ะ ไปไม่ได้” หน้าแอบหมองลงเล็กๆ
“อ้าว นี่แกจะได้เจอว่าที่ภรรยาแล้วเหรอ ดีใจด้วยนะเพื่อน” ยูริพูดอย่างขำๆ
“ดีกะผีนะสิ ฉันไม่อยากไปโว้ยยยย” ซูยองโวยวายขึ้นมาในทันที
“ก็นะ..ครั้งนี้ฉันช่วยแกไม่ได้จริงๆ” ยูริยักไหล่เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความน่าหมั่นไส้
“รู้แล้วน่า” เมื่อพูดเรื่องนี้ซูยองจะเกิดอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันที
“งั้นก็ขอให้แกโชคดีล่ะกัน”
กลับมาที่ปัจจุบัน
ยูริขึ้นรถทัวร์เป็นคนสุดท้ายก่อนจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปสู่จุดหมาย ใช้เวลาไม่นานนักในการเดินทาง รถทัวร์เกือบสิบคันก็มาจอดที่รีสอร์ทติดริมทะเล
ทุกคนพยายามรีบไปหยิบกุญแจห้องเพราะไม่ได้จองระบุชื่อห้องพักเป็นคนๆจึงต้องรีบไปที่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ได้ห้องที่ดีที่สุด
ในขณะที่ทุกคนกำลังรีบแต่ควอนยูริกลับเดินอย่างสบายๆ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เรื่องมากกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จะได้ห้องพักเป็นห้องไหนหรือจะอยู่ร่วมห้องกับใครเขาก็ไม่เกี่ยง แต่อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนหกล้ม จึงตัดสินใจหันกลับไปก็เห็นเลขาสาวของตัวเองนั่งบนพื้นและมือก็กุมข้อเท้าเอาไว้ดูท่าทางเจ็บปวด
รู้กันดีอยู่ว่าควอนยูริเป็นคนใจดี อาจจะมากไปสักหน่อยด้วยซ้ำและแน่นอนว่ายูริเดินเข้าไปหาเจสสิก้าในทันที
“เป็นอะไรมากรึเปล่า สิก้า ลุกไหวมั้ย?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สิก้าลุกไหว” แต่เมื่อพยายามที่จะลุกขึ้นข้อเท้าก็แปลบขึ้นมาทำให้ต้องล้มลงไปอีกครั้ง แล้วเจสสิก้าก็ต้องตกใจเมื่อยูริที่ยืนมองอยู่สักพักย่อเข่าลงข้างหนึ่ง
“ขึ้นมาสิ ถ้าให้สิก้าลุกเองน่าจะอีกนาน” ยูริพูดเสียงหยอกๆ
“มันจะดีเหรอค่ะ” เธอถามเจ้านายเสียงค่อย
“ขึ้นมาเถอะน่า เร็วๆ” ยูริเร่ง เจสสิก้าเลยขึ้นหลังให้ยูริแบกเธอไป ระหว่างทางเดินยูริไม่บ่นออกมาสักคำว่าหนัก ทำให้ตอนนี้ในความคิดของเธอเริ่มมีเหตุการณ์เก่าๆเข้ามาซ้อนทับ
‘อยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ’
แต่เวลาก็ต้องเดินต่อไปอยู่ดี สักพักทั้งสองก็เดินมาถึงเคาน์เตอร์ของรีสอร์ท ปรากฏว่าทั้งสองมาช้าเกินไปทำให้เหลือห้องพักอยู่ห้องเดียวและยังเป็นเตียงคู่อีกต่างหาก
“อยู่กับยูลได้มั้ย สิก้า” ยูริถามอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าเธอจะอึดอัดถ้าอยู่กับเขาแค่สองคน
“ได้สิ สิก้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เจสสิก้าตอบพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่แต่ยูริก็คงไม่รู้สึกล่ะมั้งแล้วทั้งสองก็เอาสัมภาระของตัวเองเข้าไปเก็บในห้องพัก
ทางด้านของซูยอง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วแต่เขาก็ยังไม่ลุกออกจากที่นอนอันแสนสบายจนเสียงโทรศัพท์ของเขาแผดเสียงขึ้นมา จึงงัวเงียตื่นมารับโทรศัพท์ พลางนึกในใจว่า
‘ใครโทรมากวนแต่เช้า ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจะกระโดดถีบหน้าเลย คอยดู’
“ฮาโหลล นั่นใคร” รับโดยที่ยังไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรเข้าว่ามันขึ้นว่า ‘แม่’
“ซูยอง ทำไมยังไม่ตื่นอีกลูก นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ วันนี้เรามีนัดกับตระกูลลีตอนเที่ยงครึ่ง รีบๆอาบน้ำแต่งตัวแล้วแต่งให้มันดีๆนะเห็นแก่หน้าแม่บ้าง”
เมื่อได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งเด้งขึ้นมาจากเตียงนอนในทันทีแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะอยากเห็นหน้าคู่หมั้นหรอกนะ แต่อยากจะปฏิเสธให้มันเร็วที่สุดต่างหาก เรื่องมันจะได้จบๆสักที
ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาทีซูยองก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแลคเข้ารูปสีเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็รีบบึ่งรถคันหรูของตัวเองออกไป
ไม่นานนักซูยองก็เข้ามาในภัตตาคารหรูซึ่งเป็นร้านของตระกูลลี เมื่อพนักงานเสิร์ฟมองเห็นเธอก็เข้ามาถาม
“ขอโทษนะครับ ใช่คุณหนูซูยองรึเปล่าครับ” เธอพยักหน้าเล็กน้อย พอรู้คำตอบแล้วพนักงานก็พูดต่อ“ขอเชิญที่ห้องวีไอพีเลยนะครับ ทุกคนมาพร้อมหมดแล้วนะครับเหลือแค่คุณหนูคนเดียว”
เมื่อได้ยินดังนั้นสาวร่างโย่งก็รีบเดินไปในทันทีที่พนักงานคนนั้นพูดจบ เคาะประตูเล็กน้อยเพื่อเป็นมารยาทที่ดี ก่อนจะแง้มประตูเข้าไปในห้อง
“ขอโทษนะคะ พอดีซูตื่นช้าไปนิดอ่ะค่ะเลยมาสาย” รีบพูดขอโทษเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด
“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูซูมานั่งก่อนเถอะ” หญิงวัยกลางคนที่ซูยองคาดว่าจะเป็นแม่ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ของเธอกล่าวออกมา
“ได้ยังไงครับ นี่ซูยอง ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอน่ะมันเป็นการเสียมารยาทนะ” แน่นอนว่าคนที่พูดโดยไม่ไว้หน้าลูกมีเพียงคนเดียวก็คือพ่อของเธอนะแหล่ะ
“เอาน่า อย่าว่าลูกเลย เข้าเรื่องเถอะ” ชายหนุ่มอีกคนที่คงจะเป็นพ่อของยัยว่าที่คู่หมั้น(ที่เธอไม่อยากมี)ก็แก้ต่างให้เสร็จสรรพ นี่ฉันควรจะเปลี่ยนบุพการีดีมั้ยเนี่ย/// ความคิดซูยอง
“ก็ได้ๆ ซูยองนี่คุณ เป็นพ่อและแม่ของหนูซันนี่ คู่หมั้นของแก” พ่อของซูยองยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีแต่ก็ไม่ได้ตวาดหรือว่าซูยองอีก หันมาแนะนำผู้ใหญ่สองท่านที่นั่งตรงข้ามกับเธอ ส่วนตัวเธอก็เป็นผู้ฟังที่ดีด้วยการพยักหน้าและโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ
“เรียกแม่กับพ่อก็ได้นะหนูซู เพราะอีกหน่อยเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” แม่ของยัยซันนี่อะไรนั่นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม อยากรู้จริงๆว่าคู่หมั้นของเธอจะหน้าตาเป็นยังไง สงสัยจะหน้าตาเหมือนปลาดุกชนเขื่อนล่ะมั้ง ถึงได้ต้องหาคนมาแต่งงานด้วยอย่างนี้ เมื่อคิดถึงยัยคู่หมั้นก็มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นว่าจะมียัยนั่นนั่งร่วมโต๊ะด้วย ดูเหมือนว่าแม่ของตัวเองเองจะรู้ความคิดในหัวของเธอ
“หนูซันนี่ไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวก็มา...อ้ะ นั่นไงมาโน่นแล้ว” ซูยองหันไปทิศทางที่แม่ของเธอมองก็เห็นสาวร่างเล็กคนหนึ่งใส่ชุดกระโปรงอย่างน่ารักกำลังเดินมาแต่เมื่อพินิจพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นก็ต้องเบิกตากว้างพร้อมๆกับเธอคนนั้นที่ก็คงรู้สึกเหมือนกัน ความทรงจำที่ไม่มีวันลืมได้ผุดเข้ามาในหัว
“ยัยหลักกิโล / ไอ้เสาไฟ”
----------------------------------------------------
ความคิดเห็น