ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] Please comes back to me (yulsic,yulti)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 57


    1 อาทิตย์ต่อมา

    ตอนนี้ยูริกำลังจัดคนขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทริมทะเลที่ได้จัดเตรียมให้เป็นงานหมั้นของน้องสาวสุดที่รัก ยูริกำลังนึกถึงเพื่อนหน้าม่อของตัวเองที่ปฏิเสธการมาเที่ยวครั้งนี้

    ย้อนกลับไปเมื่อสามวันที่แล้ว

    “ไอ้หยองๆ อาทิตย์หน้ามีงานหมั้นยุนกับซอ จัดที่ทะเล แกจะไปด้วยมั้ย” ยูริชวนซูยอง

    “น่าไปว่ะอืม..... เห้ยยย วันไหนน่ะ”ตอนแรกยิ้มด้วยความดีใจแต่เมื่อครุ่นคิดสักพักรอยยิ้มที่ประดับบนหน้าก็หายไป

    “อาทิตย์หน้า สรุปไปมั้ยจะได้จัดห้องพักให้”

    “ฉันก็อยากไปนะเว้ยย แต่...ฉันต้องไปดูตัวว่ะ ไปไม่ได้” หน้าแอบหมองลงเล็กๆ

    “อ้าว นี่แกจะได้เจอว่าที่ภรรยาแล้วเหรอ ดีใจด้วยนะเพื่อน” ยูริพูดอย่างขำๆ

    “ดีกะผีนะสิ ฉันไม่อยากไปโว้ยยยย” ซูยองโวยวายขึ้นมาในทันที

    “ก็นะ..ครั้งนี้ฉันช่วยแกไม่ได้จริงๆ” ยูริยักไหล่เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความน่าหมั่นไส้

    “รู้แล้วน่า” เมื่อพูดเรื่องนี้ซูยองจะเกิดอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันที

    “งั้นก็ขอให้แกโชคดีล่ะกัน”

     

    กลับมาที่ปัจจุบัน

    ยูริขึ้นรถทัวร์เป็นคนสุดท้ายก่อนจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปสู่จุดหมาย ใช้เวลาไม่นานนักในการเดินทาง รถทัวร์เกือบสิบคันก็มาจอดที่รีสอร์ทติดริมทะเล

    ทุกคนพยายามรีบไปหยิบกุญแจห้องเพราะไม่ได้จองระบุชื่อห้องพักเป็นคนๆจึงต้องรีบไปที่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ได้ห้องที่ดีที่สุด

    ในขณะที่ทุกคนกำลังรีบแต่ควอนยูริกลับเดินอย่างสบายๆ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เรื่องมากกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จะได้ห้องพักเป็นห้องไหนหรือจะอยู่ร่วมห้องกับใครเขาก็ไม่เกี่ยง แต่อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนหกล้ม จึงตัดสินใจหันกลับไปก็เห็นเลขาสาวของตัวเองนั่งบนพื้นและมือก็กุมข้อเท้าเอาไว้ดูท่าทางเจ็บปวด

    รู้กันดีอยู่ว่าควอนยูริเป็นคนใจดี อาจจะมากไปสักหน่อยด้วยซ้ำและแน่นอนว่ายูริเดินเข้าไปหาเจสสิก้าในทันที

    “เป็นอะไรมากรึเปล่า สิก้า ลุกไหวมั้ย?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สิก้าลุกไหว” แต่เมื่อพยายามที่จะลุกขึ้นข้อเท้าก็แปลบขึ้นมาทำให้ต้องล้มลงไปอีกครั้ง แล้วเจสสิก้าก็ต้องตกใจเมื่อยูริที่ยืนมองอยู่สักพักย่อเข่าลงข้างหนึ่ง

    “ขึ้นมาสิ ถ้าให้สิก้าลุกเองน่าจะอีกนาน” ยูริพูดเสียงหยอกๆ

    “มันจะดีเหรอค่ะ” เธอถามเจ้านายเสียงค่อย

    “ขึ้นมาเถอะน่า เร็วๆ” ยูริเร่ง เจสสิก้าเลยขึ้นหลังให้ยูริแบกเธอไป ระหว่างทางเดินยูริไม่บ่นออกมาสักคำว่าหนัก ทำให้ตอนนี้ในความคิดของเธอเริ่มมีเหตุการณ์เก่าๆเข้ามาซ้อนทับ

    อยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ

    แต่เวลาก็ต้องเดินต่อไปอยู่ดี สักพักทั้งสองก็เดินมาถึงเคาน์เตอร์ของรีสอร์ท ปรากฏว่าทั้งสองมาช้าเกินไปทำให้เหลือห้องพักอยู่ห้องเดียวและยังเป็นเตียงคู่อีกต่างหาก

    “อยู่กับยูลได้มั้ย สิก้า” ยูริถามอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าเธอจะอึดอัดถ้าอยู่กับเขาแค่สองคน

    “ได้สิ สิก้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เจสสิก้าตอบพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่แต่ยูริก็คงไม่รู้สึกล่ะมั้งแล้วทั้งสองก็เอาสัมภาระของตัวเองเข้าไปเก็บในห้องพัก

     

    ทางด้านของซูยอง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วแต่เขาก็ยังไม่ลุกออกจากที่นอนอันแสนสบายจนเสียงโทรศัพท์ของเขาแผดเสียงขึ้นมา จึงงัวเงียตื่นมารับโทรศัพท์ พลางนึกในใจว่า

    ใครโทรมากวนแต่เช้า  ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจะกระโดดถีบหน้าเลย คอยดู

    “ฮาโหลล นั่นใคร” รับโดยที่ยังไม่ได้ดูเบอร์ที่โทรเข้าว่ามันขึ้นว่า แม่

    “ซูยอง ทำไมยังไม่ตื่นอีกลูก นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ วันนี้เรามีนัดกับตระกูลลีตอนเที่ยงครึ่ง รีบๆอาบน้ำแต่งตัวแล้วแต่งให้มันดีๆนะเห็นแก่หน้าแม่บ้าง”

    เมื่อได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งเด้งขึ้นมาจากเตียงนอนในทันทีแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะอยากเห็นหน้าคู่หมั้นหรอกนะ แต่อยากจะปฏิเสธให้มันเร็วที่สุดต่างหาก เรื่องมันจะได้จบๆสักที

    ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาทีซูยองก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแลคเข้ารูปสีเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็รีบบึ่งรถคันหรูของตัวเองออกไป

    ไม่นานนักซูยองก็เข้ามาในภัตตาคารหรูซึ่งเป็นร้านของตระกูลลี เมื่อพนักงานเสิร์ฟมองเห็นเธอก็เข้ามาถาม

    “ขอโทษนะครับ ใช่คุณหนูซูยองรึเปล่าครับ” เธอพยักหน้าเล็กน้อย พอรู้คำตอบแล้วพนักงานก็พูดต่อ“ขอเชิญที่ห้องวีไอพีเลยนะครับ ทุกคนมาพร้อมหมดแล้วนะครับเหลือแค่คุณหนูคนเดียว”

    เมื่อได้ยินดังนั้นสาวร่างโย่งก็รีบเดินไปในทันทีที่พนักงานคนนั้นพูดจบ เคาะประตูเล็กน้อยเพื่อเป็นมารยาทที่ดี ก่อนจะแง้มประตูเข้าไปในห้อง

    “ขอโทษนะคะ พอดีซูตื่นช้าไปนิดอ่ะค่ะเลยมาสาย” รีบพูดขอโทษเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด

    “ไม่เป็นไรจ้ะ หนูซูมานั่งก่อนเถอะ” หญิงวัยกลางคนที่ซูยองคาดว่าจะเป็นแม่ว่าที่คู่หมั้น ของเธอกล่าวออกมา

    “ได้ยังไงครับ นี่ซูยอง ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอน่ะมันเป็นการเสียมารยาทนะ” แน่นอนว่าคนที่พูดโดยไม่ไว้หน้าลูกมีเพียงคนเดียวก็คือพ่อของเธอนะแหล่ะ

    “เอาน่า อย่าว่าลูกเลย เข้าเรื่องเถอะ” ชายหนุ่มอีกคนที่คงจะเป็นพ่อของยัยว่าที่คู่หมั้น(ที่เธอไม่อยากมี)ก็แก้ต่างให้เสร็จสรรพ นี่ฉันควรจะเปลี่ยนบุพการีดีมั้ยเนี่ย/// ความคิดซูยอง

    “ก็ได้ๆ ซูยองนี่คุณ เป็นพ่อและแม่ของหนูซันนี่ คู่หมั้นของแก” พ่อของซูยองยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีแต่ก็ไม่ได้ตวาดหรือว่าซูยองอีก หันมาแนะนำผู้ใหญ่สองท่านที่นั่งตรงข้ามกับเธอ ส่วนตัวเธอก็เป็นผู้ฟังที่ดีด้วยการพยักหน้าและโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ

    “เรียกแม่กับพ่อก็ได้นะหนูซู เพราะอีกหน่อยเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” แม่ของยัยซันนี่อะไรนั่นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม อยากรู้จริงๆว่าคู่หมั้นของเธอจะหน้าตาเป็นยังไง สงสัยจะหน้าตาเหมือนปลาดุกชนเขื่อนล่ะมั้ง ถึงได้ต้องหาคนมาแต่งงานด้วยอย่างนี้ เมื่อคิดถึงยัยคู่หมั้นก็มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นว่าจะมียัยนั่นนั่งร่วมโต๊ะด้วย ดูเหมือนว่าแม่ของตัวเองเองจะรู้ความคิดในหัวของเธอ

    “หนูซันนี่ไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวก็มา...อ้ะ นั่นไงมาโน่นแล้ว” ซูยองหันไปทิศทางที่แม่ของเธอมองก็เห็นสาวร่างเล็กคนหนึ่งใส่ชุดกระโปรงอย่างน่ารักกำลังเดินมาแต่เมื่อพินิจพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นก็ต้องเบิกตากว้างพร้อมๆกับเธอคนนั้นที่ก็คงรู้สึกเหมือนกัน ความทรงจำที่ไม่มีวันลืมได้ผุดเข้ามาในหัว

    “ยัยหลักกิโล / ไอ้เสาไฟ”

    ----------------------------------------------------

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×