คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ศึกนิรันดร์
จุดจบแห่งสงครามนิรันดร : THE END OF EVER WAR
<<<<<>>>>>
บทนำ
ข้าจะเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับตำนานที่แทบจะเรียกว่าเกิดมาพร้อมกับลมหายใจของข้า ถ้าให้พูดอีกอย่างมันเกิดมาก่อนข้าแล้วนับพันปีถึงจะถูก บางคนอาจคิดว่ามันก็แค่ประวัติศาสตร์ที่ต้องทนท่องในหนังสือเรียน ข้าเองก็คิดแบบนั้นแหละ จนกระทั่งข้ารู้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่นั้น
ถ้านี่คือประวัติศาสตร์ สำหรับข้ามันก็คือวีรกรรมในครอบครัว
ข้าจะบอกยังไงดีนะ ว่าคนพวกนั้นเกี่ยวข้องกับข้า ไม่ใช่ทางอ้อมนะ แต่ทางตรงเลยทีเดียว และไม่ใช่เพียงในอดีตเท่านั้น แต่มันยังตามมาจนถึงตอนนี้ด้วย อาจมีคนคิดว่าแค่ได้ชื่อมีได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ก็แสนจะทรงเกียรติแล้ว ข้าคนหนึ่งที่จะขอแย้งว่ามันไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไปหรอก เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า ตัวเราถูกบันทึกไว้ในฐานะอะไร
เป็นผู้ร้ายหรือเป็นพระเอก?
ข้าจะเล่าอะไรให้ฟัง มันอาจเข้าใจยากสักหน่อย บางทีอาจทำให้ท่านสนุกกับเรื่องราวต่อจากนี้มากขึ้น
นานมาแล้วเมื่อครั้งที่แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน อันได้แก่ แผ่นดินมิทการ์ดดินแดนแห่งเหล่าอัศวิน แผ่นดินจูนันเรียดินแดนแห่งมนตรา แผ่นดินฮอร์คแลนด์แผ่นดินใหญ่อันแสนลี้ลับเกรียงไกร
ภายใต้ความสงบสุขซึ่งดำเนินมาช้านานก็จำต้องเปลี่ยนไป เมื่อจอมมารดามาคัส เซล์ ลูซิเฟอร์ ผู้ชั่วร้ายปรากฏกายขึ้น ใช่แล้ว ท่านคิดถูกแล้วล่ะ ถ้าตำนานมีพระเอกดามาคัสก็คือผู้ร้ายดีๆ นี่เอง ดามาคัสหมายรวมแผ่นดินทั้งสามเข้าด้วยกัน เปลี่ยนแปลงให้เป็นดินแดนซึ่งตนปรารถนา ซึ่งข้าเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลของการรวมสามแผ่นดินเข้าด้วยกันนัก โธ่เอ๋ย คิดดูเถิดว่าแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเพียงนั้นเราต้องปวดหัวมากเพียงใดถึงจะปกครองมันได้ทั่วถึง จากนั้นจอมมารก็เริ่มก่อไฟสงครามลุกลามไปทั่วทั้งผืนแผ่นดิน เกิดสงครามขึ้นกับหลายอาณาจักร กลายเป็นยุคแห่งสงคราม การสูญเสีย ทำให้ผู้คนต่างตกอยู่ในความหวาดผวาทุกค่ำคืน
แต่แล้วเมื่อยามอรุณฉายแสงเวียนมาถึง เหล่านักพรตพาเซลรีสก็นำแสงสว่างเข้ามาสู่มิทการ์ด โดยผู้นำเหล่านักพรต ดิแอส พาเซลรีสฟีโรเลียส มหาอัศวินโอดีน วอริเออร์ พ่อมดอัลเทมิสแห่งจูนันเรีย และอัลโฟเซีย เฮลเลอร์มือสังหารแห่งฮอร์คแลนด์ ทั้งสี่คนได้รวบรวมกำลังพลขึ้นมาต่อต้านจอมมารดามาคัส ดาบแห่งแสงสว่างถูกชักออกจากฝัก ทะลวงลงไปยังหัวใจอันดำมืดของจอมมารจนแหลกสลาย จอมมารดามาคัสผู้ชั่วร้ายถูกโค่นลง ในที่สุดความสงบสุขก็หวนกลับมาสู่สามแผ่นดินอีกครั้ง
สามพันปีล่วงเลยไปทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับวีรกรรมของเหล่าผู้กล้ายังถูกเล่าขานถึงคุณงามความดีเรื่อยมา ขณะที่จอมมารดามาคัสกลายเป็นเพียงเรื่องราวที่ผู้คนต้องการลบเลือน และถ้าหากนี่เป็นนิทาน เรื่องราวก็คงจบแค่ตรงนี้
แต่ก็ไม่...
มันไม่ใช่เพียงแค่นิทานหรือตำนาน เพราะฉะนั้นตำนานเรื่องนี้ก็เลยยังไม่จบ หลังจากผ่านพ้นเวลาไปถึงสามพันปี อยู่ๆ อำนาจแห่งจอมมารดามาคัสก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในยุคนี้ ในยุคที่ไม่มีสี่ผู้กล้าอีกต่อไป แน่นอนว่ามันจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนไปทั่วทั้งสามแผ่นดินมากมายแค่ไหน แม้ราชครูเลเบ็นเนต โฟลิไดรแห่งโคลเฟอร์จะออกมาชี้แจงถึงสาเหตุทุกอย่างว่า นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความแค้นสุดท้ายของจอมมารดามาคัสที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ลดความหวาดกลัวของผู้คนแต่ประการใด ข้าเองก็คิดเช่นนั้นขนาดเป็นอำนาจเพียงเสี้ยวหนึ่งยังมากมายจนแทบทำลายวันแสตนได้ แล้วถ้าอยู่ๆ มีจอมมารอีกตัวโผล่ขึ้นมาสามแผ่นดินมันจะไปเหลืออะไรเล่า
หลายอาณาจักรจึงมีประชุมเพื่อเตรียมการรับมือกับอำนาจมืดนั้น เพราะหลายคนชื่อว่านี่จะเป็นลางบอกเหตุว่าตัวแทนของดามาคัสยังคงอยู่ ท่านอาจไม่เข้าใจว่า ‘ตัวแทน’ หมายถึงอะไร เช่นนั้นข้าจะอธิบายสั้นๆ ว่า ตัวแทนที่ว่านี่ก็คือ ลูกหลานผู้มีสายเลือดของจอมมารดามาคัสที่ยังหลงเหลืออยู่นั่นเอง หลายยุคหลายสมัยนับตั้งแต่จอมมารดามาคัสถูกโค่นล้ม เหล่าสายเลือดที่เหลืออยู่ของดามาคัสก็ถูกตามล่าตัวตลอด เพราะผู้คนที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาสงครามนั้นมาต่างหวาดเกรงว่า ผู้มีสายเลือดดามาคัสเหล่านี้จะกลับมาสร้างความวุ่นวายอีก ดังนั้นลูกหลานรุ่นต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อแซ่ แฝงตัวเป็นสามัญชนจนสามารถรอดพ้นจากสายตาเหล่านักพรตพาเซลรีส ซึ่งยังคงทำหน้าที่ตามล่าสายเลือดต้องห้ามนี้
พวกเขาตามหากันมานานนับพันๆ ปี แต่ก็ไม่พบทายาทที่หลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว การตามหาสืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าจนคิดว่าทายาทของดามาคัสคงหมดสิ้นไปแล้ว
ข้าคิดว่าข้าเจ้าใจแม้จะเป็นส่วนน้อย มนุษย์มักกลัวสิ่งที่มีอำนาจมากกว่าตนเอง โดยเฉพาะกับอำนาจที่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อน
แต่มาคิดอีกที ข้าว่ามันไม่ยุติธรรมเลย ทำไมนะหรือ? ก็เพราะว่าข้านี่แหละที่เป็นสายเลือดของจอมมารดามาคัสที่หลงเหลืออยู่ อันทีจริงยังมีพ่อของข้ากับปู่ของข้าอีกด้วย แต่ว่าพวกท่านทั้งสองเหมือนจงใจยกตำแหน่งทายาทจอมมารให้ข้ารับเพียงคนเดียวมากกว่า ทั้งฝึกข้า ทั้งสอนข้า ว่าพวกนักพรตพาเซลรีสเลวร้ายแค่ไหน ว่าท่านจ้าวดามาคัสเก่งกาจเพียงใด
หากถามว่าข้าชื่นชมดามาคัสหรือไม่? คำตอบคือไม่เลย ข้าไม่อยากเป็นเหมือนเขา การที่ต้องมานั่งแบกรับวีรกรรมที่คนอื่นทิ้งไว้นับพันๆ ปี ข้าเพียงอยากใช้ชีวิตอยากที่ข้าต้องการ ตัวข้าก็แค่เด็กอายุสิบเจ็ดผู้เริ่มเรียนรู้โลกหลังสิ้นสุดตำนานผู้กล้าเท่านั้น ยังมีอะไรอีกหลายอย่างในชีวิตที่ข้ายังไม่ได้พบเจอ ยังไม่ได้เรียนรู้
แต่ก็อย่างที่บอก ข้าทำใจให้สนุกกับชีวิตแบบนี้ได้แล้ว อย่างน้อยมันก็ทำให้ข้าได้พบใครบางคน
บางคนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของข้า ทำให้ข้ามองเห็นตัวเองในอีกแง่มุมหนึ่ง...ตัวเองที่กำลังดำเนินรอยตามเงาของดามาคัส
วันนี้ข้ายังขอยืนยันเช่นเดิม ข้าจะใช้ชีวิตในแบบของข้า และหากข้าจะต้องเป็นจอมมารข้าก็จะเป็นจอมมารในแบบของข้าเอง
ท่านเริ่มสนใจแล้วหรือยัง? สนใจที่จะฟังเรื่องราวจอมมารอย่างข้าหรือเปล่า? ถ้าท่านอยากรู้ข้าก็จะเล่าให้ฟังอย่างเต็มใจ
ความคิดเห็น