ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกนิรันดร์ : จุดจบแห่งสงครามนิรันดร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 50


    ศึกนิรันดร์

    จุดจบแห่งสงครามนิรันดร : THE END OF EVER WAR

    <<<<<>>>>> 

     

    บทนำ 

    ข้าจะเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับตำนานที่แทบจะเรียกว่าเกิดมาพร้อมกับลมหายใจของข้า ถ้าให้พูดอีกอย่างมันเกิดมาก่อนข้าแล้วนับพันปีถึงจะถูก บางคนอาจคิดว่ามันก็แค่ประวัติศาสตร์ที่ต้องทนท่องในหนังสือเรียน ข้าเองก็คิดแบบนั้นแหละ จนกระทั่งข้ารู้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่นั้น

    ถ้านี่คือประวัติศาสตร์ สำหรับข้ามันก็คือวีรกรรมในครอบครัว

    ข้าจะบอกยังไงดีนะ ว่าคนพวกนั้นเกี่ยวข้องกับข้า ไม่ใช่ทางอ้อมนะ แต่ทางตรงเลยทีเดียว และไม่ใช่เพียงในอดีตเท่านั้น แต่มันยังตามมาจนถึงตอนนี้ด้วย  อาจมีคนคิดว่าแค่ได้ชื่อมีได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ก็แสนจะทรงเกียรติแล้ว  ข้าคนหนึ่งที่จะขอแย้งว่ามันไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไปหรอก เพราะมันขึ้นอยู่กับว่า ตัวเราถูกบันทึกไว้ในฐานะอะไร

    เป็นผู้ร้ายหรือเป็นพระเอก?

    ข้าจะเล่าอะไรให้ฟัง มันอาจเข้าใจยากสักหน่อย บางทีอาจทำให้ท่านสนุกกับเรื่องราวต่อจากนี้มากขึ้น

    นานมาแล้วเมื่อครั้งที่แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน อันได้แก่ แผ่นดินมิทการ์ดดินแดนแห่งเหล่าอัศวิน แผ่นดินจูนันเรียดินแดนแห่งมนตรา  แผ่นดินฮอร์คแลนด์แผ่นดินใหญ่อันแสนลี้ลับเกรียงไกร

    ภายใต้ความสงบสุขซึ่งดำเนินมาช้านานก็จำต้องเปลี่ยนไป  เมื่อจอมมารดามาคัส เซล์ ลูซิเฟอร์ ผู้ชั่วร้ายปรากฏกายขึ้น ใช่แล้ว ท่านคิดถูกแล้วล่ะ ถ้าตำนานมีพระเอกดามาคัสก็คือผู้ร้ายดีๆ นี่เอง  ดามาคัสหมายรวมแผ่นดินทั้งสามเข้าด้วยกัน เปลี่ยนแปลงให้เป็นดินแดนซึ่งตนปรารถนา  ซึ่งข้าเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลของการรวมสามแผ่นดินเข้าด้วยกันนัก โธ่เอ๋ย คิดดูเถิดว่าแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลเพียงนั้นเราต้องปวดหัวมากเพียงใดถึงจะปกครองมันได้ทั่วถึง   จากนั้นจอมมารก็เริ่มก่อไฟสงครามลุกลามไปทั่วทั้งผืนแผ่นดิน  เกิดสงครามขึ้นกับหลายอาณาจักร กลายเป็นยุคแห่งสงคราม การสูญเสีย ทำให้ผู้คนต่างตกอยู่ในความหวาดผวาทุกค่ำคืน                   

    แต่แล้วเมื่อยามอรุณฉายแสงเวียนมาถึง เหล่านักพรตพาเซลรีสก็นำแสงสว่างเข้ามาสู่มิทการ์ด โดยผู้นำเหล่านักพรต ดิแอส พาเซลรีสฟีโรเลียส  มหาอัศวินโอดีน วอริเออร์  พ่อมดอัลเทมิสแห่งจูนันเรีย และอัลโฟเซีย เฮลเลอร์มือสังหารแห่งฮอร์คแลนด์ ทั้งสี่คนได้รวบรวมกำลังพลขึ้นมาต่อต้านจอมมารดามาคัส ดาบแห่งแสงสว่างถูกชักออกจากฝัก ทะลวงลงไปยังหัวใจอันดำมืดของจอมมารจนแหลกสลาย จอมมารดามาคัสผู้ชั่วร้ายถูกโค่นลง ในที่สุดความสงบสุขก็หวนกลับมาสู่สามแผ่นดินอีกครั้ง                  

    สามพันปีล่วงเลยไปทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับวีรกรรมของเหล่าผู้กล้ายังถูกเล่าขานถึงคุณงามความดีเรื่อยมา ขณะที่จอมมารดามาคัสกลายเป็นเพียงเรื่องราวที่ผู้คนต้องการลบเลือน และถ้าหากนี่เป็นนิทาน เรื่องราวก็คงจบแค่ตรงนี้

    แต่ก็ไม่...

    มันไม่ใช่เพียงแค่นิทานหรือตำนาน  เพราะฉะนั้นตำนานเรื่องนี้ก็เลยยังไม่จบ  หลังจากผ่านพ้นเวลาไปถึงสามพันปี อยู่ๆ อำนาจแห่งจอมมารดามาคัสก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในยุคนี้  ในยุคที่ไม่มีสี่ผู้กล้าอีกต่อไป  แน่นอนว่ามันจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนไปทั่วทั้งสามแผ่นดินมากมายแค่ไหน  แม้ราชครูเลเบ็นเนต โฟลิไดรแห่งโคลเฟอร์จะออกมาชี้แจงถึงสาเหตุทุกอย่างว่า  นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความแค้นสุดท้ายของจอมมารดามาคัสที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น  แต่ก็ไม่ได้ลดความหวาดกลัวของผู้คนแต่ประการใด  ข้าเองก็คิดเช่นนั้นขนาดเป็นอำนาจเพียงเสี้ยวหนึ่งยังมากมายจนแทบทำลายวันแสตนได้  แล้วถ้าอยู่ๆ มีจอมมารอีกตัวโผล่ขึ้นมาสามแผ่นดินมันจะไปเหลืออะไรเล่า

    หลายอาณาจักรจึงมีประชุมเพื่อเตรียมการรับมือกับอำนาจมืดนั้น  เพราะหลายคนชื่อว่านี่จะเป็นลางบอกเหตุว่าตัวแทนของดามาคัสยังคงอยู่ ท่านอาจไม่เข้าใจว่า ตัวแทน หมายถึงอะไร  เช่นนั้นข้าจะอธิบายสั้นๆ ว่า ตัวแทนที่ว่านี่ก็คือ  ลูกหลานผู้มีสายเลือดของจอมมารดามาคัสที่ยังหลงเหลืออยู่นั่นเอง  หลายยุคหลายสมัยนับตั้งแต่จอมมารดามาคัสถูกโค่นล้ม เหล่าสายเลือดที่เหลืออยู่ของดามาคัสก็ถูกตามล่าตัวตลอด  เพราะผู้คนที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาสงครามนั้นมาต่างหวาดเกรงว่า  ผู้มีสายเลือดดามาคัสเหล่านี้จะกลับมาสร้างความวุ่นวายอีก  ดังนั้นลูกหลานรุ่นต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อแซ่  แฝงตัวเป็นสามัญชนจนสามารถรอดพ้นจากสายตาเหล่านักพรตพาเซลรีส  ซึ่งยังคงทำหน้าที่ตามล่าสายเลือดต้องห้ามนี้

    พวกเขาตามหากันมานานนับพันๆ ปี แต่ก็ไม่พบทายาทที่หลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว  การตามหาสืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าจนคิดว่าทายาทของดามาคัสคงหมดสิ้นไปแล้ว

    ข้าคิดว่าข้าเจ้าใจแม้จะเป็นส่วนน้อย  มนุษย์มักกลัวสิ่งที่มีอำนาจมากกว่าตนเอง  โดยเฉพาะกับอำนาจที่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อน

    แต่มาคิดอีกที  ข้าว่ามันไม่ยุติธรรมเลย  ทำไมนะหรือ?  ก็เพราะว่าข้านี่แหละที่เป็นสายเลือดของจอมมารดามาคัสที่หลงเหลืออยู่  อันทีจริงยังมีพ่อของข้ากับปู่ของข้าอีกด้วย  แต่ว่าพวกท่านทั้งสองเหมือนจงใจยกตำแหน่งทายาทจอมมารให้ข้ารับเพียงคนเดียวมากกว่า  ทั้งฝึกข้า  ทั้งสอนข้า  ว่าพวกนักพรตพาเซลรีสเลวร้ายแค่ไหน ว่าท่านจ้าวดามาคัสเก่งกาจเพียงใด

    หากถามว่าข้าชื่นชมดามาคัสหรือไม่? คำตอบคือไม่เลย  ข้าไม่อยากเป็นเหมือนเขา  การที่ต้องมานั่งแบกรับวีรกรรมที่คนอื่นทิ้งไว้นับพันๆ ปี  ข้าเพียงอยากใช้ชีวิตอยากที่ข้าต้องการ  ตัวข้าก็แค่เด็กอายุสิบเจ็ดผู้เริ่มเรียนรู้โลกหลังสิ้นสุดตำนานผู้กล้าเท่านั้น  ยังมีอะไรอีกหลายอย่างในชีวิตที่ข้ายังไม่ได้พบเจอ  ยังไม่ได้เรียนรู้ 

    แต่ก็อย่างที่บอก  ข้าทำใจให้สนุกกับชีวิตแบบนี้ได้แล้ว  อย่างน้อยมันก็ทำให้ข้าได้พบใครบางคนบางคนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของข้า  ทำให้ข้ามองเห็นตัวเองในอีกแง่มุมหนึ่ง...ตัวเองที่กำลังดำเนินรอยตามเงาของดามาคัส 

    วันนี้ข้ายังขอยืนยันเช่นเดิม  ข้าจะใช้ชีวิตในแบบของข้า  และหากข้าจะต้องเป็นจอมมารข้าก็จะเป็นจอมมารในแบบของข้าเอง

    ท่านเริ่มสนใจแล้วหรือยัง?  สนใจที่จะฟังเรื่องราวจอมมารอย่างข้าหรือเปล่า?  ถ้าท่านอยากรู้ข้าก็จะเล่าให้ฟังอย่างเต็มใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×