ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [แฟนฟิกหัวขโมยแห่งบารามอส] Memories

    ลำดับตอนที่ #1 : ... ครอบครัว ...

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 48




    “… วิเวียน กษัตริย์ที่ดีจะต้องเข้มแข็ง จะต้องยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง และจะต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น หญิงเข้าใจที่พ่อพูดมั๊ย… ?”



    “หญิงเข้าใจค่ะ แต่ทำไมท่านพ่อต้องมาพูดเรื่องนี้กับหญิงด้วยล่ะคะ” เด็กสาวผมสีทอง นัยน์ตากลมโตสีเขียวมรกตเป็นประกายด้วยความสงสัย ผู้เป็นพ่อได้แต่ถอนใจขณะส่งยิ้มให้



    “… เพราะว่าหญิงจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ดีในอนาคต หญิงรับปากพ่อได้มั๊ย”



    “หญิงจะพยายามค่ะ” เด็กสาวส่งยิ้มให้ แต่รอยยิ้มกลับเลือนหายไปเมื่อเอ่ยประโยคต่อมา “ถ้าเป็นเจ้าพี่ …เจ้าพี่ชาเบรียน เจ้าพี่ก็คงจะ… จะตอบว่า….” พลางพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้เต็มกำลัง



    ผู้เป็นพ่อโอบลูกสาวไว้ในอ้อมแขน มือกร้านค่อยๆ ลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา “ไหนหญิงสัญญากับพ่อแล้วไง กษัตริย์จะต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ครั้งนี้ …ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย …”



    เสียงบิดาขาดหายไป ฉับพลัน เด็กสาวสัมผัสถึงความเปียกชื้นบริเวณศีรษะ รู้ได้ทันทีว่าบิดาของเธอกำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน ….



    “องค์ …องค์หญิง …สมเด็จพระจักรพรรดิถูกลอบปลงพระชนม์พะย่ะค่ะ!!!” ทหารนายหนึ่งวิ่งหน้าตั้งมาทูลองค์หญิงขณะที่เจ้าหล่อนกำลังอ่านหนังสืออย่างสบายใจกับแม่นมคนสนิท แต่พอได้ยินคำบอกเล่าของทหารนายนั้น หนังสือเล่มบางที่อ่านอยู่หล่นตุ้บไปอยู่ที่พื้น ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากบางสั่นระริก



    “เจ้า… เจ้าโกหก… อย่าบังอาจมาแช่งเสด็จพ่อของข้านะ!!” วิเวียนแทบร้องกรี๊ด เล่นเอาทหารนายนั้นลงไปคุกเข่าตัวสั่น พลางก้มหน้านิ่ง “บอกมาสิ… บอกมาสิว่าเจ้าโกหก… เจ้าโกหกข้า… เจ้าโกหกข้า!”



    “หญิง.. ใจเย็นๆ ไว้นะ” แม่นมข้างตัวทูลปลอบ หันไปทางนายทหารที่ดูเหมือนจะใจชื้นขึ้นมาหน่อยเลยเงยหน้าขึ้น



    “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” แม่นมเอ่ยถาม “ยังไงก็ต้องพาเจ้าหญิงไปที่ปลอดภัยก่อน… ”



    “ขณะนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะท่านแม่นม แต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ คาดว่าเป็นฝีมือของนักฆ่าตระกูลฟีลมัส”



    หญิงชราพยักหน้ารับอย่างอ่อนใจ นัยน์ตาอ่อนล้าตวัดมองหญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ ช๊อกจนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว



    “นม… นมบอกหญิงทีสิ… เสด็จพ่อยังมีชีวิตอยู่… ใช่มั๊ย” เสียงเจ้าหญิงเหมือนคนเพ้อ ร่างสั่นระริก ขอบตาร้อนผ่าว แล้วทำนบน้ำตาก็พังทลายลงราวกับไม่เคยมีมันมาก่อน



    “ทั้งเสด็จพ่อ… เจ้าพี่ชาเบรียน.. ยังอยู่กับหญิง..ใช่มั๊ย.. ” แม่นมโอบหญิงสาวข้างกายที่ร่างทั้งร่างกำลังสั่นระริกด้วยความสงสาร



    “ทั้งเสด็จพ่อ และเจ้าพี่ของหญิงไปอยู่บนสวรรค์แล้วนะเพคะ… ”



    อยู่บนสวรรค์…. อยู่บนสวรรค์….



    ตายแล้ว… ตายแล้ว… ตายแล้ว…





    “ไม่นะ!!”



    แฮ่ก… แฮ่ก…



    “องค์จักรพรรดินี!! มีอะไรเกิดขึ้นหรือกระหม่อม!” เสียงทหารนอกกระโจมดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก และทำท่าจะกระโจนเข้ามาแล้ว ถ้าวิเวียนไม่ร้องห้ามเอาไว้ซะก่อน



    “เรา.. เราสบายดี.. เราแค่ แค่เครียดเท่านั้นเอง กลับไปทำหน้าที่ของเจ้าเถอะ”



    “จะดีหรือฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่า… ”



    “นี่เป็นคำสั่ง!” เสียงเฉียบขาดของวิเวียนทำให้นายทหารคนนั้นเงียบไปโดยดุษฎี



    วิเวียนใช้มือกุมหน้าอก สัมผัสได้ว่าหัวใจกำลังเต้นระรัว เหงื่อออกจนโทรมกาย ใบหน้างดงามบัดนี้ซีดเผือด ดวงตาเบิกโพลง



    ร่างบางลุกขึ้นยืนอย่างไม่อยากจะนอนอีกต่อไป หยิบชุดลำลองขึ้นเปลี่ยนแล้วสางผมให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไป



    “องค์จักรพรรดินี จะเสด็จไปไหนหรือกระหม่อม” ทหารยามที่ยืนเฝ้าหน้ากระโจมคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างนอบน้อม ส่วนทหารอีกคนโค้งคำนับทำความเคารพแล้วกลับไปยืนยามต่อ



    “เราจะไปเดินเล่น ไม่ต้องตามมาล่ะ” ว่าจบ เจ้าหล่อนก็เดินหายไปในป่าทันที โดยไม่ฟังคำทัดทานจากผู้รักษาความปลอดภัยอย่างเขาเลย



    ‘ผู้รักษาความปลอดภัย’ กลืนน้ำลายเอื้อก หากจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าเป็นอะไรไป เขาคงเป็นคนแรกที่ถูกสั่งตัดหัว



    ทางด้านวิเวียน สาวเจ้าเดินลัดเลาะพุ่มไม้หนาทึบอย่างไม่สนใจว่ากิ่งไม้จะเกี่ยวกับชุดของเธอหรือไม่ หลังจากหลุดจากพุ่มไม้ทึบแล้ว เจ้าหล่อนก็เดินไปนั่งที่โขดหินริมลำธาร จุ่มขาลงไปแช่น้ำเล่น สายน้ำเย็นไหลเอื่อยๆ พัดผ่านเท้า…



    ดวงจันทรากำลังส่องแสงลมเย็นพัดให้ผมสีทองปลิวน้อยๆ ดวงตาสีเขียวมรกตเหม่อมองไปยังดวงจันทร์ที่สุกสว่าง



    พลัน ภาพอดีต… ที่พยายามเก็บไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ.. กลับผุดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า



    …ภาพอดีตของเธอ… กับพ่อแม่…



    ..กับเจ้าพี่ชาเบรียน…



    “ฮิๆ เจ้าพี่อย่าหนีนะ” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยดังลั่นท้องพระโรงในพระราชวังโอ่อ่า ขณะที่พยายามวิ่งไล่จับเด็กชายอีกคนที่กำลังวิ่งหนีอยู่ข้างหน้า แล้วยังหันหน้ามาแลบลิ้นใส่อีก



    “แบร่.. แน่จริงหญิงก็จับพี่ให้ได้สิ อุ๊บ!” เด็กชายชนเข้าอย่างจังกับหญิงสาวสูงศักดิ์ในชุดแพรไหมสีขาว เรือนผมสีน้ำตาลอ่อน



    “ชาเบรียน วิเวียน ถ้าอยากจะวิ่งเล่นก็ไปเล่นที่สวนสิลูก” นัยน์ตาดุๆ สีเขียวมรกตคู่โตกวาดมองเด็กหญิงและเด็กชายที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกของเธอ



    …ตาคู่นั้น หญิงได้มาจากท่านสินะ…



    …ท่านแม่…



    “ขอโทษฮะท่านแม่” เด็กชายพูดพลางทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ก่อนจะหันไปพนักหน้าให้น้องสาว



    “ไปกันเถอะหญิง ใครไปถึงทีหลังแพ้นะ” ว่าจบเด็กชายก็วิ่งปรู๊ดหายไป



    “เจ้าพี่! ขี้โกงนี่นา รอหญิงด้วยสิ!” เด็กหญิงร้องลั่นก่อนจะวิ่งตามไป



    ราชินีแห่งเวนอลส่ายหัวยิ้มๆ กับความซุกซนของลูกทั้ง 2 คน มองตามไปจนลับสายตา พลันแขนแข็งแรงก็เอื้อมเข้ามาโอบไหล่บาง



    “ยิ้มอะไรอยู่หรือ” วิลเลี่ยมเอ่ยถามขณะไล่สายตามองตามภรรยา



    “ลูกๆ น่ะค่ะ ท่านพี่” นางตอบพร้อมกับรอยยิ้ม



    “ถ้า 2 คนนั้นโตขึ้นจะเป็นยังไงบ้างนะ” จักรพรรดิแห่งเวนอลพยักหน้า



    “นั่นสินะ”



    “อากาศดีจังเลยนะฝ่าบาท”



    เสียงทักอย่างอารมณ์ดีดังขึ้นไม่ไกลนัก เรียกให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัว วิเวียนเบือนสายตาไปสบเจ้าของเสียงเรียกที่ดูคุ้นๆ ทั้งที่ไม่อยากจะคุ้นเลยซักนิด



    ริชาร์ด โมนาโรค เดอะคิง ออฟแอเรียส



    ตาเฒ่าหัวงูนั่น!!



    นัยเนตรสีทองจับจ้องพระพักต์อ่อนเยาว์ของจักพรรดินีวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอลที่บัดนี้ดูซีดเผือด ไม่อาจทราบได้เลยว่าพระพักต์ที่ซีดเผือดนั้นเกิดจากการตากน้ำค้างมากเกินไป หรือการที่เห็นเขากันแน่



    เจ้าหล่อนเอ่ยทักเขาอย่างเสียไม่ได้



    “ถวายพระพรเพคะ ฝ่าบาท”



    “เอ้า ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรกันมากก็ได้นี่กระหม่อม ตอนนี้ฝ่าบาทไม่ใช่จักพรรดินีแห่งเวนอล และหม่อมฉันก็ไม่ใช่กษัตริย์แอเรียสเหมือนกัน” เขาเอ่ย ผายมือให้ดูเครื่องแต่งกายที่ทั้งคู่ใส่อยู่



    ….ตอนนี้ วิเวียนเป็นได้อย่างมากแค่เจ้าหญิง…



    …ส่วนเขา ก็กลับไปเป็นพ่อมดอย่างเดิม…



    ตาสีเขียวมรกตคู่โตนั่นมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ



    ..จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย..



    ริชาร์ดขยับรอยยิ้ม พลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เจ้าหญิง(!?)คนงาม



    “ความจริงฝ่าบาทไม่น่าสั่งอย่างนั้นกับพวกทหารเลยนะ หากฝ่าบาทเป็นอะไรไป 2 คนนั่นจะหัวหลุดจากบ่าได้นะกระหม่อม” มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ เขาเลยเปิดบทสนทนาขึ้นใหม่



    “คิดถึงครอบครัวหรือวิเวียน”



    เจ้าหล่อนมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ “ฝ่าบาททราบหรือเพคะ”



    เขายิ้มขำๆ ทั้งที่พูดธรรมดากับเจ้าหล่อนแล้ว สาวเจ้าก็ยังอุตส่าห์พูดราชาศัพท์กับเขาอีก



    “พูดธรรมดาก็ได้มั้ง วิเวียน”



    “หามิได้เพคะ หม่อมฉันไม่อาจเอื้อม”



    ริชาร์ดยิ้มกว้างกว่าเดิม “ตามใจแล้วกัน อืม รู้มั๊ยว่าตอนวิลเลี่ยมเรียนที่เอดินเบิร์กมันเป็นหัวหน้าแผ่นดินประชาชน”



    ประโยคบอกเล่าที่เรียกความสนใจของวิเวียนได้ชะงัด



    …ท่านพ่อ…



    ภาพใบหน้าของบิดาแวบเข้าคลองจักษุ โสตประสาทกระทบคำปลอบอ่อนโยนทำให้เผลอพึมพำไม่รู้ตัว



    “ท่านพ่อ… ”



    ดวงเนตรสีทองมองความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าหญิงสาว ผู้ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของนายนักพเนจร วิลเลี่ยม กรีน



    …แล้วฉันก็ไม่คิดจะอยู่กับแกไปเรื่อยๆ ด้วยนอกเสียจากว่าแกเป็นผู้หญิง แต่ถ้าเป็นลูกสาวนายก็ว่าไปอย่าง…



    …เอาน่า ต่อให้คิงริชาร์ดมีมเหสีเป็นร้อยมีสนมเป็นพัน แต่ราชินีใต้หล้าจะปักไว้ให้ลูกสาวนายคนเดียว…



    “แล้วรู้รึเปล่าว่าสมัยเรียนฉันกับวิลสนิทกันขนาดไหน”



    วิเวียนหันขวับ มองเขาอย่างไม่เชื่อหู



    “ท่านพ่อ… กับฝ่าบาท… ”



    ริชาร์ดหัวเราะหึๆ



    “แหงล่ะ ฉันเป็นหัวหน้าปราการปราชญ์ วิลเลี่ยมเป็นหัวหน้าแผ่นดินประชาชน ส่วนบาโรเป็นหัวหน้าป้อมอัศวิน”



    ..บาโร วาเนบลี เดอะคิง ออฟคาโนวาล..



    “แล้วปราสาทขุนนาง… ?” เจ้าหล่อนส่งคำถามต่ออย่างชักสนใจ



    “ลองทายดูสิ” คนพูดยิ้มพราย อีกคนทำหน้ายุ่ง



    “อ่ะ เฉลยก็ได้ เฮลด้า ซิลเวอร์”



    หน้าของสาวเจ้ายิ่งยุ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินชื่อๆ นั้น



    …กษัตริย์เฮลด้า…



    ก่อนจะเอ่ยต่อเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก



    “หาก… ฝ่าบาทสนิทกับท่านพ่อ… พอจะเล่าให้หม่อมฉันทราบได้มั๊ยว่า… ”เสียงหวานใสขาดหายไป ราวกับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยต่อให้จบได้



    พ่อมดแห่งแอเรียสเหม่อมองไปยังท้องนภายามราตรี



    “วิลเลี่ยม ถ้าหากมันยังอยู่… มันคงจะบอกฝ่าบาทว่า.. อดีต เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ปัจจุบันและอนาคตต่างหากที่สำคัญที่สุด… แต่.. ถึงกระนั้น อดีตก็ยังคง.. เป็นรากเหง้าให้ศึกษาตัวเองต่อไป เพราะฉะนั้น ถึงเราจะให้ความสำคัญกับปัจจุบันและอนาคต เราก็ต้องสนใจอดีตด้วยเช่นกัน… ”



    คำบอกเล่าจากปากพ่อมดแห่งแอเรียส(ที่ไม่เข้ากับตัวเลยซักนิด)ฉุดวิเวียนจากวังวนแห่งอดีตแสนหวานมาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง



    …ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่ปัจจุบัน และอนาคตสำคัญกว่า…



    ..ไม่ใช่ไม่ใส่ใจ แต่ปัจจุบันและอนาคตเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจมากว่า..



    … นั่นสินะ …



    ความคิดที่เรียกร้อยยิ้มประดับบนริมฝีปากซีดเซียว



    ความจริง… ตาเฒ่าหัวงูนี่ก็มีดีเหมือนกัน …



    ริชาร์ดค่อยๆ อุ้ยอ้ายลุกขึ้นยืน แต่ทันทีที่จะหันหลังกลับ



    “ขอบพระทัยเพคะ… ฝ่าบาท”



    รอยยิ้มปรากฎบนริมฝีปากของกษัตริย์แห่งแอเรียส หัวเราะจนพุงกระเพื่อม



    “มิได้กระหม่อม”



    ++++++++++++++++



    A/N: อ๊ากกกกกกกกกก วันนี้ลงเยอะหน่อยนะ เพราะว่าตอนนี้มันสำหรับริชชี่ค่ะ ^^ ส่วนตอนหน้าเก๊าะสำหรับโร พี่ชายเจอน้องสาว ><เดี๋ยวตอนหน้าก็จบแล้วล่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×