ตอนที่ 3 : Yakiimo Host Club ::: ตอน1 ก้าวแรก[First Step]
ตอน1 ก้าวแรก[First Step]
“กริ๊ง! กริ๊ง!”
เสียงโทรศัพท์บ้านดังอย่างต่อเนื่องจนคนที่หลับคุดคู้อยู่บนเตียงต้องยกหมอนขึ้นมาปิดหูก่อนตะโกนเรียกชายหนุ่มที่ง่วนอยู่กับการทำความสะอาดห้องน้ำ
“มินฮยอกรับโทรศัพท์ที” หนุ่มตาหยีชะโงกมามองประตูห้องนอนเพื่อนก่อนจะถอดถุงมือแล้วรีบวิ่งออกไปรับโทรศัพท์ที่ห้องโถง แต่สักพักเขาก็ต้องเคาะประตูห้องนอนเพื่อนแล้วเอ่ย
“โทรศัพท์นาย” เพียงแค่นั้นชายหนุ่มผมสลวยรีบกระเด้งตัวจากเตียงแล้ววิ่งออกไปรับโทรศัพท์ทันที ขณะมินฮยอกจะเดินไปเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำ
“สวัสดีครับ ผมจองชินครับ” หนุ่มร่างสูงกล่าวอย่างนอบน้อม
“สเตฟาน! ทำไมนายถึงไม่เปิดมือถือ” น้ำเสียงปลายสายคุกรุ่น ขณะจองชินกลอกตาไปมาหาคำตอบ เขาไม่อยากให้คนในสายรู้ว่าเขาเพิ่งตื่นเลยยังไม่ได้เปิดมือถือ เมื่อคิดไม่ออกจึงหันไปหามินฮยอกอย่างขอความช่วยเหลือ แล้วหนุ่มตาหยีก็ชี้ที่ปากตัวเอง ให้จองชินอ่านตาม
“แบตหมดครับ ต้องขอโทษด้วยครับ” จองชินกล่าวตามคำมินฮยอกก่อนจะยกนิ้วโป้งให้เพื่อนอย่างชื่นชม
“เออๆ นายรีบมาหาฉันแล้วกัน” ปลายสายเอ่ย
“ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ” พอสิ้นเสียงจองชิน ปลายสายก็วางทันที ขณะมินฮยอกเอ่ยถาม
“จากพี่ผู้จัดการเหรอ?”
“อืม คงเรื่องเดิมๆ” จองชินกล่าว
“ขอให้โชคดี” มินฮยอกอวยพรและแปะมือกับจองชิน ก่อนหนุ่มร่างสูงจะวิ่งแจ้นคว้าเสื้อผ้าแล้วเข้าห้องน้ำ
ครั้นแล้วจองชินก็ขมวดผมสลวยด้วยยางรัดผมก่อนจะคว้าสูทเข้ารูปสีดำสวมทับเสื้อยืดแล้วเดินออกจากห้อง ทว่าพอถึงห้องโถง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันจ่ายค่าเช่าบ้าน จองชินจึงหันไปมองปฏิทินตั้งโต๊ะบนชั้นหนังสือเพื่อตรวจสอบ แล้วก็จริงตามคาด เพราะมินฮยอกได้บันทึกไว้ในปฏิทิน หนุ่มร่างสูงเลยรีบเปิดกระเป๋าเงินสีดำที่มีธนบัตรไม่มากนัก ก่อนชั่งใจหยิบธนบัตรใบที่มีมูลค่ามากสุดออกมา เพราะใบอื่นๆรวมกันแล้วไม่พอจ่ายค่าเช่าบ้าน
ครั้นแล้วเขาก็ฉีกกระดาษโน้ตมาเขียนกำกับก่อนจะวางทับกับธนบัตรไว้บนโต๊ะรับแขก
‘เงินค่าเช่าบ้าน’
จองชินคิดจะบอกมินฮยอกไว้ด้วยแต่มือถือเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง หนุ่มร่างสูงจึงรีบรับโทรศัพท์ของผู้จัดการแล้ววิ่งออกจากบ้านทันที
เพียงแค่นั้นสายลมบางเบาก็พัดผ่านเข้าประตูบ้านกับหน้าต่างที่มินฮยอกเปิดระบายอากาศและรับแสงยามเช้าทุกวัน สายลมได้พัดกระดาษโน้ตกับธนบัตรปลิวไปคนละทาง กระดาษโน้ตเข้าไปใต้โซฟา ขณะธนบัตรตกอยู่ใต้โต๊ะรับแขก
มินฮยอกที่เพิ่งทำความสะอาดห้องนอนตนเองเสร็จ ก็เหลือบมองนาฬิกาซึ่งถึงเวลาที่รายการ เลอซิเอล ซุปเปอร์โมเดล ซึ่งตอนออกอากาศของวันนี้มีจองชินร่วมเดินแบบด้วย หนุ่มตาหยีจึงรีบเก็บไม้กวาดแล้ววิ่งออกไปห้องโถงเพื่อเปิดทีวีทันที
รายการเริ่มด้วยงานแฟชั่นโชว์ที่จองชินไปเดินแบบเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มินฮยอกก็ตามไปถ่ายรูปและวิดีโอเก็บมาด้วย แต่เขาก็ยังอยากจะดูจากทีวีอีก ชุดที่จองชินใส่ส่วนใหญ่เป็นสีดำ เมื่อมินฮยอกเห็นการเดินบนแคทวอล์คของจองชินก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้
“นายเหมาะเป็นนายแบบจริงๆ”
จากนั้นก็เป็นภาพเบื้องหลังงานแฟชั่นโชว์ในห้องแต่งตัว และการสัมภาษณ์ความรู้สึกนายแบบนางแบบหลักของรายการ ก่อนจะยืนโพสท่าให้ตากล้องถ่ายรูป ทำให้มินฮยอกขัดใจหน่อยๆ เพราะเพื่อนเขาไม่ได้เป็นนายแบบหลักของงานนี้ จึงไม่ได้ให้สัมภาษณ์ มีแต่รูปถ่ายเท่านั้น
“โครก..คราก”
ทว่าจู่ๆท้องมินฮยอกก็ส่งเสียงออกมา เขาตกใจนิดหน่อย เพราะปกติไม่เคยปล่อยให้ท้องร้องดังขนาดนี้
“เฮ้อ! โชคดีนะไม่มีใครได้ยิน”
มินฮยอกพึมพำขณะลุกขึ้นเพื่อเข้าไปในครัว เขาเปิดตู้เย็นเพื่อหาของสดหรืออาหาร แต่มันว่างเปล่า มีเพียงขวดน้ำดื่มกับที่ทำน้ำแข็งในช่องแช่แข็งเท่านั้น หนุ่มตาหยีมองตู้เย็นอย่างงงงัน ก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อวานเขากับจองชินต่างไม่ได้ไปตลาด
มินฮยอกทำหน้าเซ็งกับตัวเองนิดหนึ่งที่เมื่อคืนยุ่งจนลืมซื้อของกินกลับมา เขาจึงลองเปิดตู้กับข้าวเล็กๆดู เผื่อมีราเมง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง หรืออะไรที่กินได้ แล้วเขาก็เจอขนมปังมันเผากับราเมงสำเร็จรูป มินฮยอกไม่รอช้า เขารีบฉีกขนมปังใส่ปากทันที ก่อนจะต้มน้ำแล้วฉีกห่อราเมงออกใส่ชาม
ขณะนั้นเองเสียงเพลงCome on ในทีวีก็ดังขึ้นหลังจากรายการซุปเปอร์โมเดลจบพร้อมๆกับน้ำเดือด หนุ่มตาหยีจึงรีบเทน้ำใส่ชามราเมงแล้วยกมานั่งบนโซฟาห้องโถงทันที ทว่าขณะที่เขารีบร้อนวางชามราเมงเพื่อดูเอ็มวีนั้น ตะเกียบก็กลิ้งหล่นลงไปใต้โต๊ะรับแขก มินฮยอกจึงก้มไปเก็บตะเกียบแล้วเขาก็พบธนบัตรมูลค่าห้าหลักซึ่งเป็นมูลค่าเยอะสุดของธนบัตรเมืองเลอซิเอล
พลันหนุ่มตาหยีหยิบมันขึ้นมาอย่างครุ่นคิด เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นเงินจองชินแต่ปกติจองชินจะเก็บเงินไว้ใกล้ตัวหรือไม่ก็ในห้องนอน จึงไม่น่าจะมาหล่นใต้โต๊ะรับแขก แต่ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ มินฮยอกจึงลองโทรศัพท์หาจองชินเผื่อเพื่อนเขาจะทำหล่นไว้
‘ขณะนี้คุณได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความ กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ..’
“สงสัยคุยกับพี่ผู้จัดการอยู่” มินฮยอกพึมพำขณะกดวางโทรศัพท์แล้วพิจารณาเงินห้าหมื่นบลู(1)ในมืออย่างสงสัย แต่ความคิดก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเส้นราเมงเริ่มอืด เขาจึงรีบไปหยิบตะเกียบคู่ใหม่ขณะมิวสิกวีดีโอเพลงถึงตอนมือกลองของวงนี้ตีกลองพอดี
ณ ห้องกระจกใสขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสบนตึกสูงแห่งหนึ่งกลางเมืองเลอซิเอล ซึ่งจากมุมห้องนี้จะมองเห็นวงเวียนน้ำพุของจัตุรัสบลูฟลาวเวอร์ได้ชัดเจน เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆของเมืองนี้มักชอบเลือกตั้งบริษัทที่ทำเลแบบนี้มาก เพราะจะได้เห็นมุมมองการแสดงต่างๆบนวงเวียนน้ำพุใจกลางจัตุรัสซึ่งอาจนำไปเป็นไอเดียให้กับงานธุรกิจของพวกเขาเสมอ
เพียงแต่ไอเดียของนักธุรกิจบางทีก็อาจทำให้คนทำงานสลดหดหู่ได้เช่นกัน อย่างหนุ่มผมสลวยที่กำลังนั่งหน้าซีดเผือดบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผู้จัดการร่างอ้วนแต่งหน้าหนาเตอะ กลิ่นเครื่องสำอางฟุ้งกระจายขณะเธอเริ่มเอ่ย
“พี่ต้องเสียใจด้วยจริงๆนะ สเตฟาน”
“ผมเข้าใจครับ” น้ำเสียงจองชินแม้จะฟังธรรมดาไร้ความสลด แต่ผู้จัดการที่ร่วมงานกับเขามาเป็นปี รู้ดีว่าน้ำเสียงนี้แฝงด้วยความเสียใจแม้จะเล็กน้อยแทบสัมผัสไม่ได้
“เฮ้อ! พี่ก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ทางบริษัทโฆษณา กลับบอกว่าตอนนี้เป็นเทรนด์ของลูกครึ่งยุโรป พวกเขาเลยอยากได้นายแบบลูกครึ่งหรือไม่ก็ชาวยุโรปเท่านั้น แถมยังพูดทำนองว่าเราใช้ชื่อสเตฟานไปหลอกเขาอีก” ผู้จัดการเอ่ยอย่างสุดทน
“ใจเย็นๆก่อนครับ เขาอาจพูดตลกก็ได้ พี่อย่าคิดมากเลยครับ”
“เมื่อเช้าเพราะเรื่องนี้แหละ พี่เลยต้องเข้าห้องเย็นไปพบผู้บริหาร แล้วเขาก็มีคำสั่งว่าต้องพักงานนายไว้ก่อน เพราะกระแสนิยมตอนนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ แค่เปลี่ยนชื่อให้เป็นยุโรปยังไม่เพียงพอ แถมบริษัทโฆษณานั้นก็เป็นบริษัทสุดท้ายในบัญชีรายชื่อแล้วด้วย โอ้ย! พี่ล่ะเซ็งเป็นบ้า” ประโยคสุดท้ายเรียกรอยยิ้มบางๆจากจองชิน เขาเข้าใจความรู้สึกของพี่ผู้จัดการดี หลายวันมานี้เธอวิ่งเข้าออกหลายบริษัท แต่สุดท้ายก็ไม่ได้งานแล้วยังโดนต่อว่าอีก จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะหัวเสีย
ทว่าพอผู้จัดการได้ระบายเรื่องของเธอใส่หนุ่มร่างสูง ปากอวบอิ่มสีแดงสดก็ระบายยิ้มอย่างอารมณ์ดีทันที ก่อนจะยื่นแฟ้มสีฟ้าอ่อนให้จองชิน
“แม้จะไม่มีงานโฆษณาหรือนายแบบ แต่ไม่ได้หมายความว่านายจะไม่มีงานนะ สเตฟาน” จองชินกลอกตาไปมาอย่างไม่เข้าใจคำพูดพี่ผู้จัดการก่อนเอ่ยถาม
“หมายความว่าไงครับ?”
“นายก็เปิดแฟ้มดูสิ” เธอยิ้มอย่างยียวน หนุ่มร่างสูงจึงรีบทำตามคำแนะนำทันที แล้วเขาก็พบจดหมาย ตารางงานกับเช็คสองใบ
“เงินค่าอะไรครับ?” เขารีบถามทั้งทียังไม่ทันได้เห็นมูลค่าของเช็คด้วยซ้ำ
“ใบนี้เป็นเงินล่วงหน้าจ้ะ ส่วนอีกใบก็ค่าตัวคราวที่แล้ว” จองชินสังเกตเห็นว่าเธออารมณ์ดีสุดๆขณะหยิบเช็คสองใบออกจากแฟ้ม จนเขาเริ่มกังวล หวังว่าไม่มีอะไรแอบแฝงนะ
“ดูท่าเธอจะกังวลมากนะ ฮ่าๆๆ” ผู้จัดการจับสีหน้าวิตกของจองชินได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ครั้งนี้นายอาจไม่เจอพวกเราสักพัก ดังนั้นทางบริษัทฯจึงจัดเงินล่วงหน้าให้ เพราะทางนู้นเขาจ่ายเงินค่าตัวนายงวดแรกมาแล้ว”
จองชินรับฟังอย่างแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยเจอกรณีที่มีจ่ายค่าตัวเป็นงวดๆ ก่อนจะเปิดแฟ้มดูอีกครั้ง แล้วเริ่มอ่านจดหมายจากบริษัทต้นสังกัด ซึ่งรายละเอียดไม่มีอะไรมากแค่บอกว่า ทางบริษัทฯส่งเขาไปเรียนการแสดงกับเจ้าของร้านเครื่องแก้ว โดยเขาจะต้องอยู่ในความดูแลของที่นั่น
“ผมจะต้องไปอยู่ที่ซินเดอร์แลนด์เหรอครับ?” ทุกคนในเลอซิเอลต่างเรียกร้านเครื่องแก้วว่าซินเดอร์แลนด์ ตามฉายาต้นตระกูลเจ้าของร้านที่ถูกเรียกว่าซินเดอเรลล่า
“ก็ตามใบส่งตัวนั่นแหละ รู้สึกว่านายต้องไปรายงานตัวหลังวันเทศกาลมันเผาสินะ” ผู้จัดการเอ่ย
“ใช่ครับ เหมือนไม่ได้มีแค่ผมที่ต้องไปเรียนการแสดงนะครับ” จองชินกล่าวขณะมองตารางงานที่ระบุว่าแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม
“ก็คงงั้นมั้ง แต่คนของเรามีแค่นาย” เธอเอ่ยขณะเอามือประสานกันไว้บนโต๊ะ ก่อนเสริม
“นายสงสัยอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ” เขาตอบ
“ขอให้โชคดีนะ สเตฟาน” ผู้จัดการอวยพรขณะยิ้มละไมให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ แล้วผมจะติดต่อหาพี่นะครับ” จองชินกล่าวพร้อมกับโค้งให้ผู้จัดการที่เขานับถือเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง แต่หญิงร่างอ้วนทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้และมองจนลับสายตาเท่านั้น
“รู้สึกได้กลิ่นความสนุกแล้วสิ” เธอหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะโทรหาเด็กในสังกัดคนต่อไป
สายลมอ่อนๆยามสายพัดโบกพุ่มดอกไฮเดรนเยียหลากสีริมถนนรอบๆจัตุรัสให้ลุกขึ้นร่ายรำ ขณะแสงแดดค่อยๆไล้กลีบไฮเดรนเยียอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงที่สายลมมิได้แต่งดังขึ้น แต่แรงลมที่กระพือขึ้นเล็กน้อยราวจะโอบกอดชายหนุ่มเจ้าของเสียงเพลงนั้น คล้ายบอกถึงความหลงใหลของสายลมเป็นอย่างดี
ชายหนุ่มตาโตระบายยิ้มให้พุ่มไฮเดรนเยียข้างทางก่อนจะฮัมเพลงที่เขาชอบต่อไป ขณะเดินสวนทางกับหนุ่มตาหยีซึ่งเร่งรีบเข้าตลาด
“มินฮยอก นายจะไปไหน?”
“อ้าว พี่ยงฮวา ผมจะไปตลาดฮะ” มินฮยอกกล่าว ยงฮวาจึงเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือก่อนเอ่ย
“งั้นพี่ไปด้วยแล้วกัน”
“เอ๋! ผมจำได้ว่าวันนี้พี่ธุระนี่ฮะ” มินฮยอกมองยงฮวาอย่างงงงัน
“ยังพอมีเวลา พอพี่เจอนายแล้วจู่ๆก็อยากกินมันเผาขึ้นมา วันนี้นายก็จะไปซื้อใช่มั้ยล่ะ?”ยงฮวาเอ่ยอย่างรู้ทัน เพราะช่วงสองสามวันนี้มินฮยอกจะต้องซื้อมันเผามากินที่ร้านที่พวกเขาทำงานประจำ
“ผมกะจะไปซื้อมันเผาให้จองชินนะฮะ” มินฮยอกเอ่ย
“งั้นเราก็ไปซื้อมันเผาให้จองชินกัน” ยงฮวาสรุปขณะเดินกอดคอมินฮยอกเพื่อมุ่งหน้าสู่วงเวียนน้ำพุแห่งจัตุรัสบลูฟลาวเวอร์
(1) บลู เป็น สกุลเงินของเลอซิเอล
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ละคน คาแรคเตอร์ชัดมากเลย
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 กันยายน 2555 / 23:06