“ดี! พี่ไปล่ะ” ชายหนุ่มโบกมือส่งๆ โดยไม่รอการตอบรับจากอีกฝ่ายแล้วรถนิสสันเทียน่าสีขาวมุกก็ขับออกจากบ้านรวีเมฆาทรขณะท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีรัตติกาล แสงไฟนวลจากผับเมโทรส่องสว่างต้อนรับนักท่องราตรี รถออดี้สีดำมันขลับแล่นเข้ามาในลานจอดรถวีไอพีของผับหรูก่อนไฟหน้ารถจะดับลง แสงไฟหน้าผับเผยให้เห็นทรงผมสั้นสีดำสนิทที่ตบแต่งมาอย่างดีกับเสี้ยวหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มเจ้าของรถ ผิวขาวราวหยวกกล้วยตัดกับสีดำของเสื้อสูทแบรนด์เนมราคาเรือนแสนทำให้สะดุดตาคนที่ผ่านไปมาไม่น้อย แต่ชายหนุ่มไม่สนใจสายตาเหล่านั้นก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ผับติดอับดับหนึ่งในสิบผับหรูของประเทศ
“สวัสดีครับคุณกวิน” พนักงานต้อนรับชายรีบมาไหว้ต้อนรับทันที
“สหัสวรรษอยู่ไหม”
“อยู่ครับ เชิญคุณกวินที่ชั้นสองเลยครับ” พนักงานตอบก่แล้วพากวินขึ้นไปชั้นสองของร้านซึ่งเป็นโซนแขกวีไอพี กวินเลือกนั่งบนโซฟาสีแดงที่หลบมุมห่างจากโต๊ะอื่น แต่ก็มองเห็นทุกบริเวณของผับซึ่งเป็นที่นั่งประจำของเขากับเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
ไม่นานเสียงชายหนุ่มเจ้าของผับก็ดังขึ้นขณะที่กวินกำลังเลือกเมนูเครื่องดื่ม
“วันนี้ลมอะไรหอบคุณชายกวินมาถึงนี่ได้”
กวินหันมองชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเชื้อสายไทยจีนที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ
“จะมีลมอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องคุณย่า”
“อยากเมาไหม” สหัสวรรษเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม เพื่อเขาจะได้สั่งเครื่องดื่มให้เพื่อนถูก
“มาสักนิดก็ดี” กวินตอบ แล้วสหัสวรรษก็หันไปสั่งเบียร์โปรดของเพื่อนกับพนักงาน
“เอาฮูการ์เด้นสอง”
ไม่นานเครื่องดื่มสีอำพันในแก้วทรงเหลี่ยมก็วางไว้บนโต๊ะกระจกที่เข้าชุดกับโซฟา สหัสวรรษยื่นแก้วน้ำสีอำพันให้กวิน ทั้งสองชนแก้วก่อนดื่ม แล้วฟังดนตรีสดจากวงชื่อดังที่เล่นบนเวทีชั้นล่างของผับ
“เป็นไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” สหัสวรรษสังเกตเห็นสีหน้าเพื่อนสนิท
“ช่วงนี้มีเรื่องต้องคิด” กวินถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม
“เกี่ยวกับธุรกิจพันล้านของนาย หรือของชลิตบวร”
“ข่าวคงแพร่ไปไกลมากสินะ”
“ยังเว้ย ยังเป็นข่าววงใน ถ้านายยังไม่ทำอะไรตามข่าว สักพักมันก็จะเงียบไปเอง แต่กานต์น่ะจะซวย” สหัสวรรษพิเคราะห์ทำให้กวินหัวเราะที่หลงลืมหลักการง่ายๆแบบนี้ เพราะข่าวลือทุกข่าวหากไม่ได้ตีให้กระพือดุจนกแตกรัง สักวันก็จะมีข่าวน่าสนใจอื่นมาแทนที่จนลืมข่าวเดิมๆกันในที่สุด หรือหากเขามีข้อมูลหลักฐานดีๆมาแก้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือข่าวไม่ลือต่างก็ต้องสยบให้กับความจริง เพียงแต่ตอนนี้เขาใช้หลักการหลังไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง รายนั้นเอาตัวรอดได้เสมอ” กวินคลี่ยิ้มอย่างมั่นใจในตัวน้องชาย ก่อนจะพูดเรื่องสำคัญที่ทำให้เขามาที่นี่
“คุณย่าให้ฉันมาเชิญนายไปร่วมงานวันเกิด”
“แปลก!” สหัสวรรษอุทาน
“แปลกอะไร ฉันก็ชวนนายทุกปี” กวินเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“แปลกที่ปีนี้ฉันว่าง ฮ่าๆ” สหัสวรรษหัวเราะแล้วยกแก้วขึ้นชนกับแก้วของกวิน
“วันนี้ร้อยไม่อยู่เหรอ” กวินถามถึงน้องชายสหัสวรรษที่เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาว
“อยู่นั่น!” สหัสวรรษชี้นิ้วไปยังเคาน์เตอร์อีกฝั่งของชั้นสองที่มีขวดบรรจุน้ำแอลกอฮอล์สีต่างๆวางเรียงราย ทำให้กวินเห็นบาร์เทนเดอร์ชายรูปร่างสูงโปร่ง ผมซอยระต้นคอสีดำยาวกรอมใบหน้ายืนให้บริการผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูน่าจะเมา ชายหนุ่มเดาจากที่เห็นว่าร่างเพรียวบางของเธอเซไปมาบนเก้าอี้
“เมาแล้วยังจะสั่งมาร์ตินี่ดื่มอีก” เขาวิจารณ์เมื่อเห็นแก้วค็อกเทลทรงสูงที่ร้อยหรือศตวรรษผสมเสร็จ ทำให้สหัสวรรษหัวเราะชอบใจ
“เฮ้ย เดี๋ยวนี้พัฒนาว่ะ มองแวบเดียวก็รู้แล้วเหรอว่าเขาสั่งอะไร”
“เพราะติดมาจากคนแถวนี้ ฮ่าๆ” กวินหัวเราะก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม แล้วเหลือบมองนาฬิกาข้อมือจึงเห็นว่าใกล้จะสี่ทุ่ม
“ฉันคงต้องกลับแล้ว อย่าลืมหาของขวัญวันเกิดให้คุณย่าล่ะ”
“ได้ๆ คงจะไปดูพวกอาหารเสริมเพื่อสุขภาพนั่นแหละ”
“ของชอบท่านเลย” กวินกล่าวแล้วปรารภขึ้นเมื่อเห็นสหัสวรรษทำท่าจะลุก
“นายไม่ต้องไปส่งหรอก”
“ตามใจ งั้นโชคดีแล้วเจอกันวันงาน” สหัสวรรษบอกลาขณะกวินยิ้มรับก่อนลงบันไดไปยังลานจอดรถ
จากนั้นสหัสวรรษก็เดินมายังเคาน์เตอร์ฝั่งตรงข้ามที่มีศตวรรษเป็นบาร์เทนเดอร์ให้บริการ ทันใดนั้นหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองเจ้าของแก้วค็อกเทลมาร์ตินี่ก็พร่ำพรรณนาความในใจให้ศตวรรษฟัง
“ร้อย ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ มาหลอกให้พี่รูดบัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน แล้วยังมาเอาเงินกับรถพี่ไปขาย เพราะเขาคนเดียวทำให้พี่ไม่มีเงินไปจ่ายค่าเช่าคอนโดเลยโดนไล่ตะเพิดออกมา ผู้ชายดีๆคงไม่มีจริงๆแล้วใช่ไหม”
น้ำตาใสๆเออล้นจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ก่อนไหลไปตามเรียวหน้ารูปไข่ของหญิงสาว แล้วหยาดหยดลงแก้วค็อกเทล เพียงฝนใช้มือเรียวสองข้างปิดหน้าร่ำไห้
แม้รักนี้ไม่ใช่รักครั้งแรกแต่เป็นรักที่เธอเจ็บปวดที่สุด รักที่มีแต่ความโกหกพกลมทิ้งความปวดร้าวให้เธอจนแทบไม่มีแรงยืนหญิงสาวรู้แล้วว่าเธอคิดผิดจะฝากชีวิตไว้กับเขาตามที่ณเรศเคยบอก แต่นึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นยาพิษขนานร้ายฉีดตรงเข้าสู่หัวใจจนปวดร้าว
ครั้นแล้วมือเรียวก็ค่อยๆลดลงจากใบหน้าก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบ โชคดีที่ศตวรรษคว้าแขนเพียงฝนไว้ทัน เธอจึงไม่ตกจากเก้าอี้แล้วจับหน้าเรียวฟุบลงกับเคาน์เตอร์
“เอาไงดีพี่?” ศตวรรษถามความเห็นพี่ชายที่เพิ่งเดินมาถึงสหัสวรรษมองกระเป๋าเดินทางสีชมพูสดซึ่งวางคู่กับกระเป๋าถือสีชมพูบนเก้าอี้ตัวถัดไป ก่อนมองนาฬิกาข้อมือของตนซึ่งใกล้จะตีหนึ่ง
“ปล่อยนอนแบบนี้ไปก่อน เดี๋ยวสร่างเมาแล้วค่อยให้กลับ”
“ถ้าเช้าแล้วเขายังไม่สร่างเมา พี่ก็ไปเรียกแท็กซี่ให้ด้วยแล้วกัน ผมมีเรียน” ศตวรรษเอ่ย
“ได้”
พอใกล้ตีห้า พนักงานของผับเมโทรก็ต่างกลับไปพักผ่อน สหัสวรรษ และพนักงานชายอีกสองคนช่วยกันพยุงเพียงฝนที่เริ่มสร่างเมาลงมาเรียกแท็กซี่ แล้วหญิงสาวก็หยิบบัตรประชาชนในกระเป๋าถือให้พนักงานชายช่วยบอกที่อยู่ของเธอกับคนขับรถ
ครั้นแล้วรถแท็กซี่ก็มาจอดหน้าบ้านรวีเมฆาทร เพียงฝนลากกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาจากรถอย่างทุลักทุเลก่อนมายืนโงกเงกที่หน้าประตูรั้ว แต่ยังไม่ทันจะกดกริ่ง พิณฟ้ากับป้าใจก็รีบมาเปิดประตูพาเพียงฝนเข้าบ้าน
“โชคดีนะคะที่คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายไม่อยู่บ้าน ไม่งั้นคุณเพียงคงโดนตำหนิหนักแน่” ป้าใจเอ่ยขณะพยุงเพียงฝนไปนอนบนโซฟาห้องรับแขก
“อาจจะโดนหนักกว่าคุณพ่อก็ได้มั้งคะ” พิณฟ้าปรารภพอเห็นรถนิสสันสีขาวมุกคันเมื่อวานแล่นเข้ามาในบ้าน
ณเรศสาวเท้าเข้ามาในบ้าน นัยน์ตาคมหรี่ลงน้อยๆ พลางเบ้ปาก ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเมื่อเห็นสภาพเพียงฝน
“ไปตกถังเหล้ามารึไง" เสียงเหนื่อยหน่ายของณเรศทำให้ป้าใจได้แต่ยืนกลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ ขณะพิณฟ้าส่งยิ้มแห้งๆให้ญาติผู้พี่
“เพียงฝน!” ณเรศเอ่ยเสียงดังขึ้นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวแล้วลืมตามองชายหนุ่มอย่างงุงงนก่อนกล่าว
“วันนี้ขอลาค่ะ”
“ไม่อนุมัติ" เขาสวนขวับ ก่อนออกคำสั่งเสียงเข้ม "ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวซะ เธอต้องไปประชุมกับพี่เช้านี้ เอกสารค่อยไปอ่านเอาในรถ”
“เพียงไปไม่ไหว พี่เรนก็บอกให้ผู้ช่วยเพียงไปแทนสิ” เพียงฝนกล่าวอย่างงัวเงีย
“ประเสริฐจริงๆ" ณเรศเท้าสะเอว กลอกตา " ทิ้งงานไปเมาเละเป็นลำยอง แล้วยังจะมีหน้ามาโยนงานอีก...เชื่อเขาเลย!"
“ไม่ได้โยน ยังไงวันนี้เพียงก็ไม่ไป” เพียงฝนทำท่าจะล้มตัวลงนอน ทว่าคำพูดต่อมาของณเรศทำให้เธอหายมึนงงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทันที
"ก็ได้" ชายหนุ่มแสยะยิ้ม " พี่ก็คงไม่เหลือทางเลือกอื่น นอกจากจะโทรไปบอกแด๊ด ว่าเพียงโดนผู้ชายหลอกจนอกหัก เมาเละ เลยขอหยุดงาน"
“พี่เรน!” เพียงฝนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
" พี่จะไปรอที่รถ " ณเรศรวบรัดตัดความเฉียบขาด ไม่รอให้เพียงฝนอ้าปากต่อรองก็ดักคออย่างรู้เท่าทัน " ถ้ายังไม่มาใน 10 นาที พี่จะต่อสายไปต่างประเทศนะครับ คุณเพียงฝน "
เขายกยิ้มร้ายๆ บนมุมปาก ก่อนหมุนกายออกจากบ้านไป เพียงฝนจึงได้แค่ส่งค้อนไปให้ณเรศวงหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปอย่างขัดใจ ส่วนพิณฟ้ากับป้าใจได้แต่ยืนตาปริบๆมองคนทั้งคู่