คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9
เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่ต้องเผชิญกับความหมางเมินของชายหนุ่ม ร่างสูงคุ้นตาเดินสั่งการด้วยท่วงท่างามสง่าโดดเด่นจนเธอมองเห็นได้แต่ไกล เพียงเท่านี้เองที่เธอทำได้ในยามนี้ เหงื่อที่ซึมออกมาตามขมับผุดพรายด้วยความเหน็ดเหนื่อย สองมือน้อยที่เคยนุ่มละมุนแดงเถือก ลอกออกเป็นขุยจนเริ่มรู้สึกแสบและเจ็บ แต่เธอก็ไม่อาจปริปากบ่นใบหน้างดงามได้แต่ก้มหน้าซักผ้ากองโตของชายหนุ่มที่ยังไร้คู่ครองในเผ่าเงียบๆ
“เคร้ง!!” เสียงวัตถุชนิดหนึ่งลอยลงมากระทบข้างตัวทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจ
“เอ้านี่ ถังน้ำเจ้าต้องตักน้ำในลำธารไปรดน้ำพืชไร่ด้วย ท่านเอซสั่ง!!” ถ้อยคำเอ่ยของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันพูดราวกับเยาะเย้ย ทำให้เธอได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่ตอบโต้
ภายในเผ่านั้นรับรู้ถึงการมาของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี ความรักความเคารพที่มีต่ออัสลัม และหัวหน้าเผ่าแคสเซียสทำให้ผู้คนในเผ่าต่างพากันรู้สึกเกลียดชังและคอยแต่จะหาเรื่องกลั่นแกล้งหญิงสาวตลอดเวลาโดยที่ชายหนุ่มไม่อาจรับรู้ ความสวยงามที่เคยเป็นที่เลื่องลือถูกแปรเปลี่ยนเป็นถ้อยคำเสียดสี ถากถางจนหญิงสาวเริ่มชาชิน ความหวังที่คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน แต่ดูเหมือนว่าความพยายามจงใจหลบหน้าเธอตลอดเวลา จะตอกย้ำให้เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคือความจริง
จวบจนดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า หญิงสาวก้มหน้าเดินกลับกระท่อมท้ายเผ่าเงียบๆ โดยไม่คิดจะมองหน้าใครเพียงแค่ไม่กี่วันที่เธอมาอยู่ที่นี่ ร่างกายที่เคยสวยสดงดงามกลับเริ่มผ่ายผอม ยามค่ำคืนอันแสนทรมานกำลังคืบคลานเข้ามา เธอเคยรักพระจันทร์ เคยรักความโรแมนติกในยามค่ำคืน แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญกับความคิดถึง ความรัก และจบลงท้ายด้วยน้ำตากับผ้าห่มผืนหนาเก่าเหม็นอับถูกยึดมาห่อหุ้มร่างกายที่มักขดตัวสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น ทำให้เธอคิดอย่างเศร้าๆ ในใจ ร่างบางเดินคิดไปเรื่อยๆ
“ปิรุสบอกว่าเจ้าไม่ค่อยกินอาหาร” เงาร่างที่ยืนนิ่งอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ และน้ำเสียงที่เอ่ยทักขึ้นทำให้หญิงสาวหันไปมองหัวใจเต้นแรงเร็วด้วยความยินดีเมื่อได้เห็นว่าร่างหนาคุ้นตาคือใคร “เจ้าอยากตายเร็วๆ หรือ”
“.........” ถ้อยคำต่อท้ายที่เอ่ย ทำเอาอัลมาอึ้งไป หัวใจคล้ายถูกมีดปักอย่างแรง
“ข้าถามทำไมเจ้าไม่ตอบ ไม่ได้ยินที่ข้าถามหรือไงว่าเจ้าอยากตายเร็วๆ หรือถึงไม่ยอมกินอาหารที่ปิรุสเอามาให้”
“........”
“อย่าลองดีกับข้าอัลมา ข้าไม่ใจดีอย่างที่เจ้าคิด” ชายหนุ่มกระชากร่างบางเข้าหา ท่อนแขนเล็กในอุ้งมือชายหนุ่มถูกบีบจนเจ็บ เมื่อเธอเอาแต่เงียบ
“ท่านเอซ” อัลมาตัดสินใจเอ่ยเรียกเสียงหวานหัวใจทนเสียงเรียกร้องของความคิดถึงไม่ไหว เธอเอื้อมมือไปโอบรัดร่างชายหนุ่มด้วยความคิดถึงน้ำตาไหลอาบสองแก้มด้วยความดีใจ “เมื่อไหร่ท่านจะหายโกรธข้า ข้าไม่รู้หรอกนะว่าข้าไปทำอะไรให้ท่านโกรธแต่ตอนนี้ข้าไม่อยากพูดถึงมันแล้ว ท่านหายโกรธข้าได้มั้ย”
ร่างแกร่งยืนนิ่งให้หญิงสาวโอบกอดในใจของชายหนุ่มอยากจะโอบกอดปลอบประโลมขวัญตอบด้วยความคิดถึงใจจะขาด สายตาคมหลับตาลงชั่วครู่เพื่อซึมซับเอาไออุ่นเจ้าร่างน้อยให้เต็มที่ก่อนสูดลมหายใจยาวลึกราวตัดใจ ดันไหล่ร่างบางให้ออกห่างจากตัว ใบหน้าผินหนีไปทางอื่นด้วยไม่อยากมองหญิงสาวให้เจ็บปวดใจ
การกระทำของชายหนุ่มทำให้สองมือของหญิงสาวตกลงข้างตัวด้วยความอ่อนแรง
“ข้าขอโทษ”
“เจ้าไม่ต้องขอโทษ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า” อัสลัมเอ่ยเสียงขรึม
“บอกข้าได้มั้ยว่าข้าทำผิดอะไร อย่าให้ข้าต้องทนอยู่กับความไม่รู้ ข้าพยายามหลอกตัวเองว่าข้ากำลังฝันไป ข้าตื่นนอนทุกวันได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้ข้าตื่นจากความฝันอันเลวร้ายนี้สักที หากข้ารู้ว่าข้าทำผิดอะไรข้าจะแก้ไขมัน ท่านเอซคำรักของท่านข้ายังเชื่อถือได้ใช่หรือไม่” ถ้อยคำเอ่ยถามของหญิงสาวราวเอามีดกรีดลงไปบนหัวใจของชายหนุ่ม
“เจ้าไม่ได้ทำผิด โชคชะตาต่างหากที่ผิดมันเล่นตลกกับชีวิตของเจ้า” และของข้า เขาเอ่ยต่อในใจ
“ข้าไม่รู้ว่าโชคชะตาอะไรที่ท่านกล่าวถึง หากข้าจะขอ ขอให้ท่านมองข้ามโชคชะตานั้น แล้วหันมามองดูข้า มองคนที่ท่านเอ่ยฝากรัก คนที่ท่านกล่าวคำสาบานที่น้ำตกนั่น หรือว่าโชคชะตาที่ท่านเอ่ยถึงคือตัวท่านเองที่เล่นตลกกับความรักของข้า” อัลมามองหน้าชายหนุ่มนิ่งช่วงเวลาแห่งการรอคอยคำตอบเนิ่นนานจนหัวใจแทบจะระเบิด
“ข้าอยากให้เจ้าลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดที่น้ำตกนั่นซะ”
“เพี้ยะ!! ลืม..ท่านขอให้ข้าลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น.. ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!! อย่าหลอกข้า ข้าไม่เชื่อว่าท่านไม่ได้รักข้า ข้าไม่เชื่อ มองตาข้าแล้วโปรดพูดกับข้าอีกครั้งว่าท่านไม่ได้รักข้า” เรียวมืองามฟาดไปบนแก้มสากของชายหนุ่มอย่างสุดแรงจนรู้สึกชา
“........”
“ท่านเอซ!! บอกข้า บอกข้ามา!!” มือเรียวสวยบีบต้นแขนแกร่ง เพื่อบีบบังคับเอาคำตอบจนชายหนุ่มจำต้องหันไปมองสบตาเธอด้วยแววตานิ่งสงบ
“ข้าไม่ได้รักเจ้า และข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าทำร้ายตัวเองเหมือนคนโง่” ถ้อยคำและแววตาอันมั่นคง ทำให้หญิงสาวเซผงะถอยหลังแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ “เรื่องระหว่างเราข้าขอให้มันจบลงนับจากนี้ จะโกรธจะเกลียดข้าก็สุดตามแต่ใจเจ้าจะคิด”
“ท่านขอให้ข้าอย่าทำร้ายตัวเอง เพื่อให้ท่านได้ทำร้ายข้าเองใช่มั้ย ท่านล้อเล่นกับความรักของข้า ท่านล้อเล่นกับชีวิตของข้า ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ หัวใจท่านทำด้วยอะไร หัวใจท่านทำด้วยอะไร!!” ร่างบางสะอื้นฮักน้ำตาไหลอาบสองแก้ม
ชายหนุ่มไม่ได้แต่ยืนฟังนิ่ง หัวใจเจ็บหนึบจนไม่อาจบรรยาย สีหน้าเย็นชาที่ทนฝืนแสดงออกมากำลังจะสิ้นสุดความอดทนเมื่อได้เห็นน้ำตาของหญิงตรงหน้าที่ไหลรินราวทำนบแตก เขาเป็นผู้ชายแม้ไม่อาจใช้น้ำตาเป็นเครื่องระบายอารมณ์ได้ แต่ทว่าหัวใจมันกำลังเจ็บเจียนตาย เจ็บจนเขาอยากเอามีดกรีดลงไปบนหัวใจแล้วควักมันออกมาเพื่อลดทอนความรู้สึกที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ เสียงเจือสะอื้นที่เอ่ยขึ้นทำเอาหัวใจเขาสั่นสะท้าน
“จดจำไว้นะท่านเอซ ข้ารักท่าน รักจนหมดหัวใจ ถ้อยคำสาบานของข้าที่น้ำตกนั่นมันเป็นคำสาบานที่มาจากหัวใจ และชีวิตทั้งหมดของข้า แม้ว่าวันนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแต่หัวใจข้าไม่อาจเปลี่ยน ข้าจะอดทนทำเพื่อท่าน สุขหรือทุกข์ใดๆ ที่ท่านมีข้าจะร่วมแบ่งปัน ทุกสิ่งที่ท่านร้องขอหากนั่นมันคือความสุขของท่านข้าก็ยินดีที่จะทำ นับจากวันนี้ไปข้าจะลืมทุกสิ่ง ลืมความรักที่มีต่อท่าน ระหว่างเราจะไม่มีความผูกพันธ์ใดๆ หลงเหลืออยู่อีก หากวันใดที่ข้าผิดคำสาบานนี้ขอให้ข้าต้องจบชีวิตลงด้วยคมหอกคมดาบ” ถ้อยคำสาบานที่เอ่ยทำเอามือใหญ่กระตุกเกือบจะเอื้อมไปหาหญิงสาว ทว่าความจริงกลับเป็นตัวฉุดรั้งให้ร่างแกร่งต้องยืนนิ่งเฉยเมย ดวงตาหวานมองใบหน้าของชายหนุ่มด้วยแววตาร้าวราน “ข้าต้องการกลับไปที่วัง”
“เจ้ากลับไปไม่ได้”
“เพราะอะไร”
“..........” ชายหนุ่มเอาแต่นิ่งเงียบ
“เหตุผลที่หาคำตอบไม่ได้ ใช่สินะท่านมันคนไม่มีสัจจะ ทำอะไรตามความพึงพอใจ ข้ามันโง่เอง” อัลมากล่าวตัดพ้อดวงตาแดงช้ำก่อนเดินหันหลังกลับไปยังกระท่อมท้ายเผ่า
อาลันเทียเดินก้าวเข้ามาตบไหล่ชายหนุ่มในฐานะผู้เป็นสหายคนสนิท หลังจากยืนหลบฟังเงียบๆ อยู่นาน เขาเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างดี ต่อให้ทั้งคู่รักกันจนเจ้าชายลืมความโกรธแค้นที่มีต่อพระนางริเรียนได้ ยังไงมันก็ลบเลือนสายเลือดความเป็นพี่น้องลงไปไม่ได้
“ทางออกนี้มันดีที่สุดแล้ว” อัสลัมพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น
นับจากวันนั้นหญิงสาวเอาแต่เก็บตัวเงียบ ทำตัวหลบเร้นออกไปจากโลกของชายหนุ่มโดยสิ้นเชิง ดวงตาคมหวานที่เคยเริงร่าอยู่เป็นนิจกลับดูเฉยชา ไม่ยินดียินร้ายกับผู้คนรอบกายที่มักวนเวียนเข้ามากลั่นแกล้งบ้าง พูดจาเสียดสีบ้าง สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นคือเธอยอมกินอาหาร เพราะสำนึกรู้แล้วว่าไม่มีใครที่นี่ที่รักเธอ หรือหวังดีกับเธอ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอคิดถึงในยามนี้กินเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่นานเธอจะกลับไป กลับไปสู่อ้อมอกคนที่รักเธออย่างจริงใจนั่นคือท่านพ่อและท่านแม่ คิดมาถึงตรงนี้หัวใจดวงน้อยกลับวูบโหวงป่านนี้ท่านพ่อและท่านแม่คงตามหาเธอด้วยความเป็นห่วง ถ้อยคำสอนมากมายที่ท่านแม่เคยกล่าวไว้เธอกำลังเรียนรู้ว่ามันเป็นความจริง
+++++
ในป่ากว้างต้นไม้ใหญ่ขึ้นสลับแซมด้วยทิวเขาสูงปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ม้าหลายตัวเดินเหยาะย่างสลับหยุดนิ่งก่อนเสียงหนึ่งจะตะโกนขึ้น
“เราจะตั้งแคมป์กันที่นี่” เจ้าชายหนุ่มนามแม็กซิมัสเอ่ยขึ้น
เสียงตะโกนขานรับถ้อยคำดำรัสของเจ้าชายหนุ่มถูกส่งต่อกันเป็นทอดๆ กระโจมหนาผืนใหญ่สะบัดกางขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าชายหนุ่มเดินหลบเลี่ยงออกมาสำรวจพื้นที่โดยรอบก่อนมาหยุดยืนอยู่ริมผา ดวงตาทอดมองเหม่อไปไกล
“ทรงคิดถึงเจ้าหญิงอัลมาหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเอ่ยสัพยอกดังขึ้นทางเบื้องหลัง ทำเอาเจ้าชายหนุ่มหันมามองด้วยรอยยิ้มขบขัน
“ทำไมข้าต้องคิดถึงนาง”
“ก็เพราะพระองค์รักนางไงพ่ะย่ะค่ะ”
“รู้ดีไปหมดนะเจ้า”
“ถ้ากระหม่อมไม่รู้พระทัยของพระองค์ หม่อมฉันจะขอลดขั้นตัวเองไปเป็นคนทำความสะอาดคอกม้าแทนพ่ะย่ะค่ะ” ลูเซี่ยน องค์รักษ์คนสนิทของเจ้าชายเอ่ยขึ้นอย่างท้าทาย
“ดี ถ้าเช่นนั้นเจ้ากลับไปที่วังเมื่อไหร่ เตรียมไปอยู่คอกม้าได้เลย”
“พระองค์อย่าทรงแกล้งกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ มันบาป”
“เพื่อเจ้าข้าจะยอมทำบาปสักหน” เจ้าชายหนุ่มพูดเจือหัวเราะ ก่อนจะผินหน้ากลับไปมองยังทิวทัศน์เบื้องหน้าอีกครั้ง
“หากกระหม่อมจะขอถามอะไรพระองค์สักอย่าง จะทรงอนุญาตหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“คนอย่างเจ้าหัดรู้จักมีมารยาทกับข้าเมื่อไหร่กันลูเซี่ยน” เจ้าชายเอ่ยติดตลก ทำเอาผู้ถูกแซวยิ้มกว้าง
“พระองค์ทรงคิดกับเจ้าหญิงอัลมาอย่างที่พูดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเห็นข้าเป็นคนพูดเล่นไม่จริงจังหรือไง” ทรงย้อนถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“กระหม่อมมิได้หมายความว่าอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่หม่อมฉันเห็นว่าการหายตัวไปของเจ้าหญิง จะด้วยเหตุอันใดก็ตาม ความมัวหมองของชื่อเสียงและเกียรติยศย่อมหลีกหนีไม่พ้น พระองค์ไม่ทรงคิดหรือพ่ะย่ะค่ะว่าองค์ราชินีจะยินยอม” สถานการณ์เปลี่ยน จิตใจคนย่อมเปลี่ยน แม้นก่อนหน้าองค์ราชินีจะยินยอมและสนับสนุนให้เจ้าชายรัชทายาทแห่งทาทรัสเข้ามาร่วมงานคัดเลือกคู่อภิเษกของเจ้าหญิงอัลมา แต่ทว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปองค์ราชินีย่อมไม่ปราบปลื้มแน่ที่จะต้องให้เจ้าชายแม็กซิมัสผู้เป็นถึงรัชทายาทต้องมาแปดเปื้อนมัวหมองไปกับเรื่องนี้
“ชีวิตเป็นของข้า ข้าเป็นผู้เลือก”
“แต่หญิงงามพร้อมด้วยเกียรติยศและชื่อเสียงมีอยู่มากมาย กระหม่อมไม่เห็นว่าพระองค์จะต้องทรงลดตัวลงมา” องค์รักษ์หนุ่มยังคงหาทางเปลี่ยนใจเจ้าชายด้วยรู้ดีว่า หากเจ้าชายดึงดันจะอภิเษกกับเจ้าหญิงอัลมา จะต้องมีเรื่องตามมาอีกมากมาย
“เมื่อเจ้าได้มีความรักลูเซี่ยน เจ้าคงจะเข้าใจ” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
“ว่าแต่พระองค์เคยพบนางหรือพ่ะย่ะค่ะ ทำไมกระหม่อมฟังดูเหมือนพระองค์ทรงเคยพบ เคยเจอ กับเจ้าหญิงอัลมามาก่อน” สิ้นคำขององค์รักษ์คนสนิท ไม่มีคำตอบเช่นเคย หากแต่ในห้วงความคิดของเจ้าชายหนุ่มภาพในวัยเด็กไหลบ่าเข้ามากับสายน้ำที่เชี่ยวกราก หนุ่มน้อยร่างกายผอมแห้งแกร็นที่เคยแอบหนีเที่ยวเตลิดจากเทือกเขาสูงลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง ความคึกคะนอง ดื้อรั้น และชอบความผาดโผนทำเอาพี่เลี้ยงเกือบหัวใจวายตายวันละหลายรอบ ได้มาพบเจอหญิงสาวหน้าตาสวยราวกับนางฟ้าแถมใจดีซื้อขนมในตลาดให้เขาด้วยนึกว่าเขาเป็นขอทานไม่มีอันจะกิน ความสนิทในวัยเด็กทำให้หญิงสาวเปิดเผยความลับเรื่องฐานะของตัวเองออกมาให้เขาได้รู้ นับแต่นั้นชื่ออัลมาได้ถูกจารลงบนหัวใจของเขาโดยไม่มีใครอื่นจะมาแทรกแซงได้เลย
+++++++++++++
+++++++++++++
อ่านแล้วไม่มีรีดคนไหนมีความคิดเห็นเลยเหรอ เอิ่ม...ไรท์ ไม่ค่อยมั่นใจเลย แต่งออกมาเป็นไงอ่า...บอกๆ กันมั่งนะ จะได้พัฒนา
ตัวเองขึ้นไปอีก ...สักนิดก็ยังดีนะ นะ ^^
ความคิดเห็น