คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6
หลังบานประตูห้องบรรทมของกษัตริย์ออสติน ร่างบางระหงกำลังสั่นระริกน้ำตาไหลนองเต็มสองแก้มกับถ้อยคำตอบโต้ระหว่างพระบิดาและพระมารดาที่เธอรักยิ่ง แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก เพราะในช่วงระยะหลังนับจากที่เธอได้รู้จักกับเอซ จนก่อกำเนิดเป็นความรักความผูกพันที่เหนียวแน่น พื้นที่หัวใจทั้งดวงเธอมอบให้ชายหนุ่มไปหมดแล้ว และไม่มีทางที่ชีวิตนี้หัวใจรักของเธอจะแบ่งปันไปให้กับใครได้อีก เธอรู้ดีว่าความรักของเธอกับเอซนั้นยากที่จะลงตัว แม่ของเธอคงยากจะทำใจยอมรับที่เธอจะเลือกเอซลูกหัวหน้าชาวชวาเบนมาเป็นคู่ครอง เธอตั้งใจว่าอีกไม่นานเธอจะบอกความจริงกับเอซชายคนรักถึงฐานะที่แท้จริงของเธอ เธอเชื่อมั่นว่าชายหนุ่มจะต้องเอาชนะใจมารดาของเธอได้ แต่บัดนี้เมื่อได้ยินได้รับรู้ถึงความคิดบางอย่างที่ออกจากปากของผู้เป็นแม่ เธอไม่แน่ใจแล้วว่าความรักของเธอจะสมหวัง แต่หากจะให้เธอยินยอมโอนอ่อนตามมารดา แต่งงานกับกษัตริย์เมืองใดเมืองหนึ่งที่ฐานะเท่าเทียมกันหรือดีกว่าเธอก็ทำใจไม่ได้อย่างแน่นอน ภาพชายคนรักโผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึง เธอจะต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
+++++
ข้างน้ำตกสูงชัน เสียงน้ำกระแทกลงมายังพื้นเบื้องล่างดังสนั่นไปทั่วผืนป่าอันเงียบสงบ เงาร่างสองร่างอิงแอบแนบชิดกันโดยไม่ไยดีกับละอองไอเย็นของสายน้ำที่ลอยละล่องในอากาศ ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงแสงจันทร์เป็นดวงไฟส่องสว่างทอแสงนวลอบอุ่นตา ทว่าในหัวใจดวงน้อยกลับสั่นไหว คราบน้ำตายังไม่เหือดแห้งไปจากดวงหน้านวล เมื่อเรื่องราวที่มารดากำลังวางแผนจะบังคับให้แต่งงานถูกถ่ายทอดออกมาให้ชายหนุ่มผู้เป็นที่รักฟัง
“ข้าจะทำเช่นไรดี ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับใครอื่นที่ไม่ใช่ท่าน” อัลมาเอ่ยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“เจ้าก็ไม่ต้องแต่ง หากหัวใจเจ้าไม่ยินยอม ใครจะมาบังคับเจ้าได้ หรือบางทีแม่เจ้าอาจแค่เพียงพูดไปโดยไม่จริงจัง” ริมฝีปากหยักหนากดทาบทับลงบนหน้าผากนวล ด้วยหัวใจกำลังหนักอึ้งไม่ต่างกัน ดวงใจของเขาดวงแรกถูกพรากไปไม่มีวันหวนกลับโดยที่เขาไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้นอกจากยืนมองด้วยหัวใจแตกสลายและเก็บความแค้นเพื่อรอวันชำระ หากแต่ดวงใจดวงที่สองอยู่ในมือของเขา ไม่มีวันที่เขาจะยอมปล่อยดวงใจของตัวเองให้ถูกพรากไปอีก นางเกิดมาเพื่อเขา ชายอื่นไม่มีสิทธิ์ และไม่มีวันจะได้แตะต้องนางตราบที่เขายังมีลมหายใจ เสียงหัวใจของชายหนุ่มตะโกนก้องซ้ำไปซ้ำมาโดยที่หญิงสาวไม่อาจได้ยิน
“แม่ข้าไม่เหมือนผู้อื่น”
“เจ้ารักข้าหรือไม่อัล” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านถามข้าเช่นนี้ หรือเพราะท่านไม่แน่ใจในความรักที่ข้ามีต่อท่าน” เธอตอบพลางมองด้วยแววตาตัดพ้อ
“ข้าไม่เคยคลางแคลงใจในความรักที่เจ้ามีต่อข้า สิ่งที่ข้าถามข้าต้องการตอกย้ำเพื่อให้เจ้ามั่นใจว่าความรักที่มีต่อข้าไม่ใช่เพียงแค่ลมพัดผ่าน มองตาข้าแล้วตอบข้า ว่าความรักที่เจ้ามี เจ้าพร้อมที่เดินเคียงข้างข้าไม่ว่าทุกข์หรือสุข ไม่ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรคใดๆ ต่อไปข้างหน้า เจ้าจะไม่ย่อท้อ เจ้าจะอดทน และพร้อมจะวางชีวิตเจ้าไว้ในมือของข้าให้ข้าเป็นผู้ดูแล นำทางชีวิตของเจ้าตลอดไปนับจากนี้” น้ำเสียงที่มั่นคงดุจดั่งคำสัญญา ทำเอาหัวใจของหญิงสาวเต็มอิ่มล้นไปด้วยความอบอุ่น
“ท่านพร้อมที่จะรักข้าและมีข้าเพียงคนเดียวตราบชั่วชีวิตนี้ใช่มั้ย” หญิงสาวเอ่ยถามกลับด้วยสีหน้าแสดงถึงความรักที่เปี่ยมล้น ร่างของชายหนุ่มลุกขึ้นมาคุกเข่าพลางดึงมีดดาบออกมาปักที่พื้นดิน ก่อนเปร่งน้ำเสียงห้าวทุ้มทรงพลังท่ามกลางความมืดในยามราตรี
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดร่วมเป็นสักขีพยานให้แก่ข้า ในนามข้า เอซ บุตรแห่งหัวหน้าเผ่าชวาเบน ขอให้สัญญาด้วยวิญญาณ ด้วยความรัก ด้วยทุกสิ่งที่ข้ามี ข้าจะรักและมีเจ้า อัล เพียงคนเดียว จะไม่มีสิ่งใดมาพรากข้าไปจากเจ้าด้วยนอกจากความตาย” ชายหนุ่มเอ่ยพลางจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า สื่อสารความรู้สึกทางดวงตาราวกับต้องการให้มันส่งลงไปถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจนาง
“ข้าขอรับคำสัญญาจากท่าน ข้าจะขอมีชีวิตที่เหลือนับจากนี้อยู่เคียงข้างท่าน ไม่ว่าทุกข์ไม่ว่าสุข ข้าพร้อมจะร่วมแบ่งปัน ข้าจะไม่มีวันทิ้งท่านไปจนกว่าความตายจะพรากจาก” หญิงสาวเอ่ยตอบรับ มือเรียวขาวอุ่นนุ่มเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าคมคร้าม นิ้วสวยค่อยๆ เลื่อนไปสัมผัสทุกสัดส่วนบนใบหน้า ไม่ว่าจะคิ้วเข้ม ดวงตาคมที่มีแต่ความจริงจัง จมูกโด่ง ก่อนมาหยุดที่ริมฝีปากหยักหนาสมชายชาตรี เรียวปากบางแดงอิ่มค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปประทับจูบราวกับตอบรับคำสัญญานั้น
ความรัก ความมั่นคง ความจริงจัง ของชายหนุ่มตรงหน้า เป็นยาขนานชั้นดีที่ช่วยขจัดปัดเป่าความหมองเศร้า ความทุกข์ระทมในจิตใจของเธอให้จางหาย รสจูบที่คราแรกเพียงสัมผัสแผ่วเบาถูกตอกย้ำหนักหน่วงจนสมองน้อยๆ อื้ออึงด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ มือใหญ่หนาโอบรัดร่างน้อยไว้ในอ้อมอกอย่างห่วงแหน ก่อนจะค่อยๆ ออกสำรวจทั่วทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างงามราวกับตีตราความเป็นเจ้าของ ชุดคลุมสีดำหม่นเลื่อนหลุดออกจากเรือนร่างงาม จมูกโด่งยังคงทำหน้าที่สูดดมความหอมซุกไซร้ตั้งแต่ซอกคอระหงก่อนลากไล้ลงมา และหยุดมองที่ดอกบัวคู่งาม ดวงตาชายหนุ่มพร่าพรายกับความงดงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปบดเคล้าคลึงด้วยความรักความทนุถนอม พร้อมกับก้มลงไปดูดชิมความหอมหวานจนร่างบางสั่นสะท้าน
ความรัก ความไว้วางใจ ทั้งดวงวิญญาณ เธอมอบให้เขาหมดสิ้นแล้ว เธอและเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางสักขีพยานแห่งขุนเขาลำเนาไพร มนต์เพลงแห่งรักบรรเลงรอบแล้วรอบเล่าไม่มีทีท่าจะหยุดลงเปรียบเสมือนดั่งหยดน้ำลงบนผืนทรายที่แห้งแล้ง กว่าคลื่นมนต์แห่งความรักจะยุติลงก็เมื่อใกล้รุ่งสาง
“เจ้าไม่ต้องกลับไปไม่ได้หรืออัล” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ หัวใจวูบโหวงเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่าง
“ข้าไม่ได้อยากจากท่านเลย เราจากวันเพียงชั่วข้ามคืน ข้าขอไปจัดการเรื่องท่านแม่ให้เสร็จสิ้น แล้วข้าจะติดตามท่านไปทุกหนแห่ง” หัวใจเธอยามนี้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกต่อไป หัวใจอบอุ่นเมื่อมองคนรักข้างกาย เธอเชื่อมั่นในตัวเขามากเหลือเกิน เธอโชคดีมากที่ได้รับความรักจากชายหนุ่มผู้นี้ เธอคิดเงียบๆ ในใจ
+++++
ร่างชรานอนเหม่อมองเพดานด้วยความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังในจิตใจ บาปเคราะห์ที่เขาเป็นผู้สร้างกำลังตอบสนองเขาอย่างตายทั้งเป็น น้ำตาลูกผู้ชายหยดทางหางตาโดยเจ้าตัวไม่อาจฝืน เบรินด้า ข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงที่สุด ข้าอยากขอโทษ อยากขอให้เจ้าอภัยให้ข้า ข้า..ข้า..ห้วงคำนึงของกษัตริย์ชราต้องสะดุดลงเมื่อประตูบานใหญ่ถูกผลักเข้ามาอย่างแผ่วเบา ร่างแน่งน้อยก้าวช้าๆ ทว่ามั่นคงเข้ามาใกล้ด้วยเกรงว่าจะทำให้พระบิดาตื่น
“อัลมาหรือ” เสียงแหบโหยเอ่ยทัก เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานก้าวเข้ามาใกล้ รอยยิ้มสว่างไสวยามเมื่อลูกสาวตัวน้อยส่งมาให้ ใช่สินะ เขามัวแต่หวนระลึก คำนึงถึงแต่อัสลัม บุตรชายคนโตจนหลงลืมไปว่ายังมีบุตรสาวแสนสวยอยู่ตรงนี้อีกคน เขานี่ช่างเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้จริงๆ
“เพคะท่านพ่อ” หญิงสาวตอบรับใบหน้าหวานยิ้มละไมเดินก้าวมาเกาะขอบเตียง “นี่ลูกมากวนหรือเปล่าเพคะ พักนี้ลูกไม่ได้มาหาท่านพ่อเลย เกรงว่าท่านพ่อจะน้อยใจซะก่อน”
“หึ..หึ..ถ้าเจ้าไม่มัวแต่หนีไปวิ่งเล่นนอกวัง เจ้าคงมีเวลามาหาพ่อบ้าง” น้ำเสียงหยอกเย้าแลดูแช่มชื่นขึ้น
“ท่านแม่มาฟ้องหรือเพคะ ว่าลูกแอบออกไปเที่ยวเล่นนอกวัง”
“นี่เจ้าคิดว่าพ่อนอนบนเตียงจนกลายเป็นคนโง่ไปหรือไง เจ้าถึงคิดว่าหากไม่มีใครมารายงานแล้วพ่อจะไม่รู้เรื่องของเจ้า”
“ไม่เพคะ ลูกรู้ว่าท่านพ่อน่ะฉลาด และเฉียบคมเสมอ” หญิงสาวกล่าวอมยิ้มพลางซบลงไปบนอกผู้เป็นบิดา
“เจ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าอัลมา”
“ท่านพ่อทรงทราบด้วยหรือเพคะเกี่ยวกับปัญหาของลูก”
“ถึงพ่อจะเอาใจใส่เจ้าน้อยไป แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกข์สุขของเจ้าพ่อจะไม่รู้เรื่องนะอัลมา พ่อรู้ดีว่าปัญหาที่แม่เจ้ากำลังคิดการณ์ใหญ่ มันสร้างความทุกข์ให้เจ้าไม่น้อย”
“ท่านพ่อ” น้ำเสียงเศร้าเจือสะอื้นน้อยๆ บ่งบอกความสะเทือนใจของผู้พูดเป็นอย่างดี มือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะหญิงสาวเบาๆ
“พ่อรู้ดีความหวังดีของแม่เจ้ากำลังทำให้เจ้าลำบากใจ หากแม้เจ้ายังไม่มีคนรักเจ้าก็ต้องมีความทุกข์ประมาณหนึ่ง แต่หากเจ้ามีคนที่เจ้ารัก พ่อรู้นั่นมันเท่ากับฆ่าเจ้าทั้งเป็น พ่อไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แม่เจ้าคิดจะทำ” กษัตริย์ชราเอ่ย ดวงตาทอประกายฉายแววครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ท่านพ่อ ข้า..ข้ามีคนรักแล้ว ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่อาจมอบหัวใจของข้าให้กับใครได้อีก ท่านพ่อ..ข้าควรจะทำเช่นไรดี”
“เขาเป็นใคร” น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยถามขึ้น ด้วยถ้อยคำสารภาพจากปากลูกสาวตัวน้อยไม่ต่างจากที่เขาคิดมากนัก
“เขาเป็นลูกหัวหน้าชาวเผ่าชวาเบน ข้ากับเขา เรารักกันโดยไม่ได้คำนึงถึงฐานะ”
“เขารู้หรือว่าเจ้าเป็นใคร ฐานะอะไรในคาเพร์เทียน”
“.......” หญิงสาวก้มหน้าไม่อาจสู้สายตาผู้เป็นบิดาได้ ความลับที่เธอปกปิดชายหนุ่มไว้นั้น แม้ว่าเธอตั้งใจจะบอกเขา หากเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นคนรักเกียรติรักศักดิ์ศรีของตนเองมากแค่ไหน เขาจะต้องจากเธอไปอย่างแน่นอนด้วยคิดว่าตัวเขานั้นไม่คู่ควร
“ตอบพ่ออัลมา เจ้าอย่าปิดบังพ่อ พ่อไม่ได้คำนึงถึงความต่างทางชนชั้น ฐานะ หากว่าคนรักของเจ้าเขารักเจ้าจริง เลือดนักสู้ในกายไม่ว่าชนเผ่าไหน หรือชนชั้นไหนๆ พ่อเชื่อว่าอุปสรรคแค่นี้เขาต้องเอาชนะได้”
“ลูก..ลูกไม่ได้บอกเขาเพคะ ลูกขลาดเกินกว่าจะบอกเขาว่าฐานะที่แท้จริงของลูกเป็นใคร ลูกตั้งใจว่าจะมาปรึกษาท่านพ่อ คืนพรุ่งนี้จะเป็นคืนที่มีงานเลือกคู่อภิเษกของลูกแล้ว”
“หมดหนทางแล้วล่ะสิ เจ้าถึงได้นึกถึงพ่อ” ผู้เป็นบิดาเอ่ยยิ้มๆ ขยี้ศีรษะทุยสวยด้วยความเอ็นดู ทำเอาหญิงสาวยิ้มอายๆ ทั้งน้ำตา เธออยากให้ท่านพ่อแข็งแรง บ่อยครั้งที่ท่านแม่เอาแต่ใจ บังคับให้เธอให้อยู่ในกฎระเบียบ เธอเคยวาดหวังเล่นๆ หากท่านพ่อแข็งแรงก็คงจะดี จะได้เป็นแรงหนุนหาทางหนีทีไล่ให้เธออีกทางหนึ่ง
“ท่านพ่อช่วยลูกด้วยนะเพคะ ความหวังเดียวที่ลูกมองเห็นยามนี้คือท่านพ่อ”
“เราคงเลื่อนวันเวลาเลือกคู่ของเจ้าออกไปไม่ได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเลือกให้ได้นี่ลูก ลูกของพ่องดงาม เก่งกล้า เหมาะสมจะเป็นมงกุฎยอดเพชรให้กับเมืองต่างๆ วันพรุ่งนี้พ่อจะประกาศต่อหน้าเหล่ากษัตริย์ เจ้าชาย และคนอื่นที่วาดหวังมาให้เจ้าดูตัว ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถฝ่าด่านการประลองทั้งหมด 7 ด่านเข้าไปถึงด่านสุดท้ายได้ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้หัวใจของพ่อไปครอง แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง เจ้าคิดว่ายังไง” พระบิดาเอ่ยพลางหันไปหลิ่วสายตาให้กับหญิงสาวที่บัดนี้เห็นแสงสว่างทางออกรำไร รอยยิ้มกว้างเบิกบานจนโลกสว่างสดใส
“ท่านพ่อหมายความว่าเขาก็มีสิทธิ์เข้าประลองด้วยใช่หรือไม่เพคะ”
“แน่นอนสิลูก ใครก็ตามที่พิชิตเข้าไปยังด่านสุดท้ายได้ เจ้าคิดว่าเขาคนนั้นควรค่าแก่การที่พ่อจะมอบหัวใจของพ่อให้เขาดูแลปกป้องหรือไม่ล่ะ”
“ขอบพระทัยเพคะ ขอบพระทัย ท่านพ่อของข้าเก่งที่สุดเลย” หญิงสาวลุกขึ้นโน้มตัวลงไปโอบรัดกายผู้เป็นบิดาด้วยความรัก และขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ใช่ว่าท่านแม่เป็นคนไม่ดี หากแต่ว่าการบังคับจิตใจเช่นนี้ เธอทนไม่ได้เช่นกัน
“ว่าแต่ท่านพ่อรู้ได้อย่างไรเพคะว่าลูกเก่งกล้า ลำพังแค่หนีไปเที่ยวนอกวังได้ ท่านพ่อก็ว่าข้าเก่งกาจแล้วหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้
“ก็พ่อบอกเจ้าแล้วไง ถึงพ่อจะนอนเล่นบนเตียงนานไปสักหน่อย แต่สมองกับหูของพ่อยังไม่ได้เลอะเลือนจนไม่รู้ว่าเจ้าแอบไปฝึกศิลปะการต่อสู้ ขี่ม้าหรือยิงธนู จากใคร หรือเจ้าต้องให้พ่อบอกไล่เรียงรายชื่อครูที่ฝึกให้เจ้าฟัง” ผู้เป็นพ่อเอ่ยยิ้มๆ ในตอนท้ายทำเอาหญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ ผิดคาดที่เธอเคยคิดเสมอมาว่าท่านพ่อป่วยด้วยโรคชราไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นมาดูแลบริหารบ้านเมือง หน้าที่นี้จึงตกไปอยู่ที่ท่านแม่ทั้งหมด เสือซ่อนเล็บเป็นเช่นไร เธอเพิ่งเห็นวันนี้นี่เอง
ความคิดเห็น