ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อัลมา

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 58


                    เสียงทะเลาะกันดังลั่นของคนในกระโจมไม่มีทีว่าจะหยุดจนกระทั่งเวลาผ่านไปได้ชั่วครู่ ชายร่างอ้วนยักย้ายตัวออกมานอกกระโจม สีหน้าแสดงถึงความโมโหสุดขีด ปากหนาพร่ำบ่นพึมพำเบาๆ ไม่มีหยุดปาก ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้ายืนขวางทางอยู่

                    ถอยไป๊!! มายืนเกะกะขวางทางข้าอยู่ได้ รำคาญ แล้วนี่แกสองคนอยากโดนดีใช่มั้ย!! มายืนทำอะไรตรงนี้  รึว่าพวกแกอู้งานห๊ะ!!” เสียงตวาดเอะอะของชายร่างอ้วนตะเบ็งลั่นระบายอารมณ์หงุดหงิดเมื่อหันมาเห็นทาสเด็กสองคน  มือหนาเงื้อขึ้นสุดแขนหวังตบลงไปบนดวงหน้าเล็กของทีน่า

                    มือเรียวสวยทว่าแข็งแรงยื้อยุดไว้ได้ทัน ดวงตาคมที่ตกแต่งไว้อย่างคมกริบหรี่ตามองด้วยสีหน้าเชิญชวน ยั่วยวนจนชายร่างอ้วนหยุดชะงักพิศมองด้วยความสนใจ

                    อย่าทำร้ายสินค้าสิ สินค้าดีๆ แบบนี้ราคาดีนะถ้าเจ้าสนใจจะขายให้ข้าอัลมาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มยั่ว

                    ข้าไม่ขาย!! ทาสพวกนี้ข้าเลี้ยงมันอีกซักหน่อยไม่เปลืองข้าวซักเท่าไหร่หรอก มันคงได้ราคาดีกว่าขายให้เจ้าชายร่างอ้วนตวาด เด็กสองคนนี้เขาได้มาเพราะมีชายขี้เมาเอาขายให้ในราคาถูก แรกทีเดียวเขาไม่ต้องการจะซื้อมาด้วยฐานะครอบครัวไม่ค่อยจะสู้ดี แต่ทว่าดวงหน้าเล็กๆ ทั้งสองประกอบกับสีดวงตาที่สวยงาม มันทำให้เขารู้ดีว่าหากเด็กทั้งสองเติบโตขึ้นจะงดงามขนาดไหน เลือดลมในกายพลันแล่นพล่านเมื่อนึกมาถึงจุดนี้ ไอ้พ่อขี้เหล้าของพวกมันก็ไม่โง่เมื่อเห็นความหื่นกระหายในดวงตาเขา มันจึงโก่งราคาขึ้นอีกนิดหน่อย ท้ายที่สุดเขาจึงตัดสินใจควักเงินในกระเป๋าทั้งหมดที่มีซื้อเด็กสองคนนี้ และมันก็เป็นที่มาของการทะเลาะเบาะแว้งไม่เว้นวันกับเมียแก่ของเขาที่ดันมารู้ใจของเขาอีกว่าซื้อมาเพราะจุดประสงค์ใด

                    ดวงตาหื่นกระหายยามมองไปที่ดวงหน้าเด็กๆ ของชายแก่ผู้นี้ทำเอาอัลมาเกิดความรู้สึกขยะแขยงและสมเพชอย่างที่สุด เธอคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วย ขุมนรกแห่งความน่ารังเกียจเช่นนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เด็กผู้บริสุทธิ์จะต้องมาแปดเปื้อน

                    เจ้าแน่ใจหรือว่าจะได้ราคาดีกว่าขายให้ข้าอัลมาเอ่ยช้าๆ ก่อนปรายตามองไปที่กระโจมเก่าที่ชายแก่เพิ่งเดินออกมาสภาพของเจ้ายังเอาตัวแทบไม่รอด แล้วเจ้าจะเอาอาหารดีๆ จากไหนมาเลี้ยงเด็กเหล่านี้ได้ ลองคิดดูนะ เด็กพวกนี้หน้าตาน่ารักน่าชังก็จริง หากแต่เจ้าเลี้ยงอดๆ อยากๆ ทุบตีไม่เว้นวัน กว่าจะโตถึงตอนนั้น ข้าว่าพวกนางจะตายซะก่อนจะทำกำไรให้เจ้านะ สู้ขายให้ข้าเสียแต่ตอนนี้ เจ้ายังเอาเงินไปหาซื้อผู้หญิงอื่นๆที่เขาเต็มใจให้เจ้าไม่ดีกว่าหรือ

                    ไม่!! ข้าบอกว่าไม่ขายก็ไม่ขาย พูดไม่รู้เรื่องหรือไงชายร่างอ้วนตวาด

                    แต่ข้าขาย!!” หญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบไม่แพ้กัน ตวาดลั่น สีหน้าถมึงทึงเท้าสะเอวมองชายแก่อย่างเอาเรื่อง เจ้าจะให้ราคาเท่าไหร่ว่ามา

                    เด็กนี่เป็นของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์!!” ชายอ้วนผู้เป็นสามีตวาดกลับสีหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู

                    เด็กเป็นของเจ้า แต่เงินที่เจ้าเอาไปซื้อพวกมันมาเป็นของข้า ข้ามีสิทธิ์ ถ้าเจ้าจะเอาพวกมันไว้ เอาเงินมาคืนข้าเดี๋ยวนี้ เอามา!! ผู้เป็นภรรยาตะโกนลั่นด้วยความเหลืออด ตั้งแต่รู้ว่าชายแก่ตัณหากลับผู้เป็นสามีเอาเงินที่เธอให้ไปซื้อสินค้ามาวางขายเอากำไร กลับไปซื้อเด็กสาวมาแทน ซึ่งแน่นอนเด็กสาวทั้งสองหน้าตาน่ารักและหากโตขึ้นคงจะสวยอย่างแน่นอน แต่ธรรมดาของความหวาดระแวงหึงหวงในตัวสามี และการคาดคะเนผลกำไร เธอมองดูแล้วว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กสองคนอีกไม่น้อยกว่าจะขายได้ราคา ดีไม่ดีเด็กทั้งคู่คงไม่แคล้วโดนตาแก่ตัณหากลับทำเสียราคาจะไปกันใหญ่ เงินกำไรก็ไม่ได้ แถมเสียสามีไปอีก เธอจึงเลือกที่จะให้สามีนำเด็กทั้งสองไปขายต่อ แต่ทว่าเพราะความดื้อรั้น บ้าตัณหาราคะทำให้เธอและเขาต้องทะเลาะกันตลอดสองวันนับแต่ได้เด็กทั้งคู่มา

                    ว่าไงล่ะ เจ้าจะให้เท่าไหร่ บอกมา หากราคาดีข้าตกลงจะขายให้เลยผู้เป็นภรรยาหันมาถามย้ำในตอนท้าย

                    ห้าหมื่นซวอตี้อัลมาเอ่ยทำเอาสามีภรรยาหยุดชะงักหันมามองด้วยแววตาระริก

                    หนึ่งแสนชายแก่สวนกลับในทันที ด้วยความตื่นเต้นความละโมบเข้าครอบงำจนลืมความตั้งใจเดิมสิ้น เขาซื้อเด็กทั้งสองคนมาในราคาเพียงแค่ห้าร้อยซวอตี้   เพียงแค่สองวันไม่น่าเชื่อว่าเด็กพวกนี้จะทำกำไรให้มหาศาล

                    อัลมายืนนิ่งเงียบ ทำเอาสามีภรรยาจอมงกยืนลุ้นด้วยความระทึก

                    เจ็ดหมื่นซวอตี้ ข้าให้ได้เท่านี้ เอาก็เอา ถ้าไม่เอาข้าจะไปหาเด็กคนอื่นๆ ในตลาด อีกอย่างเด็กตาสีม่วงแบบนี้ข้ามีแล้วคนนึงนี่ไง จะเอาหรือไม่เอาพวกเจ้าอย่าตัดสินใจช้ามันเสียเวลาทำมาหากินของข้าหญิงสาวกล่าวพลางทำท่าจะหันหลังกลับเมื่อสามีภรรยายังยืนนิ่งมองหน้ากันอย่างชั่งใจ

                    ตกลงๆ ข้าขายเจ็ดหมื่นก็เจ็ดหมื่นผู้เป็นภรรยาเอ่ยอย่างรวดเร็วกลัวหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ ก่อนก้าวเข้าไปคว้าเงินปึกใหญ่ที่หญิงสาวหยิบยื่นออกมาให้อย่างรวดเร็ว

                    อัลมาลอบถอนหายใจโล่งอกเบาๆ ก่อนพยักหน้าให้เด็กทั้งสามเดินตามออกมา โดยไม่ได้เหลียวหลังกลับไปมองการทะเลาะเบาะแว้งจนดังลั่นเพื่อแย่งชิงเงินของสองสามีภรรยาผู้ละโมบโลภมากอีก

    +++++

                    ไม่น่าเชื่อนะว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้หญิงอย่างนาง ทั้งสวย ทั้งกล้าหาญ ทั้งจิตใจดีนักซยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชมด้วยใจจริง เขาเป็นคนใจร้อน มุทะลุ และไม่เคยยอมใคร แต่สำหรับผู้หญิงที่เจ้าชีวิตของเขาเฝ้าติดตามด้วยความสนใจเงียบๆ มาตั้งแต่เมื่อวานคนนี้ เขาบอกตามตรงว่านางเกิดมาเพื่อเจ้าชายของเขาเป็นแน่แท้

                    ใช่ ข้าเองยังไม่อยากจะเชื่อ ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยเห็นใครลงทุนทำเพื่อผู้อื่นทั้งที่ไม่รู้จักกันขนาดนี้ นางยอมเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสี่ยงทั้งชีวิตเพียงเพื่อช่วยครอบครัวจนๆ ที่ไม่น่าจะมีอะไรเกื้อหนุนนางให้ได้อะไรตอบแทนเลยอาลันเทียเอ่ยสนับสนุน โดยมีสหายรักปิรุสพยักหน้าเห็นด้วย

                    เจ้าชายอัสลัมทรงเฝ้ามองเงียบๆ ภายในใจทรงคิดอะไรไม่มีใครรู้ หากแต่สหายผู้อยู่ด้วยกันมานานทั้งสามพอจะคาดเดาได้ลางๆ ว่าทรงพบสตรีต้องตา การกระทำต้องพระทัยเข้าให้แล้วจากแววตาที่ทรงทอดมองหญิงสาวตรงหน้านั้น ทอประกายอ่อนหวานโดยที่พระองค์ไม่ทรงรู้ตัว

                    เราจะเอายังไงต่อ...เสียงองค์รักษ์ปิรุสเอ่ยยังไม่ทันจบ ดวงตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าชายหนุ่มผู้เยือกเย็น เก็บตัวไม่สนใจใคร เดินตามหญิงสาวไปโดยพวกเขาไม่ทันตั้งตัว

                    พวกเจ้าคิดเหมือนข้ามั้ยนักซยาเอ่ยถามสีหน้าแย้มยิ้มยินดี

                    นี่คงจะเป็นเรื่องแรกที่ข้ามั่นใจว่าพวกเราคิดเหมือนกัน และรู้สึกเหมือนกัน ข้าว่าพวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อให้รักครั้งนี้สมหวังแล้วล่ะ หากขืนรอท่านเอซมีหวังนางฟ้าองค์นี้หลุดลอยไปซะก่อนจะทันได้คว้าปิรุสเอ่ยติดตลก

                    มันก็ไม่แน่หรอกเกลอเอ๋ย พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่า ความรักเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ เห็นท่านเอซทรงเงียบๆ แบบนี้ พวกเจ้าดูโน่น พวกเรารีบตามไปเถอะเดี๋ยวจะคลาดกันซะเปล่าๆ จากผู้ชายเย็นชาทรงกลายเป็นหนุ่มเลือดร้อนไปแล้วอาลันเทียเอ่ยเสริมด้วยสีหน้าระบายรอยยิ้มตลอดเวลา น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะได้มีอารมณ์หัวเราะครื้นเครงกันแบบนี้ ด้วยสถานการณ์ชีวิตของเจ้าชายไร้บัลลังค์ยังไม่ถูกสะสาง พวกเขาผู้เป็นองค์รักษ์และเพื่อนตายก็เหมือนชีวิตไร้ความสุขไปด้วย

                    พวกท่านคือใคร ใยต้องตามติดพวกข้าอัลมาตัดสินใจหยุดและหันมาเอ่ยถาม ขณะเดินออกมาจากตลาดมืดหลีกหนีไปตามเส้นทางที่เริ่มห่างไกลผู้คน เพื่อจับสังเกตชายกลุ่มนี้ที่เธอมองเห็นตั้งแต่เมื่อวาน

                    นามของข้า เอซ ข้าต้องการรู้จักเจ้าชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้ามั่งคงจริงจัง

                    แต่ข้าไม่รู้จักท่าน และไม่ต้องการทำความรู้จักใดๆ ข้าขอตัวอัลมาเอ่ยตัดบท แม้จะยอมรับว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นสง่างามมากเพียงไหน  ตั้งแต่เธอเกิดมาเธอพบเจ้าชายมามากหน้าหลายตาทั้งหล่อ ทั้งหนุ่ม ทั้งแก่ เธอเห็นมานับไม่ถ้วน แต่ผู้ชายตรงหน้าความหล่อเหลาที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว แผงอกกว้างรับกับร่างกายสูงใหญ่ ผิวสีคร้ามแดดดูสง่างามดั่งชายชาตินักรบ แววตามุ่งมั่นดูมั่นคง และทรงพลังอำนาจบางอย่างทำให้เธอรู้สึกใจฝ่อพิกล

                    ข้าน่ารังเกียจมากหรือไร เจ้าจึงไม่ต้องการแม้แต่จะบอกชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าให้ข้าได้รู้จักอัสลัมเอ่ยพลางเดินอ้อมไปหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่บัดนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยเด็กน้อยน่าตาน่าเอ็นดูทั้งสามคน

                    ท่านมิได้น่ารังเกียจ เพียงแต่ข้าไม่รู้จักท่าน

                    งั้นเราก็เริ่มรู้จักกันเสียแต่ตอนนี้ ข้าขอบอกอีกครั้งว่าข้าชื่อ เอซ หนุ่มชาวเผ่าชวาเบน บิดาข้านามว่าแคสเซียส เป็นหัวหน้าเผ่า และพวกข้าไม่ได้คิดร้ายอันใดต่อพวกเจ้า ข้าเพียงต้องการรู้จักเจ้าอัสลัมเอ่ยอย่างดื้อดึง ท่ามกลางสายตาลุ้นเอาใจช่วยของสหายทั้งสามที่ตามมาทัน และเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ

                    ท่านจะต้องการรู้จักข้าเพื่อสิ่งใดกัน ข้าไม่ใช่คนร่ำรวย อีกทั้งข้าไม่ใช่คนมีหน้ามีตาในคาร์เพเทียน ข้าไม่เห็นเหตุจำเป็นอันใดที่จะทำให้ท่านต้องอยากรู้จักข้า

                    แน่นอนว่าข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะร่ำรวยหรือมีหน้ามีตาในคาร์เพเทียนหรือไม่ แต่เหตุผลที่ข้าต้องการรู้จักเจ้าเพราะหัวใจของเจ้า มันทำให้ข้าชื่นชมและต้องการรู้จักเจ้าให้มากขึ้นคำเอ่ยชมพร้อมคำเกี้ยวน้อยๆ ของชายหนุ่มตรงหน้าที่เอื้อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาทำเอาหญิงสาวนึกดีใจที่ยังไม่ได้ล้างสีที่เธอเอาทาตัวอำพรางไว้ หากไม่เช่นนั้นเขาคงได้เห็นสีหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายของเธอแน่

                    เอ่อ..อ..เธอได้แต่ติดอ่างด้วยไม่รู้ว่าเสียงมันหายไปไหน

                    เจ้าไม่จำเป็นต้องเพียรสรรหาคำมาโต้ตอบข้า เพียงแค่บอกชื่อของเจ้าให้ข้ารู้ ได้โปรดน้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มทำเอาใจหญิงสาวอ่อนยวบ

                    พี่อัล ท่านอย่าไปบอกชื่อเขานะ เขาอาจเป็นคนไม่ดีก็ได้เซลซิสเอ่ยเสียงรัวเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวอึกอัก ทำเอาชายหนุ่มที่ยืนนิ่งรอคอยคำตอบถึงกับอมยิ้ม และอัลมาหันไปมองหน้าเด็กหญิงที่เอ่ยชื่อของเธอออกมาก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ อย่างเอ็นดูเมื่อเด็กน้อยยกมืออุดปากตกใจว่าได้ทำผิดพลาดอะไรบางอย่างไปซะแล้ว

                    อัล ชื่อเจ้าไพเราะสมตัวเจ้ามาก ข้าเพิ่งเดินทางเข้ามาในเมืองคาร์เพเทียนเมื่อวาน หนทางและบ้านเมืองที่นี่มันช่างแตกต่างจากเผ่าที่ข้าเคยอยู่มากนัก มันทำให้ข้าวางตัวไม่ถูก หากไม่เสียเวลาเจ้ามากเกินไป ข้าขอรบกวนเวลาเจ้าช่วยสงเคราะห์บอกเล่าการใช้ชีวิตของผู้คนที่นี่ให้แก่ข้าสักครู่จะได้หรือไม่ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม ทำเอาองค์รักษ์ทั้งสามที่ติดตามเฝ้ามองด้วยความสนใจถึงกับนึกทึ่ง ด้วยความแปลกประหลาดระคนดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าชาย แม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มบางๆ ของชายหนุ่มก็ตาม แต่ทว่ามันเป็นรอยยิ้มแรกในรอบยี่สิบปีนับแต่สูญเสียพระนางเบรินด้าไป

                    ข้าขอโทษ ข้าไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น หากท่านต้องการความช่วยเหลือจริง สาวๆ ในเมืองคงยินดีและเต็มใจช่วยท่าน นี่เวลาเย็นมากแล้วข้าคงต้องขอตัวอัลมากล่าวจบก็รีบเดินแกมวิ่งออกห่างจากชายหนุ่มแปลกหน้าราวกับหวาดกลัวอะไรบางที่ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจ

                    อัล พรุ่งนี้บ่ายข้าจะรอเจ้าที่นี่นะ ข้าจะรอเจ้าชายหนุ่มตะโกนไล่หลังไปด้วยความรู้สึกแช่มชื่นเบิกบานในหัวใจ

    ++++

                    พี่อัลหยุดพักก่อนเถิดข้าเหนื่อยเหลือเกินเซลซิสเอ่ยน้ำเสียงปนหอบจากการวิ่งตามหญิงสาวโดยไม่หยุดพัก โดยอีกสองสาวน้อยนั้นนั่งแผ่หลาลงไปที่พื้น อ้าปากหายใจเอาอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่

                    ขอโทษทีเซลซิส ข้า..ข้าไม่ทันคิดหญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงปนหอบ

                    ว่าแต่พี่อัลท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บป่วยตรงไหนหรือไม่ สีหน้าของท่านแดงก่ำราวกับคนจับไข้เซลซิสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงหลังนั่งพักได้ชั่วครู่

                    ข..ข้า ไม่ได้เป็นอะไรหญิงสาวเอ่ยเบาๆ มือเรียวข้างหนึ่งวางทาบบนหัวใจข้างซ้ายที่มันเต้นรัวเร็วผิดปกติ ด้วยตั้งแต่โตเป็นสาวมา เธอยังไม่เคยรู้สึกประหม่า อายเมื่อยามอยู่ต่อหน้าชายคนไหน นอกจากเขาคนนี้

                    เซลซิสตกลงพี่จะเล่าให้พวกข้าฟังได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ แล้วพี่กับเอ่อ....พี่อัล มาช่วยพวกข้าได้ยังไงทีน่าเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจมานาน หลังจากที่ได้นั่งพักจนหายเหนื่อย

                    เรื่องราวที่เกิดขึ้นและผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วถูกเล่าออกมาจากเล็กของเด็กหญิงนามเซลซิสจนหมดเปลือก ทำเอาทีน่าน้ำตาหยดไหลเป็นทางด้วยความเสียใจ แม้จะรู้มานานแล้วว่าสุขภาพของแม่นั้นหนักเพียงใด แต่เธอก็หวังตลอดว่าสักวันจะต้องมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับครอบครัวเธอบ้าง เธออยากให้แม่หายป่วย และอยากให้พ่อเลิกเหล้า อยากให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขสงบอีกครั้ง แต่ปาฏิหาริย์คงไม่มีจริง ไม่มีทางมี เพราะแม่สุดที่รักได้จากพวกเธอไปแล้ว

                    ข้าขอโทษพี่อัล ที่ข้าใช้วาจาไม่ดีต่อท่านทีน่าเดินเข้าไปกราบที่ตักของหญิงสาวด้วยความสำนึกในบุญคุณ โนร่าเห็นเข้าจึงได้ทำตามบ้างทั้งที่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก

                    ไม่เป็นไรจ้ะ เป็นข้า ข้าก็เสียใจและคงทำแบบเจ้าเหมือนกันทีน่า เจ้าอย่ากังวล ที่สำคัญที่ข้ามีเรื่องจะบอก และพวกเจ้าต้องเก็บรักษามันเป็นความลับ ห้ามบอกใคร หากพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งหลุดปากเรื่องนี้ไป ข้าจะย้ายพวกเจ้าไปอยู่กับผู้อื่นที่ไม่ใช่ข้า เจ้าจะสัญญาได้มั้ยอัลมาเอ่ยถามเด็กๆ ในตอนท้าย และคำตอบที่ได้รับกลับมาคือทั้งสามต่างยื่นนิ้วก้อยออกมา พยักเพยิดให้เธอยื่นนิ้วก้อยออกมาเช่นกัน ทั้งสี่ประสานนิ้วก้อยเกี่ยวเข้าด้วยกัน สัญญาแห่งความผูกพันธ์ได้เริ่มต้นขึ้น

                    ราชวังอันโอ่อ่าสวยงามใหญ่โต ทำเอาเด็กทั้งสามถึงกับตัวลีบสั่นด้วยความหวาดกลัว ด้วยไม่คิดว่าสัญญาที่อัลมาได้ขอไว้คือ ให้ปกปิดเรื่องที่เธอเป็นเจ้าหญิง และบ้านที่พวกเธอต้องมาอาศัยอยู่ด้วยนั้นคือราชวังอันโอ่อ่า ที่ทั้งชีวิตพวกเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะต้องมาเกี่ยวพันเนื่องจากฐานะของเธอในคาร์เพเทียนนั้น แทบจะเรียกว่าเป็นกลุ่มชนชั้นล่างที่ไม่มีคุณค่าหรือมีตัวตนในสังคมเลยก็ว่าได้

                    อัลมาพาพวกเด็กๆ ไปส่งให้กับหัวหน้าแม่บ้าน เพื่อจัดการหาที่หลับที่นอน เสื้อผ้า และสั่งสอนถึงกฎระเบียบภายในราชวัง ซึ่งการห่างจากหญิงสาวทำให้เซลซิสและเด็กสาวอีกสองคนเกิดอาการหวาดหวั่น วิตก จนหญิงสาวต้องปลอบใจอยู่นานกว่าทั้งหมดจะยอมเข้าใจ และหายหวาดกลัวเดินก้มหน้าตามหัวหน้าแม่บ้านไปโดยดี

                    ลับหลังเด็กๆ ไปแล้ว เธอจึงเดินทอดน่องไปตามเส้นทางเข้าไปนั่งในสวนสวย ดอกไม้งามกำลังชูช่อ เสียงน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไว้อย่างงดงามไหลบ่าลงมาจนเกิดละอองน้ำฟุ้งกระจายไปตามสายลมอ่อน ส่งให้ต้นไม้ใบหญ้าผลิยอด แตกใบเขียวขจี นกน้อยตัวเล็กสีสวยบินสลับวนเวียนกินเกสรดอกไม้ มันช่างเป็นภาพที่สวยงามจนเธอรู้สึกผ่อนคลายลง

                    เสียงร้องบอกของชายหนุ่มรูปงามผู้นั้น ที่บอกจะรอเธอ ทำให้เธอเกิดความสับสนว้าวุ่นในจิตใจไม่น้อย เธอเฝ้าถามตัวเองว่าหัวใจเธอเป็นอะไรไป เหตุไฉนจึงเต้นแรงนัก หน้าร้อนผ่าวยามยืนอยู่ใกล้ พูดไม่ออก มันทั้งตื่นเต้น หวาดกลัว อบอุ่น เขินอาย หลากอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยเธอไม่ทันตั้งตัว มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ เธอเฝ้าถามซ้ำๆ กับตัวเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×