ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิทักษ์เจ้าชายแดนพิศวง

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ยามิล

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 58


     

     

    ตอนที่ 1 ยามิล

     

    เตาไฟที่กำลังปะทุค้างหม้อต้มน้ำเดือดปุดๆพร้อมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ดวงตาสีฟ้าสดจดจ้องไม่กะพริบ เด็กหนุ่มนั่งรอเวลาให้อาหารประทังชีวิตห่อสุดท้ายได้ลงมานอนอืดอยู่ในท้อง

     

    “ยามิล!!! ไปหยิบผ้าคลุมให้พ่อหน่อย!!!!

     

    เสียงตะโกนจากด้านนอกทำให้เขาต้องละความสนใจ แม้จะอาลัยอาวรณ์ต่อเจ้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงใดแต่ก็จำใจเดินออกไปนอกห้องอาหารเพื่อขึ้นไปหยิบผ้าคลุมตามคำสั่ง

     

    “ท่านพ่อพิการหรือไงนะถึงได้ใช้นักใช้หนา” แต่ก็ไม่ลืมบ่นอุบอิบกับตัวเองขณะที่เดินขึ้นบันไดวนคดเคี้ยวขึ้นไปชั้นบน บ้านหลังนี้เป็นบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่อายุหลายร้อยปี ยามิลอาศัยอยู่กับท่านพ่อและพี่ชาย สามหนุ่มกับสไตล์อันโดดเด่นแต่ลงตัวทำให้บ้านต้นไม้หลังนี้มีสีสันต์เกินความจำเป็นอยู่บ่อยๆ

     

    เพราะอยู่ด้วยกันสามพ่อลูกชายล้วนเรื่องทำครัวก็ไม่ต้องพูดถึง หากไม่ออกไปตายเอาดาบหน้านอกบ้านก็มีที่พึ่งอย่างเดียวคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จริงๆแล้วฐานะทางบ้านก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดไม่มีเงินจ้างแม่ครัวหรือคนรับใช้ แต่เพราะทนความบ้าบอคอแตกเกินจะรับไหวจึงออกไปหมดแล้ว

     

    “ไม่น่าเลยชีวิต” ยามิลกัดฟันกล้ำกลืนฝืนทนชะตาชีวิต “จริงสิ...มนุษย์จะไม่พูดคนเดียว แต่เราพูดคนเดียวอยู่นี่ เดี๋ยว! เราไม่ใช่มนุษย์เพราะงั้นเราพูดคนเดียวได้ วะฮ่าๆ”

     

    “ได้หรือยังยามิล?! พ่อจะออกไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ”

     

    “ครับได้แล้วครับท่านพ่อ” ยามิลส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ ออกไปหาองค์จักรพรรดิทุกวันไม่ไปอยู่ด้วยกันเลยล่ะ? อย่าลืมมาสู่ขอด้วยขบวนใหญ่ๆสมเกียรติด้วย

     

    เขาเดินลงบันไดคดเคี้ยวทอดยาวสู่ชั้นล่างหลังจากที่เข้าไปหยิบผ้าคลุมกำมะหยี่สีน้ำตาลไหม้ในห้องนอนของท่านพ่อ ระหว่างนั้นกลิ่นอันหอมหวนแสนคุ้นเคยก็ลอยมาแตะจมูก

     

    บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่รัก!!

     

    ยามิลวิ่งแทบจะกลิ้งลงบันไดเมื่อคิดได้ว่าอาจจะมีใครสักคนกำลังประทุษร้ายกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเขา ไม่นะ! ห้องครัวอยู่อีกไม่ไกล...ใกล้ถึงแล้ว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!!!!

     

    “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของขะ...ข้า ท่านพ่อ!! ท่านทำอะไรกับสุดที่รักของข้า?!!!” ยามิลหน้าตาตื่นเมื่อมองชามที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ท่านพ่อคงไม่ใจดีถึงขนาดดับไฟที่เตาแล้วเทน้ำร้อนใส่ถ้วยให้แน่ๆ

     

    “อ้าวยามิล ลูกช่างกตัญญูรู้คุณไม่เหมือนกันเซล ต้มบะหมี่ไว้ให้พ่อกินด้วยรึนี่” หนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐานอารมณ์ดีเงยหน้าพูดกับลูกชายคนเล็กด้วยรอยยิ้มหลังจัดการกับบะหมี่รสโอชะไปเป็นที่เรียบร้อย

     

    ทั้งร่างทรุดลงกับพื้นราวกับซากศพไร้เรี่ยวแรง ยามิลเบิกตากว้างสีหน้าตกตะลึง “ทะ...ท่านพ่ออย่าบอกนะว่า...”

     

    “อร่อยมาก” เบลมิสยังคงยิ้มภูมิใจไม่สนอาการจิตตกอย่างรุนแรงของลูกชาย

     

    “ท่านพ่อ!! นั่นมันบะหมี่ก้อนสุดท้ายที่เรามีเหลืออยู่นะ ข้าตั้งตารอแต่สุดท้ายท่านก็มาชิงไปกินหน้าตาเฉย ท่านพ่อใจร้ายที่สุด!!!!” ยามิลตะโกนลั่นแล้วลุกวิ่งหนีออกนอกบ้านหายลับไปจากสายตาเบลมิสในเวลาอันรวดเร็ว

     

     

     

    ----------------------------

     

     

     

     

    สายลมพัดปะทะร่างโปร่งที่อยู่กลางอากาศเหนือพื้นน้ำหลายสิบเมตร เส้นผมสีส้มแดงปลิวไสวตามแรงลม ปีกสีขาวพิสุทธิ์สองข้างกระพือประคองให้ไม่ร่วงลงไปในน้ำทะเล ถึงเขาจะกลัวความสูงแต่นี่ก็เป็นความสามารถหนึ่งของชาวคลาวดิส

     

    ยามิลลดระดับการบินให้ต่ำลงเพราะรู้สึกวังเวียนศีรษะ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม อาการกลัวความสูงเริ่มทำงาน ดังนั้นจึงมองหาเกาะสักเกาะเพื่อพักผ่อนเสียก่อน

     

    ชาวคลาวดิสอาศัยอยู่บนเกาะลอยฟ้าที่ห่างจากพื้นโลกอยู่มากทีเดียว ไม่มีมนุษย์หน้าไหนคิดจะขึ้นไป หรือมีก็ไปไม่รอดเพราะทางสุดอันตราย จะมีก็แต่ชาวคลาวดิสที่เผยร่างจริงแล้วบินกลับขึ้นไป

     

    ขณะนั้นเองที่ดวงตาสีฟ้าสดใสเหลือบมองเห็นเกาะที่ดูท่าจะไม่ได้ถูกทิ้งร้าง มีบ้านเรือนปลูกอยู่ตามแนวป่าไม้ หาดขาวสะอาดดึงดูดให้เข้าใกล้ ยามิลตัดสินใจในทันทีว่าจะพักที่เกาะนี้แล้วค่อยบินกลับขึ้นไป

     

    แต่จะให้ไปทั้งๆแบบนี้เลยก็ไม่ได้ ชาวคลาวดิสหรือที่พวกมนุษย์โลกเรียกว่าชาวท้องฟ้าเป็นเหมือนของแรร์ในหมู่แรร์ ถ้าถูกจับได้แล้วส่งขายคงไม่มีโอกาสกลับไปกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่รักพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวเป็นแน่

     

    พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนผืนน้ำ เขาชะงักแล้วเปลี่ยนทิศเข้าไปดู มันเป็นขวดแก้วใสๆที่ภายในบรรจุด้วยกระดาษแผ่นหนึ่ง ยามิลบินต่ำเกือบแตะผิวน้ำแล้วคว้าขึ้นมา จะอ่านตรงนี้ก็คงไม่ดีเพราะเขาเริ่มเหนื่อย

     

    แต่ความอยากรู้ก็เข้าครอบงำ เขาเปิดฝาขวดแล้วเทม้วนกระดาษออกมาคลี่อ่าน ลายมือสละสลวยเป็นระเบียบเรียนร้อย คนเขียนคงเป็นคนเรียบร้อยเหมือนลายมือ และคงโรแมนติกมากถึงได้เลือกส่งจดหมายแบบนี้

     

     

    ข้ามีนามว่าโฮชิ รัชทายาทคนสุดท้ายแห่งราชวงศ์วายุ ในยามนี้เราพ่ายสงครามแก่เผ่าปฐพี ชาววายุเดือดร้อนถูกกดขี่เพราะความไร้กำลังของเราที่ไม่อาจปกป้องใครได้

    ผู้ใดก็ตามที่เก็บจดหมายฉบับนี้ได้ ถือว่าชะตาเราได้ผูกพันกันแล้ว

    ได้โปรดตามหาข้า...ณ แสงแรกแห่งรุ่งอรุณ

    ข้า...จะอยู่ที่นั่น

     

     

    หะ?

     

    เผ่าวายุกับเผ่าปฐพีทำสงครามกันงั้นหรือ? พวกวายุจะปราชัยก็ไม่แปลก เพราะเป็นเผ่าที่มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เผลอๆมีน้อยกว่าครึ่งของครึ่งของเผ่าปฐพีด้วยซ้ำ

     

    แต่การมาขอร้องกันแบบนี้มันก็กระไรอยู่ เขาแค่หนีท่านพ่อมาแล้วเก็บได้เท่านั้น ไม่คิดจะอยู่ต่อแม้แต่น้อย จดหมายแบบนี้เก็บใส่ขวดแล้วลอยน้ำเหมือนเดิมให้คนที่มีใจจะช่วยเหลือดีกว่า

     

    “หือ?” เหมือนมีอะไรสะท้อนแสงเข้าตา จากที่กำลังจะม้วนเก็บกลับคลี่ออกอีกครั้ง ข้อความในจดหมายไม่ได้มีแค่นั้น แต่เมื่อสังเกตดูดีๆจะเห็นอีกบรรทัดเป็นตัวอักษรเลือนราง พอเจอแสงมันก็ปรากฏออกมา

     

    นั่นเป็นข้อความสั้นๆที่ทำเอาทิ้งไม่ลง

     

    จงตามหาข้า...มิเช่นนั้นเจ้าจักพินาศ!!

     

     

     

    ได้อัพตอนแรกสักที สวัสดีทุกท่านที่หลงเข้ามาค่ะ เรื่องนี้แต่งตามคำขอของเพื่อนคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ยามิล คำว่ายามิลในภาษาอิสลามแปลว่า ผู้งดงามค่ะ ต่อไปนี้เราขอเรียกนายว่าผู้งดงามแล้วกันนะ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×