คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : ELVEN
เมื่อพวกเขาก้าวเดินเข้ามาในเขตนั้นพวกเขาก็พบกับ นครลอยฟ้าที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบขนาดมหึมานอกจากนั้นยังไม่ได้มีเพียงแค่เมืองแต่ยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กลางเมืองด้วย
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองของเรา”เอนริเก้ พูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ
“เมืองของท่านงดงามยิ่งนัก”เบลซ พูดขึ้นเพื่อให้เกียรติ กับเอลฟ์ผู้นี้โดยที่สายตาจับต้องไปที่ต้นไม้ใหญ่กลางเมือง “มันอะไรกันนะความรู้สึกแปลกๆนี่ ทั้งการต้อนรับที่พิเศษผิดแปลกไปตามปกติเอลฟ์จะไม่ยอมให้คนเข้ามาในเมืองง่ายๆแบบนี้นี่ แล้วมันอะไรกันนะต้นไม้นั่นรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงแฮะ” เขาเดินตามเอนริเก้ต่อไปโดยมีความรู้สึกนี้ตลอดเวลา
“ไม่ใช่แค่เมือง สาวๆยังน่ารักทุกคนเลยด้วย” เซลซิอัสหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าหื่นนิดๆ ทำให้เบลซ ถึงกับชะงักความคิดแล้วหันมางงกับเพื่อนของเขาแทน
“เฮ่ยแล้วแกเอา ลูนาร์สุดที่รักของแกไปไว้ไหน” เบลซพูดขึ้นเสียงนิดๆพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ “หรืออยากให้ข้าเอาเรื่องของเจ้าไปบอกนาง” เบลซยิ่มกริ่มออกมาพร้อมกับทำสีหน้าเจ้าเล่ห์มากกว่าเดิม
“พอเหอะ จะอ้วก!! ระวังกลับไปโดนคนสวยของนายอ่านใจเอานะเฟ่ย” เบลซหันกลับไปด้วยสีหน้ามีความสุขที่แหย่เพื่อนของเขาได้
เซลซิอัสชะงักเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า“เออจริงด้วยสิ ขอบใจที่เตือนนะ สหายหุหุหุ” เขาเปลี่ยนสีหน้าแล้วรีบเดินตามเพื่อนของเขามาทันที
“ฮ่าๆๆ พวกท่านนี่สนุกสนาน กันจริงนะ ” เอนริเก้หัวเราะขึ้นแล้วหยุดเดินหน้าปราสาทบริเวณท้ายนครนั้น “ยินดีต้อนรับสู่ปราสาทของเรา แขกของข้าเชิญพวกท่านได้เลย” แล้วเขาก็เดินตรงไปที่ประตูพร้อมกับก้มหน้ารับคำที่เซนทรีหน้าประตูทำความเคารพเขา
เบลซ กับ เซลซิอัส เดินตามเข้าไปโดยไม่พูดอะไรโดยที่สายตามองไปรอบๆอย่างเดิมจนสายตาของเบลซไปสะดุดกับภาพๆหนึ่ง ภาพนั้นคือ รูปของดาร์คเอลฟ์หญิงผู้หนึ่ง กำลังต่อสู้กับเอลฟ์หนุ่มผู้หนึ่ง “อะไรกันนะรูปภาพนี้” เขาคิดขึ้น “ทำไมเราถึงรู้สึกคุ้นอย่างแปลกๆนะ ที่นี่มีอะไรกันแน่นะ” เขาคิดวนไปวนมาจนไม่ทันได้มองว่าเดินมาถึงห้องของกษัตริย์แล้ว
“โปรดคุกเข่าลงด้วยเถิด แขกของข้า องค์หญิง เสด็จแล้ว”เอนริเก้พูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงคุกเข่าก้มหน้าลง
ทำให้ทั้งสองคนถึงกับงงแล้วหันมามองหน้ากัน “องค์หญิงงั้นเหรอ” ทั้งสองคิดเหมือนๆกันพร้อมนั่งลงก้มหน้าแล้ววางอาวุธของตัวเองไว้ข้างๆตัว ไม่นานนักก็มีเสียงของหญิงสาวพูดขึ้น
“ยืนขึ้นเกิดเอนริเก้ แล้วพวกท่านทั้งสองโปรดเงยหน้าขึ้นเถิด” เมื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นพบกับเจ้าของเสียง เธอเป็นเอลฟ์รูปร่างผอมเพรียวหน้าตาน่ารักมาก เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเอลฟ์หรือมนุษย์คนอื่นๆ นัยตาของเธอเป็นสีฟ้าอ่อนๆผมยาวสลวยสีทอง นิ้วเล็กเรียว อยู่ในชุดคลุมยาวสีขาวแซมแดง แค่นั้นก็ทำให้เซลซิอัสต้องตกตะลึงกับความสวยของนาง ผิดกับเบลซที่จับอาวุธของตัวเองแล้วยืนขึ้น
“ฝ่าบาทข้าชื่อเบลซ นี่สหายของข้า เซลซิอัส ลาร์กลูดินัส” เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ยังมีความเคารพให้เห็น
“งั้นหรือ ไม่ต้องเรียกเราว่าฝ่าบาทก็ได้เราเป็นแค่องค์หญิง เราชื่อ แมกเดลีน มิยอนเต้ [Magdelene Mignonnete] ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่าน เอ่อ...แล้วก็บอกสหายของท่านว่าโปรดยืนขึ้นแล้วเลิกจ้องเราแบบนั้นได้แล้ว” องค์หญิงแมกเดลีนพูดขึ้นแล้วมองไปยังเซลซิอัสที่ยัง นั่งคุกเข่าจ้องมองตนไม่เลิก
“ไม่หรอก....ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถปกป้ององค์หญิง แมกเดลีน ด้วยมือของข้าเองได้” ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้เซลซิอัสกลับ เบลซต้องตกใจยิ่งกว่า เมื่อเห็นภาพเซลซิอัสถูกเอนริเก้จ่อด้วยธนูคันยักษ์ โดนในมือถือศร มิธริล [Mithril]ไว้สี่ดอกรอยิงออกมาพร้อมๆกัน
“หึ” เซลซิอัสหัวเราะ “ซิลเวอร์ เรนเจอร์มีความเร็วขนาดนี้ ใช่ย่อยนะท่านองครักษ์” พร้อมกับลดดาบของเขาลงแล้วเดินกลับมายืนข้างๆเบลซ
เอนริเก้เห็นดังนั้นจึงลดธนูลงบ้างแล้วพูดขึ้นว่า “โอ้ท่านนี่ ก็เก่งใช้ได้เลยนะรู้ว่าข้า เป็นองครักษ์ แล้วยังรู้ว่าข้าเป็น ซิลเวอร์ เรนเจอร์อีก [Silver Ranger]”
“พวกท่านเป็นคนส่งข้อความพวกนั้นไปใช่ไหม ให้พวกข้านำเอกสารมาส่ง แล้วทำเป็นบังเอิญเจอกับนครเอลฟ์แห่งนี้” น้ำเสียงเยียบเย็นของเบลซ พูดขึ้นพลางมองไปที่หน้าขององค์หญิง
“ไม่หรอกพวกเราไม่ได้ทำอย่างนั้น หรอกนะท่านเบลซคิดมากไปเองหรือเปล่า” องค์หญิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนกับพยายามแก้ต่าง แล้วมองที่เอนริเก้
“ใช่พวกเราไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอกนะ ท่านโปรดอย่าคิดมากที่ข้าล่วงเกินสหายท่านต้องขออภัยจริงๆ” เอนริเก้พูดขึ้นบ้างเมื่อเห็นองค์หญิงทำอย่างนั้น
“หึ ไม่หรอกข้าว่ามันแปลกๆตั้งแต่ตอนที่เรามาเจอต้นไม้มารดาด้วยความบังเอิญแล้ว” เบลซพูดขึ้นบ้างพร้อมกับจับที่ดาบ ชูรูกิคู่ของเขา แล้วพูดต่อขึ้นว่า “การต้อนรับของท่านเช่นกัน เอลฟ์ไม่รับมนุษย์เข้าเมืองง่ายๆแบบนี้ไม่ใช่เหรอ โดยเฉพาะเมืองที่ต้องสร้างม่านพลังกำบังขึ้นมา” คำพูดของเบลซทำให้เอลฟ์ทั้งสองถึงกับชะงัก
“ตกลง นั่นต้นไม้มารดาใช่ป่ะ ?” เสียงของ เซลซิอัสถามขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด ด้วยสีหน้างงงวย
“เวรกรรม ใช่แล้วท่าน” องค์หญิงตอบด้วยความฉงน กับความติงต๊องของชายคนนี้ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราเป็นเอลฟ์ ปกติเราก็ต้อนรับผู้อื่นด้วยความอบอุ่นอยู่แล้ว ดังนั้นท่าน....” ยังไม่ทันที่องค์หญิงจะพูดจบก็มีเสียงพูดออกมาจากกำแพงสลักลายสวยงามที่ว่างเปล่าขึ้นมา
“พอเถอะ ฝ่าบาท”
End Chapter 3 : Elven
..........................................................................................................................................
ต้องขอขอบคุณเพื่อนที่แต่งชื่อองค์หญิงให้ผมจริงๆน่อ ถ้าเขียนภาษาไทยผิดต้องของโทษด้วยงับ
ความคิดเห็น