ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaotic Chornicle

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : ELVEN

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 49


                    เมื่อพวกเขาก้าวเดินเข้ามาในเขตนั้นพวกเขาก็พบกับ นครลอยฟ้าที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบขนาดมหึมานอกจากนั้นยังไม่ได้มีเพียงแค่เมืองแต่ยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กลางเมืองด้วย

                    ยินดีต้อนรับสู่เมืองของเราเอนริเก้ พูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ

                    เมืองของท่านงดงามยิ่งนักเบลซ พูดขึ้นเพื่อให้เกียรติ กับเอลฟ์ผู้นี้โดยที่สายตาจับต้องไปที่ต้นไม้ใหญ่กลางเมือง มันอะไรกันนะความรู้สึกแปลกๆนี่ ทั้งการต้อนรับที่พิเศษผิดแปลกไปตามปกติเอลฟ์จะไม่ยอมให้คนเข้ามาในเมืองง่ายๆแบบนี้นี่ แล้วมันอะไรกันนะต้นไม้นั่นรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงแฮะ เขาเดินตามเอนริเก้ต่อไปโดยมีความรู้สึกนี้ตลอดเวลา

                    ไม่ใช่แค่เมือง สาวๆยังน่ารักทุกคนเลยด้วยเซลซิอัสหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าหื่นนิดๆ ทำให้เบลซ ถึงกับชะงักความคิดแล้วหันมางงกับเพื่อนของเขาแทน

                    เฮ่ยแล้วแกเอา ลูนาร์สุดที่รักของแกไปไว้ไหน เบลซพูดขึ้นเสียงนิดๆพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ หรืออยากให้ข้าเอาเรื่องของเจ้าไปบอกนางเบลซยิ่มกริ่มออกมาพร้อมกับทำสีหน้าเจ้าเล่ห์มากกว่าเดิม

                    เฮ่ย อย่าเชียวนานี่มันคนละที่ปล่อยๆมั่งเหอะเบลซเซลซิอัสทำหน้าขอร้องพร้อมทำตาเยิ้มๆใส่

                    พอเหอะ จะอ้วก!! ระวังกลับไปโดนคนสวยของนายอ่านใจเอานะเฟ่ยเบลซหันกลับไปด้วยสีหน้ามีความสุขที่แหย่เพื่อนของเขาได้

                    เซลซิอัสชะงักเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่าเออจริงด้วยสิ ขอบใจที่เตือนนะ สหายหุหุหุเขาเปลี่ยนสีหน้าแล้วรีบเดินตามเพื่อนของเขามาทันที

                    ฮ่าๆๆ พวกท่านนี่สนุกสนาน กันจริงนะ เอนริเก้หัวเราะขึ้นแล้วหยุดเดินหน้าปราสาทบริเวณท้ายนครนั้น ยินดีต้อนรับสู่ปราสาทของเรา แขกของข้าเชิญพวกท่านได้เลยแล้วเขาก็เดินตรงไปที่ประตูพร้อมกับก้มหน้ารับคำที่เซนทรีหน้าประตูทำความเคารพเขา

                    เบลซ กับ เซลซิอัส เดินตามเข้าไปโดยไม่พูดอะไรโดยที่สายตามองไปรอบๆอย่างเดิมจนสายตาของเบลซไปสะดุดกับภาพๆหนึ่ง ภาพนั้นคือ รูปของดาร์คเอลฟ์หญิงผู้หนึ่ง กำลังต่อสู้กับเอลฟ์หนุ่มผู้หนึ่ง อะไรกันนะรูปภาพนี้ เขาคิดขึ้น ทำไมเราถึงรู้สึกคุ้นอย่างแปลกๆนะ ที่นี่มีอะไรกันแน่นะเขาคิดวนไปวนมาจนไม่ทันได้มองว่าเดินมาถึงห้องของกษัตริย์แล้ว

                    โปรดคุกเข่าลงด้วยเถิด แขกของข้า องค์หญิง เสด็จแล้วเอนริเก้พูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงคุกเข่าก้มหน้าลง

                    ทำให้ทั้งสองคนถึงกับงงแล้วหันมามองหน้ากัน องค์หญิงงั้นเหรอทั้งสองคิดเหมือนๆกันพร้อมนั่งลงก้มหน้าแล้ววางอาวุธของตัวเองไว้ข้างๆตัว ไม่นานนักก็มีเสียงของหญิงสาวพูดขึ้น

                    ยืนขึ้นเกิดเอนริเก้  แล้วพวกท่านทั้งสองโปรดเงยหน้าขึ้นเถิดเมื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นพบกับเจ้าของเสียง เธอเป็นเอลฟ์รูปร่างผอมเพรียวหน้าตาน่ารักมาก เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเอลฟ์หรือมนุษย์คนอื่นๆ นัยตาของเธอเป็นสีฟ้าอ่อนๆผมยาวสลวยสีทอง นิ้วเล็กเรียว อยู่ในชุดคลุมยาวสีขาวแซมแดง แค่นั้นก็ทำให้เซลซิอัสต้องตกตะลึงกับความสวยของนาง ผิดกับเบลซที่จับอาวุธของตัวเองแล้วยืนขึ้น

                    ฝ่าบาทข้าชื่อเบลซ นี่สหายของข้า เซลซิอัส ลาร์กลูดินัสเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ยังมีความเคารพให้เห็น

                    งั้นหรือ ไม่ต้องเรียกเราว่าฝ่าบาทก็ได้เราเป็นแค่องค์หญิง เราชื่อ แมกเดลีน มิยอนเต้ [Magdelene  Mignonnete] ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่าน เอ่อ...แล้วก็บอกสหายของท่านว่าโปรดยืนขึ้นแล้วเลิกจ้องเราแบบนั้นได้แล้วองค์หญิงแมกเดลีนพูดขึ้นแล้วมองไปยังเซลซิอัสที่ยัง นั่งคุกเข่าจ้องมองตนไม่เลิก

                    แต่เมื่อได้ยินดังนั้นเซลซิอัสจึงลุกขึ้น แล้วพูดว่า องค์หญิงข้ามิได้ตั้งใจจะล่วงเกินท่าน แต่ท่านชั่งงดงามเหลือเกินเซลซิอัสพูดขึ้นแต่ไม่ได้มองไปที่องค์หญิงเขากลับมองไปที่เบลซ ซึ่งพยักหน้าให้เขาทีนึง คือข้ากำลังสงสัยว่า....ฟุ่บ....พวกท่านไม่กลัวพวกเราทำอะไรหรือไงถึงไม่ปลดอาวุธพวกเรา เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้องค์หญิงถึงกับตกใจ เมื่อเห็นภาพเอนริเก้ถูกดาบของ เซลซิอัสพาดอยู่ที่คอ แต่เอนริเก้กลับยิ้มกริ่มที่มุมปากแล้วพูดขึ้นว่า

                    ไม่หรอก....ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถปกป้ององค์หญิง แมกเดลีน ด้วยมือของข้าเองได้ ภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้เซลซิอัสกลับ เบลซต้องตกใจยิ่งกว่า เมื่อเห็นภาพเซลซิอัสถูกเอนริเก้จ่อด้วยธนูคันยักษ์ โดนในมือถือศร มิธริล [Mithril]ไว้สี่ดอกรอยิงออกมาพร้อมๆกัน

                หึเซลซิอัสหัวเราะ ซิลเวอร์ เรนเจอร์มีความเร็วขนาดนี้ ใช่ย่อยนะท่านองครักษ์พร้อมกับลดดาบของเขาลงแล้วเดินกลับมายืนข้างๆเบลซ

                    เอนริเก้เห็นดังนั้นจึงลดธนูลงบ้างแล้วพูดขึ้นว่า โอ้ท่านนี่ ก็เก่งใช้ได้เลยนะรู้ว่าข้า เป็นองครักษ์ แล้วยังรู้ว่าข้าเป็น ซิลเวอร์ เรนเจอร์อีก [Silver Ranger]”

                พวกท่านเป็นคนส่งข้อความพวกนั้นไปใช่ไหม ให้พวกข้านำเอกสารมาส่ง แล้วทำเป็นบังเอิญเจอกับนครเอลฟ์แห่งนี้น้ำเสียงเยียบเย็นของเบลซ พูดขึ้นพลางมองไปที่หน้าขององค์หญิง

                    ไม่หรอกพวกเราไม่ได้ทำอย่างนั้น หรอกนะท่านเบลซคิดมากไปเองหรือเปล่าองค์หญิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนกับพยายามแก้ต่าง แล้วมองที่เอนริเก้

                    ใช่พวกเราไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอกนะ ท่านโปรดอย่าคิดมากที่ข้าล่วงเกินสหายท่านต้องขออภัยจริงๆ เอนริเก้พูดขึ้นบ้างเมื่อเห็นองค์หญิงทำอย่างนั้น

                    หึ ไม่หรอกข้าว่ามันแปลกๆตั้งแต่ตอนที่เรามาเจอต้นไม้มารดาด้วยความบังเอิญแล้วเบลซพูดขึ้นบ้างพร้อมกับจับที่ดาบ ชูรูกิคู่ของเขา แล้วพูดต่อขึ้นว่า การต้อนรับของท่านเช่นกัน เอลฟ์ไม่รับมนุษย์เข้าเมืองง่ายๆแบบนี้ไม่ใช่เหรอ โดยเฉพาะเมืองที่ต้องสร้างม่านพลังกำบังขึ้นมาคำพูดของเบลซทำให้เอลฟ์ทั้งสองถึงกับชะงัก

                    ตกลง นั่นต้นไม้มารดาใช่ป่ะ ?” เสียงของ เซลซิอัสถามขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด ด้วยสีหน้างงงวย

                    เวรกรรม ใช่แล้วท่าน องค์หญิงตอบด้วยความฉงน กับความติงต๊องของชายคนนี้ แล้วเอ่ยขึ้นว่า พวกเราเป็นเอลฟ์ ปกติเราก็ต้อนรับผู้อื่นด้วยความอบอุ่นอยู่แล้ว ดังนั้นท่าน....ยังไม่ทันที่องค์หญิงจะพูดจบก็มีเสียงพูดออกมาจากกำแพงสลักลายสวยงามที่ว่างเปล่าขึ้นมา

                    พอเถอะ ฝ่าบาท

     

                                                                                                                    End Chapter 3 : Elven

     

    ..........................................................................................................................................

    ต้องขอขอบคุณเพื่อนที่แต่งชื่อองค์หญิงให้ผมจริงๆน่อ  ถ้าเขียนภาษาไทยผิดต้องของโทษด้วยงับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×