คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ก้าวที่สีของราชา: ฝันร้ายผู้มายามค่ำคืน
-4-
ฝันร้ายผู้มายามค่ำคืน
ผ่านมาสองอาทิตย์กับการเลี้ยงดูเจ้าเด็กน้อยเจ้าปัญหา...
และนี่ก็เป็นปัญหาใหม่ พวกเขาเทียบท่าไปเมื่อสองวันก่อนเพื่อซื้อของจำเป็นและกัปตันของเขาก็แทบจะเหมานมแพะในร้านมาให้เจ้าเด็กเจ้าปัญหาของเขากิน...
แต่ปัญหาคือ... ยัยเด็กนี่กินแบบอภิมหาจุ เขาใช้นมเกือบสามเหยือกใหญ่ๆไปกับการให้นมยัยเด็กนั่นหนึ่งมื้อซึ่งถือเป็นหนึ่งในสี่ของนมหนึ่งถังแล้วยัยหนูนั่นต้องกินนมวันละสี่ครั้งซึ่งหมายความว่าวันๆหนึ่งพวกเขาต้องใช้นมหนึ่งถังทั้งๆที่จากที่เขาประเมิณและถามจากไซเรนซึ่งขึ้นมาให้นมยัยเด็กนั่นแล้วซาซาเซลกินนมแค่ประมาณครึ่งเหยือกขนาดกลางซึ่งถือว่าเป็นระดับปกติสำหรับพวกไซเรนและเขาก็คิดว่าคงจะเป็นระดับปกติของคนทั่วไปเหมือนกันเพราะโดยปกติเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องเลี้ยงเด็กอยู่แล้ว...
อันที่จริงต่อให้เด็กนั่นกินนมมื้อละถังหรือเขมือบวัวมื้อละตัวกัปตันเขาก็มีปัญญาเลี้ยงเด็กนี่อยู่แล้วเพียงแต่เรือของเขาจะแวะท่าเรือสามอาทิตย์ครั้งเป็นอย่างมากนั่นหมายความว่าพวกเขาจะมีนมให้เด็กนั่นกินไม่มากพอที่จะรอเวลาให้เรือเทียบท่าและครั้นจะให้ขี่มังกรหรือนั่งเรือไปซื้อก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือพวกเขาออกมาจากอาณาเขตสามเหลี่ยมหางมังกรมามากแล้วและเขาก็ยังไม่อยากเสี่ยงทดลองว่าไซเรนข้างนอกนี่จะใจดีให้ยัยหนูนั่นกินน้ำนมเหมือนไซเรนในสามเหลี่ยมหางมังกรรึเปล่า...
และนั่นทำให้เขาต้องมานั่งปวดหูอยู่แบบนี้ไงล่ะ
คิดพลางมองไปนอกดาดฟ้าเรือ ตอนนี้ทรอยกำลังนั่งห้อยขาอยู่บนดาดฟ้าเรือโดยมีตะกร้าซึ่งภายในมีซาซาเซลนอนอยู่อยู่ข้างๆซึ่งดูหน้าหวาดเสียวมากว่าเด็กนี่จะร่วงลงไปซึ่งวันก่อนเพื่อนร่วมงานเขากรี๊ดลั่นเรือเลยทีเดียวและนั่นทำให้เขาเผลอปัดตะกน้าร่วงลงไปข้างล่างพอดีแต่ถือว่ายัยเด็กนี่ยังมีบุญอยู่เพราะตอนนั้นเรือยังอยู่ในอาณาเขตสามเหลี่ยมหางมังกรไซเรนนั่นเลยกระโจนขึ้นมารับทันพอดีแบบเฉียดฉิวและนั่นทำให้เขากับเพื่อนร่วมงานคนนั้นโดนสวดเสียยับด้วยเสียงที่เหมือนกำลังร้องเพลงอยู่มากกว่าของอีกฝ่ายเกือบสองชั่วโมงจนเขาขยาดกับเสียงเพลงไปอีกนานเลยทีเดียว...
และในตอนนั้นไซเรนก็ถูกจัดเข้าไปในหมวด ‘ฝันร้ายยิ่งกว่าฝันร้าย’ ของเขาเรียบร้อย
“ทำไมกินจุจังเลยนี่หืม?”เอ่ยถามพลางล้วงหยิบกระบอกปืนสีเงินมาขัดเล่นแก้เซ็งโดยหันปากกระบอกปืรไปทางขวาเพื่อป้องกันไม่ให้ลั่นใส่ยัยเด็กนั่นเอาเหมือนวันก่อนซึ่งเฉียดหน้าซาซาเซลไปแบบเฉียดฉิวซึ่งนั่นทำให้เพื่อนร่วมงานเขาแทบจะโยนเขาลงทะเลก่อนที่ยัยนั่นจะอุ้มยัยเด็กนั่นเข้าไปในห้องปรุงยาของตัวเองเกือบสามชั่วโมงเพื่อจัดการกับรอยแผลถากๆซึ่งอีกฝ่ายโวยวายว่าอาจทำให้ยัยเด็กนั่นเป็นแผลเป็นซึ่งเป็นเรื่องโหดร้ายมากๆสำหรับผู้หญิง...
เขาถึงได้บอกไงว่าเขาน่ะเกลียดเด็ก
“แอะ... แอะ...”พึมพำอะไรก็ตามที่ทรอยฟังไม่ออกพลางโบกมือไปมาเหมือนจะลุกขึ้นซึ่งนั่นทำให้ทรอยหันมาสนใจเล็กน้อยก่อนจะใช้ปลายกระบอกมืนดันตะกร้ากลับในๆขอบเรือก่อนที่ตะกร้าจะขยับจนล่วงลงไปเอา และถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงโดนไซเรนนั่นหัวใจออกไปทำพิธีคืนชีพให้ยัยเด็กนั่นแน่
“อย่าดิ้นนักจะได้ไหม”ทรอยพึมพำก่อนจะยัดกระบอกปืนสีเงินและผ้ากลับเข้าไปในเสื้อโค้ทก่อนจะหันมาหิ้วตะกร้าแล้วเดินกลับเข้าไปในเรือโดยจงใจเมินเสียงเรียกร้องโวยวายซึ่งฟังไม่รู้เรื่องของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง
สูงจากนั้นไปหลายสิบหลายร้อยเมตร ร่างขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยขนสีแดงเพลิงสะบัดปีกบินถลาไปมาบนท้องฟ้า ใบหน้าหญิงสาวใช้ดวงตาสีส้มแสดกวาดมองไปทั่วผืนนภาซึ่งปกคลุมไปด้วยเมฆราวกับกำลังมองหาบางสิ่ง...
อยู่ที่ไหนกัน... อยู่ที่ไหน...
“เฮ้ๆ ทำไมน้องรักของฉันถึงยังกินนมไม่เสร็จกันล่ะเนี่ย”เสียงใสของเพื่อนร่วมงานของเขาเอ่ยทักก่อนที่ร่างในชุดเดรสสีม่วงเข้มจะทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตรงข้ามกับทรอยซึ่งกำลังพยามป้อนนมให้กับซาซาเซลโดยมีโต๊ะทานข้าวกั้นตรงกลาง ดวงตาสีดำสนิทของทรอยเหลือบมองผู้มาใหม่เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“ยัยเด็กนี่เป็นน้องรักเธอตั้งแต่เมื่อไร”นั่นทำให้ผู้มาใหม่หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาสีม่วงอ่อนเป็นประกายขบขันขณะที่ร่างสูงเพรียวใช้มือซึ่งสวมทับด้วยถุงมือสีม่วงเข้มปิดปาดด้วยท่าทางที่ดูออกเลยว่า ‘แกล้งทำ’
“แหมๆ... หวงเหรอจ๊ะ~”เอ่ยเสียงระรื่นซึ่งนั่นทำให้ดวงตาสีดำสนิทตวัดขวับมามองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยและนั่นทำให้ร่างสูงเพรียวหัวเราะออกมาหนักกว่าเก่า ทรอยมองเพื่อนร่วมงานของตนอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายซึ่ง ‘น่าจะพอมีความเป็นเพศแม่’ อยู่บ้างน่าจะช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้
“ยัยเด็กนี่ไม่ยอมกินนม”เอ่ยสั้นๆพลางชูขวดนมซึ่งไม่พร่องเลยแม้แต่นิดเดียวให้อีกฝ่ายดูเป็นหลักฐานซึ่งนั่นทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือมาดึงขวดนมในมือเขาไปแล้วเขย่าเบาๆก่อนจะหยดนมลงเบาๆที่ข้อมือของตนแล้วขมวดคิ้ว ก่อนที่อีกฝ่ายจะหยดใส่นิ้วของตนเองแล้วเลียเล็กน้อย ใบหน้าสวยขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าแล้วเอ่ยว่า
“นมนี่ก็ปกตินะ อุ่นกำลังดีรสชาติก็ปกติไม่มีอะไรเจือปน ไหนขอฉันดูน้องรักหน่อยว่าเป็นอะไร”เอ่ยพลางวางนมลงกับโต๊ะแล้วยื่นมือมารับซาซาเซลจากทรอยซึ่งยื่นส่งให้โดยทันที อีกฝ่ายใช้มือทาบลงบนหน้าผากของซาซาเซลซึ่งจ้องตาแป๋วแล้วเปิดผ้าออกใช้มือแตะเบาๆที่หน้าอก
“น้องรักก็ปกติไม่ได้ป่วยได้ไข้นี่นา ทำไมถึงไม่ยอมกินนมล่ะ”เอ่ยพึมพำกับตนเองเบาๆแล้วยื่นคืนให้กับทรอยซึ่งรับไปแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ข้าป้อนนมให้เด็กนี่มาตั้งแต่ตอนสาย... นี่ผ่านมาตั้งเกือบสี่ชั่วโมงแล้วนมแม้แต่หยดเดียวยัยเด็กนี่ยังไม่กินเลยด้วยซ้ำ”เอ่ยเสียงเครียดพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
“งั้นก็พยามต่อไปแล้วกัน เดี๋ยวข้าต้องไปทำงานแล้ว”เอ่ยก่อนผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันไปขว้ากรงสีทองซึ่งถูกคลุมด้วยผ้าสีครีมเอาไว้ก่อนจะหันมาเอ่ยกับทรอยว่า
“งานนี้ข้าต้องบินไปตั้งไมรอนแน่ะ คงซักอาทิตย์สองอาทิตย์นะกว่าจะได้กลับมา จะเอาอะไรเป็นของฝากหน่อยมั้ย?”
“ข้าอยากได้แมนเดรกซักสองสามต้น... เจ้าหามาให้ข้าได้หรือไม่”เอ่ยถามเสียงเรียบ... แมนเดรกเป็นส่วนประกอบชั้นต้นของยาพิษระดับสูงและแมนเดรกในคลังวัตถุดิบในการปรุงยาพิษของเขาก็เหลืออยู่เพียงไม่ถึงสิบต้นดังนั้นเพื่อความมั่นใจเขาจึงอยากได้มาเก็บเพิ่มไว้เสียหน่อย
“ได้ๆ... ข้าจะลองหามาให้ดูแล้วกัน”เอ่ยพลางโบกมือยิ้มร่าให้กับทรอยแล้วเอ่ยต่อว่า”งั้นข้าไปแล้วนะ!”
“ระวังตัวด้วย”ทรอยเอ่ยเสียงเรียบ... อันที่จริงไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้เมื่อเขาเองก็รู้ดีว่าฝีมือของอีกฝ่ายน่ะอยู่ในระดับไหนฉะนั้นถ้าเป้าหมาย... หรือบางทีควรจะเรียกว่า ‘เหยื่อ’ เสียมากกว่าไม่แข็งแกร่งเกินไปนักเขาก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถจัดการได้สบายๆแบบไร้รอยขีดข่วนเพียงแต่เขาแค่เอ่ยตามมารยาทเท่านั้น
“แหมๆ ข้าไม่เป็นไรหรอกน่า... อย่าลืมสิว่าข้าน่ะคือ ‘แม่มดแห่งท้องทะเล’ นะ”เอ่ยเสียงระรื่นก่อนก้าวเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้เพียงทรอยและซาซาเซลซึ่งยังไม่ยอมกินนมเสียที ดวงตาสีดำสนิทของทรอยเลื่อนมามองสบกับดวงตาสีโกเมนของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามแบบไม่ต้องการคำตอบว่า
“จะไม่กินนมจริงๆเหรอ...”เอ่ยคล้ายพึมพำกับตนเองก่อนจะยัดขวดนมกลับเข้าไปในตะกร้าตามด้วยซาซาเซลแล้วยกตะกร้ากลับเข้าไปในห้องของตนเองพลางพึมพำเสียงเบาว่า
“งั้นยังไม่ต้องกินแล้วกัน คงไม่เป็นไรหรอก... มั้ง?”
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบยามค่ำคืนภายในห้องของทรอย ร่างสูงโปร่งในชุดนอนสีดำสนิทนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนุ่ม เสียงคลื่นกระทบเข้ากับเรือเบาๆคล้ายกับเสียงบรรเลงเพลงกล่อมเด็กฉุดรั้งให้เหล่าผู้คนบนเรือเข้าสู่ห้วงนิทรา...
ซ... ลี...
เสียงเอ่ยเบาหวิวดังแผ่วเบามาตามสายลมเรียกให้ทรอยตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา ดวงตาสีดำค่อยเปิดขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะดันตัวขึ้นจากเตียงโดยไม่ลืมหันไปมองที่ตะกร้าข้างหมอนซึ่งควรจะมีร่างเล็กของซาซาเซลนอนอยู่...
เพียงแต่ตอนนี้มันว่างเปล่า
ซะ... ลี...
เสียงเอ่ยเรียกดังขึ้นอีกครั้งทำให้ทรอยลุกลงจากเตียงแล้วคว้าเสื้อโค้ทของตนเองมาสวมก่อนจะก้าวออกจากห้องพักทั้งเพื่อตามหาต้นตอของเสียงและตามหาเจ้าตัวปัญหาที่หายไปจากห้องของเขาแบบไร้สาเหตุเช่นทุกครั้งหากแต่ก่อนที่ทรอยจะก้าวออกพ้นห้องหางตาของเขาก็เหลือบเห็นบางสิ่งอยู่ที่มุมห้อง...
ต้นแมนเดรกสามตนซึ่งมีสภาพราวกับเพิ่งถูกดึงขึ้นจากดิน บนพื้นรอบๆต้นแมนเดรกนั้นเต็มไปด้วยเศษก้อนดินสีดำสนิท ดวงสีดำสนิทหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปที่กองต้นแมนเดรกนั้นแล้วคุกเข่าลงสำรวจ
เจ้าต้นแมนเดรกที่มุมห้องนั้นมีสภาพสมบูรณ์แบบไร้รอยติและนั่นทำให้ทรอยอดขมวดคิ้วเล็กๆไม่ได้... โดยทั่วไปแล้วหากต้นแมนเดรกถูกถอนขึ้นมาจากผืนดินแล้วปล่อยไว้เฉยๆโดยไม่ได้เก็บรักษาหรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธีก็จะทำให้สภาพความสมบูรณ์ของต้นลงลง แต่ต้นแมนเดรกเหล่านี้กลับมีสภาพสมบูรณ?เหมือนเพิ่งถูกถอนขึ้นมาจากดินแล้วมาวางตรงนี้เมือครู่...
หวังว่านี่จะไม่เกี่ยวข้องกับยัยเด็กนั่นนะ
คิดกับตัวเองก่อนจะจัดการนำต้นแมนเดรกเหล่านั้นไปล้างแล้วเก็บรวมกับต้นแมนเดรกของตนเองแล้วก้าวออกมาจากห้องอีกครั้ง ทันทีที่ทรอยแตะเท้าลงมาจากห้องเสียงเรียกยานคางขาดห้วงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ทะ..อี้...ดะ...อาด...ฟะ...อ้า...
คิ้วของทรอยขมวดเขาหากันเล็กน้อยพลางแปลความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ... ที่ดาดฟ้า? หมายความว่ายังไงที่ดาดฟ้า คิดพลางสาวเท้าไปตามทางเดินไปยังดาดฟ้าเรือและภายในเวลาไม่นานทรอยก็มาหยุดอยู่ที่ประตูสู่ดาดฟ้าเรือ...
รู้สึกเดจาวูยังไงก็ไม่รู้แฮะ... คิดพลางใช้มือแตะไปที่กลอนประตูแต่ยังไม่ทันที่มือของทรอยจะแตะถูกกลอกประตู ประตูซึ่งสร้างจากวัสดุที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กก็ถูกเปิดออกเองอย่างง่ายดายและไหลลื่นจนชวนสงสัย และภาพหลังบานประตูนนั้นก็คือ...
ปีกนกขนาดใหญ่สีแดงเพลิงซึ่งมีขนาดมากพอที่จะคลุมรอบคนๆหนึ่งได้พอดีและหางนกสีแดงเพลิงยาวพาดไปตามพื้นดาดฟ้าเรือ และราวกับเจ้าของปีกนกคู่นั้นจะรู้ตัวเพราะอีกฝ่ายค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ...
ฮาร์ปี้... นั่นคือความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของทรอย ภาพตรงหน้าของเขาคือหญิงสาวซึ่งตั้งแต่เอวลงไปมีลักษณะคล้ายนกและมีปีกคู่ใหญ่สีแดงเพลิงงอกออกมาจากหลัง เส้นผมหยิกสีแดงเพลิงสั้นระคอ ที่ใต้ตาซ้ายมีสิ่งที่มีลักษณะคล้ายหยดน้ำขนาดเล็กสีส้มแสดเรียงกันอยู่สามอัน ดวงตาไร้ตาขาวแบบเดียวกับไซเรนในสามเหลี่ยมหางมังกรสีส้มแสดมองทรอยนิ่งและในอ้อมกอดของฮาร์ปี้ตรงหน้าคือร่างเล็กๆที่หลังสนิทของซาซาเซล
ถ้าถามทรอยว่ารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้เขาก็คงบอกได้เลยว่า ‘ชิน’ เนื่องจากการปรากฏตัวของอีกฝ่ายคล้ายกับตอนที่เขาเจอไซเรนครั้งแรกเป็นอย่างมากราวกับนำวิดีโอเทปมาฉายซ้ำ... ถ้าจะต่างก็คงเป็นที่อีกฝ่ายใจดีบอกเขาว่าตนอยู่ที่ไหนในขณะที่คราไซเรนนั้นเขาต้องเดินหาแทบจะรอบเรือกระมัง
ร่างของฮาร์ปี้... หนึ่งในฝันร้ายของนักเดินเรือค่อยๆเหยียดปีกสองข้างออกจากกันแล้ววางร่างของซาซาเซลลงกลับพื้นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหลมสูงซึ่งแฝงไว้ด้วยความกดดันบางอย่างกับทรอยก่อนที่จะทยานกลับขึ้นไปบนฟ้าว่า
“พาซีลมาที่นี่เวลานี้ทุกวันด้วยมิเช่นนั้นต่อให้กัปตันของพวกเจ้าช่วยซีลเอาไว้ข้าก็จะจมเรือลำนี้ซะแล้วแย่งชิงซีลมาเอง”เอ่ยด้วยประโยคบอกเล่าแกมข่มขู่... ซึ่งทรอยรู้ว่าอีกฝ่ายคงสามารถทำได้จริงในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึง ‘ฮาร์ปี้เลือดบริสุทธิ์’
หากจะเอ่ยถึงฮาร์ปี้แล้วคงไม่พ้นเรื่องเล่าต่างๆที่ว่าฮาร์ปี้จมเรือของนักเดินเรือซึ่งเข้ามาล่วงล้ำอาณาเขตของตนหรือเรื่องที่ฮาร์ปี้ลักขโมยสิ่งขิงต่างๆ... ฮาร์ปี้นั้นถ้าให้บอกว่าเป็นคนซึ่งมีครึ่งล่างเป็นนกและมีมือทั้งสองข้างเป็นปีกคงเป็นคำอธิบายที่ง่ายสุด โดยทั่วไปแล้วฮาร์ปี้มีขนาดตัวพอๆกับเด็กสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งซึ่งสามารถกรีดร้องด้วยน้ำเสียงซึ่งมีผลทำให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่แข็งแกร่งพอตายได้ แต่ถ้าหากพูดถึงฮาร์ปี้เลือดบริสุทธิ์นั้น...
เหล่านักเดินเรือคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ฝันร้าย’ เช่นเดียวกับไซเรนแห่งสามเหลี่ยมหางมังกรหรือที่เรียกกันว่าไซเรนเลือดมังกร
ฮาร์ปี้เลือดบริสุทธิ์นั้นมีขนาดตัวเท่ากับชายฉกรรจ์หนึ่งคนว่ากันว่าเสียงกรีดร้องของพวกนางนอกจากใช้สังหารได้แล้วยังทำให้เกิดวังน้ำวน กรงเล็กของพวกนางคมยิ่งกว่าดาบและปีกของฮาร์ปี้สายเลือดบริสุทธิ์ที่โตเต็มวัยก็สามารถทำให้เกิดพายุขนาดย่อมๆได้รวมถึงเรื่องที่ว่าพวกนางมีพละกำลังมหาศาลพอที่จะจมเรือลำหนึ่งได้...
และเรื่องที่พวกนางสามารถใช้เวทมนตร์ได้เช่นเดียวกับเหล่าไซเรนเลือดมังกรและนั่นทำให้พวกนางถูกจัดเป็นหนึ่งในฝันร้ายเช่นเดียวกับเหล่าไซเรน... โดยทั่วไปแล้วฮาร์ปี้สายเลือดบริสุทธิ์นั้นมีแหล่งพำนักอยู่ทั่วโลกแต่หาตัวได้ยากเสียยิ่งกว่านกฟินิกซ์หรือยูนิครอน์และเหล่าผู้ที่พบตัวพวกนางก็ยากที่จะมีชีวิตรอด... แต่ถ้าเป็นในอาณาเขตสามเหลี่ยมหางมังกรล่ะก็คุณจะสามารถพบพวกนางได้อย่างเกลื่อนกลาดเสียยิ่งกว่าไซเรนเสียอีก
“เธอนี่มีเสน่ห์กับพวกที่ไม่คสรไปยุ่งด้วยจริงๆนะ”ทรอยเอ่ยพึทพำพลางย่อตัวลงอุ้มซาซาเซลซึ่งหลับสนิทขึ้นมาแล้วสาวเท้ากลับเข้าไปในห้องโดยโยนความสงสัยเกี่ยวกับต้นแมนเดรกและเรื่องที่ว่าทำไมฮาร์ปี้ซึ่งหาตัวได้ยากจึงมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ลงทะเลไปโดยสิ้นเชิง...
และในที่ใต้ทะเลใต้ท้องเรือที่ทรอยยืนอยู่ ร่างซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นๆของเหล่าไซเรนและฮาร์ปี้ค่อยๆจมลงสู่ทะเลช้าๆ...
ความคิดเห็น