คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ก้าวที่สามของราชา: แม่นม
-3-
แม่นม
นี่ก็ล่วงเข้าวันที่สามแล้วที่เขามาดูแลยัยเด็กนี่...
อันที่จริงต้องพูดว่าวันที่สอง... เพราะหลังจากที่เขาอุ้มยัยเด็กนี่ซึ่งจ้องเขาตาแป๋วชวนให้เสียความมั่นใจกัปตันหนุ่มก็วิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้มาฉกเด็กในอ้อมกอดเขาไปแล้วพูดว่า ‘จะเอามาคืนทีหลัง’ ...
ที่จริงไม่ต้องเอามาคืนก็ได้นะ...
อยากจะพูดแบบนั้นออกไปแต่เสียอย่างเดียวที่เขายังไม่ทันจะอ้าปากอีกฝ่ายก็วิ่งกลับไปแล้วดังนั้นเขาเลยปล่อยมันแบบเลยตามเลย จนกระทั่งเมื่อเช้า... เขาถูกปลุกตั้งแต่ตอนที่พระอาทิตย์ยังไม่แตะขอบฟ้าโดยกับตันและรองกัปตันในชุดพิธีการสีขาวเต็มยศ อีกฝ่ายบอกว่าจะต้องไปรายงานอะไรซักอย่างกับฝ่ายกลางแล้วยัดยัยเด็กเจ้าเก่าซึ่งหลับไม่รู้รื่องใส่มือเขาแล้วเผ่นไปอย่างว่องไวเช่นเดิมชวนสงสัยว่ากัปตันเขาเป็นคนหรือผีพรายกันแน่
และประเด็นสำคัญคือยัยเด็กนี่ขยันก่อเรื่องให้เขาไม่เว้นเวลาพัก...
เรื่องของเรื่องคือพอเขากลับเข้ามาในห้องแล้วเอายัยเด็กนั่นกลับไปวางที่ตะกร้าซึ่งกัปตันไม่ได้เอามันไปด้วยเขาเลยวางมันไว้ที่พื้นข้างเตียงแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงต่อและหลับสนิทจนมารู้สึกตัวอีกทีในอีกเกือบสองชั่วโมงต่อมาซึ่งเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังค่อยๆโผล่พ้นเส้นขอบฟ้าพอดีด้วยเสียงดัง ‘ก๊อกแก๊ก’ มาจากพื้นข้างเตียงซึ่งหากเป็นคนธรรมดาคงขวัญผวาไปแล้วแต่เขาซึ่งถูกฝึกมาเป็นพิเศษในฐานะนักฆ่าไม่เชื่อในเรื่องทำนองภูติผีวิญญาณอยู่แล้วดังนั้นที่เขาทำจึงเป็นการดึงกระบอกปืนสีเงินวาวมาจากใต้หมอนแล้วกลิ้งตัวไปที่ปลายเตียงแล้วชะโงกหัวลงไปมองที่ต้นเสียง...
และพบกับซากของสิ่งที่ก่อนหน้านี้คงจะเคยเป็นขวดแก้วมากก่อนตกกระจายเต็มพื้นข้างตะกร้าว่างเปล่าและมีรอยหยดไล่จากบนตู้ซึ่งมีขวดแก้วซึ่งบรรจุน้ำยาหลากสีเอาไว้เรียงอยู่เป็นทางมายังที่ตะกร้าข้างเตียงเขา
มันคงจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าใส่ใจมากนักถ้าไอ้ขวดที่ตกลงมามันไม่ใช่ขวดยาพิษ... แถมเป็นแบบอันตรายแบบพิเศษชนิดที่คนที่มีภิต้านทานพิศเป็นพิเศษแบบเขายังขยาดเสียด้วย.... แต่ปัญหาคือไอ้เจ้าขวดนี่เขายัดมันไว้ที่ในจุดลึกสุดของชั้นบนสุดซึ่งสูงในระดับที่เขายังต้องเขย่งถึงจะหยิบได้แล้วเด็กนั่นเอามันลงมาได้ยังไงโดยที่ขวดอื่นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย...
แล้วมันลงมาอยู่ข้างล่างนี่ได้ยังไง...
แต่ก่อนอื่น... ยัยเด็กนั่นอยู่ไหน คิดพลางกวาดตามองไปรอบห้องก่อนจะชะงักที่ประตูห้องซึ่งต่อไปยังห้องโถงซึ่งถูกแง้มออก แม้จะสงสัยว่ายัยเด็กนั่นเปิดประตูออกไปได้ยังไงทั้งๆที่กลอนประตูอยู่สูงขนาดนั้นแต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับตอนนี้ยัยเด็กนั่นอยู่ที่ไหน
และแน่นอนว่ายิ่งปล่อยเวลาไว้นานเท่าไรยิ่งไม่เป็นผลดีนักเพราะเรือลำนี้ก็ใช่ว่าจะมีขนาดเล็กๆแถมเขาควรจะรีบไป ตามหายัยเด็กนั่นก่อนที่อีกฝ่ายจะร่วงลงไปเป็นอาหารปลาข้างล่างก่อน... คิดได้ก่อนที่ทรอยจะกระโดดลงจากเตียงโดยไม่ลืมคว้าเสื้อโค้ทของตนมาสวมแล้วเดินกึ่งวิ่งออกไปจากห้องโดยไม่ลืมล็อคประตูห้องให้เรียบร้อยเพราะต่อให้รีบยังไงเขาก็ยังไม่ลืมว่าในห้องเขาตอนนี้อบอวลไปด้วยยาพิษระดับรุนแรงที่ได้กลิ่นแค่นิดเดียวก็มีสิทธิ์จองตั๋วข้ามแม่น้ำความตายเลยทีเดียว
แล้วรู้มั้ยว่าเขาพบอะไรตอนที่เดินไปเดินมาตามโถงบนเรือแล้วหลุดมาที่ดาดฟ้าแบบไม่มีสาเหตุ... อย่างแรกที่เขาเจอบนดาดฟ้าเลยคือเมือกลื่นๆและแอ่งน้ำลากวนไปทั่วดาดฟ้าเหมือนมีใครปล่อยปลาไหลขนาดเท่าคนจริงมาเต้นระบำบนเรือและตรงที่กลางดาดฟ้าเขาก็เจอสิ่งที่สามารถทำให้คนปกติกรี๊ดสลบแล้ววิ่งหนีไปได้เลยทีเดียว...
ท่อนหางซึ่งมีเกล็ดสีน้ำเงินเข้มมันวาวพาดวนไปกับลำเรือ ที่ปลายสุดของหางคือร่างของหญิงสาวซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบสองเท่าของคนปกติ เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายถึงกลางหลัง ดวงยาวรีไม่มีตาขาวสีฟ้าซึ่งเข้มกว่าสีผิวซึ่งเป็นเพียงสีฟ้าจางเพียงเล็กน้อย บริเวณที่ควรเป็นใบหูกลับแทนที่ด้วยสิ่งที่เหมือนครีบปลาสีเดียวกับหางและในอ้อมกอดของ ‘นาง’ ก็คือร่างเล็กๆของซาซาเซลซึ่งดื่มกินน้ำนมจากอีกฝ่าย...
ไซเรน... ผู้ขับขานบทเพลงมรณะ ‘ไซเรน’
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วยังมีเรื่องเล่าจากกะลาสีนักเดินเรือเอ่ยขานถึงอสูรร้ายในคราบหญิงงามซึ่งขับขานบทเพลงหลอกล่อเหล่านักเดินเรือที่หลงเข้ามาในบริเวณถิ่นพำนักของพวกนาง และเมื่อเหยื่อของพวกนางลุ่มหลงละเมอไปกับเสียงบทเพลงนั้นพวกเขาก็จะถูกดึงดูดให้ก้าวเข้าไปหาพวกนางช้าๆ... และนั่นคือ ‘เวลาอาหาร’ ของพวกนาง
นั่นคือเรื่องเล่าของไซเรนซึ่งอาศัยอยู่ทั่วทั้งน่านมหาสมุทรทั่วโลก โดยทั่วไปแล้วไซเรนมีขนาดเท่ากับหญิงสาวชาวมนุษย์และรูปร่างภายนอกเองก็เหมือนกันทุกอย่างเว้นแต่เพียงช่วงตั้งแต่เอวลงไปเท่านั้นที่เป็นหาง แต่เหล่าไซเรนในสามเหลี่ยมหางมังกรไม่ใช่เช่นนั้น... พวกนางคือไซเรน ‘อย่างแท้จริง’
ด้วยร่างกายใหญ่โตและแรงมหาศาลของพวกนางซึ่งสามารถล่มเรือประมงลำหนึ่งได้สบายๆ ทำให้พวกนางอันตรายกว่าไซเรนทั่วไปซึ่งทำได้เพียงหลอกล่อเหล่านักเดินเรือด้วยบทเพลงเท่านั้นและพวกนางเองก็มีอีกสิ่ง... ที่ทำให้พวกนางแตกต่างจากเหล่าไซเรนทั่วไปมากเสียจนราวกับไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน...
พวกนางมีสายเลือดของ ‘มังกร’ ... และนั่นหมายความว่าพวกนางสามารถใช้เวทมนตร์ได้
นั่นทำให้เหล่าไซเรนในสามเหลี่ยมหางมังกรกลายเป็นหนึ่งใน ‘ฝันร้าย’ ของเหล่านักเดินเรือ
และตอนนี้เขาก็กำลังเผชิญหน้ากับ ‘ฝันร้าย’ ที่ว่า... อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องหน้าตื่นเต้นอะไรนักเมื่ออาณาเขตลาดตระเวนของพวกเขาคือสามเหลี่ยมหางมังกรฉะนั้นแปดในสิบฝันร้ายในสามเหลี่ยมหางมังกรนั้นล้วนสังเวยเลือดให้กับอาวุธของพวกเขาแล้วทั้งสิ้น...
แต่ปัญหาคือเด็กนั่น... ถ้าเขาลงมือผลีผลามเด็กนั่นอาจตกอยู่ในอันตราย
“กัปตันเจ้าไม่ได้บอกหรือว่า ‘พวกเรา’ คือแม่นมของซีล”เสียงใสเอ่ยด้วยประโยคที่ราวกับกำลังร้องเพลงพร้อมเงยหน้ามองทรอยซึ่งยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูดาดฟ้าพลางลูบเบาๆที่หลังของซาซาเซล และด้วยท่าทีนั้นทำให้ทรอยแอบขมวดคิ้วเบาๆ...
เขาไม่เห็นรู้มาก่อนว่าไซเรนพวกนี้รักเด็กถึงขนาดให้ยัยเด็กนั่นกินนมของตัวเองได้
“ซีล? แต่กัปตันบอกข้าว่านางชื่อซาซาเซล”ทรอยเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกเด็กนั่นคือ ‘ซีล’ ไม่ใช่ ‘ซาซาเซล’ ... ถึงเขาเองก็ไม่เคยเรียกเด็กนั่นว่าซาซาเซลเหมือนกันก็เถอะ
“ซีลคือชื่อที่ ‘พวกเรา’ ใช้เรียกเด็กคนนี้... ชื่อซาซาเซลนั่นน่ะก็แค่ชื่อที่ ‘พวกมนุษย์’ ใช้เรียกซีล”เอ่ยพลางลูบเบาที่หลังของซาซาเซลซึ่งดูท่าจะอิ่มแล้วก่อนจะก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากแล้ววางซาซาเซลลงบนพื้นก่อนจะถอยไปที่ลำเรือด้วยท่าทางคล่องแคล่วทั้งๆที่ตอนนี้ตนเองอยู่บนบก...
นี่เองก็เป็นหนึ่งในข้อแตกต่างของไซเรนทั่วไปและไซเรนในสามเหลี่ยมหางมังกร
“ฝากดูแลนางด้วย”เอ่ยสั้นๆก่อนจะดีดตัวกลับลงไปในน้ำ ทรอยขมวดคิ้วเล็กน้อย... ไซเรนที่เขาพบเจอมาทั้งชีวิตเป็นพวกที่นิสัยเหมือนหมาล่าเนื้อที่เห็นเหยื่อปุ๊บก็เข้ามาตะคลุบปั๊บ นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าเจอไซเรนแบบตัวต่อตัวแล้วไม่ต้องสู้กันแถมอีกฝ่ายยังคุยกับเขาเหมือนคนทั่วไปอีกต่างหาก...
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
คิดในใจตัวเองพลางเดินสาวเท้าเข้าไปหาตัวปัญหาซึ่งนอนอยู่ที่เดิม จะว่าไปสรุปแล้วเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเด็กนี่ออกมาจากห้องของเขาได้อย่างไรและขวดยาพิษนั่นตกลงมาแตกเพราะอะไร... จะบอกว่าไซเรนตัวเมื่อกี้เข้าไปเอาเด็กนี่ออกมาก็ไม่น่าใช่เพราะตามพื้นทางเดินไม่มีคราบน้ำและถ้าอีกฝ่ายเข้ามาในเรือจริงก็คงจะปะทะกับคนอื่นๆไปนานแล้ว...
จะว่าไปไซเรนนั้นขึ้นมาบนเรือได้ยังไงในเมื่อเรือลำนี้มีเกราะคุ้มกันซึ่งแข็งแกร่งชนิดขับไปปะทะกับเต่ากาลาปากอสแล้วเกราะยังไม่แตก...
ยิ่งคิดยิ่งมีแต่เรื่องน่าสงสัย แถมตัวกลางของเรื่องทั้งหมดก็ดันเป็นเด็กที่พูดก็ยังพูดไม่ได้เพราะฉะนั้นเขาก็คงไปถามใครไม่ได้
“แกนี่มีแต่ปัญหาจริงๆ”บ่นกับตัวเองพลางอุ้มซาซาเซลขึ้นมาแล้วเดินกลับเข้าไปในลำเรือ... ในเมื่อคำถามไม่ได้รับคำตอบเขาเองจะเก็บมาคิดก็คงไม่มีประโยชน์
“ว่าไงทรอย ซาซาเซลเป็นยังไงมั่ง”กัปตันตัวดีเอ่ยถามทันทีที่เขากับเด็กในอ้อมกอดนี่เดินเข้ามาในห้องอาหารในเวลาบ่ายเพื่อจัดการกับ ‘ข้าวเช้า’ หลังจากที่เขาต้องจัดการเก็บกวาดห้องให้สะอาดและต้องไปรื้อเอายาแก้พิษมาเทราดพื้นห้องแล้วถูออกก่อนจะจัดการอาบน้ำให้ตัวเองกับยัยเด็กเจ้าปัญหา พอรู้ตัวอีกทีก็บ่ายกว่าๆแล้ว
“กินนมไปแล้วครับกัปตัน... จะว่าไปทำไมกัปตันถึงไม่แวะซื้อนมมาด้วยล่ะครับ”เขาถามซึ่งกัปตันหนุ่มก็ทำหน้าเหมือนนึกออกพลางตบมือทั้งสองข้างเข้าหากันซึ่งทรอยรู้สึกได้เลยว่าบนหน้าของกัปตันมีป้ายคำพูดประมาณว่า ‘ฉันลืม’ ปักอยู่...
“อ๊า~~ แย่จังๆ ดันเผลอลืมสะได้ แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะเพราะยังไงซาซาเซลก็มีแม่นมอยู่แล้วนี่”เอ่ยด้วยน้ำเสียงระรื่นซึ่งทำให้ทรอยรู้สึกหนักใจอย่างน่าประหลาด... บอกเขาทีว่ากัปตันของเขาไม่ได้ตำแหน่งมาจากการจับฉลากใช่ไหม
“กัปตันครับ... อย่าลืมสิครับว่ายังไงน้ำนมไซเรนกับน้ำนมมนุษย์ก็ไม่เหมือนกันนะครับ”เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ... ในชีวิตเขาเคยได้ยินแต่พวกที่กินน้ำนมยูนิคอร์น น้ำนมเอลฟ์หรือะไรเทือกนั้นแต่น้ำนมไซเรนนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ และคิดว่าคงไม่มีใครบ้าขนาดจับไซเรนขึ้นมารีดนมกินหรอก
“แหมๆ มันก็เหมือนๆกันแหละน่า... ฝ่ายนั้นเองก็เต็มใจไม่ใช่หรือไง อ๊ะ! ว่าจะลงมาหาขนมกินซักหน่อยดันเผลออยู่ยาวเลยแฮะ ป่านนี้คีธบ่นตายเลย เอาเป็ฯว่าข้าไปก่อนแล้วกันนะ!”เอ่ยก่อนเดินหลบออกไปทิ้งให้ทรอยยืนอยู่คนเดียวในห้องอาหารกว้างส่วนซาซาเซลนั้นทรอยโยนให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งไป...
จะว่าไปยัยเด็กนั่นต้องกินนมวันละกี่รอบกันล่ะเนี่ย
ความคิดเห็น