ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Anchor Solider! หน่วยพิฆาตพันธุ์เจ้าสมุทร!

    ลำดับตอนที่ #4 : ก้าวที่สองของราชา: พี่เลี้ยงพันศาสตรา

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 57


    -2-

    พี่เลี้ยงพันศาสตรา

        “ยินดีต้อนรับกลับนะทรอย”

        นั่นคือคำทักทายแรกทันทีที่ทรอยก้าวขาเหยียบลงบนพื้นที่เรือหน่วยลาดตระเวนพิเศษที่เก้า ใบหน้าของหัวหน้า.... หรือที่คนบนเรือนิยมเรียกว่ากัปตันฉีกยิ้มกว้างในขณะที่ทรอยรู้สึกเหมือนมีป้ายแปะอยู่บนหน้าของกัปตันของเขาว่า น่าสงสัยตัวโตๆพาให้หวาดระแวงเมื่อตลอดเกือบหกปีที่ทรอยมาประจำการอยู่ที่หน่วยลาดตระเวนพิเศษ... หรือที่เรียกกันว่า ‘R.I.P.’ ซึ่งฟังดูไม่น่าไว้ใจชอบกลแห่งนี้คำขอแต่ละอย่างของกัปตันนั้นมักเสมือนกับพ่วงคำว่า วินาศสันตะโรมาอยู่เสมอ

        “ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งครับกัปตัน”เอ่ยพลางโค้งตัวลงเล็กน้อย ในใจภาวนาต่อพระเจ้าที่ไม่รู่ว่ามีจริงรึเปล่าขอให้อีกฝ่ายแค่เกิดอยากออกมาเดินยืดเส้นยืดสายข้างนอกแล้วมาเจอกับเขาที่เพิ่งทำภารกิจเสร็จพอดีหรือเหตุผลอะไรก็ได้ที่ทำให้การที่เขาเจอกับอีกฝ่ายเป็นแค่เรื่อง บังเอิญ ...

        “ข้าเช็คจากตารางงานแล้วรู้สึกว่าเจ้าจะไม่มีงานยาวไปห้าถึงหกเดือนเลยสินะ...”เซอร์เซสเอ่ยพลางคลี่ยิ้มแบบดูไม่น่าไว้ใจให้กับทรอย ชั่ววินาทีนั้นทรอยรู้สึกได้โดยทันทีถึงเค้าลาง ความวินาศสันตะโรซึ่งเริ่มก่อตัวขึ้น ในใจเริ่มสวดภาวนาไปอีกจบถึงพระเจ้า...

        “เพราะฉะนั้นถ้าข้าจะใช้ให้เจ้าช่วยงาน เล็กๆน้อยๆก็คงไม่เป็นอะไรสินะ”

        ในตอนนั้นเองที่ทรอยตัดสินใจทันทีว่าเขาจะไม่เชื่อในพระเจ้าอีกต่อไป

     

     

        ตอนนี้ทรอยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องของตนเอง ในอ้อมกอดคือร่างเล็กๆของเด็กทารกซึ่งจำได้ลางๆว่าน่าจะอายุราวๆสองสามเดือน ดวงตาสีโกเมนใสแจ๋วของอีกฝ่ายจ้องเขานิ่งโดยไม่ปริปากร้องเลยแม้แต่น้อยจนชวนคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นตุ๊กตามากกว่า

        ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน... ทันทีที่กัปตันหนุ่มเอ่ยจบเขาก็โดนลากตรงไปยังห้องนอนของอีกฝ่ายซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องทำงานซึ่งเปิดอ้าออกเผยให้เห็นกองเอกสารสูงชวนสงสัยว่าทำไมคนที่ควรจะนั่งหัวหมุนอยู่กับกองเอกสารพวกนั้นถึงได้มีแก่ใจมาลากเขาไปมาได้ก่อนจะชะงักเมื่ออีกฝ่ายผลุบหายเข้าไปในห้องปล่อยให้เขายืนรอแบบมึนๆอยู่ที่หน้าห้องชั่วครู่ก่อนจะออกมาพร้อมกับตะกร้าใบใหญ่ในมือซ้ายในขณะที่มือขวาประคองห่อผ้าซึ่งภายในมือเด็กคนหนึ่งอยู่มายัดใส่มือเขา

        “นี่เป็นลูกสาวบุญธรรมของข้า... เธอชื่อซาซาเซล ตลอดหกเดือนนี้เจ้าจะต้องเป็นพี่เลี้ยงให้นาง ตอนกลางวันเจ้าจะเอาเธอไปฝากไว้กับคนอื่นก็ได้แต่ตอนกลางคืนเจ้าต้องเป็นคนดูแลเธอ ส่วนของใช้จำเป็นอยู่ในนั้น ขาดเหลืออะไรก็ไปบอกคีธเอา... อ้อใช้! ตอนนี้บนเรือยังไม่มีนมแต่เราจะแวะจอดที่ท่าเรือข้างหน้าในอีกสองอาทิตย์เพราะฉะนั้นถ้าเธอหิวขึ้นมาล่ะก็โบกมือเรียกตัวแถวนั้นเอาก็แล้วกัน แถวนี้น่าจะมีไซเรนกับพวกเงือกอยู่นะ ลองขอน้ำนมจากพวกนางดูแล้วกัน”เอ่ยบอกแบบลวดเดียวจบก่อนที่จะโบกมือให้คนที่อยู่แถวนั้นลากทรอยซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของพะรุงพะรังกลับไปที่ห้อง

        “ทีนี้ข้าจะทำยังไงกับเจ้าดีเนี่ยหืม?”เอ่ยถามไปแบบไม่ต้องการคำตอบพลางยกซาซาเซลขึ้น... จะว่าไปคุ้นๆว่าเพื่อนร่วมงานคนเมื่อกี้ที่จำไม่ได้ว่าเป็นใครบอกว่ากัปตันเก็บเด็กนี่ได้จากทะเลนี่นะ...

        น่าแปลกชะมัด

        “นี่... ข้าไม่ชอบเด็กนะรู้มั้ย เพราะฉะนั้นถ้าข้าเผลอทำเจ้าตายก็ไปโทษกัปตันเอาเองนะ”เอ่ยบอกประโยคที่แสนโหดร้ายด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ... ก็จริงอย่างที่บอกแหละว่าเขาไม่ชอบเด็ก กัปตันเองก็รู้เรื่องนี้ดีก็ยังจะส่งเด็กนี่มาให้เขาดูแลอีก เพราะฉะนั้นถ้าเขาดูแลเด็กนี่ไม่ดีขึ้นมากัปตันก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าเขาเหมือนกัน...

        แล้วอีกอย่างเขาก็เป็นนักฆ่า... จะให้นักฆ่ามาเลี้ยงเด็กนี่ไม่ตลกไปหน่อยรึไงกัน

        “เอาเถอะ... พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะงั้นนอนไปก่อนแล้วกัน”เอ่ยเสียงนิ่งก่อนหันไปที่ตะกร้าใบใหญ่ซึ่งเขารื้อของข้างในไปกองไว้ที่มุมห้องแทนแล้วปูด้วยผ้านวมกับหมอนใบเล็กแล้ววางอีกฝ่ายลงก่อนจะดันตะกร้าให้เข้าไปตั้งในๆเตียงแล้วหันมาที่เป้สัมภาระของตนเองกับของซึ่งวางระเกะระกะเต็มพื้น อันที่จริงจะทิ้งไว้ก่อนแล้วค่อยมาจัดตอนเย็นๆก็ได้แต่เขาไม่อยากมานั่งปวดหัวกับปัญหาที่จะตามมาเมื่อของแต่ละอย่างในสัมภาระของเขาไม่ใช่สิ่งที่บุคคลทั่วไปพึงจะพกไปมา...

        ถึงแม้มันจะเป็นเรื่อง ค่อนข้างปกติสำหรับ R.I.P. ก็เถอะ

        ไม่รู้ว่าเขานั่งจัดของมานานแค่ไหน... แต่พอรู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้วพร้อมกับเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อเรียกให้เขาลงไปทานข้าวเย็น ทรอยค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองที่บนเตียงก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยกับภาพที่เห็น...

        เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้โยนมีดขึ้นไปบนเตียงเลยแม้แต่เล่มเดียวเพราะต่อให้เขาเพลิดเพลินกับการจัดของแค่ไหนเขาก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดที่จะโยนมีดขึ้นไปบนเตียงที่มีเด็กอายุไม่ถึงขวบดีนอนอยู่เพราะแค่มีดของเขาเล่มเดียวก็ทำให้เด็กนั่นตายได้สบายๆดังนั้นเขาจึงเอาของทั้งหมดมาวางกองเรียงกันบนพื้นแทน...

        แต่ว่าในมือเด็กนั่นดันมีมีดเล่มหนึ่งอยู่นี่สิ... แถมเด็กนั่นยังแกว่งมันไปมายังกับว่ามันเป็นของเล่น

        แสงวูบวาบมาจากคมมีดซึ่งสะท้อนแสงไฟในห้องสะท้อนเข้าตาทรอยจนเริ่มรู้สึกน่ารำคาญ อันที่จริงเขาก็เข้าไปดึงมีดมาจากอีกฝ่ายได้ง่ายๆถ้าเขาคิดจะทำแต่บังเอิญว่าเขาไม่คิดจะทำอย่างนั้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูสนุกสนานอยุ่พอตัวกับการโบกอาวุธอันตรายแบบนั้นเล่นไปมา

        “ชอบมันเหรอ? นั่นน่ะเรียกว่า มีดสปาต้า นะ”ทรอยเอ่ยแม้จะรู้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจอยู่ดีพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆตะกร้าใบใหญ่ ดวงตาสีโกเมนเลื่อนจากมีดในมือมามองที่ทรอยแทนก่อนจะโยนมีดในมือทิ้ง...

        นั่นทำให้ทรอยใจหายใจคว่ำเมื่อมีดนั่นลอยไปปักที่ขอบตะกร้าแบบเฉียดปลายเท้าของอีกฝ่ายไปไม่ถึงเซ็นต์

        ทรอยรีบดึงมีดนั่นขึ้นมาก่อนจะยัดมันเข้าไปในอกเสื้อแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ... บางทีเขาคงต้องรอบคอบมากกว่านี้ถ้ายังไม่อยากให้ยัยหนูนี่มาตายในห้องเขา คิดพลางส่ายหน้าไปมาในใจก่อนจะสอดมืออุ้มอีกฝ่ายขึ้นจากตะกร้าซึ่งเด็กนั่นก็มองเขาอย่างงงๆ

        เกลียดสายตาแบบนั้นชะมัดเลยให้ตาย คิดในใจนิ่งๆก่อนเดินไปยังห้องทานอาหารโดยมีร่างเล็กๆของเด็ก... ซึ่งคาดว่าน่าจะชื่อซาซาเซลอยู่ในอ้อมแขน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×