ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaos fiction เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นคนหนึ่ง [YAOI][Rewrite]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chaos fiction 5th : Let me take care of you

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 59



    5th

    Let me take care of you









                  “เห้ย! ไอ้เหี้ยกล้า กูลอกการบ้านหน่อยดิวะ ไอ้ก้องมันรีบวิ่งจี๋มาที่โต๊ะผมเลยครับ ผมนี่ได้แต่ดูทำท่ารุกรี้รุกรนของมันครับ ผมก็เลยเอาการบ้านที่ผมนั่งปั่นมาหมาดๆเมื่อคืนยื่นให้มันครับ

     


                “ไอก้อง เดี่ยวขอถ่ายรูปหน่อยดิวะ กูก็ยังไม่เสร็จเหมือนกัน” จู่ๆไอ้นัทก็มาจากไหนไม่รู้ครับ ในมือมันนี่ถือโทรศัพท์พร้อมเปิดแอพกล้องเสร็จสรรพเตรียมพร้อมเลยครับ ไอ้ก้องก็เลยยื่นให้มันไปถ่ายแชะนึงก่อนที่มันจะกลับไปนั่งปั่นของมัน ไอ้ก้องก็ปั่นมือระรัวปั่นยิกเลยครับ

     



                “โหยยยย ไอก้องไม่แบ่งเพื่อนฝูงเลยวะ มาๆกูลอกด้วย” ไอ้บอม ไอ้กัน และไอ้แน็ทก็เข้ามากอดคอไอ้ก้องก่อนจะแลนด์มาร์คแถวๆไอ้ก้องกันเป็นหย่อมๆเลยครับ แหมมมม ทีเวลาพวกมึงลอกการบ้านนี่สามัคคีกันจริงจริ๊งงง

     



                “ต้นกล้า เราขอยืมลอกด้วยนะ” เป็นนมกล่องครับที่เข้ามาขอการบ้านไปลอก แต่พวกนั้นดูเหมือนจะไม่ยอมนะครับ ตั้งสงครามแย่งสมุดการบ้านกันเลยทีเดียว ผมเห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่ได้เลยครับ

     



                “เห้ย!! เจ้พันธมิตรมาแล้ว รีบเก็บเร็วพวกมึง!!!!” ขณะที่ไอ้พวกการบ้านไม่เสร็จกำลังเมามันกับการบ้านตรงหน้าอยู่นั้น ไอ้เจ็ดหัวหน้าห้องแม่งตะโกนลั่นห้องเลยครับ คราวนี้ก็เหมือนกับผึ้งแตกรังเลย หรือไม่ก็พวกเขมรพ่ายไทยแล้วหนีกันกระจายอะไรประมาณนั้นอะครับ จริงๆก็คืออ.พรพรรณนั่นแหละครับ แต่นางชอบเล่าเรื่องการเมืองตอนที่สอนไปด้วยสิครับ ก็เลยตั้งฉายาแกซะเลย 55555 แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมชอบนอกเรื่องจะได้หมดเวลาเร็วๆ

     

     

     

     

     





     

     

                แล้วการบ้านก็ผ่านไปได้โดยสวัสดิภาพครับ เพราะไอ้พวกนั้นแม่งสกิลเทพอยู่แล้วครับ ปั่นขณะที่เจ้แกเล่าเรื่องการเมืองขณะสอนเหมือนเดิมแล้วนางก็ออกรสออกชาติตามประสานางครับ เพื่อนทั้งห้องก็เลยส่งต่อการบ้านคนที่เสร็จแล้วให้ลอกต่อไปเรื่อยๆอย่างไฟลามทุ่งเลยครับ ตอนนี้ผมก็กำลังจะกลับบ้านครับ เพราะวันนี้ไอไอซ์แม่งไม่สบายครับเลยโดดซ้อมซะหน่อย คุคุ กลับบ้านไปนอนตีพุงเล่นดีฟ่า แล้วตาผมก็ดันเหลือบไปเห็นร่างสูงที่สนามบาส กำลังเล่นบาสอย่างเมามันอยู่กับกลุ่มเพื่อนมัน มันก็ดันมาเห็นอีกและก็กำลังวิ่งตรงลี้มาทางผมแล้วครับ

     



                “ต้นกล้า มาเล่นด้วยกันสิ” ร่างสูงพูดพร้อมอาการเหนื่อยหอบสักเล็กน้อยก่อนจะยกมือปาดเหงื่อบนโครงหน้าคมคายนั้น

     



                “เอ่อ...จะดีหรอ?” ผมชักไม่แน่ใจว่าจะไปดีเปล่า เพราะผมไม่ค่อยชอบเล่นกีฬาซะด้วยสิ ก็มันกลัวเจ็บนี่ครับก็เลยไม่ค่อยได้เล่น อย่างมากที่เล่นกีฬาก็แค่วิ่งครับ เห็นอย่างนี่ก็เถอะ ผมก็วิ่งเร็วไม่แพ้ใครหรอกนะครับ (เหมือนมีรีดเดอร์ชักหมั่นไส้ไอ้ต้นกล้าพักหลังๆใช่ไหมครับ)

     


                “เถอะน่า มาเถอะ” ยังไม่ทันตัดสินใจเล๊ยยยยย ลากไปเฉยเลย เออ แล้วจะถามหาพระแสงของ้าวหรือไง?    -_-‘

     



                ณ บัดนาวผมก็ได้มายืนเป็นเซ็นเตอร์มั้งครับ ผมก็ดูการแย่งลูกอันเดือดดาลบริเวณกลางสนามซึ่งตอนนี้เริ่มที่จะเข้ามาใกล้บริเวณที่ผมอยู่มากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับคนฝั่งตรงข้ามกำลังจะชู้ตแล้วครับ

     



                “ต้นกล้ากันไว้สิ” อ้าวก็คนมันไม่เคยเล่นนี่หว่า จู่ๆก็จับมาเล่นเฉยเลย ตอนนี้ความรู้สึกผมก็คงไม่ต่างอะไรกับไอ้งั่งที่ยืนทำสากอะไรไม่รู้ครับ โหยยย เพลียจิต แต่ยังไงก็พยายามจะรับลูกให้ได้แล้วกัน ผมก็เลยกระโดดกะจะปัดลูกที่มันลอยจะเข้าแป้นครับ  เห้ย!!! ตายแล้วจะล้มแล้ว อ้า

     



    ตุ๊บ!!!!

     



                จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมารับผมไว้ก่อนผมจะหล่นพื้น ผมค่อยๆลืมตาตัวเองขึ้นก็พบกับร่างสูงที่เอาตัวเองเข้ามารองไว้ โอ้โห!!! ผมบอกได้เลยครับว่าตอนนี้แม่งเหมือนนางเอกตอนล้มทับพระเอกเลยอะ ผมก็มองตากับสมาร์ทสักแวบนึงก่อนที่ผมจะกระเด้งตัวเองขึ้นครับ โอ้ยยยยย ผมนี่ทรุดไปอีกทีเลยครับ พอดีมาดูที่สาเหตุ ข้อเท้าผมนี่บวมเป่งเลยครับ ปะกี้คงพลิกชัวร์ๆเลย ไม่น่าเล่นเลยอะ

     



                “สมาร์ท กูว่าพาต้นกล้าไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ ข้อเท้านี่บวมเป่งเลยเนี่ย” แล้วก็มีผู้ชายคนนึงมาดูอาการผมแต่ก็คงจะเป็นเพื่อนสมาร์ทนั่นแหละบอกให้พาผมไปห้องพยาบาล สมาร์ทที่นอนอยู่สักพักก็รีบลุกขึ้นมาดูอาการผมทันที

     



                “เป็นไงบ้าง เดี๋ยวผมพาไปห้องพยาบาลนะ” จากนั้นมันก็จับอุ้มผมไปห้องพยาบาลเลยครับ แต่ก็ไม่เคยให้ใครอุ้มนะครับแต่นี่มันจำเป็นนี่ เพราะผมปวดมากจนเดินไม่ไหวเลยครับตอนนี้

     

     

     

     

     







     

                พวกเราก็มาอยู่ที่ห้องพยาบาลแล้วครับ อ.ในห้องพยาบาลก็ปฐมพยาบาลให้เรียบร้อยแล้วครับ บอกให้ผมประคบร้อนประคบเย็น แล้วถ้าปวดมากก็ให้กินยาแก้ปวดน่ะครับ สรุปคือผมเลยต้องนอนเดี้ยงอยู่บนเตียงเนี่ยแหละครับ

     



                “ผมขอโทษนะ ไม่น่าชวนต้นกล้าเล่นเลย ไม่งั้นก็คงไม่เจ็บตัวอย่างนี้” สมาร์ทที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงที่ผมนอนพูดด้วยหน้าที่สำนึกผิดมากๆอะครับ ผมนี่ตอนแรกว่าจะแกล้งมันซะหน่อยว่าไม่น่าชวนเล่นเลยซักหน่อยก็พลอยไม่อยากเล่นเลยครับ

     



                “ไม่เป็นไรหรอก เดี่ยวก็คงหายเองน่ะแหละ” แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรนี่น่ะสิ เห้อออออ จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีไอ้กล้า

     



                “นั้นจนกว่าจะหาย เดี่ยวผมดูแลต้นกล้าเอง เพราะเป็นคนทำผมก็ต้องรับผิดชอบ” สมาร์ทพูดพร้อมลุกขึ้นข้างๆเตียงที่ผมนอนเนี่ยแหละครับ

     



                “ไม่เป็นไรก็ได้มั้ง เราไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อย”

     



                “แค่เดินไม่ได้?




    “..................” เล่นเอาผมนี่อึ้งไปนิดๆ ก็จริงอย่างที่มันว่านั่นแหละครับ อย่าว่าแต่ลุกเลยครับ แม้จะก้าวขาลงพื้นนิดเดียวก็เจ็บแล้วครับ รู้สึกหนักใจนิดๆนึง แต่มีคนช่วยหน่อยก็ดีเหมือนกันเพผื่อลำบากไรเงี่ยอะครับ

     



                “ก็ได้” ร่างสูงก็เลยดีใจใหญ่เลยครับ เข้ามากอดผมแน่นเลยครับ ท่าทางจะดีใจจริงอะไรจริง ผมว่ามันดีใจอย่างกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเลยครับ แต่แม่งกอดซะผมหายใจจะไม่ออกเลยเนี่ย

     



                “ปล่อยก่อน แคกๆ จะตายก่อนได้ดูแลเนี่ย แคกๆๆๆๆ” มันก็รีบผละออกจากผมทันทีครับ โห่ยยยย เกือบตายแล้วไหมล่ะ

     



                “ก็ดีใจอะ เลยกอดแรงไปหน่อย 5555” แหมมม ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก ไอบ้า ว่าแล้วผมก็เลยนอนต่ออีกสักพักนึงก่อนที่จะย้ายตัวเองให้กลับไปยังบ้านพร้อมกับร่างสูงที่ต้องรับผิดชอบดูแลผมครับ มันพาผมไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันสีดำยี่ห้อซูมเมอร์เนี่ยแหละครับ แต่มันก็คงคิดหนักนะครับว่าจะเอาผมขึ้นยังไงก็สังเกตจากคิ้วที่ผูกกันเป็นเงื่อนพันกันตายแล้วมั้ง จู่ๆมันก็ยื่นหมวกกันน็อคให้ผมใส่และให้ผมนั่งหน้ามันเพราะที่เหยียบมันเตี้ยและสมาร์ทก็นั่งตามอีกทีครับ ถ้าถามความรู้สึกผมตอนนี้ละก็ เหมือนมีคนกอดจากด้านหลังเลยครับ เป็นความรู้สึกที่แปลกดีเหมือนกัน

     



                “เป็นไง นั่งได้ไหม?” ร่างสูงพูดพร้อมกับติดสายรัดคางหมวกกันน็อคไปด้วย ผมว่าตอนมองมันก็หล่อแล้วนะ พอใส่หมวกกันน็อคแม่งอย่างเท่ห์เลยครับ นี่ผมชมผู้ชายหรอเนี่ย ก็ธรรมดานี่เนอะ 55555 (หรออออออ)

     



                “ก็พอได้อะ แต่กลับบ้านเร็วหน่อยก็ดีนะ”

     



                “แล้วบ้านต้นกล้าอยู่ไหนอะ” เออ นั่นดิ ก็ไม่ได้คิดนี่นาว่ามันจะไปส่งอะครับ

     



                “ถนนตกอะ” ผมก็ไปเขินนิดนึง เพราะปกติไม่ค่อยมีใครถมว่าบ้านผมอยู่ไหนหรอกครับ นอกจากยัยเสียงเพลงนั่นแหละครับ

     



                “อ้าว ก็ไม่ไกลจากบ้านเรามากนิ บ้านเราอยู่บางรักเอง เพิ่งรู้นะเนี่ย”

     



                “หรอ? ก็ดีละเผื่อไปติวจะได้ไปสะดวกหน่อย” ก็จริงนี่ครับ บ้านใกล้ยิ่งเป็นเป้าหมายเลย คุคุ

     



                “นั้นเรากลับบ้านกันเถอะ จับแน่นๆแล้วกัน” ร่างสูงก็สตาร์ทเครื่องแล้วเร่งเครื่องออกจากที่จอดรถ ผมนี่จับข้างรถไว้แน่นเลยครับ กลัวมีเหตุต้องเจ็บตัวอีก กันไว้ดีกว่าแก้ แล้วก็อย่างว่าแหละครับ รถในกรุงเทพนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ติดมากกกกกกกกกก ติดแบบอาบน้ำรอกันได้เลยครับ ผมละเพลียจิตกับจราจรกรุงเทพจริงจริ๊งงงงง

     



                “รถติดจังวะ” ก็มันทนไม่ไหวจริงนิครับ ผมว่าผมอยู่ตรงนี้นานมากแล้ว พอดูนาฬิกาก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละครับว่ามันผ่านมา 20 นาทีแล้ว มันจะติดอะไรนักหนาของมันเนี่ย

     



                “นั้นผมแทรกเลยแล้วกัน” เออ ลัดได้แล้วทำไมไม่แทรกตั้งแต่แรกวะ หุ่ย คนยิ่งเจ็บๆเท้าอยู่ ถนอมหน่อยก็ดีนะ แล้วมันก็เลาะออกมาจากตรงนั้นได้ครับ ค่อยหายใจหายคอได้หน่อย

     



                 “ตั้งนานก็ไม่แทรกเนอะ ไม่นั้นออกมานานละ”

     



                “ขอโทษครับ เดี่ยวจะไปถึงบ้านให้เร็วที่สุดเลย” ร่างสูงก็เร่งเครื่องอีกทำให้ผมต้องเกาะแน่นขึ้นอีก สมาร์ทมันคงเห็นมั้งครับ มันเลยเยิบตัวเข้ามาใกล้ผมอีกเพื่อกันผมไม่ให้ตกแต่ที่จริงก็ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง

     



                “ไม่ตกแล้วเนอะ” ไอคนใส่หมวกกันน็อคแบบปิดหมดยกเว้นตาพูดแต่ก็ยังจับตามองที่ถนน แต่เสียงหัวใจผมนี่ทำไมมันถึงเต้นตุบตับๆอยู่ในอกละเนี่ย งงตัวเอง

     

     

     

     

     










                กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เล่นเอาซะเกือบค่ำเลยครับ พอมาถึงก็วิ่งลงไปกะจะเข้าบ้านเลยครับแต่ลืมนึกถึงสังขารตัวเองว่าเท้ายังเจ็บอยู่ เลยทรุดเลยครับทีนี้

     



                “โอ้ยยยยยยยยยยยยย”

     



                “แหม ลงนี่ก็ไม่ดูตัวเองเลยนะ เป็นไงบ้าง ไหนดูดิ๊” ร่างสูงเดินมาดูพร้อมกับย่อตัวลงมาดูข้อเท้าที่ตอนนี้มันชักจะบวมขึ้นกว่าเดิม แต่บอกได้คำเดียวครับว่าโคตรของโคตรปวดเลยครับ ร่างสูงจึงพยุงตัวผมให้เดินเข้าไปในบ้าน แต่ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมมาจากในบ้านผมแล้วก็มีเสียงตะโกนดังลั่นออกมาเลย และมันก็เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนด้วย

     

     











                “มึงมีแค่นี้เนี่ยนะ!!!!

     

              













    +++++++++++++Chaos fiction++++++++++++++




    ขอโทษนะครับที่มาลงช้าหน่อย พอดีว่าช่วงนี้การบ้านเยอะครับ ขนาดแค่เปิดเทอมนะครับเนี่ย -_-'

    แต่ยังไงก็จะรีบปั่นการบ้านให้เสร็จแล้วก็มาลงต่อให้เลยนะครับ

    ส่วนต้นกล้ากับสมาร์ทจะเจออะไร ไว้รอติดตามกันนะครับ

    อ่านแล้วอย่าลืมช่วยกัน comment แนะนำหรือติชมกันด้วยนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×