คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chaos fiction 6th : Just a kidding!?
6th
Just a kidding!?
“มึงมีแค่นี้เนี่ยนะ!!!”
“พ่อ!!!!!!!”
ทันใดนั้นผมก็รีบลุกขึ้นทันทีแต่ก็ฝืนข้อเท้าที่บวมให้เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลง
“ให้ผมช่วยไหม?”
ร่างสูงเดินเข้ามาข้างๆผมแล้วก็ช่วยพยุงผมทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ตอบกลับไป แล้วเราสองคนก็เดินลุ่มๆดอนๆไปก่อนจะไปถึงประตูหน้าบ้านก็เห็นว่าพ่อของผมนั่งอยู่กับพื้นแล้วลุกขึ้นคุกเข่าพนมมืออ้อนวอนใครบางคนอยู่
เพราะมองจากทางนี้แล้วจะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากทางช่องประตูที่พ่อผมอยู่
“ฉันมีแค่นี้จริงๆนะ ไว้ฉันจะหามาคืนให้อีกนะ
ตอนนี้ฉันไม่มีแล้วจริงๆ” พ่อผมยังคงพนมมืออ้อนวอนไม่หยุดเลยครับ
แล้วคนที่ผมมองไม่เห็นว่าคือใครก็โผล่ออกมา แล้วก็ตบพ่อผมล้มลงไปกับพื้นเงยขึ้นมาอีกทีหน้าพ่อผมก็ช้ำไปทั้งหน้าเลยครับ
ตอนนั้นผมรีบผละออกจากร่างสูงแล้วเดินด้วยท่ากระต่ายขาเดียวไป
แต่ก็โดนร่างสูงคว้ามือไว้ก่อน
“ผมว่าเราแอบกันก่อนดีกว่านะครับ
ไม่งั้นเราอาจจะเป็นอันตรายแล้วช่วยพ่อต้นกล้าไม่ได้นะครับ”
ผมทนไม่ได้กับภาพตรงหน้าแต่ก็ต้องยอมฟังสมาร์ทแล้วเดินไปแอบพุ่มไม้แถวนั้นแล้วซุ่มมองดู
“ได้!!! ถือว่ามึงไม่เคยเบี้ยวกูนะ
กูให้เวลามึงสองอาทิตย์ หาเงินมาใช้กูให้หมดนะ ถ้าไม่หมด”
แล้วมันก็ถลกเสื้อขึ้นหยิบปืนกระบอกขึ้นมา แล้วก็ลูบที่ปากกระบอกเบาๆ
“ลูกกระสุนเนี่ย อาจจะฝังเข้าไปในสมองมึงก็ได้นะ เห้ย!! กลับเว้ย!!!”
มันเดินออกมาพร้อมกับพวกมันอีกสักสองสามคน
พอพวกมันไปถึงหน้าประตูก็มีรถเก๋งขับมารับพวกมันแล้วก็ไป ดีที่พวกมันไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ของสมาร์ทก็เพราะสมาร์ทมันเล่นจอดใกล้กับบ้านถัดไป
พวกมันเลยไม่เอะใจมั้งครับ ผมเลยให้ร่างสูงพาผมเดินเข้าบ้านก็พบกับพ่อที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น
ผมเลยผละออกจากร่างสูงไปดูพ่อตัวเองทันที
“พ่อเป็นไรมากมั้ย พวกนั้นมันเป็นใคร
ทำไมถึงมาทำร้ายพ่ออะ” ผมถามพ่อด้วยความร้อนรนใจมาก
เพราะผมไม่เคยเห็นพวกนั้นมาก่อนและผมก็ไม่เคยเห็นพ่อผมโดนทำร้ายขนาดนี้มาก่อน
“เอิ่ม...พ่อต้องบอกความจริงแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
ตอนนี้พวกเรากับพ่อก็มานั่งกันอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วครับ
ผมกับสมาร์ทนั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ส่วนพ่อก็นั่งฝั่งตรงข้ามกัน
สภาพตอนนี้เงียบมากครับยังไม่มีใครเริ่มพูด ยังคงนั่งกันอยู่เงียบๆ
“คือ...พ่อติดเงินพวกมันไว้สามแสนน่ะ
ตอนนี้พ่อก็ทยอยผ่อนไปจนเหลือแสนนึงแล้วแหละ
แต่ช่วงนี้รู้สึกพวกมันคงจะร้อนเงินกันน่ะ พวกมันเลยกะจะเอาทีเดียวแสนนึงเลย
แต่พ่อมีให้แค่หมื่นเดียว แล้วพ่อใช้หนี้นี้มาตั้งหลายปีแล้ว
กว่าจะเก็บได้เป็นหมื่นก็ต้องใช้เวลาตั้งเดือนถึงจะหาได้
แต่พวกมันให้เวลาพ่อสองอาทิตย์ให้เคลียร์ที่เหลือให้หมด” ก็กลายเป็นพ่อผมที่เปิดประเด็นนั่นเอง
พ่ออธิบายว่าพวกนั้นมันมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร แต่ที่ผ่านมาพ่อผมไม่เคยบอกเลยว่าพวกเรามีปัญหาเรื่องเงินมากขนาดนี้
ผมก็คิดว่าเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้แต่ผมคงคิดผิดถนัดเลย
“แล้วพ่อไปติดพวกมันได้ยังไงอะ”
“คือ...พ่อยืมพวกมันมาซื้อบ้านหลังนี้แหละ
ช่วงนั้นพ่อยังหาเงินไม่ค่อยได้น่ะเลยต้องยืมพวกมัน ที่จริงพ่อยืมมันมาแค่แสนห้า
แต่พวกมันเก็บดอกเบี้ยเยอะก็อย่างว่าแหละหนี้นอกระบบนี่เนอะ เลยกลายเป้นสามแสนเลย
55555” แหมพ่อ คนยิ่งซีเรียสอยู่ยังจะเล่นอีกเนอะ
“พ่อยังจะมาตลกอีก นี่ซีเรียสนะเนี่ย
แล้วยังงี้พ่อจะจ่ายมันทันได้ไงล่ะ” ผมนี่ถึงกับมองที่พื้นโต๊ะแล้วกำมือที่เข่าแน่นเลย
แต่จู่ๆร่างสูงก็เอามือมาวางซ้อนมือที่เข่าของผมเหมือนเป็นการให้กำลังใจ
แต่ผมก็ยังคงวิตกไม่หายเลยครับ
“เอ่อ...แล้วนี่ใครล่ะ
นั่งอยู่ตั้งนานล่ะ ไม่แนะนำให้พ่อรู้จักเลย”
จู่ๆพ่อผมก็เปลี่ยนเรื่องไปเป็นถามชื่อไอ้หน้าหล่อที่นั่งอยู่ข้างๆผมที่ตอนนี้ก็กำลังให้กำลังใจผมอยู่เช่นกัน
แล้วก็เราก็เอามืออกจากกัน
“อ่อ ผมสมาร์ทครับ
ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวก่อนครับ”
“ไม่เป็นไร แค่อยากถามเฉยๆเป็นเพื่อนสมาร์ทใช่ไหม ไม่เห็นเจ้าต้นกล้าจะมาแนะนำเลย แหม หน้าตาหล่ออย่างนี้สาวคงติดเยอะเลยล่ะสิเนี่ย”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
ร่างสูงเอามือเกาท้ายทอยแก้เขินนิดๆ
แต่ก็อย่างที่พ่อว่านั่นแหละมันก็หล่อจริงแหละครับ พูดแล้วอิจฉาเลย
“นั้นเดี่ยวพ่อไปทำกับข้าวดีกว่า
ยังไงสมาร์ทก็อยู่กินข้าวด้วยกันแล้วกันนะ”
แล้วพ่อผมก็เดินไปหลังบ้านซึ่งเป็นห้องครัวแหละครับ พ่อผมนะขนาดมีเรื่องอย่างนี้แล้วยังทำตัวปกติได้อีกเนอะ
พ่อผมนี่นะ
“พ่อต้นกล้านี่เก่งจังเลยนะ
ขนาดเจอแบบนี้แล้วยังตั้งสติได้นี่ถ้าผมเจอคงขวัญกระเจิงแล้วมั้งครับเนี่ย”
หลังจากที่พ่อผมเดินไป ร่างสูงก็เอ่ยปากชมพ่อผมทันที
ที่จริงอยากบอกว่าก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละครับ
“ก็นะ เขาก็อย่างนี้อยู่แล้วแหละ
ยังไงก็ขอบใจสมาร์ทแล้วกันที่ช่วยให้เราไม่ออกไปตอนนั้น
ไม่งั้นเหตุการณ์อาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ ถ้าสมมติว่าพวกนั้นมันเจอเราอะ
และก็ช่วยพยุงเราด้วย”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก
บอกแล้วไงว่าเราจะดูแลต้นกล้าเอง” พอร่างสูงพูดคำนี้ก็เล่นเอาผมนี่หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยครับ
นี่เป็นอะไรของผมกันเนี่ย หรือว่าไม่เคยมีใครพูดก็เลยรู้สึกแปลกๆหรือเปล่า
“แหม่
เราโตแล้วนะจะมาดูลงดูแลอะไรเราล่ะ” ผมก็ก้มหน้าหงุดลงมองพื้น ไม่รู้ว่าเขินหรือไร
ไม่เคยเป็นมาก่อนนะเนี่ย บ้าเอ้ยยย เป็นไรเนี่ยยยยยยย
“ก็ผมไม่น่าชวนต้นกล้าเล่นเลย
ไม่งั้นต้นกล้าก็ไม่เจ็บตัวหรอก” สมาร์ทหน้าเศร้าไปนิดๆ ผมเลยเอนตัวขึ้นไปมองเพดาน
ไม่อยากมองหน้าไอคนข้างๆตอนไม่ยิ้มสักเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ได้เล่นก็หนุกดี
อีกอย่างเราอะซุ่มซ่ามเอง ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า”
“แต่...” ผมรีบเอามือปิดปากสมาร์ททันทีไม่ให้มันได้พูดต่อ
เบื่อจริงๆเลย ผมว่าผมคิดมากแล้วเจอนี่น่าจะเรียกว่าคิดเล็กคิดน้อยเลยแหละครับ
“บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรดิ
นี่ยิ้มสิ ทำหน้าเศร้าทำไมไม่หล่อเลยเห็นไหม”
ผมเอามือออกจากปากมันแล้วมาทำท่ายิ้มให้มันแทนครับ มันก็ยิ้มกลับให้ผมครับ
อืม...ยิ้มแล้วมันดูหล่อขึ้นเลยครับ
“นี่ไงผมยิ้มแล้ว หล่อยังครับ?” เล่นถามยังงี้
เอาซะผมไม่กล้าตอบเลย แต่ก็คงต้องตอบให้อีกฝ่ายสบายใจแล้วกัน
“หล่อแล้วครับ
ยิ้มสิดีจะได้มีสาวมาติดเยอะๆ”
“แล้วถ้าคนแถวนี้อะ จะติดไหม?” เจอคำถามนี้ทีผมอึ้งรับประทานเลยครับ
นี่ อย่าบอกนะว่าแม่งจะจีบผมอะ ไอบ้า ผู้ชายจะจีบผู้ชายเนี่ยนะตลกและ
“ผมแค่ล้อเล่นน่า
แค่นี้ทำเป็นอึ้งไปได้ อย่าลืมสิ ผมจะจีบเสียงเพลงนะ” เออ นั่นดิ ลืมไปเลย
5555
แต่ก็ลืมไปว่าต้องช่วยเป็นพ่อสื่อให้มัน ช่วงนี้การบ้านเยอะเลยไม่ค่อยได้ช่วยมันซักเท่าไหร่
“เออเนอะ 55555”
“หรือว่าอยากให้จีบต้นกล้าล่ะ?” อึ้งยกสอง อะไรของมันเนี่ย
ถ้าเล่นอีกทีคงได้หล่นโต๊ะแน่นอนครับ
“ล้อเล่นอีกใช่ไหม?” แล้วอยู่ๆสมาร์ทก็ค่อยๆขยับตัวเข้ามาใกล้ผม ทำให้ผมเห็นโครงหน้าหล่อนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น และร่างสูงก็ค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมต้องใจสั่นด้วย ไม่เข้าใจจริงๆครับ ตอนนี้หน้าเราห่างกันแทบไม่ถึงคืบแล้วครับ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ใจผมนี่ยิ่งเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆถึงกับต้องหลับตาเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อเลยครับ แล้วจู่ๆร่างสูงก็เอาหน้าออกจากหน้าผมแล้วก็หัวเราะนิดๆ
“ผมล้อเล่นน่า” นั่นไง เอาอีกและ
มาทำผมใจสั่นเล่นแล้วก็เอาหน้าออกไปแต่ขอยอมรับเลยครับว่าไม่เคยเป็นจริงๆก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกันครับ
“นี่ วันหลังอย่าเล่นอะไรแบบนี้นะ
ไม่งั้นเป็นลมไม่รู้ตัวแน่” พูดไปแต่ใจก็ยังไม่หายสั่นเลยครับ โห่ย
เล่นบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้
“ไม่เล่นก็ไม่เล่นครับ
เดี่ยววันหลังเอาจริงเลยแล้วกัน 55555” ผมนี่ต่อยไหล่มันไปทีนึงครับ ข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้
แล้วพ่อผมก็เรียกให้ไปเอากับข้าว ไม่วายร่างสูงก็รีบพลีตัวเข้าไปช่วยทันทีครับ
มันอ้างว่าขาเจ็บนั่งเฉยๆไปแต่มีรึผมจะยอมก็เลยเดินไปอย่างโซซัดโซเซนิดหน่อยเข้าครัวไป
พอผมจะหยิบจานนั้นมันก็แย่งจานนี้มันก็แย่งสรุปมันจะไม่ให้ผมช่วยพ่อเลยใช่ไหมครับเนี่ย
ตอนนี้จานกับข้าวต่างๆก็จัดวางอย่างสวยงามแล้วครับ
ถึงเวลาโม่แล้ว 55555 พวกเราก็จัดการกับข้าวตรงหน้าเลยครับ
~That maybe it's true that I can't
live without you and maybe two is better than one but there's so much time to
figure out the rest of my life and you've already got me coming undone and I'm
thinking two is better than one~
ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงริงโทนร่างสูงนะครับ
เพราะมันรีบขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ทันทีครับสงสัยว่าแม่คงโทรมาแน่นอนครับ
“เออ แล้วเราไปรู้จักสมาร์ทได้ยังไงล่ะห้ะ?”
พ่อผมที่นั่งเงียบอยู่นานก็ถามขึ้นมาครับ พร้อมกับยกแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างจานขึ้นดื่ม
“ก็รู้จักกันตอนที่จะไปสมัครทุนนั่นแหละครับ
แล้วมันก็มาเพิ่มเฟสผมเองเนี่ย ตอนแรกก็ไม่กล้ารับหรอก จู่ๆมันก็มาบังคับในเฟสก็ต้องรับงะ”
ผมก็พูดไปทำหน้ายิ้มเจื่อนๆหน่อย
ก็มันจริงนี่ครับผมไม่ได้อยากรับมันสักหน่อยแต่มันมาบังคับนี่นา นั่นไงครับตายยากจริงไรจริงเดินมานั่นและ
ร่างสูงก็หย่อนตัวลงนั่งที่เดิมและก็หันหน้ามามองผมครับ
“พอดีแม่ผมโทรตามแล้วน่ะ
ยังไงทานข้าวเสร็จก็คงต้องขอตัวกลับก่อนแหละครับ” แหมมมมม บ้านมันนี่คงเป็นโรงเรียนสอนมารยาทมั้ง
พูดซะไพเราะเสนาะหูเชียว ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นกับทุกคนหรือเปล่า
แต่ผมว่ามันน่าจะพูดเป็นกันเองบ้างนะ
“อืมๆ โอเค รีบๆกินให้เสร็จก่อนเถอะ”
ตอนนี้ผมกับมันก็มายืนอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้านแล้วครับ
ร่างสูงก็กำลังจะขึ้นมอเตอร์ไซค์คันเก่งของมัน ส่วนผมที่ต้องลากสังขารออกมาส่งมัน
(เพราะพ่อบังคับเนี่ยแหละครับ) ที่จริงก็ต้องออกมาส่งแขกเป็นปกตินะล่ะครับ
เพราะพ่อผมสอนเสมอว่าแขกไปใครมาก็ต้อนรับเขาและดูแลเขาให้ดี
“นั้นเดี่ยวผมกลับแล้วนะครับ”
ร่างสูงก็เตรียมจะสตาร์ท
ในนาทีนั้นผมก็ได้บางอย่างขึ้นมาได้ในหัวก็เลยพูดออกไปครับ
“เดี่ยว
ไหนๆเราก็รู้จักกันพอสมควรและ ใช้กูมึงก็ได้แล้วมั้ง”
ผมก็ไม่รู้นะครับว่าปกติมันได้ใช้กูมึงกับคนอื่นหรือเปล่าเหมือนกัน
กลัวมันจะไม่กล้าใช้สิครับ
“................”
“.................”
ก็มันเงียบนี่ครับ จนผมไม่กล้าพูดต่อเลย
สงสัยว่ามันคงจะไม่เคยกับใครจริงๆครับ ผมก็เลยคอตกไปนิดๆเลย
“เออ...ปกติก็ไม่เคยใช้กับใครหรอกนะ
แต่ยังไงก็ขอบใจนะมึง” พอได้ยินอย่างนั้น ก็เลยเงยหน้ามายิ้มให้มันมันทีครับ
“อื้ม ไม่เป็นไร”
มันก็ส่ายหัวนิดๆให้กับยิ้มเด็กๆของผม มันก็ยีหัวผมเล่นด้วยความหมั่นไส้มั้งครับ
“เออ
นั้นกูกลับก่อนล่ะ ฝากขอบคุณเรื่องกับข้าวพ่อมึงด้วย อร่อยดี”
“โอเค
กลับบ้านดีๆนะมึง” จากนั้นมันสตาร์ทเครื่องแล้วก็ออกจากบ้านไปครับ
ก็ดีใจนะครับที่มันเริ่มพูดกูมึงกับผมก็ถือว่าเราสนิทไปอีกขั้นแล้วเนอะ 55555
++++++++++++++Chaos fiction++++++++++++++++
อัพให้อีกตอนแล้วกัน เดี่ยวกลัวรีดเดอร์จะลุ้นตายคาคอมซะก่อน 555555
จากนี้ก็คงจะวางมือสักพัก เพราะมีงานน่ะครับ ต้องเคลียร์ยาวเลย 55555 แต่ยังไงเดี่ยวก็ต้องกลับมาอัพแน่นอนครับ
แล้วสรุปต้นกล้าคิดยังไงกับสมาร์ทกันแน่เนี่ย แต่อย่าลืมว่าสมาร์ทชอบเสียงเพลงนะ
อีกอย่างมีการให้ใช้กูมึงแล้วด้วย สงสัยจะสนิทขึ้นจริงๆนะแหละ
แล้วเขาสองคนจะเป็นไงต่อ อย่าลืมติดตามเค้าน้าาาา อย่าลืม comment หรือเป็นแฟนคลับให้เค้ามีกำลังใจด้วยน้ะ
ความคิดเห็น