ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry potter] Potter's triplets [BL/HL/OC]

    ลำดับตอนที่ #2 : The Triplets

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 67


    * [ ] = ภาษาไทย *


    “No!, please don’t kill them. They just a children”

    - Lily Potter -

    31 October 1981

    ท่ามกลางห้องที่เงียบสงัดกลับมีเสียงเอาะแอะไร้ภาษาของเด็กเล็กวัยหนึ่งขวบทั้งสามคนดังอยู่ พื้นห้องต่างเต็มไปด้วยของเล่นเด็กในรูปแบบของมักเกิ้ลและผู้วิเศษเต็มทางเดินจนแทบหาทางไปถึงตัวเด็กไม่ได้ หากตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงมีมากมายไร้ที่เดินแบบนี้

    นิสัยของเพื่อนพ่อและแม่แต่ละคนคือคำตอบ

    เจย์เดน พอตเตอร์กำลังเฝ้ามองพี่สาวและน้องชายของตัวเองเงียบๆ เด็กชายตัวเล็กตาเขียวกำลังวุ่นอยู่กับไม้กวาดของเล่นอันเล็กอยู่ แม้จะล้มลุกคุลกคลานไปมากแต่ก็ไม่ได้มีแววจะหยุดเล่น ส่วนเด็กหญิงตาสีเขียวอีกคนเหมือนกำลังพยายามเข้าใจภาพประกอบในนิทานเด็กเล็กอยู่

    “บู้!!!”

    “แอ๊ะ!!!”

    ดวงตาสีเฮเซลเบิกกว้างพร้อมกับปากจิ้มลิ้มที่เปล่งเสียงหลงออกมา เสียงขำก๊ากจากผู้เป็นพ่อเป็นสัญลักษณ์ของความสะใจที่ดีที่สุด เจ้าตัวเล็กที่รู้ตัวว่าโดนแกล้งก็บุ้ยปากมองหน้าเจมส์ พอตเตอร์

    ดวงตาสีเดียวกันกำลังจ้องมองกันและกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง คนเป็นพ่อส่งสายตากลั่นแกล้งแบบไม่ปกปิดแต่เมื่อลูกชายส่งสายตาแง่งอนแล้วไม่ได้ผล

    แน่นอนคุณแม่ช่วยได้

    “อย่านะ เจย์เด-”

    “แง๊!!!!!!”

    “เจมส์!!”

    แม้ไม่ถามก็พอจะรู้ได้ว่าใครถืออำนาจในบ้าน เจมส์หันขวับไปมองลูกชายที่กำลังร้องไห้หน้าแดงก่ำ ยังไม่วายที่เจ้าตัวจะหยุดร้องไห้ดีก็ดันแวะแลบลิ้นปลิ้นตาให้เขาอีก เจมส์ได้แต่คิดว่าเด็กเล็กอย่างเจย์เดนนั้นมีทั้งความน่าเอ็นดูและความแสบซน หากพ่อกับแม่ของเขายังอยู่คงได้ทายทักว่าต้องโตมาเหมือนเขาแหง

    ในขณะที่เจมส์กำลังเหม่อลอยนึกถึงบุพการีอยู่เสียงแผดร้องก็ยังไม่มีแววจะหยุด แฮร์รี่ที่เห็นพี่ตัวเองร้องก็ทิ้งไม้กวาดของซีเรียสแล้วรีบคลานเตาะแตะเข้ามาลูบๆ หวังปลอบประโลมความโศกาของพี่ชาย เมแกนที่ช่วงแรกไม่มีทีท่าจะเข้ามาดูก็เริ่มค่อยๆเขยิบมาหาเหมือนไม่อยากให้น้องคนกลางรู้ตัวแต่พอมองมาอีกทีก็กลายเป็นว่าอยู่ข้างกันเป็นที่เรียบร้อย

    คุณแม่คนสวยเดินขึ้นมาถึงก็รีบตีผู้เป็นสามีทันที หล่อนพึ่งวางมือจากเด็กๆไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจจริงๆว่านิสัยขี้แกล้งของเจมส์ถึงไม่ลดลงเสียที

    “โถ่ลิลี่ ฉันแกล้งนิดเดียวเอง” เจมส์พูดเสียงอ่อย

    “ลูกพึ่งขวบเดียวเจมส์ เดี๋ยวเถอะ” ลิลี่อุ้มเจย์เดนขึ้นแนบอก “อุ้มอีกสองคนลงไปทานข้าวได้แล้ว”

    เจมส์อิดออดนิดหน่อยแต่ก็เถียงอะไรไม่ค่อยจะได้ อาหารเย็นสำหรับหนึ่งครอบครัวถูกตระเตรียมไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย เด็กทั้งสามไม่ใช่พวกที่ดื้อด้านไม่กินยากเย็น เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่ก็กินหมดทำให้เวลาบนโต๊ะอาหารไม่ได้ใช้นานถึงเพียงนั้น

    บรรยากาศอุ่นๆจากเตาผิงทำให้ความหนาวจากนอกบ้านไม่มีผลต่อพวกเขา ละอองสีทองถูกปล่อยจากไม้ฮอกกะนีให้สร้างภาพประกอบนิทานอันเลื่องชื่อของบีเดิล ยอดกวี

    นิทานเพียงหนึ่งเดียวที่สอนว่าความตายคือสิ่งที่ทุกคนจะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจ ผู้สามารถเรียกความตาย หรือแม้กระทั่งผู้ที่หลีกหนี ท้ายสุดของเรื่องความตายก็ต้องพาพวกเขาไปด้วยอยู่ดี

    เป็นตอนจบที่ไม่หวือหวาแต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน

    ฟ่อ!

    แจ๊สเปอร์แมวส้มประจำบ้านพองขนจนตัวฟู ลิลี่จ้องแมวของตัวเองฉงน เธอโอบอุ้มเมแกนแนบอกด้วยใจหวั่นๆ

    ตึก…ตึก…ตึก

    ชายปริศนาในชุดคลุมสีดำ ความรู้สึกเย็นวาบจากปลายเท้าขึ้นสู่หัว การหลบหลีกคำพยากรมาตลอดหนึ่งปีช่างไร้ค่า เจมส์รู้ตัวทันทีว่าตนถูกทรยศไม่มีทางที่จอมมารจะหาพวกเขาเจอเว้นแต่ว่าผู้รักษาความลับจะเปิดปากเอง

    หูของคู่สามีภรรยาพอตเตอร์อื้ออย่างบอกไม่ถูก พวกเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของชายตรงหน้าที่เย็นเหยียบด้วยซ้ำ ใบหน้าไร้ความเป็นมนุษย์นั้นทำให้เด็กๆเริ่มกรีดร้อง

    เจมส์ตะโกนเสียงดังให้ลิลี่หนี สัญชาตญาณของมือปราบมารกำลังเรียกร้องให้เขาหยิบไม้กายสิทธิ์

    แต่มันหายไปไหนกันล่ะ

    หญิงสาวโบกไม้กายสิทธิ์เพื่ออุ้มลูกน้อยให้ครบทุกคน เพียงลับตาไปไม่เท่าไหร่แสงสีเขียวน่าหวาดกลัวสาดส่องไปทั่วชั้นหนึ่งของบ้าน ในค่ำคืนที่สงบตอนนี้มีเพียงเสียงร่างหนักๆของใครบางคนที่กำลังร่วงโรยสู่พื้นบ้านเท่านั้น

    แขนที่กำลังอุ้มลูกน้อยไม่ให้ล่วงหล่นเหมือนบิดาสั่นเทาไม่ต่างจากเครื่องยนต์ของมักเกิ้ล ในห้วงความคิดมีเพียงว่าจะทำเช่นไรเหล่าลูกที่ไร้เดียงสาจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้ หากถอยหลังกลับก็คล้ายจะกลับไปตายหรือต่อให้เดินหน้าต่ออีกไม่นานก็คงจะตายไม่ต่างจากทางเลือกแรก ถึงความคิดจะยังคงฟุ้งซ่านแต่ใช่ว่าขาเธอจะหยุดเดิน

    ลิลี่วางลูกน้อยในเปลกว้าง เธอย่อตัวให้อยู่ในระดับสายตาของเด็กเล็ก

    “ไม่ต้องร้องนะเด็กดี” เธอลูบไปตามปอยผมน้อยๆของลูก “แม่รักลูกนะจ๊ะ พ่อก็รักลูกเหมือนกัน พวกลูกต้องปลอดภัย เข้มแข็งเอานะ”

    เธอพยายามกลืนเสียงสั่นเครือของหล่อนเอาไว้ เธอได้แต่คิดวนเวียนไปมา หากมีเวลามากกว่านี้เธอคงได้ฉลองคริสมาสต์กับลูกน้อยแล้ว น่าเสียดายที่ของขวัญที่เธอเตรียมไว้คงกลายเป็นหมันหลังจากผ่านคืนนี้ไป

    เธอกัดนิ้วตัวเองจนหลั่งเลือดออกมาเยอะพอที่จะเขียนอักขระโบราณตามที่ร่ำเรียนมา เลือดถูกปาดป้ายไปตามไม้กั้นเปลด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่หญิงสาวจะทำได้ แสงสีทองสว่างเรืองรองตามอักษรพลันหายพร้อมกับรอยเลือดของเธอ

    บู้ม!

    ประตูที่เป็นดั่งปราการป้องกันพังทลายลงทันตา ฝุ่นและควันต่างคลุ้งไปทั่วในอากาศกระตุ้นให้แสบจมูก ท่ามกลางบรรยากาศเย็นเหยียบกับเสียงแผดร้องของเด็กยิ่งสร้างความสับสนในจิตใจของลิลี่เพิ่มขึ้นไปเอง

    หยาดน้ำตาสีใสเริ่มหลั่งรินหลังจากการอัดอั้นมานาน เธอก็เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่ต้องการมีครอบครัวที่อบอุ่นเพียงเท่านั้น ลิลี่ไม่เคยคาดหวังว่าสามีต้องมีหน้าที่การงานที่ดีหรือลูกต้องเก่งกาจและมีชื่อเสียง ขอเพียงพวกเขามีความสุขก็เพียงพอขอแค่นี้มันยากเย็นนักหรือไร เธอเกลียดคำทำนายที่พรากอิสระภาพไปจากตัวเธอและครอบครัว เกลียดคนตรงหน้าที่จ้องแต่จะทำให้ชีวิตของเธอย่อยยับ มันพรากเพื่อนคนสำคัญของเธอไปและตอนนี้มันกำลังจะพรากลูกของเธอไป

    ฉันเสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว

    “ขอร้องล่ะ ฆ่าฉันแทนเถอะ อย่าทำพวกเขาเลยนะ”

    “ลิลี่ พอตเตอร์…ใช่..ใช่ มีคนร้องขอชีวิตของเธอเอาไว้ เพราะงั้นหลี-”

    “ไม่! ได้โปรดอย่าฆ่าพวกเขาเลย พวกเขาเป็นแค่เด็ก”

    ลิลี่กล่าวย้ำซ้ำๆและไม่มีทีท่าที่จะหลีกหนีไป จอมมารมองหน้าคนที่กำลังทำหน้าที่แม่ด้วยสายตาว่างเปล่า ความคิดที่จะทำตามคำขอของผู้ติดตามเริ่มหายไปเมื่อหญิงจอมดื้อด้านปฏิเสธเป็นรอบที่สาม

    ความปราณีของเขาช่างมีอยู่น้อยนิด

    “ดื้อด้านซะจริง…”

     

     

    31 October 1987

    “เจย์เดน…”

    แม่…

    “ทำอะไรอยู่ ตื่นได้แล้ว” เสียงใสกล่าวเตือน “รีบแต่งตัวเร็วเข้า เวลานอนกลางวันหมดแล้ว”

    เด็กหญิงตัวเล็กผมสีแดงพูดพร้อมกับใช้หวีหักสางผมของเธอที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ เธอสวมเสื้อยืดขาวซีดพร้อมกับผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบแขนและขา

    “อื้ออ… พี่รีบแต่งตัวจังน้า” เจย์เดนบิดขี้เกียจ นัยน์ตาปรับเปลี่ยนจากความสับสนสู่ความซุกซนเช่นเดิม

    “จะได้ไม่ต้องให้ใครมาบ่นไง แค่นี้ก็น่าเบื่อจะตาย” เธอพูดตอบ

    “นั่นสิน้า”

    เขาครางตอบรับเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวตัวไปซุกไซร้เจ้าก้อนข้างตัวอย่างน้องชายคนเล็กของเขา แฮร์รี่ส่งเสียงรับอย่างไร้สติ แฮร์รี่ยังคงต้องนอนอยู่ที่เดิมเพราะพิษไข้ที่เป็นมาเกือบสามวันเต็มแถมยังไม่มีทีท่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น

    “หึ่ม”

    “หล่อนบอกว่าถ้าคืนนี้แฮร์รี่ยังไม่หายหล่อนจะพาไปซื้อยาเพิ่ม” เมแกนตอบกลับเสียงไม่พอใจของน้องชาย

    “แล้วพี่ก็ยอมหรอ”

    “อดทนอยู่ ถ้าสุดจริงๆจะไม่ใช่แค่แฮร์รี่ที่ถูกส่งเข้าโรงบาล” เธอพูด “ไปได้แล้ว ฉันจะได้เช็ดตัวให้น้องแล้วก็อย่าลืมเปลี่ยนปลาสเตอร์ติดแผลล่ะ”

    เธอพูดไล่เพื่อให้อีกคนไปก่อนที่เธอจะได้เริ่มอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เจย์เดนได้แต่ยอมละมือออกเพื่อเตรียมตัวสำหรับการรับมือคนในบ้านอีกครั้ง

    หากย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ก่อนหน้าคงพูดได้คำเดียวว่าโคตรจะหายนะ โรงเรียนประกาศปิดปรับปรุงสถานศึกษาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ทำให้บ้านเดอร์สลีย์เกิดปรากฏการณ์มารวมตัวกันซึ่งแน่นอนว่าป้าของดัดลีย์ตัวน้อย (?) อย่างป้ามาร์จไม่มีทางพลาดวันหยุดของดัดลีย์แน่นอน หล่อนลงทุนมาเยี่ยมที่บ้านแถมพักที่นี่อีกต่างหากซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรจากนรกของแฝดทั้งสามสักนิด

    หายนะเริ่มเกิดไม่เว้นแต่ละวันเพราะดัดลีย์เอาแต่แกล้งไม่หยุดหย่อน จากการแกล้งเล็กน้อยสู่การแกล้งที่ใหญ่โตขึ้นจนถึงครั้งสุดท้าย

    เมื่อราวๆสามวันก่อนดัดลีย์และหมาตัวอ้วนเกิดปิ๊งไอเดียบรรเจิดไล่ต้อนพอตเตอร์คนเล็กเสียจนจนมุมพอรู้ตัวกันอีกทีกลายเป็นว่าดัดลีย์วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเพราะแฮร์รี่ดันสลบนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ๋

    มันแปลกเพราะแฮร์รี่ไม่ตื่นเลยตลอดสามวัน มีเพียงการตอบสนองอย่างเสียงเท่านั้นที่ยังคงอยู่แต่ถึงอย่างนั้นเพ็ตทูเนียร์ก็ยังยืนยันที่จะไม่พาไปส่งโรงพยาบาล

    บรรยากาศรอบหมู่บ้านถูกตกแต่งไปด้วยฟักทองแกะสลักจัดแต่งสวยงาม แม้เป็นหมู่บ้านที่ถูกนิยามว่าไร้ซึ่งผู้วิเศษแต่ความเชื่อและเทศกาลที่เกี่ยวกับผีสางหรือเวทมนตร์ก็ยังมีอยู่ บริเวณทางเดินต่างประปรายไปด้วยผู้คนที่แต่งตัวเป็นตัวละครต่างๆทำให้ดูน่าสนุกที่จะเดินไปทักทายและขอขนม

    “เลิกเหม่อแล้วคนซุปซะเจย์เดน” เสียงนายหญิงของบ้านบาดเข้าหูของเจย์เดน

    “เหอะดูทำตัวเข้า ขี้เกียจสันหลังยาวเหมือนพ่อแกไม่มีผิด” ป้ามาร์จกล่าวอย่างน่ารังเกียจ “งี้แหละนะ พวกขยะสังคมทิ้งภาระให้คนอื่น ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนที่มีเมตตาอย่างน้องชายฉันต้องมีภาระอย่างพวกแกด้วย”

    หล่อนพูดคำเสียดสีออกมาพร้อมทำท่าทีรังเกียจเสียเต็มประดา หากไม่ติดว่าเห็นแก่หน้าเพ็ตทูเนียร์เธอก็คงลากพวกมารหัวขนพวกนี้ออกไปทิ้งไว้ข้างนอกไม่ต่างกับขยะแล้ว

    “ยัยผมแดงนั่นก็อีก ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย เลิกทำหน้าเหมือนตอนแม่แกตายได้แล้ว”

    เสียงหัวเราะของป้ามาร์จกับลุงเวอร์นอนดังกลบเสียงทีวีเสียมิด เมแกนสังเกตุถึงอาการสั่นของเพ็ตทูเนียร์ได้นิดๆ แม้เธอจะขำแห้งๆ ร่วมด้วยแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันก็คงทำร้ายเธอไม่ต่างกัน

    แต่ใครสนกัน คนเจ็บสุดมันไม่ใช่หล่อนสักหน่อย

    “ชู่วว”

    เมแกนส่งเสียงกล่อมเจย์เดนเล็กน้อย เธอค่อยๆ คลีนิ้วมือของน้องชายที่กำมีดเอาไว้ พวกเขาต่างมองหน้ากัน เมแกนเองที่ยิ้มน้อยๆให้คลายความกังวน

    “แม่! แม่!! แม่!!!” เสียงร้องเรียกจากดัดลีย์ทำเอาคนทั้งบ้านสะดุ้งโหยง

    “ว่าไงจ๊ะ ดัดดี๊ลูกรักของแม่” เพ็ตทูเนียร์ทิ้งทุกอย่างเพื่อรอรับอ้อมกอดแสนอุ่นจากลูกชาย

    แต่เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นเมื่อดัดลีย์เริ่มกรีดร้องเอาแต่ใจอย่างเช่นทุกวัน สันนิษฐานได้ว่าคงเป็นเพราะขนาดของเสื้อคอสตูมที่ดูจะ‘เล็ก’ไปกว่าตัวอยู่มากโข คำปลอบประโลมของเพ็ตทูเนียและป้ามาร์จดูจะได้ผลแต่มันก็พังทลายลงเพราะเม็ดกระดุมไม่สามารถรั้งเสื้อเข้าหากันได้อีก มันดีดออกจนกระดอนไปชนกับกรอบรูปครอบครัว

    เพล้ง!

    และมันแตกออกแบบผ่ากลางแบ่งสองครอบครัวอย่างชัดเจน

    “[แหนมตุ้มจิ๋วชัดๆ]”

    “[ตุ๊กตาล้มลุกต่างหาก]” เมแกนกล่าวตอบ

    เสียงพูดคุยด้วยภาษาที่ต่างออกไปของทั้งคู่ถูกกลบมิดด้วยเสียงวุ่นวายในบ้านไปเสียหมด แน่นอนเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่ามีความสุขน่าดูสำหรับทั้งคู่เพราะเป็นสถานการณ์ที่คนไม่สนใจพวกเขา

    อิสรภาพ!

    สุดท้ายมันก็จบแบบเดิมๆอย่างที่พวกเขาเคยชิน เวอร์นอนตัดสินใจเอาเสื้อที่คิดว่าเล็กที่สุดให้ดัดลีย์แทน มันไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนักแต่เมื่ออาหารรองท้องสำหรับดัดลีย์และครอบครัวเริ่มถูกเสิร์ฟความคิดของดัดลีย์ก็หายเป็นปลิดทิ้งถึงอย่างนั้นหลังความวุ่นวายคำพูดถากถางจากป้ามาร์จก็ยังดังอยู่เรื่อยๆไม่มีหยุดแม้บาดใจคนฟังแค่ไหนใครก็หยุดหล่อนไม่ได้

    กริ๊ง กริ๊ง

    “ดัดลีย์! พวกเรามาแล้ว!!” เหล่าบรรดาลูกสมุนเริ่มรวมตัวกันที่หน้าบ้าน

    “แม่ฮะ! ผมจะไปแล้วนะ!!” ดัดลีย์เย่วออกมาเมื่อแม่เขายังไม่เลิกเช็ดปากเขาเสียที “อ๋อ! แล้วก็…”

    “ผมเอาเมแกนกับเจย์เดนไปด้วยนะฮะ!”

    “ห๋า!?”



     

     




     

    แล้วก็ได้มาจนได้…

    “Trick or Treat!!!”

    กลุ่มเด็กกลุ่มใหญ่ตะโกนถามเจ้าของบ้านด้วยความสนุกสนาน ในมือพวกเขาถือกระป๋องอันใหญ่แถมมันยังเต็มไปด้วยขนมหลากหลายอย่าง หมู่บ้านลิตเติลวิงจิงอันมากมายไปด้วยเหล่าคนทำงานและสูงวัยแน่นอนว่าช่วงเทศกาลก็กลายเป็นจุดปลดปล่อยของใครหลายคนเพราะงั้นทุกเทศกาลทุกคนจึงเต็มที่และมีความสุขกับมันเสมอ

    ยกเว้นก็แต่คนสองคนข้างหลังแบล็คกราวด์ ได้ขนมเยอะแต่หน้าไม่สบอารมณ์สุด

    “[ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะต้องมาทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้]” เมแกนพูด

    “[ถ้าเลือกได้อยากนอนมองแฮร์รี่อยู่ที่บ้านมากกว่าอีก]” เจย์เดนตอบ

    ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่หลังกลุ่มใหญ่ของดัดลีย์ ลูกสมุนและหัวโจกต่างตกลงกันว่าจะไปเป็นกลุ่มเพื่อไล่ล่า(?)หาขนมให้ได้เยอะที่สุดแม้จะว่ายังงั้นแต่ทั้งกลุ่มก็ยังมีความเกรงใจต่อดัดลีย์เพราะเมื่อมีใครเริ่มได้เยอะกว่าก็จะเริ่มเลิ่กลั่กและจบที่มอบมันให้ดัดลีย์

    กลัวอะไรกันขนาดนั้นนะ รุมกินโต๊ะจีนก็จอดแล้วทรงนี้

    จนแล้วจนเล่าเวลาการล่าขนมก็หมดลง กลุ่มดัดลีย์เริ่มเทกระจาดขนมลงพื้นและนับเพื่อแข่งกันอย่างจริงจัง เรียกง่ายๆว่าถ้าแข่งเป็นกีฬาก็กะเอาเหรียญทองกันไปแล้ว

    เจย์เดนกับเมแกนไม่ได้ร่วมด้วย แต่ทั้งคู่ก็ได้แต่ส่ายหัวกับความเด็กๆของพวกกำลังโต จิตวิญญาณคนเคยโตมันรู้สึกล่องลอยจนจับจุดไม่ได้เชียวล่ะ

    “ฮึ ฮึ ฮึ…”

    เสียงขบขันของใครบางคนทำให้ทั้งคู่ต้องเหลียวไปมอง

    ร่างสี่ร่างที่แตกต่างกันทำให้การมองหาไม่ยากนัก พวกเขาแต่งตัวไม่เหมือนคนทั่วไปทั้งตัวแต่งตัวด้วยชุดคลุมที่ดูรกตาไปเสียหน่อยแต่สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการแต่งตัวให้เข้ากับเทศกาล ดูเหมือนคนที่ดูหนุ่มที่สุดในนั้นจะเป็นคนที่ส่งเสียงขบขำ อีกทั้งชายที่ดูแก่จนเคราขาวยาวเกือบถึงเอวมันช่างสะกิดใจของฝาแฝดมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นแว่นรูปจันทร์เสี้ยวนั่น ยังไม่ทันที่เจย์เดนจะได้สนใจใครเขาก็ปลิวไปตามแรงเสียแล้ว

    “[พี่-]” เจย์เดนร้องเรียกพี่สาวตัวเองแต่ก็ต้องหยุดเมื่อเธอเริ่มกระชากแขนเขาให้เดินตาม

    “พวกฉันจะไปรอที่บ้าน รีบตามมาล่ะดัดลีย์” เธอบอกคำสุดท้ายก่อนจะเริ่มสับเท้าจากไป

    เสียงฝีเท้าของเธอดังขึ้นตลอดทางมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอเริ่มหนีจากบางสิ่งบางอย่างอยู่ซึ่งเหมือนสิ่งที่เธอหนีจะตามเธอมาติดๆ สิ่งเดียวที่ช่วยๆได้ในตอนนี้คงเป็นครอบครัวที่ไม่เอาไหนนั่น อย่างน้อยความเกลียดชังของพวกเขาก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง

    เมื่อถึงบ้านเธอก็รีบเปิดประตูออกทันที แต่ทว่าสิ่งตรงหน้าไม่ใช่อะไรที่เธออยากเห็นสักเท่าไหร่

    “พวกคุณทำอะไรน่ะ”

    ทุกคนในห้องพากันมองกลับมาที่บุคคลมาใหม่ เวอร์นอนราวกับถูกแช่แข็งให้อยู่ในท่าที่สื่อว่ากำลังจะบีบคอเด็กผู้ชายตัวเล็กที่โซฟา เพ็ตทูเนียร์ถูกตรึงอยู่กับผนังบ้านใกล้กับที่แขวนภาพครอบครัวอันหน้าภูมิใจของหล่อน ส่วนป้ามาร์จเห็นได้ชัดเจนว่าตัวหล่อนดูจะพองกว่าปกติและขาเจ้าตัวไม่ติดพื้นสักนิด

    “แฮร์รี่!” ทั้งสองคนร้องเสียงดัง คู่แฝดเข้าชาร์จที่ร่างเล็กใต้ร่างเวอร์นอนทันทีที่เห็น

    เมื่อร่างของแฮร์รี่ถูกยกออกมาจากสถานการณ์นั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ครอบครัวเดอสร์ลีย์หลุดออกจากพันธนาการทุกอย่างที่ถูกตรึงไว้ เสียงหายใจหอบแฮ่กดังอย่างต่อเนื่องแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กชายกับหญิงสนใจสักนิด พวกเขาพยายามเช็คตามร่างกายของแฮร์รี่อย่างละเอียด ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยทะลอกและช้ำตามเข่าและหน้าแข้ง

    เหมือนถูกลากลงบันไดตอนคว่ำหน้า

    “แ-”

    “พวกคุณทำอะไรเขา!!” เมแกนตวาดอย่างหลืออด นัยน์ตาสีต้นสนจ้องเขม็งอีกสามคนที่สภาพสะบัดสะบอม

    “แกควรถามว่าน้องประหลาดแกทำอะไร!!” เวอร์นอนตะโกนตอบ

    “พวกฉันแค่ได้ยินเสียงดังเลยขึ้นไปดู น้องแกนั่นล่ะเป็นบ้าอะไรทำท่าทีอย่างกับผีเข้า พวกฉันแค่…แค่จะช่วยเท่านั้นเอง!” เพ็ตทูเนียร์เริ่มพูดแก้ตัว หล่อนเริ่มลุกขึ้นไปช่วยพี่สามี

    “มั…มันเป็นปีศาจ ไอปีศาจนั่น!!” หญิงอ้วนพูดอย่างหวาดกลัว หล่อนลุกลี้ลุกลนไปซ่อนตัวหลังน้องชาย นัยน์ตาส่งสัญญาณความหวาดกลัวต่อแฮร์รี่

    “พวกคุณบ้ากันรึไง แฮร์รี่ไม่มีทางทำแบบนั้น”

    ฝาแฝดชายโต้กลับแม้ใจจะรู้ดีว่านั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ต้องถามถึงหลักฐานสักนิด เขารู้ดีว่าเบี่ยงประเด็นไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมามากนักแต่มันก็ดูไม่น่าเชื่อ พ่อมดที่พลังพึ่งตื่นไม่ควรจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้นนิ

    “พวกแกอยู่ที่นี่ไม่ได้…” ชายอ้วนพึมพำ

    “คุณว่าไงนะ” เพ็ตทูเนียร์มองสามีด้วยความตกใจ ถึงเกลียดขนาดไหนแต่การเอาเด็กเจ็ดขวบไปทิ้งไว้ที่ไหนสักที่ก็โหดร้ายเกินไป ยิ่งเด็กที่ยังไม่ได้สติแบบนั้น “ที่รักแบบนั้นมั-”

    “ไปเก็บของพวกแกเดี๋ยวนี้” เวอร์นอนออกคำสั่งเด็กขาด “ไป!”

    “เกรงว่าการไล่เด็กที่มีอายุน้อยออกจากบ้านจะไม่ใช่เรื่องดีนะคุณเดอร์สลีย์” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับจิบน้ำชาที่เย็นชืดบนเคาน์เตอร์อาหาร

    “ว่างั้นมั้ยครับ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์”

    ให้ตาย มากันตั้งแต่เมื่อไหร่!


     

    Talk Half : เอาไปครึ่งหนึ่งก่อนนะคะ โทนนิยายมันอาจจะดูหม่นๆไปเสียหน่อยช่วงแรกหวังว่าจะชอบกันนะคะ จริงๆเลือกที่จะปิดเพราะว่าอยากอุดพวกช่องต่างๆให้ได้มากขึ้น รับปากไม่ค่อยได้ว่าถ้าแต่งแล้วจะมีเพิ่มเติมอีกมั้ยแต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดแทนค่ะ!

    Talk Last : Finally! แอบกลัวนิดหน่อยว่าจะชอบกันมั้ยแต่คิดว่าเวอร์ชั่นนี้ดีที่สุดเท่าที่แต่งมาแล้ว 1ปีกับการหายไปไม่มีอะไรจะพูดนอกจากงานเร่งมากทั้งนิยายทั้งงานโรงเรียนแต่อย่างน้อยตอนนี้คิดว่ารีได้ประมาณหนึ่งก็ถือว่าไม่ผิดสัญญากับตัวเองสักเท่าไหร่ หวังว่าทุกคนจะชอบและเอ็นดูน้องๆนะคะ ขอให้มีวันที่ดีค่ะ!!

    ENJOY READING ⇢

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×