ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry potter] Potter's triplets [BL/HL/OC]

    ลำดับตอนที่ #3 : MR.Perpheon

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 67


    I'll protect them like James and Lily did

    – Grey Don Perpheon –

     

    3 วันก่อนเกิดเหตุการณ์

    ‘ไอตัวประหลาดน่ารังเกียจ!!’

    เสียงเอาแต่ใจของเด็กตัวอ้วนกลมแผดออกมาจากลูกแก้วความทรงจำ เสียงนั้นสามารถทำให้ใครหลายคนในห้องนี้ขมวดคิ้วถอนหายใจได้อย่างไม่ยากนัก นิ้วเรียวยาวเคาะกับโต๊ะ ความคิดเวียนวนในหัวอย่างไม่รู้จบสิ้น

    เกรย์ถอนหายใจออกมาแผ่วเบาพร้อมกับเปิดบทสนทนาขัดขวางบรรยากาศน่าอึดอัดนี่

    “อ่า…ในฐานะญาติที่ห่างมาก ๆ ของตระกูลพอตเตอร์ ผมขอบอกว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำข้างต้นนี้ ในฐานะที่ท่านศาสตราจารย์ใหญ่เป็นคนพาพวกเขาไปจึงถือว่าเป็นคนที่ควรรู้เห็นเรื่องนี้ ผมมาเพื่อแจ้งให้ทราบว่าจะพาพวกเขาออกมาหากท่านอยากแย้งก็สามารถแย้งได้เลย” เขาเว้นช่วงเล็กน้อย “แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ผมก็ไม่ทำตามที่คุณบอกหรอก”

    ดัมเบิลดอร์ที่ฟังคำของศิษย์รักก็หัวเราะเสียงแปร่งออกมา เขาออกจะชอบเด็กสลิธีรินคนนี้เสียมากแต่น่าเสียดายที่ตัวเด็กคนนี้ดูจะไม่ได้คิดอย่างนั้นสักเท่าไหร่

    เกรย์ เพอร์ฟีออน ชายหนุ่มอันมีชื่อเสียงเลื่องชื่อในเรื่องความมากความสามารถในหมู่เด็กสลิธีรินและเพื่อนต่างบ้าน แรกเริ่มก็น่ารักน่าชังอยู่หรอกแต่เหมือนเวลาการเติบโตเริ่มกัดกร่อนการเป็นเด็กดีไปเสียหมด

    “เย็นชาเสียจริงนะเกรย์ ฉันก็เป็นแค่ปู่แก่ๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง” เขาทำท่าอ่อนอกอ่อนใจ

    “ดีใจจริงที่ไม่ใช่ปู่ของผม”

    “อัลบัส ฉันเห็นด้วยกับเขา” เสียงหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวกล่าวเสริม “ต่อให้จะเป็นเรื่องของมนต์ปกป้องสายเลือดก็ตามเถอะ แต่นี่มันเกินไป ถ้าเด็กคนนั้นทำพวกเขาตายจะทำยังไง!”

    มิเนอร์วาพูดด้วยความเหลืออด มันไม่ใช่แค่เธอหรือเขาที่ไม่เห็นด้วยแต่กับชายที่บรรยากาศหมองหม่นอีกคนก็คิดเช่นกัน ไม่ต้องพูดสิ่งใดออกมาแต่แววตาออกชัดจนจะแทงตาคนแอบมอง

    “เหมือนเสียงจะเอกฉันท์นะครับ” เกรย์พูดเร่ง

    ถึงเสียงคนส่วนมากจะคิดอย่างนั้นแต่ตัวดัมเบิลดอร์เองก็ยังคงแสดงท่าทีไม่มั่นใจอยู่ เกรย์ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในตัวอีกฝ่าย เข้าใจว่าการพาเด็ก ๆ ไปฝากไว้กับครอบครัวพ่อมดแม่มดคงเสียคนแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นครอบครัวนี้ ครอบครัวที่สามารถสร้างบาดแผลในวัยเด็กได้ลึกอย่างครอบครัวนี้

    “ฉันเข้าใจในความกังวลของเธอเกรย์ แต่อย่างที่ฉันเคยคุยกับเธอในตอนนั้น พวกเขาจำเป็นต้องอยู่ที่นั่น นั่นเป็นสถานที่ที่เดียวที่จะปกป้องพวกเขาได้”

    “นั่นไม่ใช่สถานที่เดียวศาสตราจารย์” เขาพูดขัด “เราทั้งคู่รู้เรื่องนั้นกันดี”

    ดวงตาสีเทาหม่นสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าใส ความคาดคั้นถูกส่งทางสายตา เมื่อ 6 ปีก่อนการปฏิเสธหน้าที่ที่เขาร้องขอเป็นอันเข้าใจได้ว่าเขายังไม่โตพอจะสามารถเลี้ยงเด็กทั้ง 3 คน แต่มาตอนนี้ตัวเกรย์เองก็อยากจะรู้มากว่าคนตรงหน้าอย่างดัมเบิลดอร์จะปฏิเสธยังไงอีก

    “ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับพวกเขานอกจากที่นั่น เธอก็รู้เรื่องกฎของเวทมนตร์ดี”

    “เรื่องมนต์นั่นก็ใช่ว่าสำคัญเสียที่ไหน ถ้าจะให้อยู่กับสายเลือดแค่พวกเขาอยู่ด้วยกันมนต์มันก็ทำงานแล้ว” เกรย์พูดขัดอีกครั้ง “แล้วอีกอย่างที่นั่นน่ะ ไม่เคยปลอดภัยเลยศาสตราจารย์ หรือคุณกำลังจะบอกว่าที่เราเห็นกันอยู่เป็นเพียงการเล่นแบบเด็ก ๆ คุณว่าเป็นการเล่นแบบเด็ก ๆ หรือเปล่าครับศาสตราจารย์มักกอนนากัล”

    แนวร่วมที่น่าเชื่อถือที่สุดคงจะเป็นศาสตราจารย์แมวคนนี้ อาจเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในนี้ ความเป็นแม่และความเมตตาที่มีติดตัวคงจะช่วยเขาพูดได้ประมาณหนึ่ง ส่วนอีกคน… ช่างเขาเถอะ

    “ไม่เลยคุณเพอร์ฟีออน นี่มันเกินกว่าจะยอมรับได้อัลบัส”

    “แต่-”

    “บ้านที่มักเกิ้ลธรรมดายังทำร้ายพวกเขาได้แบบนั้นน่ะหรอ ที่เรียกว่าปลอดภัย มาตรฐานการวิเคราะห์ของคุณตกต่ำลงมากนะครับ” ดวงตาเขากรอกขึ้นลง “ถ้ามักเกิ้ลทำได้ผู้วิเศษจะไปเหลืออะไร โวลเดอมอร์ร่ายแค่คาถาปลดล็อกยังพังเข้าบ้านนั้นได้”

    เกรย์พูดชื่อต้องห้ามออกมาได้หน้าตาเฉย ในขณะที่ 2 บุคคลข้างหลังกำลังหน้าซีดตัวสั่นเมื่อได้ยินชื่อ อัลบัสที่ได้ยินใจจริงก็อยากจะหัวเราะแต่ประโยคตรงหน้าก็ทำเอาเขาคิดหนักจนอารมณ์ขันหายไป สองมือเหี่ยวประสานเข้าหากัน คิ้วขาวเริ่มขมวดเข้าหากัน

    “คุณคิดว่าบ้านมักเกิ้ลธรรมดาที่ปกป้องเด็กตัวเล็กคนเดียวยังไม่ได้หลังนั้นจะสู้การป้องกันบุคคลภายนอกได้ดีอย่างบ้านเพอร์ฟีออนงั้นสินะครับ” เกรย์กล่าวเสริมเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเป๋

    “สุดท้ายก็โผล่หาง” เสียงเย็นเหยียบดังจากด้านหลัง

    “โอ้ว…คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วซะอีก” เขาพูดน้ำเสียงติดเล่น “อีกอย่างหางผมโผล่มาตั้งนาน แต่มันสำคัญไปกว่าการช่วยชีวิตของแฝดทั้งสามงั้นหรอครับ”

    “เราจะเชื่อใจเธอได้ยังไงในเมื่อตอนนั้-”

    “นิสัยฟื้นฝอยหาตะเข็บนี่แก้ไม่หายเลยนะครับศาสตราจารย์สเนป ชอบเสียจริงไอนิสัยจมอยู่กับอดีตเนี่ย”

    “พอได้แล้ว” อัลบัสเอ่ยขัดตอน

    เขาลุกจากเก้าอี้ทรงเกียรติแล้วเดินตรงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิดละทิ้งความตลกขบขันหรืออบอุ่นบนใบหน้า

    “ผมจะสอนพวกเขาทุกอย่างศาสตราจารย์” เกรย์หันตัวเข้าหา “จะเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเขาแต่ไม่บังคับ จะเป็นคนสนับสนุนพวกเขาแต่จะไม่ตามใจ จะเป็นทุกอย่างให้แต่จะไม่ทำให้เขาต้องพึ่งพิงเพียงผม”

    ดัมเบิลดอร์ชะงักไปเพียงน้อย ในสายตาของเกรย์เขาดูสนใจในข้อเสนอพอสมควร

    “ผมจะปกป้องพวกเขาเหมือนที่พี่เจมส์และพี่ลิลี่ทำ” เกรย์กล่าว “จะทำจนกว่าพวกเขาจะปลอดภัยจากทุกสิ่งในโลก”

    “อัลบัส ฉันเชื่อว่าคุณเพอร์ฟีออนจะเป็นได้” เธอลงแรงบีบที่ไหล่ชายหนุ่มร่างโปร่งเบาๆ

    “เฮ้อ… เอาเถอะ” ชายชราถอนหายใจยืดยาว “งั้นเอาตามที่เธอคิดว่าดีเลย”

    “นี่ดีแล้วหรือคะ”

    มิเนอร์วา มักกอนนากัลถามอย่างเหลืออด เธออยู่กับคนกลุ่มนี้มาร่วมสองวันเต็มและมันสุดแสนจะอึดอัด เธออึดอัดกับการไม่แสดงออกที่พยายามจะช่วยเหล่าเด็กน้อย อึดอัดกับการถากถางไปมา อึดอัดที่เพียงก้าวเดียวเธอก็จะช่วยเด็กพวกนั้นได้

    แต่เธอดันไม่ทำ

    “เราควรมองพวกเขาอย่างห่าง ๆ แบบห่วง ๆ นะ มิเนอร์วา” ชายแก่บอกเสียงใจเย็น “จะแหวกหญ้าให้ลูกกวางตกใจไม่ได้”

    “ออกแนวเอ็นดูซะแล้ว” เกรย์ขำ “งี้ถ้าผมรับเป็นลูก คุณจะเป็นปู่ให้มั้ยครับเนี่ย”

    “โอ้ นั่นน่าสนใจนะ”

    “ใช่มั้ยล่ะครับ ไม่ต้องทำหน้าที่ปู่ก็ได้ผมขอแค่มรดกก็พอ”

    “ฮ่ะๆๆ เธอเป็นคนชัดเจนเสมอเกรย์”

    เสียงสองเสียงกล่าวเรื่องขบขันกันไปมาผิดกับการโต้เถียงก่อนหน้าที่ดูจะไม่มีใครยอมใคร มิเนอร์วาได้แต่ถอนหายใจกับสิ่งตรงหน้าแม้เธออยากจะหันไปพึ่งเซเวอร์รัสแต่เขาดูจะมีกระจิตกระใจอยู่กับสองฝาแฝดเสียมากกว่า

    ร่างคู่พี่น้องตัวเล็กที่กำลังเดินตามพวกเด็กนิสัยเสียต่างอยู่ในสายตาคนทั้งสี่ทั้งหมด ทั้งสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่ชอบใจของเจย์เดน หรือท่าทีราวกับเบื่อหน่ายโลกของเมแกนเองก็ด้วย

    “นี่อย่ามาแย่งขนมฉันนะ” เสียงกลุ่มเด็กทะเลาะกันคล้ายเรื่องใหญ่โต

    “[ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะต้องมาทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้]” เด็กหญิงพูด

    “[ถ้าเลือกได้อยากนอนมองแฮร์รี่อยู่ที่บ้านมากกว่าอีก]” เด็กชายตอบ

    ฮึฮึฮึ…

    เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเกรย์เรียกความสนใจทุกฝ่ายให้หันมาหาเขา และด้วยความไม่ตั้งใจนั้นทำเอาสถานการณ์ตรงหน้ามันยุ่งยากมากกว่าเดิมอยู่โข เด็กหญิงวัยเด็กที่มีเค้าโครงเหมือนมารดากำลังใช้สายตานั่นจ้องมองเขาด้วยความไม่ไว้ใจไม่ทันจะเข้าใจอะไรมากมายเจ้ากวางสองตัวก็ดันจูงกันกระโดดโหยงเหยงออกไปด้วยความเร็วเท่าที่ขาสั้น ๆ นั่นจะทำได้

    “เยี่ยมยอด การมองดูห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ของพวกคุณล่มไปแล้วล่ะ” มิเนอร์วาเท้าเอวพูด

    “ถ้าแม่ผมยังไม่ตายก็คงบ่นเหมือนคุณนั่นแหละครับ” เกรย์ตอบกลับ เสียงหัวเราะน้อย ๆ ของเขาทำให้หญิงวัยกลางคนอ่อนอกอ่อนใจตามได้ไม่ยากนัก

    เห็นทีความตั้งใจที่จะผูกมิตรในวันนี้คงคว้าน้ำเหลวไม่เป็นท่า เกรย์ยืนขึ้นพร้อมตบฝุ่นบนหน้าขาเบา ๆ เขากะจะหันไปยิ้มให้กำลังใจคนอื่นอย่างที่ทำมาทุกวันแต่ปลายสายตาของชายหนุ่มดันเห็นบาอย่างซะก่อน

    มวลสารประหลาดกำลังครอบคลุมบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน กลิ่นอายของพลังที่คาดเดาไม่ได้ว่าร้ายหรือดีกำลังรบกวนเขาอยู่เนือง ๆ เขาคงจะไม่ยุ่งกับมันถ้าเจ้าลูกกวางพวกนั้นกำลังตรงไปที่บ้านหลังนั้น

    ดวงตาสีหม่นกำลังมีความตระหนกมากขึ้นอยากบอกไม่ถูก

    “ผมว่าเราควรไป”


     

    .

    .

    .


     

    .

    .

    .


     

    “เกรงว่าการไล่เด็กที่มีอายุน้อยออกจากบ้านจะไม่ใช่เรื่องดีนะคุณเดอสลีย์” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับจิบน้ำชาที่เย็นชืดบนเคาน์เตอร์อาหาร “ว่างั้นมั้ยครับ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์”

    ขาเรียวยาวตวัดไขว้ห้างด้วยท่าทีองอาจและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ริมฝีปากภายใต้หนวดเคลาของดัมเบิลดอร์ยกยิ้มขึ้นด้วยความปริ่มอกปริ่มใจ

    “พวกแกเป็นใคร กล้าเข้ามาได้ยังไง!!” เวอร์นอนเปล่งเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง

    “ไม่ใช่หน่วยงานสังคมสงเคราะห์แน่นอนครับ หน่วยงานพวกนั้นมาตรฐานต่ำเกินไปเห็นได้ชัดจากการทิ้งเด็กตัวน้อยๆ ไว้กับคนอย่างพวกคุณ” รอยยิ้มหวานของเกรย์ไม่ได้ชโลมจิตใจให้ใครใจชื้นขึ้นมาได้เลยสักนิดเดียว ขาเรียวยาวก้าวสับไปที่โซฟา ภายใต้การเป็นจุดสนใจของเกรย์มิเนอร์วาพยายามพาเด็กน้อยทั้งสามคนออกมาจากจุดเดือดนั้นให้เร็วที่สุด

    เธอใช้ไม้กายสิทธิ์เรียกผ้านุ่มผืนใหญ่มารองใต้ร่างของแฮร์รี่และพี่ ๆ ของเขา เข่าของเธอสัมผัสพื้นห้องครัวเย็นเฉียบ อย่างน้อยการสัมผัสในครั้งนั้นก็ทำให้เธอรูัว่าตนคิดถูกที่ปูผ้าให้ทั้งสาม

    “พวกเธอบาดเจ็บหรือเปล่า” เธอถามเสียงเบาหวิว มือบางจับไปเนื้อตัวของเมแกนสลับกับเจย์เดน

    “แฮร์รี่ตัวสั่นไปหมดเลยค่ะ ทำยังไงดี” เด็กหญิงเลือกที่จะตอบคำถามด้วยคำถามกลับ

    มือไม้เธอสั่นไปหมดนั่นยิ่งทำให้ใจหญิงวัยกลางคนเหลวเป๋วไปหมด เธอกุมมือของเด็กชายตัวเล็กไว้พร้อมกับชี้ไม้ไว้ที่อกของเขา แสงไฟเล็ก ๆ จากปลายไม้กายสิทธิ์ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอบอุ่นในอก

    “พวกคุณทำ-!”

    วึบ

    “คุณนายเดอสลีย์รบกวนไปนั่งกับสามีทีนะครับ” เสียงประหลาดมาพร้อมกับการปรากฏตัวของบุคคล เกรย์ฉีกยิ้มหวานพร้อมใช้ไม้แหลมดันตัวเธอไปที่ห้องรับแขกอันประกอบด้วยหลายบุคคลในนั้น

    “ผมเกรย์ ดอน เพอร์ฟีออนแต่นั่นไม่สำคัญหรอก เรามาคุยเรื่องสำคัญอย่างเอกสารกันดีกว่า”

    เอกสารหลายใบกระจายอยู่ทั่วโต๊ะ ทุกใบมีสัญลักษณ์กำกับเกี่ยวกับองค์กรของเด็กโดยเฉพาะ มักเกิ้ลสามคนได้แต่หยิบมาอ่านอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ผ่านสักพักมาร์ชก็ร้องดีใจจับตัวน้องชายมาเขย่าเสียหลายที เธอได้แต่คิดว่าในที่สุดน้องชายเธอก็หลุดพ้นจากนรกที่ตัวเองไม่ได้สร้างเสียที

    “เอกสารรับเลี้ยง? นี่หมายความว่ายังไงกัน!!”

    แต่สิ่งที่มาร์ชดีใจดูจะไม่ตรงกับความรู้สึกของเพ็ตทูเนียซะเท่าไหร่นัก  นี่ไม่ได้เท่ากับว่าเธอกำลังจะปลดพันธะและภาระของน้องสาวเธอน่ะเหรอ ทั้งที่เมื่อก่อนพยายามสลัดออกแท้ ๆ แต่พอถึงตอนนี้กลับรู้สึกใจหาย

    “ให้ว่าตามจริง ผมคือสายเลือดห่างๆทางพอตเตอร์ครับ” เกรย์วางแก้วกาแฟลง “พวกคุณเหมือนจะเหนื่อยกันมามากแล้ว มันคงได้เวลาที่ญาติฝ่ายพ่อจะทำงานบ้าง อีกอย่างมันก็ดีกว่าที่พวกคุณจะไล่พวกเขาไปเดินข้างถนนไม่ใช่หรอครับ คุณนายเดอสลีย์”

    “ถึงอย่างนั้นมั-”

    “เธอจะรั้งพวกตัวปัญหาไว้ทำไมอีก ให้มันไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงกันเพ็ตทูเนีย” มาร์ชเอ่ยดัก “เหอะดูเข้าเถอะ เมียน้องชายฉันมีเมตตากับพวกมันขนาดไหนแล้วดูสิ่งที่พวกมันทำสิ หลานชายฉันต้องเจ็บเพราะมัน”

    “อ๋อครับ” เกรย์ตอบปัด “สรุปจะเอายังไงครับ”

    “จ…จริงหรือเปล่าที่บอกจะให้เงินสามแสนน่ะ” เวอร์นอนที่เงียบอยู่นานในที่สุดก็พูดออกมา

    “แน่นอนครับ ค่าเสียเวลาของคุณตลอดเจ็ดปี” เขาพูดพร้อมยิ้ม “โธ่ คุณเดอสลีย์ที่น่าสงสารคุณคงเหนื่อยมามากใช่มั้ยล่ะครับ”

    “ฮ..แฮ่ม ก็ใช่น่ะสิ ทำไมถึงได้มารับช้าขนาดนี้กัน!” เวอร์นอนได้ทีก็เย้วเสียงดัง “จะว่าก็ว่าเถอะ ไอให้ก็ให้ได้อยู่ แต่เงินที่พวกฉันเสียไปมันมากกว่านี้อีก”

    “เหอะ พวกหมูน่ารังเกียจ” ชายชุดดำในมุมมืดสบถออกมาอย่างเหลืออด เขาสะอิดสะเอียนจนแทบจะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว

    “ศาสตราจารย์มิเนอวาไม่น่าจะช่วยเด็กไหวนะเซเวอร์รัส ไปช่วยเธอเถอะ” ชายชราข้างกายกล่าวอย่างใจดี รอยยิ้มใต้หนวดขาวมีปรากฏอยู่ตลอด “งั้นเธอจะเอาเท่าไหร่ล่ะ”

    “สัก-”

    “เราขอคุยกันก่อน!” เพ็ตทูเนียโพล่งออกมา “รอสักนิดนึงเถอะนะ”

    “เรารอได้แน่นอนครับ แต่ถ้าคิดจะแจ้งตำรวจก็ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่มีประโยชน์หรอกนะครับ”

    เพ็ตทูเนียที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตัวสั่นเล็กน้อยถึงอย่างนั้นในอ้อมแขนเธอก็ยังโอบกอดร่างของลูกชายไว้ไม่ห่าง จิตวิญญาณความเป็นแม่คงเป็นอย่างเดียวที่เกรย์นับถือในตัวหญิงผู้นี้

    อย่างน้อยทั้งเธอและลิลี่ก็มีอะไรที่เหมือนกัน

    “งั้นผมจะให้พื้นที่นะครับ”

    เขาพูดเสร็จก็ทิ้งระยะห่างให้อย่างดี ถึงแม้ระยะห่างจากห้องครัวกับห้องนั่งเล่นจะไม่ห่างขนาดนั้นก็เถอะ

    “เขาเป็นไงบ้างครับศาสตราจารย์”

    “เธอต้องมาดูเองแล้วล่ะ เขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด”

    หมอหนุ่มเปิดกระเป๋าออกมา ชั้นเรียงของเด้งออกมาจากระเป๋าอย่างกับชั้นหนังสือ ขวดยามากมายถูกวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ น้ำยาหลากสีถูกหยิบออกมาหลายอันก่อนที่จะถูกนำมาผสมกันจนเป็นสีมรกตใส

    “ว้าว” เสียงตกตะลึงของเด็กชายทำเอาเกรย์หัวเราะออกมาเบาๆ

    “ถ้าไปอยู่ก็กับฉันก็อย่าเอายาผสมมั่วซั่วนะ” เขายิ้ม “เอาล่ะช่วยยกหัวน้องเธอทีนะ”

    หัวเล็กของเด็กน้อยถูกยกขึ้นเล็กน้อยจากนั้นน้ำยาสีเขียวถึงถูกใช้ น้ำยาเปรอะเปื้อนไปตามมุมปากไหลจนถึงคอ เมแกนกำลังจะลุกไปหยิบผ้าแต่ก็หยุดที่ใครบางคนหยิบยื่นมาให้เธอ

    “ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณชายชุดดำเบาๆ

    “แหม่ อ่อนโยนจริงๆ” เขาแซะเบาๆ

    “พวกเขาจะเอาเงินเพิ่มหรอ แบบนั้นมันเกินไปนะ” มิเนอร์วาพูดเสียงฉุน “พวกเขาดูแลแย่เสียขนาดนี้เธอจะให้หรอ แบบนั้นต่างอะไรกับสนับสนุนอาชญากรรมกัน”

    “ใจเย็นน่าศาสตราจารย์ ผมไม่เสียอะไรที่ไร้ประโยชน์หรอก”

    “ขอให้จริงเถอะ”

    “[เชื่อเถอะ ตอนแม่ฉันยังไม่ตายยังไม่บ่นเท่านี้เลย]” เขาหันไปหยอกเย้ากับพี่น้องข้างกาย

    แฮร์รี่เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้นแต่ก็ดูเจ็บปวดในบางครั้ง สีผิวที่เกือบจะซีดกำลังกลับมามีสี การหายใจเริ่มกลับมาปกติติดเพียงแต่สีหน้าเขาที่มักจะบิดเบี้ยวราวกับเจ็บกาย เจ็บจิต แลเจ็บใจ

    “ชู่ว…ไม่เป็นไร เธอปลอดภัยแล้วเด็กดี” เกรย์ลูบหัวนุ่มนั้นเพื่อปลอบประโลม

    “พวกคุณเป็นใครคะ”

    เมแกนถามออกไป เธอไม่เน้นที่คนอื่นมากนักแต่กับบุคคลที่ไม่มีตัวตนในต้นฉบับอย่างชายที่อ้างตนว่าเป็นญาติ เธออ่านหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์มาทั้งชีวิต ชื่อเกรย์ เพอร์ฟีออนไม่เคยถูกเอ่ยถึงแม้แต่ครั้งเดียว

    หรือเป็นหนังนะ

    “เธอน่าจะได้ยินชื่อฉันแล้วจากไกล ๆ แล้วล่ะนะ” เขายิ้ม “ฉันเกรย์ ดอน เพอร์ฟีออน ฉันจะเป็นผู้อุปถัมภ์ของพวกเธอต่อจากนี้”

    “มั่นใจจังเลยนะคะ ทั้งที่เอกสารยังไม่ถูกเซ็นเลยด้วยซ้ำ” เมแกนพูดขัด

    เอาล่ะเธอไม่ถูกกับคนไทป์เดียวกับเจย์จริง ๆ

    “มองอะไร” เจย์เดนถามอย่างไม่เข้าใจ

    อะไร ทำสายตาอย่างกับเบื่อหน้ากันอย่างนั้นล่ะ เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ 

    เกรย์ที่เห็นปฏิกิริยาทั้งคู่ก็ได้แต่ขำ เขาไม่เคยสัมผัสความรู้สึกของการมีพี่น้อง แม่เขาจากไปก่อนที่เขาจะจำความได้ ส่วนพ่อเขาก็ให้ความรักมากที่สุดเท่าที่ตัวชายคนหนึ่งจะให้ได้ เขาไม่ปันรักให้ใครอีกจนกระทั่งจากไปจากเกรย์ในวัยเด็กอีกคน

    “ฉันจะให้เธออ่านเอกสารเมื่อมันถูกเซ็นเป็นคนแรกเชียวล่ะ” เขาแย้มยิ้ม “แต่เธอน่ะได้แค่หน้าตาของแม่มารึไงกันนะ”

    “คะ”

    “ช่างเถอะ พวกเขาใช้เวลามากไปแล้ว”

    เป๊าะ

    เขาดีดนิ้วส่งสัญญาณ ร่างทั้งสี่พลันแข็งทื่อเสียงโต้เถียงกันแบบกระซิบของพวกเขาหยุดลงทันที ร่างกายแม้อยากสั่นเทาแต่เมื่อเจอกับมนตราก็ไม่อาจฝืนได้ เสียงส้นรองเท้าหนังของเกรย์กระทบกับพื้นไม้ในบ้านซึ่งสร้างความกดดันมากทีเดียว เพียงครู่เดียวที่เขานั่งลงมนต์ก็คลายลงจนขยับตัวได้

    “สรุปเซ็นนะครับ” ในขณะที่เพ็ตทูเนียใกล้จะเซ็นต์มันลงไปเวอร์นอนก็จับข้อมือเธอแน่น

    “เวอร์- !”

    “เราอยากได้เงินเพิ่ม” ชายอ้วนโพล่ง “เราอยากได้หนึ่งล้าน”

    บรรยากาศเงียบตัวลง เกรย์หุบยิ้มลง ขาเรียวยาวยกขึ้นก่ายอีกข้างทำให้มาดของชายหนุ่มดูสุขุม กดดัน นั่นทำให้ฝั่งมักเกิ้ลโง่ดูกลัวขึ้นทันควัน หยาดเหงื่อผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด เพ็ตทูเนียกัดริมฝีปากแน่น

    “ถ้าคุณเสนอเจ็ดล้านผมคงให้ไปแล้ว”

    “งั้น-”

    “แต่คุณดันเสนอเลขที่ผมไม่ชอบไปซะได้” เกรย์ยื่นหน้าไปใกล้เวอร์นอนมากขึ้น “ถ้าคิดจะเสนอเลขก็หัดเสนอให้ฉลาดหน่อย ไอโง่”

    “เชื่อผมเถอะละครปาหี่นี่ควรจบตั้งนานแล้วแต่ผมไม่ทำเพราะเห็นแก่คนที่ตายไปแล้วอย่างพี่ลิลลี่ คิดดูสิคุณเวอร์นอน คุณเพ็ตทูเนียผมมีวิธีที่ง่ายกว่านี้อีกมาก เช่น! ผมเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพวกคุณในศาลข้อหาทารุณกรรมเยาวชน กักขังหน่วงเหนี่ยว ลิดรอนสิทธิมนุษยชนพวกคุณคงถูกตัดสินให้ไปอยู่ในซังเตแบบนั้นพวกผมก็จะได้ตัวแฝดมาง่ายขึ้นเพราะระหว่างนั้นสามแฝด กับ ลูกของคุณคงถูกโยกไปบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าสักที่หนึ่งในอังกฤษ” เขาไม่พูดเปล่า ไม้กายสิทธิ์เริ่มทำการฉายภาพประกอบให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้นซึ่งนั่นทำให้เพ็ตทูเนียและมาร์ชกอดดัดลี่แน่นมากยิ่งขึ้น

    “หรืออีกทางที่พวกผู้วิเศษนิยมทำ” เขายิ้มเสียจนตาปิด “จัดฉากการตายด้วยอุบัติเหตุ ผมจะเผาพวกคุณไปพร้อมกับบ้านหลังนี้ มันดีไม่หยอกเลยใช่มั้ยล่ะครับ พวกคุณจะได้ตายพร้อมกันไม่มีใครแยกจากกัน ผมก็จะทำประวัติสามแฝดขึ้นมาใหม่มีตัวตนใหม่ ให้พอตเตอร์ตายไปพร้อมพวกคุณ”

    “อย่า! ได้โปรดอย่า ได้โปรด ฉันเอาแค่สองแสน ๆ แค่สองแสเท่านั้น”

    “ไม่คุณเวอร์นอน” เวอร์นอนชะงัก “มันสายเกินไปหน่อย คุณไม่คิดงั้นหรอ”

    ร่างอ้วนท้วมลงไปกองกับพื้น มือเปียกชื้นเหงื่อจับรองเท้าหนังของอีกฝ่ายแน่นแล้วยังไม่วายเอาหน้าผากแตะที่เท้านั่นซ้ำ ๆ เป็นการร้องขอ

    “ผมจะไม่เสียอะไรทั้งนั้น เพราะงั้น…” เขาเอ่ยเสียงยาว

    “เซ็นซะ”


     

    .

    .

    .


     

    .

    .

    .


     

    “สายันต์สวัสดิ์ครับ หวังว่าเราจะมาทันคืนฮาโลวีนนี้นะครับ”

    “ทันแน่นอนค่ะรับอะไรดีคะ”

    “คือว่า…”

    เพียงไม่นานลิสต์อาหารที่เกรย์ได้รับก็ถูกร่ายออกมาจนหมด เขารออาหารไม่นานมากนักก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถก่อนที่ตำรวจจะมาเห็นแล้วให้ใบสั่งกับเขาเสียก่อนที่จะได้ออกจากตัวเมือง

    “มาแล้วเด็ก ๆ ทานสักหน่อยเถอะ” แรป แซนวิชและน้ำถูกส่งให้เด็กทั้งสามคน

    หลังจากการตกลงสัญญาโดยเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย(?) เกรย์ก็ได้ใบรับเลี้ยงและการถือสิทธิเป็นที่เรียบร้อย เขาพาแฝดทั้งสามออกมาจากบ้านทันทีโดยทิ้งทุกอย่างเอาไว้ที่นั่น เขาไม่มีทางที่จะเก็บอดีตอันโหดร้ายมาใส่เด็ก ๆ ของเขาแน่นอน ในขณะที่ใกล้จะออกจากตัวบ้านแฝดคนเล็กก็ตื่นมาด้วยท่าทีตระหนก สีหน้าลุกลี้ลุกลนของเด็กทำให้เขาต้องล็อครถด้วยเวทมนตร์และหาที่สงบ ๆ ให้แก่หนุ่มน้อย

    ไม่มีอะไรจะสงบดีเท่าการกินอะไรอร่อย ๆ แล้วล่ะ

    “แล้วของฉันล่ะ เกรย์” ตาเฒ่าหัวงอกเพียงคนเดียวถามขึ้นมา

    “แก่แล้วทานสลัดเถอะครับ อย่างอื่นไขมันมันเยอะ”

    เขาเลิกสนใจคนแก่แล้วกลับมาสนใจคนเด็กสุดบ้าง แฮร์รี่มีสีหน้าดีขึ้นกว่าแต่เก่ามากโข มือเล็กทั้งสองข้างจับมือพี่ชายและพี่สาวไม่ห่าง ปากก็เขี้ยวอาหารที่พี่สาวป้อนไปตุ่ย ๆ ส่วนพี่ชายก็ลูบหัวปลอบน้องอยู่อย่างนั้น

    น่ารักจังน้า

    “เอาล่ะผมจะพาไปทิ้งร้านหม้อใหญ่รั่วแล้วกันนะครับ ไหน ๆ ก็เข้าเมืองแล้ว”

    “ฉันจะไปดูให้แน่ใจ” ชายชุดดำพูดก่อนจะหรี่ตาด้วยความระแวงเต็มหัวใจ

    “ไม่ต้อนรับครับ บ้านไม่ใช่สวนสัตว์” เขายิ้มให้อีกฝ่าย

    วันนี้คงต้องยอมรับว่าเป็นวันที่เขายิ้มการเมืองให้คนอื่นเยอะที่สุดในรอบหลายปีของการเป็นหมอวิเศษ เหนื่อยใช่เล่นแต่สนุกไม่หยอก

    “ฮึก”

    เสียงสะอื่นไห้จากเด็กตัวเล็กทำเอาทั้งคันรถหันควับไปมอง ปลายนิ้มของแฮร์รี่แปรเปลี่ยนจากจับมือพี่น้องมายื่นมือราวกับขออ้อมกอดอุ่นจากเซเวอร์รัสผู้เย็นชาคนนั้น ไม่รู้อะไรดลใจให้ชายคนนั้นยื่นมือรับออกไป

    ทั้งที่เจ็ดขวบแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงตัวเล็กขนาดนี้

    ทั้งที่หน้าหน้าตาแกะมาจากไอสวะนั่นแท้ ๆ ทำไมเขาถึงไม่เกลียดชังมันไป

    ทั้งที่ดวงตาต่างจากลิลี่แท้ ๆ ทำไมถึงรู้สึกต่างขนาดนั้น

    “ให้ตายหาตัวประกันรึไง เอาเถอะใครจะมาก็มา” เขาพูดคล้ายหัวเสียแต่ก็ยอมจำนน

    ไอตัวเล็กนั่นเลือกทาสแล้วงั้นสิ

    รถยนต์เคลื่อนตัวไปตามถนนและหยุดลงที่ร้านหม้อใหญ่รั่ว เขากล่าวอำลาศาสตราจารย์ทั้งสองที่ร่วมชะตากรรมการผูกมิตรด้วยกันมาสามวันเต็ม ๆ ก่อนจะกลับมาหน้าตายกับคนหน้าบูดโหมดฟรุ้งฟริ้งกับเด็กน้อย

    รถถูกเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์สัญลักษณ์ PT ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าราวกับจะชนตึกอาคารนั้นอย่างจัง แต่ใช่เสียที่ไหน เมื่อหลุดออกจากมวลที่น่าปั่นป่วนนั่นพวกเขาก็พบว่าตัวเองทะลุออกมาจากกำแพงเก่าตะไคร่ขึ้นแถมรอบข้างก็ยังมีแต่ป่าสนห่างไกลจากตัวเมืองมาก เส้นทางขดเคี้ยวลัดเลาะไปตามต้นไม้ต่าง ๆ แม้ดูลำบากก็ดูชำนาญทางมากจนเหมือนหลับตาก็ยังสามารถขับได้

    จนกระทั่งรถยนต์ทะลุเถาวัลย์ฉากกั้นนั่นไปก็ปรากฏเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เพียงพอต่อการสร้างบ้านบนนั้นได้ซึ่งนั่นก็ประหลาดอยู่พอตัวที่เห็นไม้ที่งอกเงยออกมาเป็นรูปทรงของห้องต่าง ๆ แสงไฟสีส้มในบ้านต้นไม้เป็นเพียงแสงสว่างเดียวในป่าแห่งนี้ รถถูกจอดลงเมื่ออยู่ในจุดที่ถูกมาร์คเอาไว้

    ร่างเล็กของเอลฟ์หลายตัวรีบกุลีกุจอลงมาข้างล่างเพื่อต้อนรับนายของมันอย่างปีติยินดี ดอกไม้ถูกถักทอเป็นมงกุฎงามเตรียมพร้อมไว้ต้อนรับแขกคนใหม่ด้วยเช่นกัน

    “เอาล่ะ ช่วยพาเด็ก ๆ ไปเตรียมตัวนอนทีนะอย่าลืมนมอุ่นๆ ด้วยล่ะ”

    “ขอรับนายท่าน”

    อารัญกล่าวรับ เสียงเล็ก ๆ ของเอลฟ์มากมายต่างทักทายสามฝาแฝดกันอย่างสนุกสนาน มงกุฎที่ทำมาเพื่อเด็กน้อยถูกสวมลงหัวอย่างเบามือ อารัญหัวหน้าเอลฟ์เดินนำกลุ่มเอลฟ์และเจ้านายคนใหม่ไปตามทาง

    “เอาล่ะ ผมว่าคุณคงไม่มาแค่ส่งเด็กล่ะมั้งครับ”

    เสียงเกรย์เคล้าไปตามลมเมื่อเริ่มห่างกัน เมแกนเสมองเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาสนใจตัวบ้านอีกครั้ง เอลฟ์ตัวเล็กที่สูงเกือบเท่าตัวพวกเธอกำลังแนะนำสถานที่ในบ้านอย่างออกรส แม้เธอจะจับจุดอะไรไม่ได้เลยก็เถอะ ทางเดินยาวตรงเข้าสู่บันไดเกลียวที่กลางบ้าน พวกเราเดินขึ้นอย่างไม่รู้จุดจบรู้เพียงว่าทางช่างยาวไกลและแสงริบหรี่

    “ถึงแล้วขอรับ” เอลฟ์ชรากล่าว เขาทาบมือลงไปที่สัญลักษณ์กวางสามตัวก่อนจะปรากฏเป็นประตูใหญ่โต “นายท่านจัดห้องของคุณหนูทั้งสามคนเอาไว้แล้วขอรับ” เขาพูดเมื่อประตูเปิดออก

    พื้นที่ห้องขนาดใหญ่ประกอบด้วยเตียงนอนสามที่และโต๊ะของตัวเอง พื้นห้องเป็นลายไม้สีอ่อนคู่กับผนังสีเนื้อไม้ที่มีราวแขวนต้นไม้เลื้อยทำให้มีสาวเขียวตัดกับสีของไม้ การตกแต่งส่วนใหญ่สอดคล้องกับตัวบ้านอย่างลงตัวทำให้รู้สึกอบอุ่นและสงบอย่างบอกไม่ถูก

    เพล้ง!

    เสียงของแตกดังลั่นจนทำให้คนในห้องต้องหันไปสนใจแต่ก็พบว่านั่นไม่ได้มาจากคนในห้องนี้ เมแกนและเจย์เดนหันไปมองเอลฟ์ชราทว่าคำตอบที่ได้กลับเป็นรอยยิ้มสุภาพนั่น

    “นมจะวางอยู่บนโต๊ะพวกท่าน เมื่อดื่มเสร็จแล้วก็วางทิ้งไว้นะขอรับ” เขายิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนที่จะโค้งคำนับแล้วเดินออกไปพร้อมเอลฟ์จำนวนมาก

    “พี่จะนอนเตียงไหนกันหรอฮะ” แฮร์รี่ถามเสียงเบา

    “แฮร์รี่แน่ใจนะว่าไม่เป็น-”

    “ไม่นิฮะ ผมนอนกลางนะฮะ” แฮร์รี่พูดจบก็กระโดขึ้นเตียงก่อนจะคุมโปงตัวเองอย่างมิดชิด

    สองแฝดมองน้องชายด้วยความไม่เข้าใจนัก เมแกนที่ถามไปแต่ได้คำตอบแบบนั้นก็ได้แต่ปวดเศียรเวียนเกล้าจนต้องนวดขมับ ส่วนเจย์เดนก็ได้แต่ยิ้มขำกับพี่สาวตัวเอง เขารู้ว่ามีเรื่องแปลกแต่ได้เห็นพี่ตัวเองทำท่าปวดหัวมันน่าขำไม่น้อย

    “เงียบซะเจย์”

    “ค้าบ ค้าบ” เจย์เดนรับคำก่อนจะเดินไปทางหน้าต่าง

    ตุบ ตุบ

    เขาตบไปที่ก้อนผ้าห่มของน้องชาย

    “ดื่มนมด้วยแฮร์รี่ เดี๋ยวคนให้เขาจะร้องเอา”

    “ฮะ!”

    แฮร์รี่รีบตอบ เขารีบกระดกนมเสียอึกใหญ่ก่อนจะวางมันกลับที่เดิม บรรยากาศนอกผ้าห่มช่างเงียบงันทำเอาใจคนใต้ผ้าสั่นระรั่ว มือเล็กประสานเข้าหากันไว้กลางอกราวกับตั้งจิตติดต่อกับใครสักคน

    แด่นายผู้ส่งสาร ฉันจะทำมันให้ได้!


     


     

    Talk 1

    แหะๆ หายหน้าหายตาไปนานมากเพราะงานโรงเรียนเยอะสิ่งเยอะอย่างมาก จริงๆ อยากจะมาอัพตั้งแต่คืนปีใหม่แล้วค่ะ แต่ภาษาติดจัดไปหมดจนต้องพักกันสักแปปใหญ่เลย เพราะงั้นเอาเท่านี้ไปก่อนนะคะ แหะ

    ก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังทุกคนที่เข้ามาอ่านทั้งเก่าและใหม่นะคะ ขอบคุณที่สนใจงานเขียนที่ดองไว้เป็นปีของเรา เราขอทุกคนมีความสุขมากๆ น้า แล้วเจอกันใหม่ค่ะ! (⁠◕⁠ᴗ⁠◕⁠✿⁠)♡

    Talk 2

    อย่าสาบแช่งกันนะคะ สารภาพตามตรงเลยคือโน๊ตบุ๊คม่องเท้งค่ะกว่าจะได้กลับมาเขียนต่อก็นานเลย แหะ ๆ หวังว่าทุกคนจะชอบในพาร์ทนี้นะคะจริง ๆ แต่งและลบหลายรอบมากค่ะ ลบจนมีแต่ดราฟเป็นล้านอันแต่สุดท้ายอันนี้ก็เป็นอันที่เราโอเคที่สุด

    ที่เราเลือกที่จะเขียนต่อเพราะเอาเข้าจริงก็แค่แต่งแก้ขัดใจต้นฉบับนั่นแหละค่ะผ่านมาหลายเดือน เจเค ก็นิสัยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแถมยังว่านักแสดงอีกต่างหากแต่เรื่องนั้นเอาไว้เป็นชีวิตของพวกเขาละกันนะคะ TT

     เอาเป็นว่าขอให้ทุกคนสนุกกับงานเขียนเล็ก ๆ ของเรานะคะ สามารถพิมพ์พูดคุยกันได้เสมอเลยนะคะต่อให้เราไม่มาแต่งแต่เราก็ยังคงอ่านตลอด ♡

    PS. สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังทุกคนนะคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงและมีความสุขมาก ๆ

    PS2. จริง ๆ ไม่ได้แค่แต่งแก้ขัดต้นฉบับหรอกค่ะ เรารอฟิคของไรท์ท่านหนึ่งมา 6 ปีแล้วค่ะแอบหวังที่จะได้อ่านเรื่องนั้นอีก เพราะงั้นเราเลยจะแต่งจนกว่าตอนเราจะเท่าเขาหรือเยอะกว่าให้ได้ (91 ตอนนี่น่าจะตายได้เลย…)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×