คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : First 'B' Story ตอนที่ 1 >> 1AM (Koo Jun Hoe's story)
Story 1 : Koo Jun Hoe
‘เวลาที่นายยิ้มนายเปล่งประกายยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าอีกนะ’
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับรุ่นพี่”เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนจะลุกและโค้งลาคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในห้อง VIP ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“จะกลับแล้วหรอกูจุนฮเว นี่มันเพิ่งจะเที่ยงคืนเองนะ ปกติพวกนายก็ซ้อมกันจนถึงตี 1 ทุกวันเลยนี่นา”ผู้ชายคนหนึ่งพูดพลางมองด้วยความสงสัย
“ผมแค่อยากจะออกไปเดินสูดอากาศสักหน่อยน่ะครับ นานมากแล้วที่ไม่ได้ออกมาข้างนอกแบบนี้”
“นายหมายความว่าจะไม่ให้ฉันไปส่งใช่ไหม=.=”ผู้จัดการที่นั่งอยู่ข้างๆพูดพลางจ้องหน้าผม
“พี่ก็กินต่อไปสิ ที่นี่ก็ไม่ได้ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ ผมเดินกลับเองได้ พี่ค่อยไปรับผมที่บริษัทก็แล้วกัน”พูดจบกูจุนฮเวก็เดินออกจากร้านอาหารทันที โดยไม่สนใจเสียงบ่นตามหลัง “นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ได้ยืนอยู่ข้างนอกบริษัทกับที่หอพัก…2 ปีสินะ”ร่างสูงพูดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออก ในฤดูใบไม้ผลิถือเป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด ลมพัดผ่านเบาๆให้ทำให้รู้สึกสบายตัวอีกทั้งยังทำให้สบายใจอีกด้วย ตลอด 2 ปีที่ผ่านมากูจุนฮเวต้องทิ้งชีวิตแบบวัยรุ่นคนอื่นๆไปเพื่อทำตามความฝันของตัวเองนั่นก็คือการเป็นนักร้อง จุนฮเวสามารถที่จะก้าวเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดของค่ายเพลงชื่อดังได้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะได้เดบิวต์ จุนฮเวจำเป็นจะต้องพยายามและดิ้นรนอย่างหนักอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะพัฒนาตนเองจนท่านประธานพอใจและเชื่อว่าเค้าจะสามารถเป็นเป็นศิลปินที่มีคุณภาพได้ จุนฮเวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรุ๊ปที่ท่านประธานจัดเอาไว้กับสมาชิกอีก 5 คน จุนฮเวเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนอีกคนที่แม้จะเกิดปีเดียวกันแต่เค้าก็เกิดทีหลัง สมาชิกทุกคนล้วนผ่านความยากลำบากมานาน ทุกคนมีความฝันเดียวกันเพียงแค่จินตนาการว่าได้ยืนอยู่บนเวทีใหญ่ๆมีแสงไฟส่องลงมาที่ตัว มีเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ได้ร้องเพลง ได้เต้น และได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความชอบใจจากคนดู เพียงเท่านั้นหัวใจของพวกเค้า 6 คนก็พองโตขึ้นมา ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนพวกเค้าก็ไม่สามารถที่จะหยุดไฟในหัวใจของตัวเองได้ พวกเค้าจะต้องก้าวต่อไปและจะต้องพัฒนาขึ้นทุกวันถึงแม้ว่าพวกเค้าจะไม่สามารถรู้ได้ว่าจะได้เดบิวต์หรือไม่ก็ตามเพราะนี่คือสิ่งที่พวกเค้าได้ตัดสินใจเลือกแล้ว
“การแสดงเริ่มแล้วมั้ง เร็วเข้าสิเดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก”เด็กสาวกลุ่มหนึ่งพูดกันเสียงดังก่อนจะวิ่งผ่านตัวของกูจุนฮเวไปด้วยความเร่งรีบ
“การแสดง?”จุนฮเวทวนคำพูดของเหล่าเด็กผู้หญิงก่อนจะตัดสินใจเดินตามพวกเธอไป…
เสียงเพลงดังกระหึ่มบริเวณทางเดินเท้าริมถนน ผู้คนกลุ่มใหญ่กำลังมุงดูบางอย่างพร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดออกมาเป็นครั้งคราว ผมแทรกตัวผ่านผู้คนเข้าไปจนสามารถมองเห็นว่าเค้ากำลังทำอะไร กลุ่มชายหญิงนับ 10 คนกำลังแสดงการเต้นที่ดูน่าสนใจ พวกเค้าดูมีทักษะที่ค่อนข้างดีแต่ก็ไม่ได้ละเอียดเท่ากับสิ่งที่ผมต้องฝึกที่บริษัทแต่ทุกคนก็ยิ้มและดูมีความสุข ผมเริ่มมองนักเต้นริมถนนนี้อย่างละเอียด จะว่าไปพวกเค้าก็อาจจะสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้ผมเอากลับไปเล่าให้สมาชิกคนอื่นๆฟังได้
“เอ๊ะ?”แต่ผมก็ต้องหยุดสายตาเอาไว้ที่ใครบางคน ผู้หญิงที่รวบผมเป็นหางม้าเอาไว้ด้านหลังแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆแต่ผมกลับละสายตาออกไปจากเธอไม่ได้ ดวงตากลมโต ผิวขาวเนียนและรอยยิ้มที่สดใส ร่างกายของเธอเคลื่อนไหวได้อย่างลงตัวกับเสียงเพลง ท่าทางที่ดูเท่แต่ก็สวยสง่าในแบบผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้? ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด!! เสียงนกหวัดดังขึ้นทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนี้พากันแตกตื่นก่อนจะวิ่งหนีกันชุลมุน ผมมองไปรอบๆด้วยความตกใจแม้แต่นักเต้นที่กำลังเต้นกันอยู่อย่างสนุกสนานเมื่อสักครู่ก็พากันเก็บอุปกรณ์แล้ววิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ผมมองไปที่ต้นเสียงก่อนจะเห็นตำรวจ 3-4 คนวิ่งตรงมา “อะไรกัน?”
“ไปเร็ว!”เสียงผู้หญิงดังขึ้นใกล้ๆก่อนที่ผมจะถูกมือนุ่มของใครบางคนจับและพาวิ่งออกจากบริเวณนี้ ผมหันไปมองหน้าคนที่กำลังจับมือผมตอนนี้ O_O ผู้หญิงคนเมื่อกี้? เธอไม่ได้พูดอะไรหรือแม้แต่จะหันมามองผม เธอเอาแต่วิ่งอย่างเดียวและจับมือผมเอาไว้แน่น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจพวกนั้นถึงมา ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงหนี ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเข้ามาจับมือผมและพาวิ่ง แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไม…ผมถึงยอมวิ่งไปกับเธอ
แฮ่ก แฮ่ก วิ่งมาได้ไม่นานผู้หญิงคนนี้ก็หยุดวิ่งและปล่อยมือผม เราสองคนต่างหายใจหอบด้วยความเหนื่อย ตอนนี้เรายืนอยู่มุมตึกสูงแห่งหนึ่งที่ไกลจากสถานที่ก่อนหน้านี้พอสมควร
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”เสียงใสพูดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น ไม่นานก็หัวเราะออกมา “สนุกชะมัด”
“ทำไมต้องวิ่ง?”นี่เป็นประโยคแรกที่ผมพูดออกมา ผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะส่งยิ้มให้…
“ถ้าไม่วิ่งก็ได้ไปนอนเล่นที่สถานีตำรวจน่ะสิ”
“สถานีตำรวจ?”
“ก็นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้ว พวกเราอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย ทำการแสดงในเวลาแบบนี้มันผิดกฎหมายน่ะ”หญิงสาวยังคงพูดและยิ้ม เธอทำเหมือนกับว่าการหนีตำรวจเป็นเรื่องปกติ
“เธอหนีทุกคืนเลยหรอ?”
“ไม่ทุกคืนหรอก แค่อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ฉันก็ไม่เข้าใจว่าพวกเค้าจะมาไล่จับทำไมในเมื่อ…พวกเค้าไม่เคยจับเราได้^^”
“แล้วทำไมจะต้องมาเต้นกันตอนดึกขนาดนี้ด้วยล่ะ”
“พวกเราก็แค่เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ หลังเลิกเรียนมีสมาชิกหลายคนที่จะต้องทำงานพาร์ทธามด้วย กว่าจะรวมตัวกันก็ดึกแล้ว เราก็เลยมักจะใช้ช่วงเวลา 5 ทุ่มถึง เที่ยงคืนกว่าๆในการแสดง”
“งั้นหรอ…แต่ในเมื่อคนที่ทำผิดก็คือพวกเธอ ทำไมคนดูถึงต้องหนีด้วยล่ะ?”
“อ๋อ นั่นคงเป็นเพราะพวกเค้าตกใจ มีใครไม่ตกใจบ้างล่ะเห็นตำรวจเป่านกหวีดและชี้หน้ามาแต่ไกลน่ะ”หญิงสาวหัวเราะชอบใจแต่ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น…เธอจะพาฉันวิ่งหนีเพื่ออะไร!”
“เอ่อ…”เสียงหัวเราะหยุดไปทันที “นั่นสินะ ฉันจะพานายวิ่งหนีมาด้วยทำไม?”
“=.=”
“สงสัยฉันคงตกใจมากเกินไปน่ะ ขอโทษด้วยนะ”
“=.=”ช่างเป็นการขอโทษที่ง่ายดาย…เกินไป!
“ขอโทษจริงๆ เอางี้ฉันจะเลี้ยงขนมนายเป็นการตอบแทน แล้วก็จะพานายเที่ยวด้วยจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นเลย ฉันรู้ว่านายไม่ได้ออกมาข้างนอกแบบนี้บ่อยๆหรอกใช่ไหมกูจุนฮเว”สิ่งที่หญิงสาวพูดทำให้ผมตกใจ เธอรู้จักชื่อของผม?
“เธอรู้จักฉัน?”
“เอ่อ…ก็นิดหน่อย บ้านของฉันกับเพื่อนจะต้องเดินผ่านค่ายเพลงของนายน่ะ เวลาที่เดินผ่านจะเป็นเวลาที่นายกับเพื่อนออกจากตึกพอดี เพื่อนฉันเป็นแฟนคลับของศิลปินฝึกหัดบางคนก็เลยพลอยรู้จักพวกนายไปด้วย อีกอย่างนายก็ดูโดดเด่นมากนี่นาทั้งตัวสูงแล้วก็…ไม่ยิ้มเลยสักครั้ง ฉันก็เลยจำนายได้แม่นเลย”
“ฉันจะออกจากบริษัทดึกทุกคืน…”
“ก็กว่าฉันจะเดินจากที่ทำการแสดงไปถึงตึกนั่นก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนี่นา มันก็เกือบๆตีหนึ่ง นายเองก็จะลงมาตรงเวลามากด้วยสิ”
“เธอแอบมองฉันหรอ?”
“ใครจะไปแอบ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจมองก็เห็นอยู่แล้วล่ะ ตีหนึ่งนะ ไม่มีอะไรเรียกความสนใจได้มากกว่าคนที่ยังอยู่นอกบ้านเหมือนกันหรอก ข้างนอกน่ะเงียบจะตาย”
“เธอชื่ออะไร”
“ฉันชื่อ ลีพารัม”
“แปลว่า ลม?”
“ใช่ ชื่อนี้ปู่ฉันตั้งให้ ท่านเคยบอกว่าถึงเราจะมองไม่เห็นลมแต่เราก็จะรู้สึกถึงลมอยู่ตลอดเวลา มันก็เหมือนกับว่าถึงฉันจะไม่ได้อยู่ในที่ๆที่ปู่หรือคนอื่นๆมองเห็นแต่พวกเค้าก็จะสามารถรู้สึกถึงฉันได้เสมอไงล่ะ”
“ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด”
“สมมุติว่าตอนนี้ฉันอยู่ตรงนี้กับนาย…แต่ต่อไปฉันอาจไม่ได้อยู่ ถึงนายจะไม่สามารถมองเห็นฉันแบบนี้แต่นายก็สามารถที่จะคิดถึงฉันหรือว่ารู้สึกว่าฉันอยู่ใกล้ๆกับนายตลอดเวลา เพราะฉันคือลมไงล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
“เอาล่ะ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ ฉันจะเลี้ยงนายเองเป็นการขอโทษ โอเคไหม?”พารัมยิ้มกว้างให้กับผม รอยยิ้มนั้นทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“อืม”พารัมเดินนำไป เธอดูสดใสตลอดเวลา ทั้งๆที่เพิ่งเจอเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างการหนีตำรวจมาแท้ๆ แต่เธอกลับยังดูอารมณ์ดี…เธอเป็นสายลมที่แปลกจริงๆแล้วมันก็แปลกมากพอที่ทำให้ผมสนใจเธอ
“ป้าคะวันนี้ขนมปังมีไส้อะไรบ้าง?”พารัมถามป้าที่กำลังนั่งขายขนมปังในร้านเล็กๆริมถนน
“มีครีมกับถั่วจ๊ะ”
“งั้นหนูของอย่างละชิ้นค่ะ”ป้าคนขายหยิบขนมปังให้กับพารัม “ขอบคุณค่ะ นี่เงินค่ะป้า”
“ขอบใจนะหนู”
“ค่ะ^^ จุนฮเวนายอยากกินไส้อะไรเลือกสิ ถั่วหรือว่าครีม”
“อะไรก็ได้”
“อย่าตอบแบบนี้สิ ฉันเองก็ตัดสินใจไม่ได้นะT^T น่ากินทั้ง 2 อย่างเลย”
“ถั่วก็ได้”
“อ๊ะ ฉันก็อยากจะกินถั่วด้วยนี่นา”
“งั้นครีม”
“ฉันก็อยากจะกิน”
“=.=”
“เอางี้นายถือครีมไว้ ฉันถือถั่ว เอาเป็นว่าแบ่งๆกันกินก็แล้วกัน โอเคไหม”พูดจบพารัมก็ยื่นขนมปังให้ผม 1 ก้อน เธอเริ่มกัดขนมปังที่ตัวเองถืออยู่ “อ๊ะ ไส้ถั่วนี่วิเศษไปเลย>O< จุนฮเวลองชิมดู”พารัมยื่นขนมปังที่ตัวเองถืออยู่ขึ้นมาหาผม “กัดดูสิ”ผมก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อกัดขนมปังที่พารัมยื่นมา
“อืม ก็อร่อยดี”
“ใช่ไหมล่ะ^^ ทีนี้ให้ฉันชิมไส้ครีมมั่ง”พารัมเขย่งเท้าเล็กน้อยขึ้นมาก่อนจะกัดขนมปังที่ผมถือไว้ระดับหน้าอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม ตอนนี้เธออยู่ใกล้กับผมมาก… “อร่อยดีแฮะ แต่ฉันชอบถั่วมากกว่า”พารัมถอยออกไปก่อนจะจัดการกับถนมปังของตัวเองด้วยใบหน้าที่ยังคงมีแต่รอยยิ้ม…ยิ้มเยอะจัง เป็นสายลมทำไมถึงเอาแต่ยิ้มล่ะ?
“ฉันก็ชอบไส้ครีมมากกว่า”ผมพูดก่อนจะกัดขนมปังในถือเอาไว้
“ดีจังที่นายชอบ^^”
“ก็ของฟรีนี่”
“^^”
“จุนฮเวทำไมนายถึงซ้อมดึกทุกวันเลยล่ะ”หลังจากที่กินขนมเสร็จ พารัมก็พาผมเดินไปตามริมถนนที่มีแค่แสงจากเสาไฟส่องลงมา ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาตี 1 กับอีก 30 นาที มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่อยู่ในบริเวณนี้
“ก็ซ้อมให้ทักษะดีขึ้นไงล่ะ ถ้ารู้สึกว่ามันดีแล้วก็จะต้องทำให้ดีขึ้นไปอีก การจะได้เดบิวต์ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันกับสมาชิกคนอื่นๆต้องการจะเป็นนักร้องที่มีคุณภาพจริงๆ ไม่ใช่แค่เดบิวต์แล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จผลสุดท้ายสิ่งที่พยายามมาก็สูญเปล่า…มีหลายวงที่เป็นแบบนั้น การแข่งขันในตลาดไอดอลมันสูงมาก คนที่เจ๋งจริงเท่านั้นถึงจะอยู่ได้”
“ลำบากมากสินะ”
“ก็นิดหน่อย แต่ก็เลือกแล้วนี่ ยังไงซะฉันก็จะต้องประสบความสำเร็จ”
“นายจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอนอยู่แล้วล่ะ ความพยายามน่ะไม่เคยทำร้ายใครหรอก”
“แล้วเธอ? ทำไมถึงมาเต้นตอนกลางคืนแบบนี้ล่ะ”
“มันเริ่มจากพวกเราเป็นเพื่อนกัน พวกเราเรียนในโรงเรียนศิลปะ ครั้งแรกที่พวกเราเต้นในที่สาธารณะก็เพราะต้องอัดวีดีโอส่งอาจารย์เพื่อเก็บคะแนน แต่ครั้งแรกมันน่าประทับใจมากเลยล่ะ ทุกคนที่มาดูปรบมือและส่งเสียงเชียร์ มันเป็นครั้งแรกที่รู้สึกหัวใจพองโตที่สุด จากนั้นเราทุกคนก็ตัดสินใจเปิดการแสดงทุกวัน อย่างแรกที่คาดหวังคือ การพัฒนาทักษะ อย่างที่สองผลตอบรับที่ดีและผลพลอยได้ก็คือ เงินรางวัลเล็กๆน้อยๆที่คนดูให้เราหลังจบการแสดง พอสิ้นเดือนพวกเราก็เอาเงินนั่นไปให้กับบ้านเด็กกำพร้า ทำแบบนั้นมาได้เกือบปีแล้วจนมันเป็นเหมือนการเสพติด วันไหนที่หยุดก็จะโหยหาเสียงปรบมือ”พารัมพูดพลางหัวเราะ “แค่คิดว่าถ้าไม่ได้เต้น…มันก็รู้สึกใจหาย”เสียงหัวเราะหายใจใบหน้าที่สดใสเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบนิ่ง
“เธอพูดเหมือนกับจะไปไหน”
“ก็ถ้าเรียนจบ มันก็คงยากที่จะทำแบบนี้จริงไหมล่ะ คนอื่นๆเองก็จะต้องแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเอง”
“ก็จริง”
“นี่ฉันกำลังพูดเรื่องเศร้าอยู่หรอเนี่ย ทั้งที่ชวนนายมาเที่ยวแท้ๆ ฮ่าๆ>O^ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า”
“…”
“นายอายุเท่าไหร่หรอ?”
“เอ๋ ถามเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ”
“ก็นายดูโตน่ะสิ ทั้งตัวสูงอีกอย่างเวลานายพูดมันเหมือนผู้ใหญ่มากเลย”
“17”
“งั้นก็เท่ากันน่ะสิ ฉันก็ 17 มัธยมปลายปี 3 ฉันเรียนไวไป 1 ปี”
“แทบไม่น่าเชื่อ ฉันนึกว่าเธอเด็กกว่าสักสองสามปี”
“ฉันก็คิดว่านายแก่กว่าสักสี่ห้าปี”
“=.= นี่ฉันดูแก่มากเลยหรอ”
“ก็นายตัวสูง”
“=.=”
“แล้วอีกอย่างก็หล่อมากด้วย”
“ไม่ต้องมาโกหกหรอกน่า”
“ไม่ได้โกหกซะหน่อย”
“งั้นเธอก็คงกำลังจีบฉัน”
“…”พารัมไม่ได้ตอบอะไร ทั้งยังหยุดเดินกะทันหันจนผมต้องหยุดเดินและหันไปมอง
“มีอะไรหรอ?”
“ฉันไม่กล้าจีบนายหรอก”
“…”
“ฉันกลัวว่านายจะไม่ชอบฉันน่ะสิ”O_O มะ หมายความว่าอะไร!
“…”
“ตรงนั้น…มีร้านขายดอกไม้ไฟ เราไปดูกันเถอะ”พารัมยิ้มออกมาก่อนจะคว้ามือผมพาวิ่งไปยังที่ๆที่เธอบอก เมื่อกี้มันหมายความว่าอะไรกันนะ? กลัวว่าผมจะไม่ชอบงั้นหรอ…
“สวยจัง>O<”เสียงใสของพารัมบวกกับเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ บนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนกับเด็กตัวเล็กที่แสนบริสุทธิ์ แสงสีสวยประทุออกมาจากก้านดอกไม้ไฟในตอนนี้ดูหม่นหมองลงเพราะผู้หญิงที่ชื่อลีพารัม เธอเปล่งประกายจนผมหยุดมองเธอไม่ได้ “กูจุนฮเว ดูนะ”พารัมเรียกผมก่อนที่เธอจะใช้ดอกไม้ไฟที่ถืออยู่เขียนบางอย่างในอากาศ
“กู จุน ฮเว”ผมอ่านตามที่เธอเขียนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“นายหัวเราะด้วย! ครั้งแรกเลยนะที่เห็นนายยิ้มออกมา”
“งั้นหรอ?”
“เวลานายยิ้มน่ะ หล่อมากเลยนะ แล้วก็น่ารักมากด้วย…ดูต่อนะจุนฮเว”พารัมยังคงเริ่มเขียนบางอย่างให้ผมดู
“ยิ้ม บ่อย บ่อย นะ”พารัมหยุดการเขียนแล้วมองมาที่ผมอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบางก่อนเริ่มเขียนต่อ “พา รัม ชอบ เว ลา จุน ฮเว ยิ้ม”นี่ทำให้ผมหัวเราะออกมาอีกครั้ง คราวนี้ผมแทบจะไม่หุบยิ้มเลยล่ะ สายลมนี้…ทำให้ผมมีความสุขได้ยังไงนะ?
ใช้เวลาเล่นดอกไม้ไฟไปนานเกือบสามชั่วโมง ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาตีห้ากับอีก 20 นาที พารัมพาผมมาอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้ามองผ่านแสงไฟลงไป ตรงหน้าสามารถที่จะมองเห็นแม่น้ำฮันได้อย่างชัดเจน
“ที่นี่ที่ไหน?”ผมถามพลางหันไปมองพารัมที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะตอบคำถามเธอมักจะส่งรอยยิ้มมาให้ผมเสมอ
“ฉันเคยมาที่นี่กับเพื่อนเพราะแฟนหนุ่มของเธอพักอยู่ในตึกนี้ ฉันพาเธอมาแต่ก็ไม่อยากจะอยู่ขัดขวางเวลาสวีตของคนสองคนก็เลยเดินขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนั้นเป็นตอนกลางวันน่ะเลยทำให้มองเห็นแม่น้ำฮันชัดเจน ตอนนั้นฉันทำได้แค่จินตนาการว่าถ้าฉันยืนอยู่ตรงนี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นมันคงจะดีมากๆ”
“ตอนกลางวันไม่สวยหรอ”
“สวยสิ ตอนนี้ก็ยิ่งสวย เราสามารถมองเห็นแสงไฟสีสันต่างๆ แต่ฉันชอบมองพระอาทิตย์ขึ้นมากกว่า มันรู้สึกเหมือนกับได้เริ่มต้นใหม่กับสิ่งใหม่ๆ”พารัมพูดก่อนจะลูบแขนตัวเอง เพราะตรงนี้เป็นที่สูงลมพัดค่อนข้างแรงอีกทั้งพารัมใส่แค่เสื้อยืดเท่านั้น…ผมค่อยๆถอดเสื้อแขนยาวที่ใส่อยู่ออกแล้วคลุมตัวให้พารัม คนตัวเล็กกว่าหันมามองก่อนจะยิ้มบาง “ขอบคุณนะ”ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปอีกทางเพื่อจะไปหาที่นั่ง แต่ก็ต้องหยุดเมื่ออีกคนสวมกอดผมจากด้านหลัง… “นายอบอุ่นจริงๆด้วยสินะ”เสียงพูดแผ่วเบาทำให้ผมรู้สึกมีบางอย่างแปลกไป ในร่างกายของผมตรงหน้าอกข้างซ้ายมันเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมค่อยๆแกะมือของพารัมออกจากตัวก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวเล็กกว่าที่ตอนนี้ไม่ได้มีรอยยิ้มเหมือนปกติ อีกทั้ง…ยังมีน้ำใสไหลลงจากดวงตาคู่สวยนั้นอีกด้วย ผมทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดกับน้ำตานั้นนะ?
“พารัม…”
“ขอโทษนะ”พารัมใช้มือเช็ดน้ำตาลวกๆก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ผมใช้สองมือประคองแก้มของเธอเอาไว้ก่อนจะก้มลงไปเพื่อประทับจูบลงบนริมฝีปากของพารัมอย่างแผ่วเบา… นี่เป็นจูบครั้งแรกของผม จูบที่มอบให้กับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่ครึ่งคืนเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ แต่มีอย่างเดียวที่ผมรู้ตัวเองดีในตอนนี้ก็คือ ผมอยากจะจูบเธอ
“ขอบคุณสำหรับคืนนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ฉันยิ้มในรอบ…3 เดือน แล้วก็เป็นยิ้มที่มาจากความรู้สึกมีความสุขจริงๆในรอบ 2 ปี เวลาที่มองรอยยิ้มของเธอ ฉันก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่ต้องคิดหรือกังวลกับเรื่องอื่นเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา สายลมนี้…มหัศจรรย์มากเลยนะ”ผมพูดออกมาเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มให้คนตรงหน้าหลังจากถอนจูบออกมา พารัมเองก็ยิ้มก่อนที่จะให้มือนุ่มของเธอประคองแก้มของผมเอาไว้
“ถ้ารู้สึกขอบคุณฉันจริงๆ ฉันขออะไรจากนายสักอย่างได้ไหม?”
“อะไร?”
“ยิ้ม…ต่อจากนี้นายจะต้องยิ้มบ่อยๆ รู้ไหมว่าตอนที่กูจุนฮเวยิ้มน่ะ หล่อสุดๆเลย แถมยังน่ารักด้วย สำหรับฉัน…เวลาที่นายยิ้มนายเปล่งประกายยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าอีกนะ ฉันอยากจะมองนายยิ้มอย่างมีความสุข แค่นายยิ้มฉันก็มีความสุขแล้ว^^”
“ฉันทำได้…ถ้าเธอจะมามองฉันยิ้มทุกวัน”
“…”
“ก็เธอผ่านบริษัทฉันทุกคืนนี่”
“เอ่อ…ก็จริง แต่ว่าฉันทำได้มากกว่าแค่ตอนเดินผ่านบริษัทอีก ฉันน่ะ ลีพารัมนะ ฉันเป็นสายลม…ฉันสามารถจะมองรอยยิ้มนายได้ตลอดเวลาเลยล่ะ สัญญานะว่าจะยิ้มเยอะๆ แล้วก็ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด”
“ได้สิ แต่เธอเองก็ต้องสัญญาว่าจะคอยมองฉันอยู่ตลอดเวลา”
“แน่นอน ฉันจะดูนายตลอดเวลาเลยล่ะ จนกว่านายจะประสบความสำเร็จในชีวิตเลย”
“หลังจากนั้นด้วย…ตลอดไป”
“อื้ม^^ ตลอดไป”พารัมยิ้มก่อนจะดึงมือตัวเองออกจากการจับใบหน้าของผม เธอหันกลับไปมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี…พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้วสินะ “กูจุนฮเว…ฉันเห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้วล่ะ”ผมยิ้มออกมาพร้อมกับมองพารัมจากด้านหลังของเธอ แม้ผมจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอ…แต่ถ้าให้ผมเดาเธอก็คงกำลังยิ้มอยู่
น้ำใสไหลจากดวงตากลมของเด็กสาว แต่ใบหน้าของเธอยังคงยิ้ม ภาพตรงหน้าคือท้องฟ้าที่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้มเป็นสีส้ม ดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่ขึ้นมาเหนือเส้นขอบฟ้า แสงของมันกระทบกับผืนน้ำทำให้เกิดแสงระยิบระยับ เหนือสิ่งอื่นใดในหัวใจของเธอกำลังรู้สึกอิ่มเอม…ได้มองพระอาทิตย์ขึ้นโดยมีคนที่ตัวเองรักอยู่ใกล้ๆ เธอเองก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว
“กูจุนฮเว…ฉันเห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้วล่ะ”เธอพยายามพูดออกมาเพื่อไม่ให้เสียงสั่นจนอีกคนรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ “ขอบคุณนะ”หญิงสาวพูดออกมาโดยไม่มีเสียงเป็นเวลาเดียวกันกับที่น้ำตาหยดลงบนพื้น
ในขณะที่ผมกำลังมองพารัมอยู่…ลมแรงก็พัดเข้ามากระทบกับผมจนต้องใช้มือขึ้นมาบังหน้าตัวเองเอาไว้ ฝุ่นและใบไม้ปลิวว่อนจนผมรู้สึกตกใจ ผมพยายามจะเดินเพื่อไปหาพารัมเพราะสถานการณ์ดูอันตรายแต่ผมก็ไม่แม้แต่จะสามารถก้าวเท้าได้เพราะแรงของลม
“พารัม!”ผมตะโกนพร้อมกับพยายามก้าวเท้าให้ได้มากที่สุด…ไม่นานลมแรงที่ราวกับพายุก็สงบลงราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น! “พารัม!!”ผมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อหาพารัมแต่…เธอไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิม ผมวิ่งไปรอบๆดาดฟ้า อีกทั้งยังพยายามก้มลงมองไปด้านล่างเพื่อมองดูว่าเธอไม่ได้พลัดตกลงไป ไม่ว่าจะกวาดสายตาเท่าไหร่…ก็มองไม่เห็นเธอ “นี่มันอะไร!”ผมขยี้ผมตัวเองแรงๆ เป็นเพราะตอนนี้ผมไม่สามารถเจอพารัมได้…ผมเป็นห่วงเธอ นั่น! ผมรีบวิ่งกลับมาที่เดิมก็พบกับเสื้อแขนยาวที่คลุมให้กับพารัมก่อนหน้านี้กองอยู่บนพื้นตรงจุดที่พารัมเคยยืน ลงแรงขนาดนี้…แต่เสื้อไม่ปลิว? อีกทั้งยังมีบางอย่างที่แปลกไปก็คือแหวนสีเงินเรียบๆที่วางอยู่บนเสื้อนั้นพร้อมกับขนนกสีขาว…ผมรีบวิ่งลงจากตึกนี้ทันทีเพื่อจะตามหาพารัม…หายไปไหนนะ!
.
.
.
.
.
ไม่ว่าจะตามหาเท่าไหร่…ก็ไม่พบ…ลีพารัมหายไปพร้อมกับสายลม
“จุนฮเว ไปกินข้าวกัน^^”คิมดงฮยอกเพื่อนสนิทของผมพูดพร้อมกับตบแขนเบาๆ “จุนฮเวทำแกเป็นอะไรวะ ตั้งแต่เข้ามาบริษัทก็เอาแต่เงียบ”
“ฉันไม่หิว แกไปกินเถอะ”
“เอางั้นก็ได้”ดงฮยอกพยักหน้าแล้วเดินออกไป เพราะเป็นเพื่อนกันมานานมันเลยรู้ว่าผมไม่ชอบให้เซ้าซี้
“อ๊ะ! อยู่นี่เองกูจุนฮเว ฉันหานายตั้งนาน”ดงฮยอกเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ผู้ชายอีกคนก็เดินเข้ามาหาผม ผู้ชายตัวสูงไล่เลี่ยกับผม กับใบหน้าตี๋ๆเป็นเอกลักษณ์ รุ่นพี่ที่กำลังจะเดบิวต์เร็วๆนี้
“มีอะไรหรอพี่ซึงฮุน?”
“ฉันออกไปมินิมาร์ทมาน่ะ แล้วเจอเด็กผู้หญิงคนนึงจำได้ว่าเป็นแฟนคลับยืนอยู่แต่งชุดดำแล้วก็ดูหน้าตาเศร้าๆก็เลยเดินเข้าไปใกล้ เธอยื่นนี่มาให้ ตอนแรกก็อุตส่าห์ดีใจนึกว่าของขวัญฉัน แต่ที่ไหนได้ บอกว่าฝากมาให้นาย”
“ให้ผม?”
“อืม ใช่ เธอบอกว่าเป็นของเพื่อนเธอ รับไปสิ”พี่ซึงฮุนส่งกล่องไม้สีอ่อนขนาดไม่ใหญ่มากให้กับผม “เปิดดูสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร^^”
“ครับ”ผมเปิดฝากล่องออก แล้วหยิบกระดาษสีฟ้าเล็กๆด้านบนสุดออกมา “จดหมาย”
‘ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กล่องนี้จะได้อยู่กับนาย แต่…สักวันนึงแหล่ะว่าไหม^^’
ข้อความสั้นๆที่ทำให้ผมต้องยกคิ้วด้วยความสงสัย ผมก้มลงไปมองของที่อยู่ในกล่องอีกครั้ง ในนี้มีสมุดบันทึกสีฟ้าเล่มหนาและกล่องเล็กๆที่เป็นผ้ากำมะหยี่สีแดง ผมหยิบกล่องขึ้นมาเปิดดู นี่มัน!
“มีอะไรหรอจุนฮเว!”พี่ซึงฮุนถามขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ เป็นกล่องแหวน ด้านในมีแหวนสีเงินเรียบๆอยู่หนึ่งวง ในกล่องมีช่องเสียบแหวนว่างๆเหลืออีกหนึ่งที่ ผมอาจจะไม่ได้ตกใจ…ถ้าแหวนนี้ไม่ได้มีลักษณะเดียวกันกับที่วางอยู่บนเสื้อของผมตอนที่พารัมหายไป…ผมล้วงแหวนอีกวงที่มีออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเสียบมันลงไปในกล่อง…พอดี? หรือว่า!
“พี่ซึงฮุนถือกล่องให้ผมหน่อย”ผมยื่นกล่องให้พี่ซึงฮุนช่วยถือ วางกล่องแหวนลงในกล่องพร้อมกับหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา หน้าปกที่ไม่มีอะไรเขียนเอาไว้…ทันทีทีเปิดหน้าแรกน้ำตาของผมก็ไหลลงอาบแก้ม “บันทึกของลม”ผมพลิกไปอ่านหน้าสุดท้ายทันที
‘สมุดเล่มนี้ฉันใช้เวลาเขียนมัน 2 เดือนกับอีก 14 วัน หลังจากที่เจอกับผู้ชายที่ชื่อ กูจุนฮเว…มันยากเกินไปสำหรับฉันที่จะเดินเข้าไปแล้วบอกว่า ฉันชอบนายนะ เวลาตี 1 ของทุกวันแค่ระยะเวลาสั้นๆที่ได้แอบมอง แค่เท่านั้นฉันก็มีความสุขแล้ว ต่อจากนี้ฉันอาจจะไม่ได้เขียนอีกแล้วล่ะ ฉันนี่แย่จังนะ ทั้งๆที่รู้ว่าเวลาของตัวเองบนโลกใบนี้กำลังจะหมดลงไป…แต่ก็ยังเขิน ยังเก็บความลับเอาไว้ ทั้งๆที่อายุแค่ 17 แต่ก็ดันเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา โรงพยาบาลนี่ก็น่าเบื่อชะมัด ถึงแม้ว่าคุณหมอกับพยาบาลจะใจดีมากก็เถอะ แต่ฉันก็อยากจะออกไปเจอหน้าของจุนฮเวมากกว่า ไม่ได้เห็นหน้านายแค่ 4 วันฉันรู้สึกเหมือนบางอย่างในชีวิตขาดหายไปเลย ฮ่าๆ ฉันกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย…ถ้าฉันยังพอมีความดีหลงเหลืออยู่บ้าง…ฉันอยากจะเจอนายอีกครั้ง แล้วก็ทำให้นายยิ้ม กูจุนฮเวน่ะไม่ชอบยิ้มเลยนะทั้งๆที่ก็ออกจะหล่อมากขนาดนั้น ฉันคิดว่า…เวลาที่นายยิ้มนายเปล่งประกายยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าอีกนะ…เอาล่ะฉันเริ่มง่วงแล้ว ฉันจะหยุดเขียนแล้วล่ะ ถ้าฉันหลับไปแล้วสามารถลืมตาขึ้นมาได้อีกฉันก็จะมาเขียนต่อ…แต่ถ้าไม่…นี่ก็คงจะเป็นหน้าสุดท้ายจริงๆ กูจุนฮเว…ฉันจะเป็นสายลมที่อยู่ใกล้ๆกับนายเสมอ ฉันจะคอยมองดูนายประสบความสำเร็จแล้วก็จะคอยร่วมยินดีกับนายในทุกๆเรื่อง…ฉัน…ฉันรักนายนะ…ลีพารัมรักกูจุนฮเวมากๆเลยล่ะ^^ ยิ้มบ่อยๆนะคนดีของฉัน…’
“จะ จุนฮเว!! นายร้องไห้ทำไม”
“…”ผมทำให้แค่พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งพยายามมันก็ยิ่งไหล…ผมจับกล่องไม้ที่ฝากพี่ซึงฮุนถือกลับมา “ผมขอตัวนะครับ”ผมโค้งให้กับรุ่นพี่ก่อนจะเดินไปอีกทาง…ความรู้สึกของผมตอนนี้มันช่างเจ็บปวด…ผมเหมือนกำลังจะหยุดหายใจ…หลังจากนี้ไม่มีแล้วสินะที่เค้าต้องแอบมองผู้หญิงคนหนึ่งผ่านกระจกหลังของรถที่เค้าต้องนั่งกลับหอพักที่หน้าบริษัทในเวลาตี 1 ของทุกวัน แอบยิ้มกับความน่ารักของเธอ ตอนนี้ผมรู้ทุกอย่างแล้วล่ะว่าทำไมเมื่อคืนผมถึงรู้สึกดีและยอมทำตามเธอทุกอย่าง ไปทุกทีที่เธอพาไป ยิ้มออกมาเพราะรอยยิ้มของเธอและเลือกที่จะจูบเธอเป็นคนแรกของชีวิต…คงเป็นเพราะผม…มอบหัวใจให้เธอตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน ตั้งแต่วันแรกที่ผมเห็นเธอ…ซึ่งอาจจะเป็นวันเดียวกันกับที่พารัมเองก็มอบหัวใจให้กับผม…ผมแย่จริงๆสินะที่เอาแต่วางท่าเอาไว้แบบนั้น ผมเองก็ชอบพารัมเหมือนกัน…ไม่สิ ไม่ได้ชอบ…ผม…ผมรักเธอต่างหาก กูจุนฮเวคนนี้…รักลีพารัมมาตลอด…
******************
RomanticShadow
**************************
ความคิดเห็น