คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : [ 100% ]
3
ผมขับรถมาได้สักพักก็ถึงคอนโดที่คุณนายคิมบอกเอาไว้ มันเป็นคอนโดระดับหรูที่ตั้งติดกับริมแม่น้ำฮัน ซึ่งเวลามองออกมานอกหน้าต่างเวลาตอนกลางคืนจะเป็นวิวที่สวยเอามากๆ เลยล่ะ และผมมักจะพาสาวๆ ในสต๊อกของผมมาบรรเลงบทรักที่นี้เป็นประจำเพราะว่าที่คอนโดแห่งนี้ผมก็เคยซื้อเก็บไว้อยู่ห้องหนึ่งซึ่งใช้เป็นบ้านอีกหลังเวลาโดนพ่อไล่ออกจากบ้านหรือต้องการเล่นผีใต้ผ้าห่มกับบรรดาสาวๆ ที่สามารถคว้ามาได้ในคืนนั้น
“ลงมาได้แล้ว” ผมบอกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คนขับให้ลงมาจากรถ เพราะตั้งแต่ที่ผมจอดรถสนิทเทียบท่ากับลานจอดรถส่วนตัวและก้าวลงจากรถเตรียมจะขึ้นลิฟต์ไปสู่ห้องหอของเราสองคนไอ้ห่านี้ก็ไม่ยอมลงจากรถสักที เอาแต่นั่งทำหน้าเหมือนหมาปวดขี้อย่างเดียวแถมยังขมุบขมิบปากเหมือนกำลังสาปแช่งผมยังไงยังงั้น -*-
“กูไม่ลง” ผมจ้องหน้ามันอยู่นานสองนานจนมันยอมปริปากพูดออกมาแต่ก็ไม่วายยังเที่ยวนั่งทำหน้าบูดเหมือนตูดไก่อยู่แบบเดิม
“มึงนี่ปัญหาเยอะจังเลยนะสัส”
“กูอยากกลับบ้าน..”
“มึงอย่ามาดราม่าได้ไหมว่ะ...เห้ยๆๆๆ ร้องไห้ทำไหมวะกูไม่ได้ขืนใจมึงนะเว้ยย!!!” ผมตกใจทันทีเมื่อจู่ๆ ฮิมชานแม่งก็ก้มหน้าลงแล้วยกมือขึ้นปิดพร้อมกับปล่อยโฮร้องออกมาทันทีและเสียงดังสัสๆ เรียกเอาคนแถวนั้นที่เดินผ่านไปผ่านมามองผมด้วยสายตารังเกียจ ผมก็ได้แต่เขาไปปลอบมันแต่สุดท้ายผมก็ไม่รู้จะปลอบแม่งยังไงเลยได้แต่ลูบหลังมันเบาๆ ได้อย่างเดียว
“กู...ไม่พร้อมที่จะอยู่กับมึง” มันตอบออกมาเสียงแผ่วเบาทำเอาผมที่หูค่อนข้างไม่ดีอยู่จึงต้องขยับให้หูของผมไปใกล้ๆ กับปากของมัน
“...มึงโดนบังคับเหมือนกูสินะ” ผมตอบออกไปอย่างรู้คนใจเสมือนกับคนที่เป็นหัวอกเดียวกันจนเกือบลืมไปเลยว่าก่อนหน้านั้นผมและมันเกลียดกันมากขนาดไหน แต่ช่างเหอะ...วินาทีนี้ของแค่มันหยุดร้องกูก็พอใจล่ะ
“มันไม่ใช่เรื่องนั้น...”
แล้วเรื่องอะไรล่ะครับไอ้สัส -*-
“กูแค่กลัวมึง...จะพลัดพรากเวอร์จิ้นของกูไป!!! ฮือๆๆๆ TOT” ผมแทบอยากจะยกมือขึ้นตบหัวแม่งทันทีพอได้ยินคำตอบออกจากปากมัน มันคงจะหวงเวอร์จิ้นแม่งมากจริงๆ นั้นแหละ ไม่อย่างงั้นแม่งคงไม่เที่ยวมานั่งทำหน้าบูดแล้วร้องไห้แบบนี้หรอก
แต่คิดหรอว่าผมจะสน...
ในเมื่อแม่ของมันเป็นคนยกมันให้ผมเองก็ถือว่ามันพร้อมแล้วที่จะเสียสิ่งที่มันรักที่สุดให้กับผม เพราะฉะนั้นถ้าจะโทษใครเวลาผมบรรเลงบทรักกับมันก็ควรที่จะไปโทษแม่ของมันเอง แต่ถึงยังไงผมก็ยังอดส่งสารแม่งไม่ได้อยู่ดี ก็ดูแม่งทำตัวดิ..
มุ้งมิ้งอย่างกับผู้หญิง - -*
“ร้องไห้เสร็จแล้วใช่ไหม...มึงก็ช่วยลงมาจากรถสักที!!!” พอผมเห็นว่ามันเริ่มสะอึกสะอื้นและดูเหมือนว่าจะเริ่มร้องไห้อีกครั้งมันก็ยิ่งทำให้ผมนั้นรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาทันทีทำให้ผมนั้นต้องยื่นมือไปกระชากตัวแม่งออกมาจากรถก่อนที่จะเอาเท้าถีบปิดประตูอย่างอารมณ์เสียและจับมันยกขึ้นพาดบ่าก่อนจะออกตัวเดินไปอย่างสง่างาม (?)
@ BANGCHAN’S ROOM
กว่าผมจะขึ้นมาถึงห้องได้นี่แทบตาย ก็ระหว่างเดินมาไอ้เหยินแม่งก็ส่งเสียงร้องออกมาตลอดเวลา ทุบตีหลังผมอย่างโหดร้ายทารุณบ้างล่ะ ไม่พอ...ยังมีบางครั้งที่เหมือนแม่งรู้สึกหิวถึงกับจิกหัวผมและกัดเข้าไปที่ใบหูแบบสุดแรงทำเอาหูผมเกือบขาดแยกออกจาหัวแหนะ
“เงียบแล้วสิมึง” ผมถามมันออกไปพลางลูบใบหูตัวเองไปพลางด้วยความเจ็บปวด ส่วนไอ้ห่านั้นพอผมมาถึงห้องและโยนมันไปไว้ที่โซฟาได้แม่งก็หยุดร้องทันทีแล้วเอาแต่นอนกอดหมอนหนุนหัวอย่างเดียว
“เงียบอีกไอ้สัส...มึงต้องรับผิดชอบหูกูเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย!!!” พอผมเห็นมันเงียบไม่ยอมตอบอะไรทั้งสิ้นออกมาจากปากของมัน โทสะของผมก็ได้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมรีบเดินไปที่โซฟาที่แม่งนอนอยู่ก่อนที่จะกระชากตัวของมันให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าอันหล่อเหลาของผม
Himchan
ผมแทบจะร้องออกมาทันทีเมื่อจู่ๆ ไอ้ยงกุกก็เดินมากระชากตัวผมให้ลุกขึ้นอย่างแรงจนข้อมือของผมเป็นรอยช้ำเต็มไปหมด ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมมันถึงชอบทำรุนแรงกับผมนัก ทั้งๆ ที่เราพึ่งเจอกันเป็นครั้งแรกแต่มันก็ทำรุนแรงกับผมยังกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านั้น
“กูพูดกับมึงมึงไม่ได้ยินไงวะ!!!” และก็แบบเดิม...มันขึ้นเสียงใส่ผมอย่างโมโหอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะน่ากลัวกว่าครั้งอื่นๆ เพราะเหมือนกับว่าสายตามันบ่งบอกว่ามันต้องการอะไรบางอย่าง
มันทำให้ผมรู้สึกกลัว...
“กูแค่ไม่รู้จะพูดอะไรกับมึง กูเหนื่อย...และกูอยากนอน ปล่อยกู!!!” ผมตะโกนใส่มันอย่างเหลืออดก่อนที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักแม่งออกและเดินกลับไปที่โซฟาตัวเดิม แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อจู่ๆ ไอ้เหงือกมันก็เดินตามมาคว้าข้อมือของผมอย่างแรงแล้วลากให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับมัน
“แล้วทำไมมึงไม่บอกกูดีๆ มึงจะเงียบทำซากมะเขือเทศไงวะ!!!”
“แล้วมึงเป็นพ่อเป็นแม่กูไงล่ะ!!! เสือกจริงกับชีวิตกูนี่!!!”
“แต่กูก็ขึ้นชื่อว่าเป็น ผัว มึง!!!”
“มึงเลิกเอาคำว่าผัว ผัวและก็ผัวมาอ้างสักทีสิวะ ในเมื่อมึงก็ไม่ชอบกูขอร้องมึงอย่ามาเที่ยวทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกู!!!” และดูเหมือนคำพูดของผมจะได้ผล ไอ้ยงกุรีบปล่อยมือออกจากข้อมือของผมทันที มันมองหน้าผมด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่สายตากับเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ผมยืนมองหน้ามันอยู่แปปนึงก่อนที่จะหลบสายตามันก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอนไป
“หึ!!! กูจะดูต่อไปแล้วกันว่ามึงจะปากดีได้อีกนานแค่ไหน!!!”
และนั้นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินมันพูดออกมาจากปากหมาๆ ของมันก่อนที่ประตูห้องนอนของผมจะปิดลง ผมว่าตั้งแต่ผมเจอกับมันตั้งแต่ที่บ้านมันก็ไม่เคยที่จะพูดจากับผมด้วยถ้อยคำดีๆ เลยสักครั้งแถมยังชอบใช้ความรุนแรงกับผมอีกจนบางครั้งผมอยากร้องออกมาดังๆ เวลาที่มันชอบกระชากตัวผมแรงๆ จนเนื้อตัวผมตอนนี้เริ่มขึ้นเป็นรอยช้ำเขียวเป็นจ้ำเต็มไปหมด
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและคว้าผ้าเช็ดตัวและพวกชุดนอนออกมาจากตู้และเดินเข้าห้องน้ำไป ผมว่าการอาบน้ำมันอาจจะทำให้ใจผมเย็นลงก็ได้แล้วก็ควรมานั่งคิดวิธีรับมือกับไอ้เหงือกอารมณ์แปรปรวนยังกับเมนส์พึ่งมา
30 MIN. LATER
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตอนนี้กำลังใช้งานในการเช็ดผมที่กำลังเปียก แต่พอผมออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจกับการปรากฏกายของไอ้เหงือกที่ตอนนี้กำลังนอนเปลือยท่อนบนนอนดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบ
แม่งเข้ามาได้ไงวะ?
ผมว่าผมล๊อกประตูห้องแล้วนะตอนเดินเข้ามาในห้องแล้วก่อนที่จะไปอาบน้ำ นี่อย่าบอกนะว่าไอ้ห่านี่ลงทุนไปขอกุญแจสำรองกับทางคอนโดเพื่อมาไขประตูห้องนอนผม
หน้าด้านสัสๆ - -*
“มึงจะยืนมองกูอีกนานไหมครับ” ผมสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินมันพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่ยืนมองมันตาค้าง ส่วนผมที่พอได้ยินแบบนั้นก็ทำเนียนเป็นเสมองไปทางอื่นและเช็ดผมที่เปียกต่อไป
มึงจะมาไม้ไหนอีกละครับ -*-
ผมได้แต่คิดในใจไม่ถามมันออกไปเพราะตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะมาทะเลาะกับมันตอนนี้ ถึงผมจะแอบหมั่นไส้หน้ามันมากก็เถอะ แต่การอยู่อย่างสงบและไม่มีปากเสียงกับมันอาจจะเป็นหนทางเดียวที่ชีวิตคู่ของผมจะปราศจากมารขัดชีวิตและรักษาปกป้องเวอร์จิ้นของผมไว้ได้
“แล้ว...มึงเข้ามาในห้องกูได้ไง กูจำได้ว่ากูล๊อกห้องไว้”
“ไปขอกุญแจจากพนักงานมา”
ตามคาดเลย - -*
“มึงจะอาบน้ำใช่ป่ะ...ไปอาบดิห้องน้ำว่างแล้ว”
“กูขอโทด”
ขวับ!!!
ผมหันไปมองมันทันทีเมื่อจู่ๆ มันก็พูดคำว่า ‘กูขอโทด’ ออกมา ทั้งๆ ที่ผมคิดไว้ว่าหน้าอย่างแม่งคงไม่มีสามัญสำนึกพอที่จะขอโทดใครง่ายๆ แต่นี้ผิดคาดแม่งเสือกพูดคำว่าขอโทดออกมา ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย!!!
“มึงจะมาขอโทดกูทำไม เลี่ยนวะ” ผมทำหน้าแหยะๆ ใส่มันไปทีหนึ่งก่อนที่จะนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและเช็ดที่ยังชื้นๆ อยู่ต่อ
“กูตั้งใจจะขอโทดมึงจริงๆ นะ...ฮิมชาน...” คราวนี้ไอ้ยงกุกพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทำให้ผมที่เริ่มชักจะสงสัยกับพฤติกรรมของมันต้องหยุดเช็ดผมและหันไปมองมันด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อกับคำพูดมันสักเท่าไร ก็ตั้งแต่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำและเห็นมันนอนเปลือย (ท่อนบน) อยู่บนเตียงมันก็มีท่าทางพิรุธแปลกไปจากเดิมและก่อนหน้าที่ผมจะเข้าไปอาบน้ำซะอีก
“มึงมาไม้ไหนอีกล่ะ” ผมกลั้นที่จะไม่ให้ถามมันออกไปแต่สุดท้ายก็อดสงสัยไม่ได้จนผมต้องถามมันออกไป จนมันที่ได้ยินกับคำถามของผมก็ถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะค่อยๆ ลุกจากเตียงและเดินมาหาผมอย่างช้าๆ ช้าๆ และเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“กูก็แค่...อยากจะขอโทดมึง..”
“…”
“เพราะว่า...”
ว่าอะไรล่ะไอ้สัส!!!
“มึงทำให้กูของขึ้นจนอยาก เอา มึงเดี๋ยวนี้เลยไงล่ะ!!!”
“O_O”
“มานี่!!!” พูดจบได้เหงือกแม่งก็พุ่งเข้ากอดผมแบบทันทีก่อนที่จะพยายามลากตัวผมให้ไปนอนแผ่สยายให้ท่ามันบนเตียง และมีหรือที่คนอย่างผมจะยอม
ผมดิ้นเร่าๆ อยู่ในอ้อมอกของมันพร้อมกับพยายามแทงศอกเข้าไปที่ท้องของมันแต่ก็ไม่เป้นผม ก็เพราะที่หน้าท้องของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งๆ เต็มไปหมดทำให้มันไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยตอนที่ผมพยายามแทงศอกเข้าไปที่ท้องของมันหลายรอบ
“มึงอย่าดิ้นได้ไหมว่ะ!!!”
“มึงก็ปล่อยกูไปเซ่!!!”
“กูไม่อยากทำรุนแรงกับมึงนะฮิมชาน”
แล้วที่มึงทำอยู่ไม่รุนแรงไงว่ะ!!!
“ปล่อยกูนะไอ้สะ...” คำพูดของผมที่กำลังจะด่ามันออกไปหายไปในพริบตาเมื่อจู่ๆ ไอ้ยงกุกมันก็ใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ล๊อกตัวผมรั้งท้ายทอยของผมไว้ก่อนที่จะจูบผมทันทีอยากรุนแรงทำเอาผมที่ตั้งตัวไปทันถึงกับเซล้มลงไปนอนกองบนเตียงทันทีก่อนที่มันจะตามมาคร่อมร่างผมไว้ทั้งๆ ที่ยังไม่ถอนริมฝีปากออกไป
สัมผัสที่ยงกุกมอบให้ผมนั้นอ่อนลงเรื่อยๆ เหมือนกับอารมณ์ของมันเริ่มอ่อนลงก่อนที่จะเปลี่ยนจากจูบที่แสนจะร้อนแรงและเต็มไปด้วยความโกรธกลับเปลี่ยนเป็นจูบที่แสนจะหอมหวานจนตัวผมนั้นเผลิเผยอปากออกนิดหน่อยจนยงกุกนั้นใช้โอกาสนี้สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากของผมและลิ้มรสความหวานจากปากของผมอย่างสนุก
“อ่ะ!!!” ผมร้องออกมาเบาๆ เมื่อยงกุกเปลี่ยนจากจูบผมไปซุกไซร้ซอกคอขาวของผมแทบพร้อมกับกัดและเม้มแรงๆ จนซอกคอของผมเต็มไปด้สนมาร์กคิสที่มันประทับไว้เต็มไปหมด ส่วนมือที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ไม่เป้นสุขของมันก็พยายามที่ปลดกระดุมชุดนอนผมออกที่ละเม็ดก่อนที่จะลากมือสากของมันไปตามหน้าท้องและอกของผมจนผมนั้นเผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นด้วยความเสียวซ่านแล้วเผลอครางออกมาเบาๆ ทำเอาร่างสูงที่กำลังคร่อมร่างผมอยู่ถึงกับหัวเราะหึหึออกมาจากลำคอเบาๆ ด้วยความพอใจแต่ก็ยังไม่เลิกราที่จะซักไซ้ซอกคอของผมไม่เลิก
“ฮิมชาน...มึงรู้ตัวไหมว่าตัวมึงหอมขนาดไหน” ยงกุกพูดขึ้นบริเวณใบหูผมก่อนที่จะเลียและงับใบหูผมเล่นจนผมต้องจิกผมของมันแน่นและซี๊ดปากออกมาเบาๆ เพื่อระบายความเสียว
“กูชักจะทนไม่ไหวแล้วว่ะ”
“ทำไม...มึงเป็นอะไร?”
“น้องกูตื่น..”
“O_O”
“กูต้องการที่ปลดปล่อย..”
“O_O!!!”
ได้ยินเช่นนั้นผมก็รีบใช้เข่าของตัวเองกระแทกเข้าไปที่จุดยุทธศาสตร์ของไอ้ยงกุกทันทีจนมันร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวดทรมานและนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงพร้อมกับกุมเจ้าโลกเอาไว้ ส่วนผมที่มีโอกาสหนีรอดจากเงื้อมมือไอ้เหงือกแล้วก็รีบลุกขึ้นจากเตียงและรีบติดกระดุมให้เรียบร้อยพร้อมกับวิ่งไปเอาเสื้อคลุมในตู้พร้อมกับคว้าพวกโทรศัพท์มือถือ (อีกเครื่องหนึ่ง) และกระเป๋าสตางค์วิ่งออกจากห้องไปทันที
Yongjae
[ I’m a badmannnnn~]
ผมที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงพร้อมกับกอดเจ้าตุ๊กตาหมูอ้วนตัวโปรดอยู่ต้องรีบลุกขึ้นมาทันทีพร้อมกับพยายามคว้านหาเจ้าโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเหมือนเจ้าเข้าอยู่บนเตียงด้วยความรำคาญแบสุดๆ
ใครแม่งโทรมาตอนนี้ฟร้ะ!!! -*-
“ฮัลโหลมึงใครว่ะ” ผมรีบรับโทรศัพท์ทันทีเพราะทนกับเสียงเรียกเข้าที่ดังลั่นห้องส่งเสียงดังไม่ไหวพร้อมกับกรอกเสียงใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงที่โมโหแบบสุดๆ ถ้าแม่งโทรมาหาเพื่อก่อกวนล่ะก็...กูยิงมึงไส้แตกแน่!!! (?)
[มึง!!!! ไอ้ยองแจนี่กูเองนะฮิมชาน]
“มึงโทรมาทำไมดึกดื่นว่ะไอ้เชี่ย คนเขาจะนอน”
[มึงลงมารับกูหน่อยดิ ตอนนี้กูอยู่ที่หน้าคอนโดมึง ช่วยกูด้วยยยยย!!!!]
“มึงเป็นเชี่ยไรอีกฮ่ะไอ้สัส - -*” ผมถามมันออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์สุดๆ ที่จู่ๆ แม่งก็เสือกเป็นห่าอะไรอีกก็ไม่รู้แถมยังมาหาผมถึงคอนโดอีก ถ้าให้เดาแม่งคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
[เร็วๆ เหอะมึง เดี๋ยวไอ้เหงือกแม่งตามกูมาทันนนน!!!]
ตู้ด!!!
และมันก็วางสายผมไปทันทีที่มันพูดจบ ผมก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมมันถึงรีบร้อนมาหาผมถึงที่ ถ้าให้เดามันคงหนีไอ้ยงกุกมาแน่นอน ดูจากน้ำเสียงสั่นๆ ของมันแล้วดูเหมือนกับว่ามันกำลังกลัวมากกับสิ่งที่ยงกุกจะทำกับมัน นี่คือสรุปกูต้องลงไปรับมึงใช่ป่ะ?
ผมตัดสินใจรีบลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนที่จะเดินไปคว้ากุญแจห้องเพราะกับบัตรคีย์การ์ดไว้สำหรับคีย์เวลาจะเข้าหรือออกจากคอนโดและรีบบึ่งไปใส่รองเท้าเตรียมออกจากห้องทันที
แอดดด!!!
ผมเปิดประตูออกมาจากห้องอย่างเชื่องช้าแต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมตกใจสุดขีดจนเผลอตัวก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัวกับบุคคลตรงหน้าที่จู่ๆ แม่งก็มาโผล่ที่หน้าห้องนอนของผมได้ยังไงก็ไม่รู้
“เห้ย!!!...มึงโผล่มาได้ไงว่ะ!!! O_O” และมันคือคนที่พึ่งเดินชนผมไปเมื่อตอนเย็นของวันนี้นั้นเองครับ ไอ้เชี่ยยยย!!!!
“พูดไม่เพราะเลยนะครับที่รัก นี่คุณจำไม่ได้จริงๆ หรอว่าผมชื่ออะไร เสียใจจัง” มันพูดใส่ผมด้วยสีหน้าน้อยใจเล็กน้อยก่อนที่จะผุดยิ้มขึ้นที่มุมปากเหมือนกำลังคิดแผนเด็ดอะไรบางอย่างได้
“กูไม่จำเป็นต้องจำชื่อมึง!!!”
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะครับ อยากโดนกู เอา มากหรือไงหืมมมม” มันพูดก่อนที่จะยื่นหน้าของมันมาใกล้กับใบหน้าของผม พอผมเห็นว่ามันเริ่มจะทำพฤติกรรมไม่ค่อยจะเข้าท่าซะเท่าไรแล้วจึงค่อยๆ เดิมถอยหลังมามากขึ้นเรื่อยๆ
“มึงโรคจิตหรือไงว่ะสัส!!! แล้วมึงมาหากูทำไม”
“รู้ได้ไงมากูจะมาหามึงฮ่ะ?”
กูไม่น่าไปถามแม่งเลย -*-
“เปลี่ยนคำถามใหม่...มึงมาทำเชี่ยอะไรที่นี้”
“มากันหมา..”
“…”
“ยงกุกฮยองสั่งมาว่าห้ามให้มึงลงไปช่วยฮิมชานฮยอง”
“O_O”
“หวังว่ามึงคงจะจำได้นะ...เรื่องราวที่ทำให้กลุ่มกูบาดหมางกับกลุ่มมึง”
คำพูดของไอ้ผู้ชายตรงหน้าทำให้ผมรีบนึกย้อนไปในเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น และพอผมนึกออกมันก็แทบทำให้ผมอยากจะเข้าไปชกหน้าไอ้คนตรงหน้าทันที
3 YEAR AGO
“เห้ย!!! ยองแจ แดฮยอนรีบๆ เดินดิว่ะ ชักช้าอยู่ได้เดี๋ยวกูไปสารภาพรักกับอึนเฮไม่ทันนนน!!!” หนุ่มหน้าหวานร่างบางหันไปบอกกับเพื่อนหนุ่มของเขาทั้งสองคนที่เอาแต่เดินเออระเหยเชื่องช้ายังกับเต่าขาหัก ส่วนทั้งสองคนพอได้ยินแบบนั้นก็เอาแต่นิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจที่โดนเพื่อนรักบังคับให้มาทำอะไรในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
“รีบขนาดนั้นมึงก็ไปคนเดียวเหอะไอ้ฮิมชาน” ผู้ชายร่างสูงหุ่นดีสีผิวคล้ำและเป็นถึงเดือนคณะนามว่า ‘ จอง แดฮยอน’ พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิดที่เพื่อนของเขาเอาแต่เร่งๆๆๆๆ แล้วก็สั่งไม่หยุดไม่หย่อนตั้งแต่แผนที่เจ้าตัวพึ่งมาบอกและได้ว่างกันไว้
“สักครั้งเถอะนะแดฮยอนอ่า~” ฮิมชานเดินกลับไปเกาะแขนเพื่อนรักพร้อมกับเอาหน้านุ่มเนียนนิ่มของตัวเองไปถูๆ ไถๆ เป็นการออดอ้อนจนหนุ่มร่างบางแก้มยุ้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ แดฮยอนนามว่า ‘ยู ยองแจ’ ต้องถึงกับเบ้ปากเมื่อเห็นพฤติกรรมขี้อ้อนของเพื่อนรักของเขาอย่าง ‘คิม ฮิมชาน’
“ครั้งสุดท้ายนะมึง ครั้งหนาถ้ามึงมาขออีกกูจะไม่มีทางทำอะไรมุ้งมิ้งแบบที่มึงขออีกแน่นอน” หนุ่มผิวเข้มตอบเพื่อนกลับไปด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อยที่ต้องไปเที่ยวทำอะไรน่าเบื่อและมุ้งมิ้งยังกับผู้หญิง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะช่วยให้เพื่อนของตัวเองสมหวังกับความรักสักครั้งหนึ่ง เพราะตลอดทั้งชีวิตมานอกจากพวกเขาและครอบครัวมันก็ถูกแต่ผู้หญิงทอดทิ้งตลอด
ส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากใบหน้าที่หวานเกินความเป็นชายก็ได้...
“รักพวกมึงที่สวดดดดด!!!”
“กูก็เห็นมึงบอกแต่เวลาที่พวกกูช่วยมึงเท่านั้นแหละไอ้ฮิมชาน นอกนั้น...ด่ายับ - -*” หนุ่มแก้มยุ้ยที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้างเมื่อเห็นท่าทางดี๊ด๊าไม่สมกับความเป็นชายชาตรีของเพื่อตัวเองก่อนที่จะส่ายหัวเบาๆ
พลั่ก!!!
เพราะความที่เที่ยวทำตัวดี๊ด๊าจนเกินไปทำให้หนุ่มหน้าหวานเผลอเดินไปชนกับใครสักคนเข้าอย่างจังจนทำให้ตัวของเขาเองนั้นกระเด็นล้มลงจนก้นกระแทกพื้นอย่างแรงก่อนที่จะเงยหน้ามองคู่กรณีอย่างเอาเรื่องที่เดินมาชนเขา (?) จนทำให้เขารู้สึกเจ็บตัวแบบนี้ และยังเสียเวลาที่จะไปบอกรักกับ ‘ลี อึนเฮ’ หญิงสาวที่ตนเองหลงรักมาตลอก 1 ปีเต็มๆ
“เห้ย!!! มึงเป็นอะไรหรือป่าวว่ะไอ้ฮิม” แดฮยอนและยองแจที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวของหนุ่มร่างบางหน้าหวานรีบวิ่งเข้ามาถามทันทีเมื่อเห็นร่างบางเดินชนกับชายหนุ่มข้างหน้าอย่างแรงจนตัวเองล้มลงไปนอนกองกับพื้น ส่วนเจ้าตัวเมื่อโดนเดินชนแบบนั้นแถมอีกฝ่ายไม่ยอมขอโทดอีกถึงกับอารมณ์เดือนพุ่งปรี้ดรีบลุกขึ้นยืนและด่าออกไปด้วยความโกรธ
“มึงมายืนขวางทางหาพ่อมึงหรือไงว่ะ คนยิ่งรีบๆ อยู่ ถ้าอึนเฮไปก่อนที่กูจะได้สารภาพรักมึงจะรับผิดชอบกูได้ไหม!!!”
“มึงก็มีตา...ทำไมเวลาเดินไม่คิดที่จะดูทางเลยล่ะครับ เที่ยวทำตัวดี๊ด๊ายังกับพึ่งโดน ผัว จัดหนักมายังงั้น” ชายร่างสูงรูปร่างดีหน้าตาหล่อเหลาที่มีนามว่า ‘บัง ยงกุก’ พูดขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งเมื่อโดนชายร่างบางหน้าหวานตรงหน้าด่าแบบไม่คิดที่จะไว้หน้าเขาสักนิดจนเพื่อนผองอีกสองคนที่มากับเขานั้นก็คือ ‘ชเว จุนฮง’ และ ‘มุน จงออบ’ อดขำออกมาไม่ได้
“ผัวพ่อมึงสิครับ มึงโรคจิตป่าวว่ะที่เที่ยวมาด่าเพศเดียวกันเองว่ามีผัวน่ะ”
“ปากดีนักนะมึง!!!”
“แล้วมึงจะทำไมว่ะ!!!” ฮิมชานเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของยงกุกด้วยความกรุ่นโกรธก่อนที่จะจ้องหน้าชายตรงหน้าด้วยสายตาอาฆาตจนเพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่ายต้องรีบเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกันเพราะกลัวว่าก่อนที่เพื่อนหนุ่มร่างบางจะได้ไปสารภาพรักกับหญิงสาวที่ตนรักคงจะได้เปิดศึกแลกหมัดกับชายร่างสูงตรงหน้าเสียก่อน
“ใจเย็นหน่อยสิทั้งสองคน อยู่มหา’ลัยเดียวกันแต่ตีกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอพวกมึงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไหมครับ!!!” แดฮยอนพูดขึ้นเพื่อห้ามปรามทั้งสองคน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าผู้ชายหน้าตาดีสองคนนั้นก็คือไอ้เด็กจุนฮงกับไอ้หน้าหวานจงออบจะอายุน้อยกว่าพวกเขาแต่ก็ถือว่าอยู่มหา’ลัยเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวันไม่ควรที่จะมามีเรื่องกันแบบนี้ และเหตุผลอีกอย่างที่อยู่ในใจของตัวเองด้วย...
“กูไม่มีทางญาติดีกับแม่งหรอก ปล่อยกู!!!” ฮิมชานตะหวาดแว้ดๆๆ ใส่ยองแจที่กำลังล๊อคตัวของเขาอยู่เพื่อกันไม่ให้เขาของขึ้นจนเดินไปซัดหน้าหล่อๆ ของยงกุก ก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของยองแจและเดินบิดตูดจากไปตามทางที่ตัวเองตั้งไว้ด้วยความหัวเสีย
“อย่าให้กูเจอมึงอีกครั้งแล้วกัน ‘คิม ฮิมชาน’ รับรอง...มึงจะไม่มีวันขึ้นเสียงใส่ ผัว อย่างกูแน่!!!”
NOW…
“มึง...ไอ้จุนฮง!!!” ผมตะโกนออกไปแบบสุดเสียงเมื่อนึกย้อนกลับไปในเรื่องราวอดีตแล้วภาพความทรงจำทั้งหมดก็ได้ย้อนกลับมา ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนนั้นเองที่ทำให้ยงกุกคอยทำร้ายฮิมชานตลอด
แต่...ทำไมไอ้ฮิมชาน...มันถึงจำไม่ได้ตั้งแต่เห็นหน้าไอ้ยงกุกว่ะ!!!
“ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ...ตอนแรกผมนึกว่าฮยองจะเข้ามาต่อยผมซะอีก” จุนฮงรีบเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกแทนตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าผมนั้นเริ่มจำเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนได้แล้ว ผมจึงได้แต่กำมือเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ
โกรธตัวเองที่น่าจะจำเรื่องนี้ได้ให้เร็วกว่านี้....
ไม่งั้น...ฮิมชานก็คงจะไม่...
“ฮยอง...เชื่อผมเถอะถึงยงกุกฮยองเขาจะทำแบบนั้นแต่ในใจลึกๆ เขาอาจจะมีสาเหตุก็ได้นะ”
“สาเหตุที่อยากทำร้ายเพื่อนกูมากน่ะสิ!!!” ผมตะหวาดใส่จุนฮงด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุดก่อนที่จะกระโจนใส่มันเพื่อหวังว่าจะได้ซัดหน้ามันเพื่อแก้แค้นให้ฮิมชานสักครั้ง
แต่ป่าวเลย การที่ผมบุ่มบ่ามกระโจนใส่มันไปแบบนั้นแทนที่ผมจะได้เป็นฝ่ายที่เหนือกว่า กลับกลายเป็นจุนฮงที่รับผมเข้าไปกอดอย่างแน่นและดันผมให้เดินเข้าไปในคอนโดของผมก่อนที่จะทำการล๊อคประตูห้องและซุกไซร้บริเวณซอกคอผม
“ปล่อยกูนะ...ปล่อยกูสิโว้ยยย!!! อั่ก!!!” ผมเงียบลงทันทีเมื่อดูเหมือนว่าจุนฮงจะหมดความอดทนกับเสียงที่ดังจนแสบแก้วหูและต่อยเข้ามาที่ท้องน้อยเพื่อหวังว่าจะให้ผมสลบไป
และก็จริง...เพราะผมรู้สึกปวดเป็นอย่างมากเหมือนกับว่าร่างกายนั้นไร้เรียวแรงจนค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพร้อมกับกุมท้องน้อยของตัวเองด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะค่อยๆ หลับตาลง...เผื่อความเจ็บปวดพวกนี้...จะได้หายไปบ้าง
“ผมหวังว่ามันจะทำให้ฮยองเงียบลงได้สักพักนะครับ...ที่รักของผม”
.............................................................
ทักทายค่ะรีดเดอร์ทุกคนหลังจากที่ไม่ได้ทักทายกันมาหลายตอน อ่า...เรื่องราวในอดีตเริ่มเปิดเผยแล้วสิ แล้วทีนี้มาดามจะทำยังไงต่อไป ยองแจจะเจอกับอะไรบ้างตอนที่ตัวเองสลบ ส่วนเนื้อเรื่องของคู่แด้ออบรอกันอีกสักนิดนะคะสำหรับสาวกแด้ออบ ของรับประกันได้เลยค่ะว่าคู่แด้ออบอาจจะกลายเป็นคู่ที่เกรียนที่สุดเลยก็เป็นได้5555 ยังไงก็ฝากติดตามฟิคเรื่องแรกเรื่องนี้และฝากไรเตอร์ตัวน้อยๆ คนนี้ด้วยนะคะ แต่งไม่ถูกใจใครบอกได้เลยนะไรท์จะพยายามปรับปรุงฝีมือให้มากกว่านี้ค่ะ
ปล้ำแด้. (ฮ่ะ!!!) ไรเตอร์เรื่องนี้ชอบอ่านเม้น ยังไงก็เม้นให้กำลังใจไรท์กันด้วยนะคะ ฮือๆๆๆๆ
:) Shalunla
ความคิดเห็น