คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ป้อมอัศวิน
ตอน ป้อมอัศวิน
ทางด้านเฟลิโอน่า
“ง่า
ทำไมแถวมันยาวอย่างงี้นะ” พูดไปก็พรางมองไปรอบๆ ก็สะดุดเข้ากับเจ้าชายพระคู่หมั้นรูปงามที่กำลังคุยอยู่กับอาจารย์ แล้วก็เดินตามอาจารย์ไป แล้วก็เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ถ้าคิดว่าจะมาเรียนที่นี่เพื่อมองหนุ่มๆล่ะก็ ช่วยหลีกทางด้วยเพราะฉันมาเพื่อเรียนหนังสือไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์อื่น” ชายหนุ่มดวงตาสีฟ้ามองเธอแบบเหยียดหยาม แล้วเดินจากไปทั้งๆที่เธอยังไม่ได้ตอกกลับสักคำ
“เรื่องอะไรมาเรา ไอ้ขี้เก็กเอ้ย” เฟลิโอน่าพูดพรางนึกในใจ อย่าให้เจออีกรอบแม่จะสั่งสอนให้เข็ด
“ชื่ออะไร” บุคคลที่นั่งตรงโต๊ะรับสมัครถามเธอ
“เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ้นเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส”
“นั่งรอสักครู่เดี๋ยวจะ มีคนมารับไปสอบ”
“คาโล วาเนบลี เดอะปริ้น ออฟ คาโนวาล” เสียงเรียกชื่อให้เข้าไปสัมภาษณ์ดังกึกก้อง ทุกคนจับตามองไปยังเจ้าชายคนสำคัญเป็นตาเดียว ลักษณะการเดิน ท่วงท่าต่างๆ ช่าง เหมือนราชนิกูลอันสูงส่ง เว้นเสียแต่สายตาของ เฟลิโอน่านั้น คือ ไอ้เจ้าชายขี้เก๊กเอ้ย ปากก็เสีย อย่าให้เจอตัวๆล่ะกาน แม่จะสั่งสอนซะให้เข็ด เฟลิโอน่าได้แต่คิดในใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อชื่อของเธอถูกประกาศให้ไปสัมภาษณ์เหมือนกัน
“เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ้นเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส” หญิงสาวรีบลุกจากที่นั่งไปยังห้องสอบทันที
“สวัสดีค่ะ” เฟลิโอน่ากล่าวทักผู้อยู่เบื้องหน้า
“ก่อนอื่นเราจะทดสอบ ศักยภาพความเป็นกษัตริย์ของเธอก่อน เธอ ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น” ชายแก่หนวดเรียวยาวพูด แต่หากน่า เกรงขามและไม่กล้าที่ขัด เมื่อเฟลิโอน่าได้ นั่งลงบนเก้าอี้ ได้เกิดแสงสว่างจ้าซึ่งมาจาก ของวิเศษทั้งสี่ที่เรียงกันอยู่ด้านหน้าทั่วทั้งห้อง จนเวลาผ่านไปสักพักแสงจากคทาเริ่มดับวูบลงตามมาด้วยมงกุฎ แล้วก็แหวน สุดท้ายเหลือแต่ดาบ ที่ส่องสว่างและดับวูบไปเป็นสิ่งสุดท้าย
“พอแล้วเฟลิโอน่าลุกขึ้นได้” มหาปราชญ์เลโมธีกล่าวกับเธอ
“ต่อไปจะเป็นการสอบสัมภาษณ์ ตามมาทางนี้จ๊ะ” ผู้หญิงร่างท้วม ขาว ดู ยิ้มแย้มใจดี กล่าวกับเธอ เฟลิโอน่าเดินตามหญิงผู้นั้นไป จนถึงห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง โดยในห้องนั้นมีคน รอเธออยู่ก่อนแล้ว นั่นไม่ใช่ใครเจ้าชายขี้เก๊กแห่งคาโนวาลนั่นเอง
“นั่งสิจ๊ะ” หญิงสาวร่างท้วมบอกกับเธอ เฟลิโอน่านั่งลงเก้าอี้ข้างๆเจ้าชายแห่งคาโนวาล
“เดี๋ยวเราจะเริ่มสอบสัมภาษณ์กัน เนื่องจากปีนี้มีคนมาสมัครเยอะเราจึงมีนโยบายให้สอบสัมภาษณ์ทีละ 2 คนน่ะจ๊ะ อ่อ เรียก ฉันว่ามิสแรมเซิลก็ได้นะจ๊ะ ฉันจะคนสัมภาษณ์ เธอทั้งสองเองจ๊ะ”
“งั้นมาเริ่มที่คำถามแรกเลยนะจ๊ะ”
“ถ้าได้เป็นกษัตริย์ แล้ว จะเลือกความสุขของตัวเองก่อนหรือประชาชนก่อน”
“ประชาชน ครับ/ค่ะ” สองเสียงตอบพร้อมกัน เฟลิโอน่ากับคาโลหันมองหน้ากันเล็กน้อย
“คำถามต่อไป ถ้าเกิดว่าประเทศประสบภัยแล้งแล้ว ในฐานะที่เป็นกษัตริย์จะแก้ปัญหาอย่างไร”
“ทำสงครามครับ เพื่อความอยู่รอดของประชาชน ถ้าจำเป็นก็ต้องทำสงครามครับ” คำตอบหนักแน่นมาจากเจ้าชายนักรบ
“ขอความช่วยเหลือจากประเทศที่ไม่ประสพภัยเหมือนกับประเทศของเราค่ะ ให้ส่งทูตไปเจรจา หลีกเลี่ยงการทำสงครามให้มากที่สุด เพราะยิ่งเกิดสงครามก็จะเกิดแต่ความสูญเสียไม่จบไม่สิ้นค่ะ” หญิงสาวพูดพรางชายตาไปมองเจ้าชายหนุ่มที่ยังนั่ง สงบนิ่งอยู่
“การทำสงครามบางครั้งก็ ไม่ได้มีแต่สูญเสีย อาจได้มาซึ่งความกินดีอยู่ ดีในอนาคต การเป็นกษัตริย์บางครั้งอาจต้องยอม สูญเสียบางสิ่งเพื่อรักษาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ” เจ้าชายตอบด้วยเสียงเฉียบคม
“แต่ถ้ามีทางที่ทำให้เราไม่ต้องสูญเสียอะไรเลย มันย่อมดีกว่าไม่ใช่หรือ” เจ้าหญิงสองดินแดนตอบด้วยความมุ่งมั่น
“เอาล่ะจ๊ะ พอแล้วคำถามสุดท้าย ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เราต้องเลือกระหว่างคนที่เรารัก กับประชาชนในประเทศของเรา เราจะเลือกอะไร
“ประชาชนค่ะ เพราะไม่ ว่าเราจะรักคนรักของเรามากเพียงไหน แต่การเสีย สละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้เป็นหน้าที่ของกษัตริย์ที่ดีอย่างที่ใคร บางคนในห้องนี้บอกไว้ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับหันมามองค้อนๆ เจ้าชายคาโนวาล
“ไม่เลือกครับ” คำตอบดังมาจากชายหนุ่มที่ดูจริงๆจังมาก
“ผมจะไม่ยอมเสียคนรักของผมหรอกครับ ผมจะทำทุกอย่างให้คนรักของผมอยู่กับผมตลอดไป พร้อมกับความอยู่รอดของประชาชน ผมเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ เพียงแต่เราอย่าเพิ่งยอมแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้ลอง เพราะบางทีท่าเราตัดสินใจผิดเพียงแค่ครั้งเดียว แต่คนเสียใจจะไม่ใช่เราเพียงคนเดียว ผมเชื่อว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของผมครับ ฉะนั้นเราจะต้องรักษาสิ่งที่เรารักไว้ให้ได้ครับ แต่ประชาชนของเราก็ต้องอยู่รอดด้วยครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นแล้วหันมามอง หญิงสาวเหมือนกำลังจะสื่อให้เธอรับรู้ถึงความเจ็บปวดภายใจจิตใจของเขา
“เอาล่ะจ๊ะ พวกเธอทั้งสองคนสอบผ่าน นี่เป็นรายการที่ต้องซื้อนะ แล้ววันมะรืนอย่ามารายงานตัวสายหล่ะ”
มิสแรมเซิลพูดแล้วเดินจากไป เจ้าชายแห่งคาโนวาลลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งขัด ขึ้นก่อน
“นี่นาย เดี๋ยวสิ เจ้าชายคาโล” เจ้าหญิงสองดินแดนพูด พร้อม กับเจ้าชายที่หันมามอง ว่าเรียกทำไม
“เมื่อกี้นี้ นายหมายความว่าไงหรอ เรื่องที่เสียคนรัก แล้วมีคนข้างหลังเสียใจอ่ะ ฉัน ไม่เข้าใจ” หญิงสาวตอบด้วยใบหน้าที่งุนงง ใช่ เธอไม่เข้าใจว่าเขาพยายามจะบอกอะไรกับเธอ
ชายหนุ่มปรายตามองเจ้า หญิงสองดินแดนที่ไม่รู้เรื่องอะไร แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดว่า
“คนที่เกิดมาแล้วได้รับความรักอย่างสมบูรณ์จากครอบครัวอย่างเธอ คงไม่เข้าใจคำว่าสูญเสียหรอก”
“นายหมายความว่าไง”
“ใช่ ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้า ใจจริงๆ นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่” คำพูดของเจ้าหญิงที่อารมณ์เริ่มคลุกลุ่น ทำให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลทนไม่ไหว
“ถ้าเธอ อยากรู้ล่ะก็กลับไปถามพ่อของเธอดูสิ ฉันว่าเขามีคำตอบให้เธอทุกคำถามนั่นแหละ” พูดจบเจ้าชายคาโลก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งความงงงวยไว้ให้เจ้าหญิงน้อย
“อะไรของเขา แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเสด็จพ่อล่ะเนี่ย ช่างเหอะไว้ค่อยถามเสด็จพ่อก็ได้” หญิงสาวคิดอย่างปลงๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง แล้วรีบกลับไปยังโรงแรมที่พักเพื่อเตรียมซื้อของ เพราะพี่สาวคนสำคัญอย่างลูคิน่า กลับติดภารกิจมาดูแลเธอไม่ได้ ทำให้เธอต้องอยู่กับเจ้ากวางงี่เง่าโกโดม ซึ่งเธอก็กลัวว่ามันจะก่อเรื่องน่ะสิ
“เอฟีน่า กริซโดริส เดอะปริ้นเซส ออฟ เอเธนส์ ปราสาทขุนนาง” นางพญาที่ดูสง่างาม แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เฟลิโอน่าคิดในใจ และพูดกับตัวเองว่าขออย่าได้อยู่ร่วมป้อมกับเจ้า หล่อนเลย
“คาโล วา เนบลี เดอะปริ้น ออฟ คาโนวาล ป้อมอัศวิน” เสียงประกาศกึกก้อง พร้อมกับเสียงโห่รับอันยิ่งใหญ่ แถวที่ยาวๆเริ่มสั้นลงเรื่อยๆจนมาถึงคิวของเจ้าหญิงคนสำคัญ
“เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ้นเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส ป้อมอัศวิน” เฟลิโอน่าเดินไปรับเสื้อคลุมสีแดงจากบุคคลที่เธออยากเจอมากที่สุด เจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด
“ยินดีต้อนรับสู่ป้อมอัศวิน ดีใจจังอยู่ป้อมเดียวกับน้องหญิง” คำพูดแผ่วเบาของประโยคหลังที่ได้ยินกันเพียงแค่ 2 คน พร้อมกับรอยยิ้มหวาน ทำให้หญิงสาวอายหน้าแดง แล้วรีบเดินไปรวมกลุ่ม กับเด็กปีหนึ่งทันที
มีรุ่นพี่ 3-4 คนเดินแนะนำชมหอพัก และบอกถึงกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงการแข่งขันหมากกระดานเกียรติยศที่ป้อมไหนชนะจะถือว่าเป็นเกียรติสูงสุด
“ต่อไปจะเป็นการประกาศว่าใครได้อยู่ห้องแรก คนที่อยู่ห้องแรกจะเป็นหัวหน้าชั้นปี มีข้อแม้ว่าต้องรับคำท้าจากทุกคนโดยสามคนแรกคือ” ทุกคนเงียบรอลุ้นระทึกอยากเห็นเป็นชื่อตัวเอง แต่คงจะยกเว้นเจ้าหญิงคนงามพรางคิดในใจ โอย..ใครได้อยู่ห้องนั้นโชคร้ายตายเลยเนี่ยวันๆไม่ต้องทำไรกันพอดี สายตาก็เหลือบไปมองเจ้าชายขี้เก๊กในสายตา สงสัยจะถูกชะตากับเธอเสียจริง ถึงตามมาหลอกหลอนได้อยู่ป้อมเดียวกันเลย แต่ขออย่าให้อยู่ห้องเดียวกันเลย คำอธิฐานของเธอไม่เป็นดั่งหวัง เมื่อรุ่นพี่ประกาศว่า
“คาโล วาเนบลี เดอะปริ้น ออฟ คาโนวาล เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปริ้นเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส และคิลมัส ฟิวมัส เดอะคิวเลอร์ ออฟ ซาเรส” เสียงดังฮือฮา จากกลุ่มเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ด้วยความตื่นเต้น ท้าทาย แต่สำหรับเฟลิโอน่าคือความเซงจิต
ในห้องจะแบ่งโซนระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายไว้แล้ว เข้าไปดูเองแล้วกัน รุ่นพี่พูดพลางเดินไปประกาศชื่อยังห้องอื่นต่อ
“ทำไมฉันถึงซวยอย่างงี้นะ ห้องพักก็มีตั้งหลายห้อง ดันมาอยู่กับไอ้เจ้าชายขี้เก๊กนี่ซะได้” หล่อนพึมพำคนเดียว แต่เสียงที่พูดออกมานั้นไม่เบาเลย ทำให้คนที่ถูกพาดพึงหันกลับมา มองตาถลึง ดีที่เพื่อนๆของพวกเขาเดินไปฟังรายชื่อที่ห้องอื่นกันหมดแล้ว
“ก็ถ้าเธอกลัวที่จะอยู่ห้องเดียวกับฉันนักล่ะก็ เธอจะย้ายไปอยู่ที่ห้องอื่นก็ได้นะ” เจ้าชายคาโลพูดอย่างเย้ยหยัน ทำให้เฟลิโอน่าหันมามองจ้องตาไม่กระพริบ แบบนี้มันดูถูกกันชัดๆๆ หาว่าเธอกลัวงั้นเหรอไม่มีทางซะหรอก
“ใคร
ใครกลัวใคร ต้องกลัวอะไร ฉันเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวลจะนอนที่นี้ ” พูดจบก็เดินตรงมายังเตียงนอนที่เหลืออยู่ของตน สองคนทะเลาะกันโดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งภายในห้องกำลังมองด้วยความขบขัน
ไหนใครว่ากั้นห้องแล้วไง มันก็แค่แยกเตียงเธอออกมาจากอีกสองเตียงให้อยู่คนละ มุมเท่านั้น เฮ้อ ป้อมอัศวินนี่มันบ่จี้จริงๆๆ เธอคิดอย่างปลงๆๆ
“สวัสดี ฉันเฟลิโอน่า” เจ้าหญิงน้อยทักเพื่อนร่วมห้องที่เหลืออยู่อีกคนหนึ่งที่พอจะมิตร กับเธอ
“หวัดดีฉัน คิลมัส เรียก คิล เฉยๆก็ได้” ชายหนุ่มตอบด้วยความเป็นมิตร
“คิล งั้นเดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วไปหาอะไรทานที่โรงอาหารกันนะ” เจ้าหญิงสองแผ่นดินเอ่ยชวน โดยไม่คิดจะชวนอีกคนที่กำลังเก็บของอยู่ในห้องเหมือนกัน ทำให้นักฆ่าลำบากใจ ใช่สิ เขามาเรียนหนังสือ ไม่ได้อยากจะเป็นศัตรูกับเจ้าชายนี่ แต่จะเป็นศัตรูกั เจ้าหญิงสองดินแดนก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก คิดอย่างปลงๆๆจนต้องเอ่ยปากชวนอีกคนในห้องไปด้วยกัน ทั้งที่ในใจซ่อนความขบขันไว้เต็มเปี่ยม
“เจ้าชายคาโล เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วไปทานอาหารเย็นที่โรงอาหารด้วยกันสิ” นักฆ่าเอ่ยถามอย่างสุภาพ
คาโลหันมามองคิลที่เอ่ยปากชวนเขา พลันหันไปเห็นหน้าเจ้าหญิงสองดินแดนที่หน้างอๆๆ คงเพราะไม่อยากให้เขาไปด้วยกระมัง เมื่อเห็นดังนั้นคาโลก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วตอบไปว่า
“เอาสิ กำลังหิวอยู่พอดีเลยคิล อ่อ แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าเจ้าชายหรอกนะ เรียกคาโลเฉยๆก็พอ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันนี่ ไอ้คำว่าเจ้าชายเนี่ยไม่ต้องหรอกเก็บไปเรียกเจ้าหญิงแถวๆๆนี้ก็พอ” พูดพลันหันไปมองเฟลิโอน่าที่ทำหน้างิกอยู่ที่เตียง
“เรียกฉันว่าเฟลิโอน่าเฉยๆๆ ก็พอคิลเดี๋ยวคนแถวนี้เขาจะว่าเอาได้” เฟลิโอน่าเถียงไม่ลดละพร้อมกับส่งสายตาอาคาตไปยังคาโล คิลเห็นสถานการณ์ที่เริ่มจะไม่ดี จึงรีบชิ่งพูดขึ้นว่า
“ตกลง เราเก็บของเสร็จแล้วไปทานอาหารพร้อมกันหมดเนี่ยแหละ เฟลิโอน่า คาโล”
ห้องอาหารดรากอน
“นี่เฟลิโอน่า เธอกินเยอะอย่างนี้ทุกมื้อเลยหรอ” เสียงถามจากนักฆ่าที่ทำหน้าสงสัยอย่างมาก ก็ดูสิเจ้าหญิงสองดินแดนคนสำคัญของเอเดนและเดมอส กินข้าวไปตั้ง 3 จาน แถมไม่ยักอ้วนออกจะหุ่นดีด้วย ซ้ำ สงสัยต้องมีเคล็ดลับอะไรแน่ๆๆ ไว้จะเก็บไปบอกท่านแม่บ้าง
“โธ่ คิล กองทัพมันต้องเดินด้วยท้อง” เฟลิโอน่าตอบพร้อมกับกินข้าวในจานที่เหลือให้หมดแต่กลับมีเสียงแทรกขึ้นมาว่า
“กินแบบนี้ รึว่าที่เดมอสเขาไม่มีการสอนมารยาทกันนะ” เสียงพูดเยอะหยันมาจากเจ้าชายคนสำคัญ ทำให้เจ้าหญิงโกรธหน้าแดงทั้นที แต่ก่อนที่จะได้ต่อปากนั้นก็มีอีกเสียงแทรกขึ้นมา
“ไง เฟลิโอน่า เป็นไงบ้างได้อยู่ป้อมเดียวกันด้วย” เสียงพูดอย่างอารมณ์ดี จากบุรุษที่เดินตรงมาหาเธอ ไม่พูดเปล่าพร้อมกันเดินตรงเข้ามากอดเธอทำเอาคนในโรงอาหารหันมามอง เป็นสายตาเดียว รวมถึงคาโลที่มองอย่างหงุดหงิด
“พี่ลูคัส อย่าทำแบบนี้สิ คนอื่นมองหมดแล้ว”หญิงสาวพูดพร้อมกับพยายามหนีออก จากอ้อมกอด
“จริงสิ ลืมไป แหมก็น่ารักอย่างงี้ จะให้พี่อดใจไหวได้ไง” ลูคัสพูดพร้อมกับคลายอ้อมกอดแล้วเอามือไปขยี้หัวเจ้าน้องตัวแสบของเขา คำพูดสองแง่ของซาตานขี้เล่นทำเอาคนในโรง อาหารยิ่งให้ความสนใจเข้าไปใหญ่ จนเฟลิโอน่า รีบหาทางเอาตัวรอดพลันสายตาก็ไปเห็นพระคู่หมั้นเจ้าชายโรเวน ที่กำลังมองมาทางเธออย่างเย็นชา เอาเข้าแล้วไง เธอคิดในใจ โธ่ พี่ ลูคัสนะ ไม่น่ามาแกล้งกันอย่างนี้เลย แต่ก่อนที่อะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้น
“ลูคัส มีประชุมตอนตอนเย็น อย่ามัวโอ้เอ้” เสียงดัง มาจากชายหนุ่มผมสีทอง ผิวขา มีดวง ตาสีม่วงอะมีธีสต์ โดยรวมถือว่าหน้าตาดีจัดถ้าไม่ ติดตรงหน้าที่บูดตลอด เวลาที่เดินมาพร้อมกับซาตานแห่งป้อมอัศวิน แล้วสายตาของนักบวชก็หันไปสบเข้ากับโต๊ะข้างๆที่มีหญิงสาวนั่งอยู่ 4 คน พร้อมกับเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะของพวกหล่อน ชาย หนุ่มได้มองหญิงสาวทั้งสี่คนโดยคนแรกนั้นผมหยักศก ออก จะห้าวๆ หน้าตาใช้ได้ คนถัดมาผมสีเหลือง ผิวขาว เหมือน เด็ก ส่วนคนที่ สามนั้นผมสีม่วงผิวขาวเนียน กริยาดู เหมือนจะเป็นเจ้าหญิง และคนสุดท้ายผมสี เหลือง ดวงตาสีเขียว ตัว เล็ก ผิวขาวเนียน ดู เป็นผู้ใหญ่เกินตัว เมื่อพิจารณาทั้งสี่คนในใจแล้ว นักบวชหน้าบูดได้เอ่ยปากพูดกับคนสุดท้าย ว่า
“เธอ จักร พรรนีวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอล ใช่ไหม”
“ใช่” วิเวียนตอบรับหนักแน่นเหมือนไม่กลัวคนตรงหน้าที่เป็นรุ่นพี่สักนิด
พูดจบนักบวช ก็เดินออกไปพร้อมกับซาตานขี้เล่นที่เดินตามไปด้วยติดๆๆ ทางด้านเฟลิโอน่าเมื่อถูกพี่ของเธอแกล้งแล้ว เธอกำลังจะเดินไปอธิบายให้เจ้าชายโรเวนพระ คู่หมั้นของเธอเพราะโรเวนเองก็ไม่รู้เรื่องของลูคัส แต่ก็ต้องหยุดชงักเมื่อโรเวนส่งสายตาเย็นเฉียบ แล้วเดินหนีเธอ เท่านั้นยังไม่พอคาโลที่นั่งอยู่ แล้วมองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นนั้นก็ส่งสายตาเย็นชามาให้เธอพร้อมๆกัน แล้วก็ลุกขี้นเดินไปทั้งๆที่ยังไม่ได้กินข้าวสักคำ เฟลิโอน่ามองอย่างงง
“นี่คิล ฉันทำอะไรผิดหรอ” หญิงสาวถามอย่างงง เรื่องของโรเวนก็ พอจะเข้าใจอยู่ แต่คาโลนี่สิ เธอไปทำอะไรให้ล่ะ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย” คิลตอบพลางกั้นหัวเราะ โธ่เอ้ย คาโลปากไม่ตรงกับใจ คอยหาเรื่องเฟลิโอน่าที่แท้ก็ หึ หึ หึ
“อืม คิล ฉันไปธุระก่อนนะ” พูดจบเฟลิโอน่าก็ รีบกินข้าวในจานให้หมดแล้ววิ่งตามโรเวนออกไป
“รุ่นพี่โรเวน” เสียงเรียกจากเจ้าหญิงน้อยไม่ทำให้อาการโมโหหึงของเจ้าชายโรเวนดีขึ้นเลย
“รุ่นพี่ รุ่นพี่ค่ะ” โรเวนยังไม่ยอมหยุดเดินจนหญิงสาววิ่งตามเกือบจะไม่ทันแล้ว
“เจ้าพี่เพค่ะ รอหญิงด้วย” สรรพนามการเรียกถูกเปลี่ยนไปทำให้เจ้าชายหยุดชะงัก แต่ยังไม่ยอกหันหน้ามามองเจ้าหญิงสองแผ่นดินอยู่ดี
“เจ้าพี่ทำไมหญิงเรียกแล้วไม่หยุดเดินล่ะเพค่ะ แล้วยังเดินหนีหญิงอีก หญิงวิ่งตามแทบ ไม่ทัน” หญิงสาวบ่นอุบ พร้อมกับมายืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“ก็ใครจะไปทราบหล่ะกระหม่อม ว่าเจ้าหญิงเฟลิโอน่าอยากคุยกับหม่อมชั้น นึกว่าอยากจะคุยกับซาตานแห่งป้อมอัศวินมากกว่า” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่น้อย ใจนิดๆๆ
“โธ่ เจ้าพี่ก็ อย่าพูดอย่างนี้สิ หญิงไม่ได้มีอะไรกับรุ่นพี่ลูคัส แค่ รู้จักกันเฉยๆๆนะเพค่ะ” ชายหนุ่มยังคงเงียบ ไม่พูดสิ่งใดออกมา ทำให้หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี จึงเพิ่มลูกอ้อนเข้าไปหวังให้ชายหนุ่มใจอ่อน
“เจ้าพี่อย่าโกรธหญิงเลยนะเพค่ะ หญิงไม่ได้มีอะไรกับรุ่นพี่ลูคัสจริงๆๆ นะเพค่ะ” คำพูดของหญิงสาว และดวงตาที่น้ำตาล แป๋วที่ส่งมาให้เขา ทำให้เขาใจอ่อนอีกตามเคย
“น้องหญิงอย่าไปกอดใครอย่างนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบเลย รู้ไหมว่าพี่หึง” ชายหนุ่มพูดพรางดึงร่างหญิงสาวมากอด คำพูดตรงๆ ของพระคู่หมั้นทำให้เธอหน้าขึ้นสีทันที
“เพค่ะ หญิงจะไม่กอดกับใครอีก” หญิงสาวตอบทั้งที่ยังไม่กล้าเงยหน้าสบตากับพระคู่หมั้น
“นอกจากพี่ ตกลงกันแล้วนะ” ชายหนุ่มพูดสวนขึ้นทันที
“เพค่ะ” คำตอบแผ่วเบาอันแผ่วเบา แต่น่ารัก สำหรับคนฟัง ทำให้ชายหนุ่มต้องมอบจุมพิตให้กับ ความน่ารักของเธอ อย่างอ่อนโยน
โดยหารู้ไม่ ว่าการกระทำทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาสีฟ้าที่เย็นชาตั้งแต่ต้น "ผู้หญิงใจง่าย"คำพูดที่สบถออกมาในเงามืด ในขณะที่เขา กำลังจะเดินกลับห้อง ไม่ได้จะมาดูฉากพรอดรัก ของสาวเจ้าเลย
ความคิดเห็น