คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความหลังครั้งก่อน
ตอน ความหลังครั้งก่อน
คาโนวาล
“ฝ่าบาททรงรับสั่งหาหม่อมชั้น” เจ้าชายคาโลตรัสหลังจากทำความเคราพคิงคาโนวาล
“พรุ่งนี้เจ้าจงเตรียมตัวออกเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก ไปหาความรู้มาให้ได้มากที่สุด อย่าทำให้ข้าผิดหวัง เข้า ใจไหม คาโล” คิงคาโนวาลตรัสด้วย น้ำเสียงที่เย็นชา
“พ่ะยะค่ะฝ่าบาท ” คาโลรับคำสั่งแล้วเดินจากไป
ข้าทำผิดมากใช่ไหมอลิเซีย ข้าควรเลิกคิดถึงเจ้า ข้าควรมองไปข้างหน้าได้แล้วใช่ไหม ต่อไปนี้เจ้าจะอยู่ในใจส่วนลึกของข้า ข้าจะไม่ทำผิดต่อชายาและลูกของข้าอีกต่อไปแล้ว
คิงแห่งคาโนวาลกล่าวออกมาทันทีที่ตัดสินใจได้
“ทหารเตรียมตัวออกเดินทางไปสโนว์แลนด์”
“พ่ะยะคะฝ่าบาท”
ทางด้านคาโล
เมื่อออกมาจากห้องของคิงบาโรก็เดินไปยังห้องสมุดของพระราชวัง เพื่ออ่านหนังสือ เขามักจะคลุกตัวอยู่กับห้องสมุดเพราะมันเงียบและสงบ เขาไม่ชอบความวุ่นวาย คาโลหยิบหนังสือมาได้สองสามเล่ม สายตาก็ไปสะดุดกับสมุดเล่นเล็กสีฟ้าอ่อน เขาหยิบมาและก็เริ่มเปิดอ่าน เพียงแค่เปิดไปหน้าแรกเขาก็รู้ทันที่ว่านี้เป็นบันทึกของคิงบาโรเสด็จพ่อของเขา เนื้อความส่วนใหญ่กล่าวถึงหญิงอันเป็นที่รัก คาโลเริ่มยิ้มเพราะเขาเองไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะรักเสด็จแม่มากขนาดนี้ แต่ทำไมถึงไม่ยอมอยู่ด้วยกัน อะไรที่ทำให้ท่านพ่อของเขาเปลี่ยนไป ฉับพลันรอยยิ้มที่เคยมีนั้นก็หุบลงทันทีพร้อมกับ ความโกรธเกรี้ยวภายในใจ หญิงคนรักที่เสด็จพ่อทรงรักมาก หญิงที่ได้รับความรักทั้งหมดนั้น หญิงคนนั้น ไม่ใช่แม่ของเขา แต่กลายเป็น ควีนอลิเซีย เกรเดเวล ควีนแห่งเดมอส ความสงสัย ความคลางแคลงใจทั้งหมดเริ่มเกิดขึ้นภายในจิตใจของคาโล
วันนั้นวันที่เจ้าปีศาจมันมายังโรงเรียนของเรา เจ้ารู้ไหมอลิเซียข้าไม่เคยกลัวมัน เลย ถ้ามันมาทำร้ายใครในเอเดนข้าก็พร้อมจะสู้ แต่นี่มัน มัน กลับทำให้ข้าแพ้อย่างย่อยยับ เพราะมันดันขอธิดาของไฮคิง ไปเป็นชายาของมัน หัวใจของข้าแถบสลายตรงนั้น แล้วไฮคิง ก็รับปากมันเพียงเพราะไม่อยากให้เกิดสงครามเอเดน- เดมอส เจ้ารู้ไหมว่า ข้าทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน เจ้าปีศาจเอวิเดส จำไว้ว่าข้าเกลียดเจ้า เจ้าที่พรากนางอันเป็นที่รักไปจากข้า ข้าจะแก้แค้นเจ้า จำไว้
บาโร วาเนบลี
วันนี้แล้วสิเจ้าต้องออกเดินทางไปเดมอส แต่ข้ากลับไม่เข้มแข็งพอที่จะไปส่งเจ้า เพราะข้ากลัว กลัวว่าถ้าข้าเห็นหน้าเจ้าขึ้นมาข้าจะไม่ยอมให้เจ้าไป หลังจากเจ้าไปแล้วข้าก็ได้ข่าวว่าเจ้าอยู่ดีมีสุข เจ้าปีศาจดูแลเจ้าอย่างดี ทำให้ข้ารู้สึกสบายใจ เมื่อข้าเรียนจบแล้วข้าได้เข้าประลองและชนะเป็นคิงของคาโนวาล แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า การจะเป็นคิงที่สมบูรณ์ต้องมีราชินีมานั่งร่วมบัลลังก์ ข้าไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้นเพราะ หัวใจของข้ามันอยู่กับเจ้าอลิเซีย ข้าจะทำอย่างไงดี
บาโร วาเนบลี
ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ข้าจะแต่งงานกับ จอมภูตแห่งสโนว์แลนด์ เพื่อที่ทายาทของข้าจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาจะได้ต่อกรกับเจ้าปีศาจได้ เราชาวเอเดนจะได้ไม่ต้องกลัวปีศาจ แห่งเดมอส แล้วข้าจะได้ปลดปล่อยเจ้าด้วย สัญญาได้ไหมว่าเจ้าจะรอข้าอลิซีย เจ้าสัญญากับข้าได้ไหม ข้ายังรักเจ้า เหมือนเดิม แล้วเจ้าเล่ารักข้าบ้างรึป่าว
บาโร วาเนบลี
แล้วก็ถึงวันนี้ข้าได้ทายาทนักรบปีศาจสมใจ เขา เป็นเด็กผู้ชาย ผิวขาวเนียนดุจหิมะ เส้มผมสีเงิน ข้าตั้ง ชื่อให้เขาว่า คาโล เจ้าว่าเพราะไหม ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสีย จริงหลังจากที่ข้าได้ลูกชาย แต่เจ้าอลิเซีย เจ้าได้ลูกสาวใช่ไหม ได้ข่าวนางมีผมสีน้ำตาล ไหม้ ดวงตาสีน้ำตาล น่ารักน่าชังเหมือนเจ้า ลูกข้าเกิด ก่อนลูกเจ้าเพียงนาทีเดียว แต่กลับกลายเป็นว่า เกิดคนละวันซะได้สิ คาโลเกิดตอน 23.59 ส่วนเฟลิโอน่าลูกของเจ้าเกิดตอน 00.00 พอดี ข้าชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้า ยังรักข้าเหมือนเดิมหรือป่าวอลิเซีย เจ้าช่วย บอกข้าที
บาโร วาเนบลี
เมื่อคาโลอ่านมาถึงตรงนี้เขาก็ปิดไดอารี่ทันทีที่ยังอ่านไม่จบ เขาก็ทราบถึงเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมเสด็จพ่อถึงเย็นชากับเขานัก ทำไมเสด็จพ่อไม่อยู่กับเสด็จแม่ ให้เสด็จแม่ไปอยู่สโนว์แลนด์ เขาเข้าใจเหตุผลทั้งหมดแล้วว่าเขาเป็นลูกที่ไม่ได้เกิดมาเพราะความรักของเสด็จพ่อกับเสด็จแม่แต่เกิดมาเพื่อแก้แค้น เพราะเจ้าปีศาจเอวิเดสคนเดียวที่ให้เสด็จพ่อไม่รักเขา เพราะเขาไม่ได้เกิดจากหญิงที่เสด็จพ่อรักนั่นเอง เสด็จพ่อของเขาต้องทนกับความรักครั้งเก่า แล้วเสด็จแม่ของเขายังต้องทนทุกข์ทรมานอีก
“ต่อไปนี้ข้าจะทำให้ท่านต้องรู้จักกับคำว่า “สูญเสีย” เอวิเดส เจ้าต้องได้รับผลกรรมที่เจ้าก่อไว้”
หลังจากกลับมาจากห้องสมุดของคาโนวาลแล้ว คาโลเดินกลับไปยังห้องนอนของตนเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเอดินเบิร์ก โดยไม่ลืมจะหยิบสมุดเล่มนั้นติดมือไปด้วย หลังจากเตรียมของที่จะต้องใช้ในการเดินทางเสร็จแล้ว คาโลมองออกไปนอกหน้าตา พลางครุ่นคิดเรื่องต่างๆหลายเรื่อง ภายนอกที่มองออกไปนั้นมีทุ่งกว้าง เขียวขจี ทำให้ฉุกคิดถึงความหลัง เมื่อตอนอายุ 5 ขวบ เขาได้แอบออกไปเล่นของนอกราชวัง เนื่องจากเจ้าคิลเพื่อนตัวแสบโม้เอาไว้ ว่าข้างนอกนั้นสนุก มีของขายเยอะ มีแต่ของอร่อย แถมมีสาวสวยเพียบ แต่เขาไม่ได้ไปเพราะเหตุผลดังกล่าวหรอก ที่ไปเพราะเบื่อวังหลวง มีแต่นางกำนัล น่ารำคาญ วุ่นวาย ดังนั้นจึงแอบออกไป น่าแปลกที่พวกทหารและนางกำนัลไม่สามารถจับเขาได้
วันนั้นเขาจำได้ดี สวมชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวเล็กพอดีตัว กับกางเกงสีดำขายาว ที่มันดูธรรมดาที่สุดในสายตาของเขา เพื่อไม่ได้ผู้คนสงสัย เขาออกมาถึงตลาดคาโนวาลที่นั่นมีผู้คนเยอะมาก เดินกันขวักไขว่ แถมมีของขายเพียบอย่างที่เจ้าคิลมันบอก ฉับพลันสายตาก็สะดุดไปเจอกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ผมสีน้ำตาล แต่งตัวมอมแมมที่อยู่หน้าร้านขายแอ็ปเปิ้ล กำลังมองซ้ายมองขวา พอเจ้าของร้านเผลอก็หยิบแอ็ปเปิ้ลพร้อมกับวิ่งหนีไปในฝูงชนทันที คาโลพยายามวิ่งตามเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่ก็ไม่ทัน คาโลหยุดพักที่สวนทุ่งกว้างแห่งหนึ่ง ด้วยความเหนื่อยล้าจนเผลอนอนหลับใต้ต้นไม้ไป พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลง ความมือเริ่มมาแทนที่แสงสว่าง พระจันทร์โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา เสียงนก เสียงไร เริ่มร้อง ความหนาวเย็นเริ่มเข้าสู่ผิวของเด็กน้อย คาโลสะดุ้งตื่นขึ้น ตกใจที่ตนเองเผลอหลับไปจนมืดค่ำ ป่านนี้คนในวังต้องกำลังหาตัวเขาอยู่แน่ๆ แย่หล่ะจะกลับยังไงหล่ะเนี่ย เพิ่งเคยออกมาครั้งแรก แถมท้องฟ้าก็มืดแล้วมองไม่เห็นทาง แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่ออยู่ๆ ก็มีร่างเล็กๆตกลงมาใส่เขาดัง ตุ้บ
“โอ๊ย เจ็บจัง” เด็กหญิงร่างเล็กเอ่ยขึ้น โดยหารู้ไม่ว่าคนเจ็บน่ะมันเขาต่างหาก
“ออกไป” คาโลเอ่ย เสียงเข้ม เพราะเขาหนักจะแบนอยู่แล้วถึงเด็กผู้หญิงคนนี้จะตัวเล็กนิดเดียวแต่ว่าเขาก็ตัวไม่ได้โตกว่าเท่าไหร่เลย
“ไม่
เจ้าเป็นใคร นี่มันต้นไม้ของเรานะ เจ้านั่นแหละออกไป” เด็กคนนั้นยังคงเอ่ยต่อ
“ออกไปนะ เราหนัก จะนั่งทับเราอีกนานไหม” คาโลเอ่ยฉุนๆ ทำให้เด็กหญิงคนนั้นก้มลงมองว่าตนนั่งทับคาโลอยู่เลยรีบลุกขึ้นทันที พร้อมกับเสียงหัวเราะครั้งใหญ่
“แฮะๆ
โทดที” หลังจากที่คาโลลุกขึ้นยืนพร้อมกับจะหันหลังหาทางกลับวัง เขาก็เห็นหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นชัดๆ จำได้ว่าเป็นคนที่ขโมยแอ็ปเปิ้ลที่ตลาด
“นี่เธอ คนที่ขโมยแอ็ปเปิ้ลนี่”
“นี่นาย รู้ได้ไงอ่ะ เราว่าเราหนีพ้นแล้วเชียวนะ แฮะๆ” เสียงพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะราวกับว่ามันเรื่องธรรมดามาก
“เราจะฟ้องท่านพ่อ ว่าเธอขโมยแอ็ปเปิ้ล” คาโลเป็นเด็กที่ถูกสั่งสอนมาดี เขายึดถือความถูกต้องเป็นหลัก พร้อมด้วยความยุติธรรม จึงเอ่ยไปแบบความคิดเด็กๆ
“ง่า
ใจร้าย แงแง ฮือๆ” เสียงร้องจากเด็กหญิงตรงหน้าเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คาโลรู้สึกผิดขึ้นมาตงิดๆ
“นี่ หยุดร้องได้แล้ว เราไม่ไปฟ้องท่านพ่อก็ได้” คาโลเอ่ย ทั้งๆที่ในใจก็ยังคิดว่าเขาไม่ผิด แต่เห็นเด็กหญิงตรงหน้าร้องไห้แล้วรู้สึกเป็นคนผิดยังไงไม่รู้ เพราะเขาเป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่รังแกผู้หญิง จำได้ว่าลุงริชาร์ดเคยสอนไว้แถมยังบอกว่าให้ทำไงนะ เวลาเห็นผู้หญิงร้องไห้ อ่อจำได้แระ
คาโลเห็นเด็กหญิงคนนั้นร้องไห้ไม่หยุด เลยเดินไปใกล้ๆแล้วใช้ปากจูบเด็กคนนั้น พร้อมใช้สองมือกอด เด็กสาวตะลึงมองหน้าคาโล พร้อมกับหยุดร้องทันที วิธีของลุงริชาร์ดได้ผลแฮะ คาโลถอนปากออกพร้อมกับรอยยิ้ม ดีใจที่ทำให้เด็กสาวหยุดร้องได้
“นาย
ทำอะไร” เด็กหญิงคนนั้นเอ่ยถาม พร้อมกับทำตาโตใส่
“ลุงเราเคยบอกว่า ถ้าเห็นผู้หญิงร้องไห้ไม่หยุดให้ทำแบบเมื่อกี้นี้ไง” คาโลเอ่ย พร้อมรอยยิ้มเช่นเคย เขาภูมิใจที่ตนสามารถทำให้เด็กคนนี่หยุดร้องได้
“หรอ...งั้นเวลาเราเห็นคนอื่นร้องไห้เราก็ต้องทำแบบเมื่อกี้ใช่ไหมอ่ะ” เด็กหญิงคนนั้นเอ่ยถามอย่างซื่อๆ คาโลทำหน้าครุ่นคิดสักพัก ก่อนเอ่ยตอบ ด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“อืม..คงได้หล่ะ เมื่อกี้เธอยังหยุดร้องเลยนี่”
“ดี..ไว้เราจะให้พ่อมาดัสสอนบ้าง”
“เฟ...ริน ไปซนที่ไหนเนี่ย เฟ...ริน” เสียงเรียกชื่อดังมาแต่ไกล
“เฮ้ย..ตายแน่ เผลอหลับไปซะได้”
“งั้นเราไปก่อนนะ พ่อเรียกแล้ว” ในขณะที่เด็กหญิงนามเฟรินหันหลังเตรียมจะวิ่งก็ชะงัก หันมามองหน้าคาโล แล้วทำหน้าครุ่นคิดสักแปบก่อนที่จะยื่นของบางสิ่งให้คาโล กับรอยยิ้มซื่อๆ
“ขอบใจนะที่ช่วยเราตอนตกต้นไม้ แล้วก็ไม่เอาเรื่องแอ็ปเปิ้ลไปฟ้องพ่อ..อ่ะ นี่เราให้ไว้โตขึ้นเราจะเป็นเจ้าสาวให้นะ” เฟรินเอ่ยขึ้นอย่างเด็กที่ไม่รู้ภาษา แต่เคยได้ยินพ่อมาดัสพูดบ่อยๆว่ามีบุญคุณต้องทดแทน แล้วโตขึ้นต้องเป็นเจ้าสาวเป็นเจ้าสาวแล้วจะมีความสุข แต่อย่างเจ้าซนแบบนี้จะคงไม่มีใครมาขอ เฟรินนึกขึ้นได้ด้วยความกลัวที่ไม่มีคนมาขอเลยเอ่ยปากให้กับเด็กชายที่เพิ่งรู้จักแบบซื่อๆ
คาโลเองก็ยังไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็ยื่นมือไปรับสิ่งนั้นไว้ พร้อมกับคิดว่าดีเหมือนกันโตขึ้นได้ไม่ต้องไปหาเจ้าสาวจึงตอบกลับแบบไม่คิดมาก
“อืม...ขอบใจนะสำหรับเจ้านี่ แต่ถ้าโตขึ้นจะเป็นเจ้าสาวให้เราเธอต้องเลิกเป็นขโมยด้วยนะ ท่านอาจารย์เคยบอกว่าเป็นขโมยไม่ดี”
“ได้สิ” เด็กหญิงเอ่ยอย่างว่าง่าย เพราะไม่ได้คิดจะเป็นขโมยอยู่แล้วเพียงแต่มันเป็นคำสอนของพ่อมาดัส พ่ออีกคนหนึ่งของเธอ ว่ามันเป็นกลเม็ดการเอาตัวรอดต้องฝึกไว้เท่านั้น
“หันหลังสิ” คาโลเอ่ย แล้วล้วงหยิบริบบิ้นสีฟ้ามาผูกผมให้หญิงตรงหน้าพร้อมเอ่ยว่า
“ไว้เจอคราวหน้าจะได้จำได้ อย่าทำหายนะ” คาโลเอ่ย เพราะกลัวว่าคราวหน้ามาจะไม่เจอ หรือจำไม่ได้
“ได้...งั้นเราไปนะ” เด็กหญิงเฟรินพูดพร้อมกับวิ่งโบกมือหายไปกับความมืด
ด้านคาโลเริ่มคิดหาทางกลับเข้าวัง เพียงไม่นานก็มีเสียงทหารหน่วยลาดตระเวนยืนห้อมล้อมไว้ พร้อมกับเชิญเสด็จกลับวัง คาโลเองก็ดีใจเพราะจะได้กลับวังไม่ต้องหาทางกลับเอง หารู้ไม่ว่าเมื่อกลับไปถึง เขาโดนเสด็จพ่อตีเป็นครั้งแรก และโดนกักบริเวณห้ามออกไปไหนอีกเป็นอันขาด นั่นเป็นการเสียน้ำตาครั้งแรกของเขาเลยก็ว่าได้ แล้วเรื่องของเด็กหญิงคนนั้นก็เริ่มเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนนี้เขาโตแล้ว เด็กคนนั้นเองก็คงโตแล้วเหมือนกัน คาโลเริ่มมองของที่อยู่ในมือของตนแล้วยิ้มออกหลังจากที่เสียใจเรื่องท่านพ่อและท่านแม่ของเขามานาน
“ถ้าอยากเป็นเจ้าสาวของฉันจริงๆ ก็รีบมาหาฉันสิ ยัยหัวขโมย” เสียงบ่นพึมพำ ทำให้นักฆ่าคนสนิท พร้อมกับคู่หูราชองครักษ์ส่วนตัวของเขาเริ่มงง จึงเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“อะไรสาวๆ นะคาโล ฉันได้ยินไม่ถนัด” คาโลสะดุ้งรีบหันหลังกลับไปพร้อมกำของในมือไว้แน่น เจ้าคิลเพื่อนตัวแสบของเขา หมอนี่ชอบมาแบบเงียบๆตลอด มีเพียงเจ้านี่เท่านั้นที่ไวจนเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น และไอเวทของมันก็แทบจะไม่มีเพราะคิลไม่ชอบเวทมนต์จึงเรียนต่อสู้และทักษะความไวมากกว่า คาโลได้แต่แอบหงุดหงิดในใจ
“ป่าว...แล้วนายเตรียมตัวเสร็จแล้วหรอไง ถึงได้มาถึงนี่ได้”
“ก็...ยังหรอก พอดีมาทำงานน่ะเลยแวะมาหา แฮะๆๆ”
“คิล ตอนไปเอดินเบิร์กน่ะ...” คาโลพูดได้เท่านี้ คิลก็สวนขึ้นทันควัน
“ฉันไม่โง่พอจะเข้าไปทักนายหรอกน่า พ่อเจ้าชายคนเก่ง ฮ่าๆๆ” เฮ้อ..หมอนี่มันรู้ทันเขาไปหมด ยิ่งสนิทกันเท่าไหร่มันยิ่งรู้ทัน
“อืม..เข้าใจก็ดีแล้ว” เป็นที่รู้กันว่าคาโลไม่ได้รังเกียจที่จะแสดงตนเป็นเพื่อนกับนักฆ่า แต่ว่าตอนนี้ซาเรสกับคาโนวาลเริ่มมีปัญหากันเนื่องจากอาณาเขตดินแดน และตาคิงเจ้าเล่ห์ของซ่าเรส บวกกับตระกูลของคิลเป็นตระกูลนักฆ่าอันดับหนึ่ง แล้วเรื่องบุญคุณของสองตระกูลนี้ยังคงเป็นความลับ ถึงแม้ในคาโนวาลคิลจะมีตำแหน่งเป็นองครักษ์ของเขา แต่ก็เป็นตำแน่งที่รู้กันภายในเพื่อความปลอดภัย จึงต้องคอยดูสถานการณ์ไว้ให้ดี คิลเองก็คงรู้เรื่องนี้ดีมันถึงไม่โวยวาย
“งั้นฉันไปก่อนนะ...จะรีบกลับไปเตรียมตัว นานๆทีจะได้ออกจากบ้านอย่างอิสระ ฮ่าๆ” พูดจบก็หายออกไปจากหน้าต่างของนอนของคาโลทันที
เดมอส
“นี่น้องหญิงเลิกเล่น เถอะพี่เหนื่อยแล้วนะ” หญิงร่างบางผิวขาวเนียนดุจนิล ผม ยาวสีดำยาวถึงเอวบาง ดวงตาคมกริบ เรียก ได้ว่าสวย สวยคม เอ่ยกับลูกพี่ลูกน้องของตน
“โธ่ พี่ลูคิน่า หญิงยังไม่เบื่อเลยนะ เล่นกันอีกเถอะนะ นะ ” น้องสาวตัวดีลงมืออ้อนพี่สาวที่จากกันไปนานกว่าจะได้เจอกัน ลูคิน่า หรือ ลูคิน่า เกรเดเวล ลูกสาวของท่านอาลูน่า ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพลังที่ยิ่งใหญ่จนทุกลงความเห็นว่าต้องสะกดพลังนั้น โดยการส่งเธอไปอยู่ที่ทริสทรอ เพื่อเป็นการฝึกให้เธอควบคุมพลังด้วยตัวเอง แล้วทำให้นานๆทีเธอถึงจะกลับมาเยี่ยมท่านแม่ ของเธอ และที่เธอกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อมารับน้องสาวตัวแสบของเธอไปเรียนที่โรงเรียนพระราชาด้วยกัน เพราะท่านอาเอวิเดส ท่านอาเกรเซอร์และท่านแม่ของเธอ เป็นห่วงความปลอดภัยในการเดินทางของเธอ
“เลิกเล่นเถอะ เฟลิโอน่า น้องยังไม่ได้จัดของเตรียมตัวไปเอดินเบิร์กในวันพรุ่งนี้เลยนะ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”
“เอ่อ จริงสิ หญิงลืมสนิทเลย งั้นหญิงไปเก็บของก่อนนะเพค่ะ” พูดจบร่างของเจ้าหญิงน้อยก็หายแวบไปในพริบตา ด้วยความที่จะออกจากเดมอสเป็นครั้งแรกทำให้สาวน้อยอดตื่นเต้นไม่ได้
“ลูคิน่า การเดินทางในครั้งนี้คงต้องฝากเจ้าด้วยนะ” เสียงตรัสออกมาจากปากของเจ้าเอวิเดส ราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งเดมอส
“เพค่ะ ท่านอา หลานจะดูแลน้องหญิงเป็นอย่างดีเพค่ะ ท่านอาไม่ต้องเป็นห่วง” ลูคิน่ารับคำ
“งั้นลูกทูลลานะเพค่ะเสด็จพ่อ เสด็จแม่ ท่านอาลูน่า ท่านอาเกรเซอร์ พี่ไปนะน้องหญิงเบริต้า” พูดจบ เจ้าหญิงน้อยก็เดินไปหอมแก้มท่านพ่อและท่านแม่แล้วเดินขึ้นเกวียนที่ทางเดมอสจัดมาให้
“หม่อมชั้นก็ขอตัว เหมือนกันเพค่ะ ” ลูคิน่าเอ่ยลา
“ดูแลเฟลิโอน่าให้ดีนะ แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยหล่ะ จำไว้ว่าในภายภาคหน้าเจ้าจะต้องเผชิญกับความทุกข์อันแสนสาหัส ความสับสนในใจของเจ้าทั้งสอง พวกเจ้าจะต้องฟันฝ่าอุปสรรค์นั้นไปให้ได้จงเชื่อมั่นในจิตใจของตัวเจ้าเอง” ราชินีจันทราพูดกับลูสาวของตน
“เพค่ะเสด็จแม่ ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย เพราะแต่ไหนแต่ไรแม่ของเธอก็ชอบพูดอะไรให้มันเป็นปริศนาอยู่แล้ว จะคิดทำไมให้ปวดหัวหล่ะ
เอดินเบิร์ก
“พี่ลูคิน่า พี่ทำอะไรน่ะ พี่ทำได้ไงเนี่ย” เสียงของเจ้าหญิงสองดินแดนพูด ราวกับว่ามันเป็นเรื่องตื่นเต้นสนุกที่เธออยากทำเหมือนกัน
“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก เฟลิโอน่า เพียงแค่พี่ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อที่พี่จะได้ควบคุมพลังได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่ออยู่ในร่างชายแล้วจะใช้พลังได้ไม่เต็มที่นะ ” เสียงตอบของลูคิน่าทำให้เฟลิโอน่ายิ่งตาโตเข้าไปอีกจนลูคิน่าเอ่ยต่อไปว่า
“ส่วนที่ว่าทำได้ไงนะ ก็ไม่ยากหรอกเพียงแค่พี่สวมแหวนนี้ไว้พี่ก็กลายเป็นผู้ชายแล้วหล่ะ อ่อ เวลาที่อยู่ในโรงเรียนห้ามเรียกพี่ว่า ลูคิน่า ให้เรียกว่าลูคัสแทนเข้าใจไหมเฟลิโอน่า สุดท้ายพี่ก็ต้องแสดงความเสียใจด้วยนะพี่มีแหวนวง นี้แค่วงเดียวเท่านั้น ฉะนั้น ถ้าน้องหญิงคิดจะปลอมตัวบ้างก็เสียใจด้วยนะจ๊ะ” คำพูดที่เอ่ยเหมือนจะรู้ความคิดของเธอ โธ่ ลืมไปได้ไงเนี่ย พี่ลูคิน่าเป็นลูกของท่านอ่าลูน่าก็ต้องอ่านใจออกอยู่แล้ว สาวน้อยคิดอยู่ในใจ
“รับทราบครับท่านลูคัส” หญิงสาวตอบรับคำอย่างทันท่วงที
“ไปเรารีบไปสมัครได้แล้วเดี๋ยวจะไม่ทัน” พูดจบร่างบางก็รีบวิ่งไปต่อแถวเขียนใบสมัครทันที
หลังจากแยกจากเฟลิโอน่า ลูคิน่า ในนาม ลูคัศ ซาโดเรีย ก็เดินไปยังหอพักเพื่อเอาสัมภาระไปเก็บ ระหว่างทางนั้นได้พบกับคู่หูนักบวชหน้าบูดของตัวแสบของเขา ลูคัสรีบเดินเข้าไปทักด้วยความดีใจ
“ลอรี่ เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงฉันบ้างรึป่าวเนี่ย ” คำพูดของเจ้าซาตานขี้เล่นทำให้นักบวชหน้าบูดมากขึ้นกว่าเดิม
“เฟี้ยว ชึ้ก อย่ามาเรียกชื่อฉันอย่างนั้นอีกลูคัสถ้าแกยังไม่อยากตาย ” มีดสั้นผ่านหน้าลูคัสไป 1 เซนต์ แล้วไปจบลงที่กำแพงของป้อม
“ลอรี่ นายทำอย่างนี้รู้ไหมว่าป้อมเราจะเสียเงินซ่อมแซมอีกทั้งๆที่ป้อมเรายิ่งถังแตกอยู่” ลูคัสพูดอย่างอารมณ์ดี ไม่ถือสาคนที่ปามีดใส่เขา
“ถ้าแกไม่อยากให้เสียเงินซ่อมแซมแกก็อย่ามาเรียนชื่อฉันอย่างงั้นอีก ลูคัส ซาโดเรีย”
“โธ่ ชื่อลอเรนซ์มันออกเสียงอยากนี่ ชื่อ ลอรี่ ดีกว่า น่ารักกว่ากันเยอะ”
“เฟี้ยว ชึ้ก ฉันบอกว่าอย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้นอีก”
“โอเค ตอนนี้ไม่เรียกก็ได้ ไปเก็บของกันก่อนเหอะ ว่าแต่ขึ้นปีสี่แล้วจะได้อยู่ห้องไหนน้า”
“อยู่ห้องไหนก็ช่าง รีบไปเก็บของที่ห้อง วันนี้วันเปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ อาจมีงานให้ทำ ” พูดจบร่างของนักบวชก็ เดินนำไป โดยมีร่างของซาตานเดินตาม พร้อมกับเสียงมีดบินเป็นระยะอีกด้วย
ความคิดเห็น