ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    = [Hey!Say!JUMP] Z.E.R.O = [Yuto x Ryosuke] =

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 : พิสูจน์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.พ. 57


     

    ผมเป็นอะไรกันแน่ ทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้

     
     

     

    ตอนแรกคิดว่าการที่คุยกับยูโตะในไลน์ได้ตามปกติ มันจะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แต่พอมาเจอหน้ากันจริงๆแล้ว ยิ่งให้ความรู้สึกที่อึดอัดกว่าเดิมอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่กล้าแม้กระทั่งจะทักทายมัน ซึ่งมันเองก็ไม่ได้ทักผมเหมือนกันนั่นแหละ



    ยิ่งไปกว่านั้นเราสองคนก็ดันนั่งตรงข้ามกันเสียด้วย ทำให้ผมต้องเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองโดยการเอาแต่ดื่มเพื่อไม่ให้สมองคิดอะไรที่มันฟุ้งซ่าน แล้วก็ดูจะได้ผลนะเพราะตั้งแต่ตอนนั้นกว่าผมจะรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนที่นอนในแมนชั่นของตัวเองเสียแล้ว 

     

     

     

    มันคงมาส่งผมสินะ

     
     

     

    มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะรู้ว่าผมเก็บคีย์การ์ดห้องตัวเองไว้ที่ไหน แถมยังเป็นคนที่มีรถมาส่งผมแล้วล่ะก็ มันก็ได้อย่างไม่ยากใช่ไหมล่ะครับว่าเป็นใคร ... ทั้งที่ปกติผมควรจะดีใจที่มีคนมาส่งเพราะจะได้ไม่ลำบากแต่คราวนี้กลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก



    หงุดหงิดกับความใจดีของมัน 




    ถ้าห่างเหินกันไปเลยมันจะรู้สึกดีกว่านี้ซะอีก ทำไมต้องทำเหมือนห่างเหินแต่สุดท้ายก็ใจดีขับรถมาส่งแบบล่ะมันอึดอัดและไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี ... เจอหน้ากันคราวหน้าต้องทักทายแบบไหน หรือแม้กระทั่งในไลน์ควรคุยกับมันยังไงดี



     

    อย่ามาทำให้ลำบากใจนักจะได้ไหม ผมผิดที่เคลียร์กันคราวก่อนไปพูดแบบนั้น ทำให้ความรู้สึกที่น่าจะเคลียร์กันไปแล้วกลับมาคลุมเครือและน่าอึดอัดกว่าเดิมอีก ผมน่าจะพูดว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมาเจอกันอีก ไม่ต้องมายุ่งกับผมอะไรแบบนี้ออกไปนะ ซึ่งผมอาจจะรู้สึกสบายใจกว่าตอนนี้ก็ได้

     

     

     

    R R rr r rR แรงสั่นของโทรศัพท์บนหัวเตียงทำให้ผมหยุดคิดเรื่องที่ชวนน่าปวดหัวนี้แล้วหันไปสนใจคนที่โทรเข้ามาได้ .. ใครโทรมาแต่เช้าน่ะ ไม่รู้จักหัดเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเอาเสียเลย


     

     
     

    “ฮัลโหล”

     

     

     

    //เป็นไงบ้างวะ เมื่อคืนเสร็จไปกี่ยกล่ะนั่น// ปากหมาแบบนี้มีตัวเดียวแหละครับ ไม่ต้องกดหน้าจอดูเบอร์ให้เสียเวลาหรอก

     

     

     

    “ถ้ามึงจะโทรมาเรื่องนี้กูวางล่ะ”

     

     

    “โหยใจดำว่ะ มึงไม่คิดจะสงสารยูโตะมันหน่อยเหรอ”

     

     

     

    “มึงควรจะสงสารกูมากกว่านะ กูเป็นผู้ชายที่ถูกผู้ชายมาชอบนะ” ไม่ชอบเลยพวกที่พูดเหมือนกับรู้ดีไปหมดทุกอย่าง ผมไม่อยากจะสนใจหรอกนะว่าใครจะคิดยังไงกับผม ... ไม่ใช่ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีพวกเกย์มาชอบเลยถึงคราวนี้มันค่อนข้างจะใกล้ตัวไปหน่อยก็ตาม อันที่จริงก็ไม่ควรจะเรียกมันว่าเกย์หรอก .. คงเป็นพวกไบซะมากกว่าเพราะอย่างน้อยก็เคยคบกับผู้หญิงมาล่ะนะ

     

     

     

    “หึ นี่มึงไม่รู้ตัวจริงๆหรือหลอกตัวเองกันอยู่กันแน่วะ” คำพูดปลายสายที่ทำให้ผมหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เหมือนพยายามยัดเยียดให้ผมเป็นเกย์ยังไงก็ไม่รู้สิ

     

     

     

    “อย่าเอาตัวเองมาเหมารวมคนอื่นดิ” ผมย้อนอีกฝ่าย  เป็นที่รู้กันว่าทัตซึยะมันตามจีบอาเบะที่เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียน แต่การที่จะเอาความรสนิยมตัวเองมาเหมารวมคนอื่นแบบนี้ ผมว่ามันก็เกินไปหน่อยล่ะนะ

     

     

    “เหนื่อยที่จะพูดกับมึงว่ะ เอาเป็นว่าก็คิดดูดีๆละกันนะเพราะงานนี้ไม่ใช่แค่มึงคนเดียวที่จะต้องเสียใจ แค่นี้ล่ะ” มันพูดทิ้งไว้ก่อนที่จะตัดสายทิ้งไป ..

     

     

     

    คือพยายามยัดเยียดผมให้เป็นเกย์ให้ได้เลยใช่ไหม? โอเค !! ถึงผมจะไม่สูงโปร่งเหมือนใครหลายๆคนหรือแม้กระทั่งหน้าตาที่มันออกจะตุ๊ดไปหน่อยแต่อย่าเอาตรงนั้นมาวัดว่าผมจะต้องเป็นเกย์หน่อยเลย

     

     

    ผมกดโทรศัพท์ไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ทำได้แต่เลื่อนไปมาอยู่อย่างนั้นแหละก่อนที่แอพลิเคชั่นจะเด้งไปที่หน้าจอสมุดโทรศัพท์ ทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเลื่อนไปยังเบอร์ที่ต้องการจะโทรออก ....  

     

     

     

    “ฮารุจัง .. เย็นนี้เดี๋ยวเราไปหาที่บ้านนะ”

     

     

    ผมจะพิสูจน์ให้พวกมันเห็นเองว่าผมน่ะเป็นผู้ชาย

     

    [30%]







     

    “น่าแปลกนะที่ยามะจังมาหาฮารุถึงบ้านอย่างนี้น่ะ” วันนี้ฮารุบอกว่าเธอมาค้างที่แมนชั่นที่ซื้อเอาไว้ เพราะไม่ได้กลับมานานแล้ว

     

     

    อันที่จริงจะเรียกแมนชั่นแต่สำหรับคุโรคาวะ โทโมกะ ผู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับนากาจิม่า ยูโตะเท่าไรหรอกครับ .. ควรเรียกห้องเธอว่าเพนเฮาส์เสียมากกว่า

     

     

    “บางทีเราก็ควรได้ใช้เวลาร่วมกันบ้างนะ” ผมว่าก่อนที่จะไปจะนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอเธอไปหาอะไรมาต้อนรับ .. วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสเรียบง่ายคงคอนเซปท์สีหวานสไตล์คุณหนูตามแบรนด์ที่เธอชอบใส่ ...

     

     

    “ไม่ได้กลับมาที่นี่นาน ในตู้เย็นเลยไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร นอกจากเค้กสตรอเบอร์รี่ที่เพิ่งซื้อมาตุนไว้นี่ล่ะ” ฮารุกะหยกจานมาเสิร์ฟเป็นช็อทเค้กสตรอเบอร์รี่ที่ดูแล้วคงเป็นร้านโปรดที่เธอชอบพาผมไปทานเป็นประจำ

     

     

    “ตุนของอ้วนๆไว้อีกแล้วนะ ระวังเหอะจะใส่ชุดไม่ได้น่ะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะถึงจะบ่นไปเธอก็คงซื้อมาตุนอยู่ดีนั่นแหละและที่สำคัญผมก็ชอบกินช็อทเค้กสตรอเบอร์รี่ของร้านนี้เสียด้วยสิ

     

     

    หญิงสาวหัวเราะเบาๆก่อนที่จะส่งแก้วน้ำชาให้ผม “ถึงจะว่าฮารุแบบนั้น แต่ยามะจังก็กินใหญ่เลยนะ ระวังอ้วนเป็นซูโม่เดินไม่ไหวไม่รู้ด้วย”

     

     

    “ไม่มีทาง เรากินไม่บ่อยเท่าฮารุหรอกน่า” ผมเบะปากเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่อีกฝ่ายก็ทำหน้าไม่ยอมแพ้สู้กลับมา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เป็นสงครามทำหน้าทำตาระหว่างเราสองคนไปเสียแล้ว

     

     

    “กินเลอะอีกแล้วนะ !!” ฮารุกะว่าพร้อมกับเอี้ยวตัวมาเช็ดปากผม ทันทีที่ริมฝีปากของผมสัมผัสเธอแค่ปลายนิ้วความรู้สึกแปลกๆก็แล่นเข้ามาเต็มไปหมด .. ผมมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาคู่สวยนั่นโดยอีกฝ่ายก็จ้องกลับมาราวกับท้าทายอะไรบางอย่างเช่นเดียวกัน

     

    กายบอบบางเริ่มเข้ามาประชิดตัวผมจนได้กลิ่นกายจากน้ำหอมประจำตัวที่เธอชอบใช้ ร่างนั้นเริ่มเข้ามาแนบผมทีละน้อยก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะประกบลงบนริมฝีปากผม สัมผัสที่แผ่วเบาค่อยๆเน้นย้ำหนักขึ้นตามห้วงอารมณ์ที่เริ่มประทุ ก่อนที่จะเปลี่ยนองศาเมื่อความวาบหวามแล่นเข้ามาไม่หยุด

     

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจูบกับฮารุกะแต่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะทำอะไรต่อจากนี้ และเป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเช่นกัน

     

     

    //กูว่าเขาให้ท่าบ่อยออก // คำพูดของทัตซึยะดังก้องในโสตประสาท เป็นการย้ำเตือนว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่เราสองคนจะทำหน้าที่แฟนได้อย่างสมบูรณ์สักที

     

     

    มือข้างหนึ่งของหญิงสาวเลื่อนลงมาจากบริเวณสาบเสื้อนอก ไล่ลงมาเรื่อยๆจนบริเวณหน้าท้อง ในขณะที่มืออีกข้างจับมือผมไปด้านหลังบริเวณตะขอชุเดรสของเธอ ... ฝ่ามือร้อนของผมเลื่อนไปบริเวณแผ่นหลังปัดป่ายไปเรื่อยจนถึงตะขอชุดเดรสของเธอซึ่งปลดมันออกอย่างง่ายดาย ตะขอเดรสที่ถูกปลดออกทำให้ชุดที่ลู่ลงไปทำให้ครึ่งตัวของร่างบอบบางเหลือเพียงแต่บราลูกไม้สีขาวเท่านั้น โดยที่มือบางของเธอก็ได้จับมือผมวางบนเนินอก

     

     

    “ทำตามสิ่งที่ยามะจังต้องการเลยนะ”

     

     

    //งานนี้ไม่ใช่มีแค่มึงคนเดียวที่จะต้องเสียใจ// ทำไมจู่ๆประโยคที่เพิ่งคุยกับทัตซึยะเมื่อกี้ถึงดังก้องเข้ามาในหัวล่ะ มันก็ดีแล้วไม่ใช่รึไงที่เป็นแบบนี้น่ะ คนเป็นแฟนกันถ้าจะมีอะไรกันมันก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือไง ...

     

     

    ไม่ทันที่ผมจะได้โต้แย้งอะไรในใจต่อภาพของใครบางคนที่ผมไม่อยากจะนึกถึงมากที่สุดเข้ามาในหัวเต็มไปหมด ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ไปผับกับจิฮิโระ โดนคาเรนบอกเลิก ปาร์ตี้ที่บ้านเคโตะ หรือแม้กระทั่งตอนมันจูบผม ทุกอย่างแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วจนผมตั้งรับไม่ทัน ซึ่งกว่าผมจะรู้ตัวอีกทีมือสองข้างของผมก็ได้ผลักหญิงสาวตรงหน้าไปเสียแล้ว



    ฮารุกะดูตกใจที่ผมผลักเธอสายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ  นั่นสิผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งที่ทุกอย่างกำลังจะไปได้สวยแล้วแท้ๆ ทำไมต้องมีความคิดเหล่านั้นโผล่เข้ามาในหัวกันด้วย

     

     

    “เราขอโทษนะ...” พูดพร้อมเขยิบถอยห่างออกมาจากเธอเพื่อรักษาระยะเล็กน้อย ก่อนที่จะจัดเสื้อนอกของตัวเองให้เข้าที่ “เพราะอะไร ทำไมถึงไม่ยอมมีอะไรกับฮารุล่ะ” น้ำเสียงที่สั่นเครือของอีกฝ่ายเอ่ยพร้อมกับมองหน้าผม สายตาที่ดูเจ็บปวดพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมา ให้ตายสินี่ผมทำให้เธอร้องไห้เหรอเนี่ย

     

     

    “คือเรา....” ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆครับความรู้สึกในตอนนี้มันประทังเข้ามาหมด จนผมหาคำตอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกันแน่

     

     

     

     

    “ยามะจังกำลังมีใครอยู่ใช่ไหม” ฮารุกะพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้นไห้เธอพยายามปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดจนผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ควรจะบอกเธอว่ายังไงดีล่ะ? ไม่ได้ดีใครแต่ก็ไม่ได้รักเธออย่างนั้นเหรอ...มันจะใจร้ายไปหน่อยไหม

     

     

     

     “ฮึก...ฮืออ น้ำตาบ้านี่ก็ไหลออกมาอยู่ได้ ทั้งที่เคยคิดเอาไว้แล้วนะว่าจะไม่ร้องไห้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ายามะจังไม่เคยรักฮารุเลย ที่ยามะจังยอมคบกับฉันมันก็ดีแค่ไหนแล้ว ..ฮารุขอโทษ ขอโทษที่ตั้งความหวังไว้มากเกินไป ที่หวังว่าสักวันยามะจังจะรักเราบาง แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ ฮารุขอโทษนะ ที่ทำให้ยามะจังต้องลำบากใจมาตลอดเลย” หญิงสาวพูดพร้อมกับเสียงสะอื้น ความรู้สึกผิดประทังเข้ามา แววตานั่น น้ำเสียงนั่น เสียงสะอื้นนั่น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเลวที่โกหกผู้หญิงคนหนึ่งที่รักผมอย่างจริงใจมาโดยตลอด

     

     

     

    “มันไม่ใช่ความผิดของฮารุจังเลยนะ .. ทุกอย่างมันคือความเอาแต่ใจของเราทั้งหมด ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังรั้งเอาไว้อยู่แบบนี้ เราขอโทษ...” เป็นอย่างที่ทัตซึยะว่าเอาไว้เลยถ้าผมตัดสินใจผิดไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะต้องเสียใจ ผมจะไม่ถือทิฐิจะไม่พยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยวิธีบ้าๆแบบนี้อีก จะไม่พยายามดื้อดึงและเอาชนะสิ่งแวดล้อมภายนอกอีกต่อไป ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเสียใจเพราะความเห็นแก่ตัวของผมอีกแล้ว

     

     

     

    “เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะ”

     

     

     

    ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะร้องไห้ให้ผม วันข้างหน้าเธอจะต้องเจอคนที่ดีกว่าและพร้อมที่จะรักและดูแลเธอ ซึ่งคนๆนั้นสามารถทำหน้าที่ตรงนั้นได้ดีกว่าผมแน่ๆ




    อย่ามาจมปรักกับคนงี่เง่าอย่างผมอีกเลย



    [70%]

     

     

      

    “เห็นไหมกูบอกมึงตั้งแต่แรกว่ามึงกับฮารุกะไปกันไม่รอดหรอก” ผมตรงดิ่งมาที่บ้านทัตซึยะทันทีหลังจากที่แยกกับฮารุกะ พอเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังมันก็เอาแต่ตบโต๊ะปาบๆแล้วก็พูดกับผมอย่างนี้แหละครับ

     

     

    “มั่นใจจริงน่ะมึง” แม้อีกฝ่ายจะฟันธงแค่ไหนแต่ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับว่าผมจะเกย์น่ะ ก็จริงที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับฮารุกะ แต่ถ้าผมเป็นเกย์จริงทำไมผมถึงยังมีความรู้สึกแบบนั้นกับผู้หญิงได้ล่ะ เหตุการณ์เมื่อกี้ก็ถือเป็นการพิสูจน์แล้วว่าผมยังปกติทุกอย่าง

     

     

    “มึงคงคิดว่าตัวเองยังมีอารมณ์อย่างว่ากับฮารุกะ ดังนั้งจึงฟันธงว่าตัวเองปกติว่างั้น” เป๊ะโคตร สงสัยคบกับมันนานจนมันรู้ทันความคิดผมหมดแล้วครับ

     

     

    “ก็แบบนั้นแหละ กูไม่ใช่เกย์”

     

     

    “แล้วใครว่ามึงเป็นเกย์” อ่าวคือคุณเพื่อนครับก่อนหน้าก็ดูมั่นใจนักหนาว่ากูเป็นเกย์ แต่ไหงกลับคำอย่างนั้นล่ะ

     

     

    “ไม่ต้องทำหน้างงเป็นหมาแบบนั้นหรอก..คือมึงอะเป็นพวกได้ทั้งหญิงแล้วก็ชายหรือที่โลกรู้จักกว่าไบยังไงล่ะ .. เอางี้พูดไปมึงก็ไม่เชื่อ งั้นกูถามก่อนละกัน ตอนที่มึงเจอยูโตะครั้งแรกมึงรู้สึกยังไง”

     

     

    “ก็หล่อโคตร ตัวก็สูง โคตรเท่ห์ น่าอิจฉาเมียสวย ประมาณนั้นมั้ง” ผมตอบไปตามความรู้สึกที่เจอมันครั้งแรก

     

     

    “หึ มึงรู้ปะว่าผู้ชายเขาไม่มาคิดอะไรแบบมึงหรอก...หรือถ้ามีก็อย่างมากแค่ เออก็หล่อแล้วก็จบได้มาวิเคราะห์อะไรหยิบย่อยแบบมึงหรอกว่ะ”

     

     

    “แค่นี้มึงก็ตัดสินว่ากูเป็นไบแล้วอย่างนั้นเหรอ” ผมยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้จะให้ตัวเองมายอมรับว่าชอบผู้ชายอย่างนั้นเหรอ? บ้ากันไปใหญ่แล้วววววววว

     

     

     

    “เอางี้ดีกว่า .. อย่างน้อยมึงก็ต้องเคยโดนตัวยูโตะ มึงรู้สึกยังไงล่ะตอนโดนตัวมัน” รู้สึกอย่างไรน่ะเหรอ? เอ่อคือ.....เรื่องนั้น

     

     

    “แค่มึงหยุดคิดคำตอบมันก็ชัดเจนพอแล้วล่ะ” มันแสยะยิ้มใส่ผม .. เคยมีใครบอกมันไหมว่ารอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ดูกวนตีนขนาดไหน

     

     

    “ไม่ต้องทำหน้าเหวออย่างนั้นเลย หรือถ้ามึงยังไม่เชื่อกูจะพิสูจน์ให้มึงเห็นเอง” มันไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกันครับ -*-

     

     

    “ยังไง?” ถึงอย่างนั้นผมก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีแหละว่ามันจะพิสูจน์ผมด้วยวิธีไหน เท่าที่เห็นก็คือมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆอะไรบางอย่างก่อนที่ข้อความในกรุ๊ปไลน์ของผมจะเด้งขึ้นมา

     

    FUKKA say
    เฮ้ยมึง เสาร์นี้ไปน้ำพุร้อนกัน


    NABESHO say
    กูได้ข่าวว่าวันเสาร์คือพรุ่งนี้

    FUKKA say
    เอาน่ากินฟรีอยู่ฟรีมีรีมูนซีนมารับด้วยนะเว้ย

    Yutonis say
    คือไอ้คุณฟุกกะครับ กินฟรี อยู่ฟรี มีรีมูซีนนี่อย่าบอกนะว่า....

     

    FUKKA say
    ปิ๊งป่อง ! ถูกเลยครับคุณเพื่อน  
    J

     

    Yutonis say
    ถามกูมั้ย? -*-

     

    FUKKA say :
    เอาน่าวันหยุดทั้งที ... พวกกูเรียนและทำงานมาเหนื่อยมากเลยนะเว้ย

     

    Super99Chinen  say :
    ไม่เห็นมึงทำอะไร วันๆกูก็เห็นแต่มึงขับรถไปสโตคเกอร์เด็กมึงหน้าร.ร. 

     

    FUKKA say :
    พูดมากน่า เอาเป็นว่าทุกคนไปนะ !

     

    K____to say :
    ก็ได้ๆ ไหนๆก็ว่างอะนะ


    FUKKA say :
    ฮูเร่ เสาร์นี้เจอกันบ้านเคโตะนะ ...

     

     

    ทำไมทุกอย่างมันดูง่ายแบบนี้ล่ะครับ !! อย่างว่าแหละกลุ่มผมเฮมาก็เฮกันไป เท่าที่ผมดูก็คือพรุ่งนี้พวกมันจะเฮกันไปรีสอร์ทของยูโตะกัน (ลืมบอกไปใช่ไหมครับว่าตั้งแต่กลับจากบ้านเคโตะในวันนั้น พวกมันก็สนิทกันกว่าเดิมจนแอดไลน์ยูโตะเข้ากลุ่มเสร็จสรรพ) แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับที่ทัตซึยะจะพิสูจน์ผมกันล่ะ?

     

     

    “ทำหน้าแบบนี้แปลว่างงใช่ม้า !!” น้ำเสียงแบบนั้นหมายความว่ายังไงกัน นี่ไม่รวมหน้าตาที่ทำเหมือนมีความลับอะไรบางอย่างนั้นอีกคืออะไรกันครับ !!

     

     

    “เออ มึงต้องการอะไรกันแน่”

     

     

    “เอาน่า เดี๋ยวมึงก็รู้เอง J

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     


    Talk 100% : สั้นเนอะ ฮาาาา ! ไปเล่นเกมส์ละ เครียดกับเปเปอร์ไม่ไหวจริงๆ เจอกันตอนหน้าค่า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×