คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 : เหมือนเดิม
ผมมองหน้าเรียวสุเกะที่ยังคงตกใจที่เห็นหน้าผม ... เราสองคนมองหน้ากันสักพัก โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งจะทำลายความเงียบระหว่างเรา
“เพื่อนยามะจังเหรอ” สาวน้อยหน้าตาน่ารักเป็นผู้เอ่ยประโยคที่ทำลายความเงียบ “ก็ประมาณนั้น” อีกฝ่ายตอบแบบไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก
“กูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกันนะ” ผมเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดกับมันก่อน ... เรียวสุเกะเพียงแค่มองหน้าผมแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาก่อนที่จะลากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆออกไป
“ถ้ามึงหนีมึงก็ตุ๊ด” สิ้นเสียงผมอีกฝ่ายก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาถามผมเสียงเรียบ “มีอะไรก็ว่ามา”
“ขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ” ผมหันไปถามหญิงสาวที่ยืนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ “อะ...ได้ค่ะ” ถึงเธอจะปฏิเสธผมก็ต้องลากอีกคนมาคุยให้รู้เรื่องจนได้ล่ะนะ
ผมเดินนำอีกฝ่ายไปบริเวณตรอกซอยที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนักและแน่นอนว่าเป็นบริเวณที่ไม่เป็นจุดสังเกตของคนเดินผ่านไปสักเท่าไร
“มึงมีอะไร?” คราวนี้มันเป็นฝ่ายเปิดประเด็นบ้าง
“บล็อกไลน์กับเบอร์กูทำไม” ผมถามมัน
“แล้วมึงหากูเจอได้ยังไง” มันเลี่ยงที่จะตอบคำถามผม ซึ่งผมก็จะไม่ตอบคำถามมันเช่นเดียวกัน
“ก็กูเก่ง” อันที่จริงผมไม่ได้เก่งอะไรหรอก เพียงแค่มันใช้ไอโฟนแล้วไอ้โทรศัพท์ยี่ห้อนี้มันมีแอพลิเคชั่น find my iPhone อยู่ ผมก็แค่ลองขอ Apple ID ของมันจากฟุกกะก็แค่นั้น ทำให้ผมสะกดรอยตามมันมาได้ ....
“....” มันเงียบไปทั้งทีสีหน้านั่นเต็มไปด้วยความอยากรู้ .. เอาไว้ผมจะเฉลยหลังจากที่เราคุยกันรู้เรื่องแล้วละกันนะ
“มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะว่ามึง บล็อกไลน์กับเบอร์กูทำไม?”
“แล้ววันนั้นมึงจูบกูทำไมล่ะ” ว่าแล้วครับว่ามันจงใจหลบหน้าผมเพราะเรื่องนี้จริงๆ .. นั่นสินะทำไมผมต้องทำแบบนั้น แล้วพอทันทีที่ผมจับได้ว่ามันจงใจหลบหน้า ผมกลับกระวนกระวายจนลืมเรื่องคาเรนไปเสียสนิท
“กูไม่รู้....” ผมตอบมันไปแบบนั้น
“ถามจริง มึงเป็นเกย์เหรอวะยูโตะ”
“เปล่า...”
“เปล่า ? แต่มึงก็จูบกู ผู้ชายจูบกับผู้ชายนี่ถ้าไม่ใช่เกย์เขาจะเรียกว่าอะไรวะ” มันเหมือนจะยิ้มเยาะใส่ผมเล็กน้อย ผมไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นเลยสิให้ตาย มันเหมือนกำลังสมเพสผมอย่างไรก็ไรก็ไม่รู้
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากูเป็นอะไร ... ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกูถึงต้องทำแบบนั้น ถามว่ากูรู้สึกยังไงกับมึงกูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่กูรู้สึกว่าไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้ กูรู้สึกแย่ไม่ต่างจากที่กับเรื่องของคาเรนเลย” ผมพูดความรู้สึกทั้งหมดออกไป นี่น่าจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ผมเคยพูดกับมันแล้วล่ะมั้ง
“ถ้ามึงไม่อยากให้กูเป็นแบบนี้ก็สัญญามาสิ” เรียวสุเกะที่นิ่งไปหลังจากที่ฟังผมพูดจบก็เอ่ยขึ้นมา
"ว่า?"
"ลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นคิดซะว่ามันเป็นแค่ความผิดพลาดแล้วอย่าคิดที่จะทำอะไรแบบนั้นอีก แล้วกูกับมึงก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ทำได้รึเปล่าล่ะ"
"......"
"ว่ายังไง?" มันถามย้ำอีกรอบ
“กูตกลง”
[30%]
หลังจากวันนั้นผมกับเรียวสุเกะก็เหมือนก็กลับมาคุยกันตามปกติ ทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นเป็นแค่ความผิดพลาดไป ทุกครั้งมันจะคอยถามไถ่ผมเรื่องคาเรนเสมอว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง ซึ่งเชื่อไหมว่าผมแทบจะลืมชื่อของผู้หญิงคนนั้นไปเลยตั้งแต่ที่เกิดเรื่องคราวนั้นขึ้นมา
YRPoppo say : เฮ้ย วันนี้ว่างปะวะ
ในระหว่างที่ผมนั่งเซ็นเอกสารในออฟฟิศอยู่ .. โทรศัพท์ก็แจ้งเตือนไลน์ขึ้นมาจากเรียวสุเกะนั่นเอง หลังจากที่เราตกลงกันว่าจะทำทุกอย่างเหมือนเดิมมันก็ปลดบล็อกทุกอย่างผมออก
Yutonis say : ก็ว่างนะ
YRPoppo say : เออดี วันนี้ไปกินเหล้ากัน ร้านเดิมนะที่ทัตซึยะเคยชวนมึงไปน่ะ
Yutonis say : เจอกันกี่โมงล่ะ
YRPoppo say : พวกมันนัดกันประมาณ 3 ทุ่มน่ะ
Yutonis say : ตามนั้นแล้วเจอกัน
“วันนี้นัดกินเหล้าเหรอวะ” ผมเลิกสนใจโทรศัพท์มือถือแล้วหันไปถามบุคคลไม่ได้รับเชิญที่แวะมาเที่ยวออฟฟิศผมเล่นแทน ไหนว่ากิจการครอบครัวหนักนักหนักหนาไง แล้วทำไมมีเวลามาเที่ยวเล่นที่ออฟฟิศผมล่ะ
“อืม .. กูว่าจะมาชวนมึงเรื่องนี้แหละ โดนเรียวสุเกะตัดหน้าสินะ” ฟุกกะเอ่ยขึ้นก่อนที่จะนอนเอกเขนกบนโซฟาในห้องผมราวกับเป็นบ้านของมัน
จะว่าไปผมคุยกับเรียวสุเกะเหมือนเดิมรึเปล่านะ?
ตอนนั้นที่ผมตกลงไปเพียงแค่คิดว่าไม่อยากจะให้เป็นแบบนี้ การที่มันไม่ยอมคุยด้วยมันทำให้รู้สึกโหวงๆอย่างบอกไม่ถูก จะถามว่าเป็นความชอบหรือความรักไหม? ผมคิดว่ายังไม่ใช่หรอกถ้าเทียบกับตอนคาเรนแล้วล่ะนะ สำหรับเรียวสุเกะผมก็แค่รู้สึกสบายใจที่อยู่ด้วย และรู้สึกใจหายเมื่อตอนมีเรื่องกันคงเรียกว่ารู้สึกดีที่ได้อยู่กับคนนี้มากกว่าที่จะเป็นอะไรที่มันดูลึกซึ้งขนาดนั้น
“คิดอะไรอยู่วะ” จู่ๆคนที่นอกเอกเขนกก็ถามผมขึ้นมา
“ก็เรื่อยๆน่ะ ... ไม่มีอะไรหรอก” ผมว่าก่อนที่จะละสายตาจากรูปแขวนผนังที่ติดอยู่ในห้องมาสนใจกับกองเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง
“นี่ยูโตะ...กูถามอะไรมึงอย่างนะ” มันเปลี่ยนอิริยาบถจากนอนมาเป็นนั่งแล้วจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง
“อะไรวะ?”
“มึงเป็นอะไรกับเรียวสุเกะ?”
“ก็เพื่อนไง ทำไมเหรอ?” ก็เจ้าตัวเน้นย้ำซะชัดเจนขนาดนั้น ต่อให้ผมคิดอะไรมากกว่านี้ก็คงไม่กล้าที่จะเปลี่ยนสถานะหรอกครับ
“ก็พวกมึงดูแปลกๆ .. คือไม่รู้ดิ กูว่าความสัมพันธ์ของมึงกับเรียวสุเกะมันดูเหมือนเพื่อนแต่ก็ไม่ใช่ว่ะ” ดูเหมือนเพื่อนแต่ไม่ใช่นี่อะไรวะ ??
“จำเรียวตะ กับ โชตะ ได้ใช่ไหม?” ฟุกกะถามต่อโดยเอ่ยถึงเพื่อนรักปาท่องโก๋ในกลุ่มมันขึ้นมา “อือ ทำไมอะ?” ผมยังไม่ค่อยเข้าใจในเจตนาที่มันจะสื่อเท่าไรนัก
“มึงกับเรียวสุเกะก็ดูเหมือนเรียวตะกับโชตะในตอนนี้เลย”
“ยังไง?”
“ดูพวกมึงมีความรู้สึกพิเศษให้กัน .. กูถามจริงๆนะยูโตะ มึงชอบเรียวสุเกะเหรอวะ” ถึงมันจะเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมาแต่ถามเสียขนาดนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบยังไงดี
“ไม่รู้สินะ” ผมเอามือประสานกันไว้ที่คางอย่างใช้ความคิดก่อนที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ต่อให้กูชอบมันจริงๆขึ้นมา ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคิดแบบนั้นกับมันหรอก”
[60%]
===[Z][E][R][O[===
แสงไฟหลากสีในบรรยากาศที่ค่อนข้างสลัว ณ ผับแห่งเดิมที่เคยเจอกับเพื่อนกลุ่มนี้ครั้งแรก .. ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเวลาผ่านไปไม่กี่อาทิตย์เหตุการณ์ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้
ครั้งที่แล้วเขามากับคาเรนแต่คราวนี้เขามากับฟุกกะที่จอดรถตัวเองไว้ที่ออฟฟิศแล้วอาศัยรถมาด้วยโดยเจ้าตัวอ้างว่าเปลืองน้ำมัน บรรยากาศโต๊ะสนทนาที่มาครั้งก่อนผมไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมอย่างไรดี แต่คราวนี้กลับพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะเวลาที่เหล้าเข้าปากแล้วยิ่งคุยกันออกรสชาติมากกว่าเดิมเสียอีก ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป
ยกเว้นตำแหน่งที่นั่ง ... ทุกคนนั่งตำแหน่งเดิมที่มาครั้งที่แล้วโดยไม่มีใครสลับทีกันเลย เรียวตะยังคงตัวติดเป็นปาท่องโก๋กับโชตะ ในขณะที่เคโตะ ยูริ และ ไดกิก็นั่งด้วยกัน .. ฟุกกะนั่งติดผมเหมือนคราวที่แล้วแต่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายนั่งริมสุดเพราะไม่มีคาเรนมาด้วยแล้ว
และตรงข้ามผม .. ก็ยังเป็นคนๆเดิม คนที่ทำให้ผมละสายตาไปจากมันไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว เพียงแต่ความหมายของทั้งสองครั้งนั้นต่างกัน โดยครั้งแรกเพราะมันเอาแต่จ้องคาเรนน่ะสิ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคนตรงหน้าลวนลามคาเรนทางสายตาขนาดไหน แต่ครั้งที่สองนั้นเป็นความหมายที่ตัวผมเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
มองเพราะอยากมอง หรือเพราะคนตรงหน้าน่ามองกันแน่
ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไรนะ ?
หลงใหลอย่างนั้นเหรอ ?
ให้ตายสิผมไม่คิดว่าผมจะมารู้สึกอะไรแบบนี้กับผู้ชาย มันดูแล้วน่าขนลุกชะมัดกับการที่เอาแต่จ้องหน้าผู้ชายคนหนึ่งด้วยความรู้สึกที่เอ่อ....หลงใหลนั่นแหละ ฟังดูแล้วมันน่าขนลุกดีใช่ไหมล่ะ
ผมลองหันไปมองทางอื่น มองเพื่อนคนอื่นหรือมองผู้ชายคนอื่นที่อยู่บริเวณโดยรอบ แต่กลับไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น
ทำไมผมต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้ด้วย .. แถมกับคนที่ไปสัญญาแล้วว่าจะไม่คิดอะไรแบบนั้นเด็ดขาดด้วยนี่
“เฮ้ย ! จ้องขนาดนั้นถ้าเป็นปลากัดนี่ท้องไปนานแล้ว” ไอ้คนที่นั่งข้างผมเอาศอกกระทุ้งพร้อมกับเอ่ยแซวอย่างรู้ทัน “เรื่องของกู...เออเรียวสุเกะ GENROQ เล่มใหม่ออกแล้วนะ” ผมโต้ตอบฟุกกะเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับไปชวนคนที่นั่งตรงหน้าคุยเพื่อไม่ให้เจ้าตัวสงสัยอะไร
“อะ...เหรอ กูยังไม่ได้ซื้อเลยว่ะ ยืมดูก่อนได้ปะ ?” เรียวสุเกะเงยหน้าขึ้นมาตอบผมก่อนที่จะดื่มรวดเดียวหมดแก้ว “เฮ้ยเรียวสุเกะมึงไปเฮิร์ตอะไรมาจากไหนวะถึงแดกยังกับน้ำเปล่าแบบนี้” ไดกิที่เหมือนจะสังเกตกิริยาของคนตรงหน้าผมจึงเอ่ยทักอย่างสงสัย
“ทะเลาะกับฮารุกะน่ะ” มันพูดเสียงเบาก่อนที่จะหยิบแก้วที่โชตะส่งให้ดื่มรวดเดียวหมดเช่นกัน “เมาเร็วแบบนี้ก็หมดสนุกน่ะสิวะ” ผมว่าก่อนที่จะแย่งแก้วมาจากมัน อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยอยากจะให้มันดื่มแบบนี้นักหรอกมันทำลายสุขภาพตัวเองน่ะ
“เรื่องของกู...อย่ามายุ่งกับกูนักจะได้ไหมหะ .. เป็นอะไรกับกูถึงมาสั่งกูแบบนี้น่ะ” ท่าทางมันจะเมาใหญ่แล้วถึงได้โวยวายใหญ่โตขนาดนี้แถมมีการจะลุกขึ้นมาหาเรื่องผมอีกต่างหากถ้าโชตะที่นั่งข้างๆไม่ช่วยจับไว้ป่านนี้เรียวสุเกะคงปีนมากระชากคอเสื้อผมแล้วล่ะมั้ง
“มึงเมาใหญ่แล้วแล้วนะ” โชตะที่ดึงเรียวสุเกะเอาไว้เอ็ดเสียงเบาก่อนที่คนเมาจะเลิกที่จะพาลใส่ผมแล้วดื่มอีกรวดเดียวจนหมด “นี่คงทะเลาะกันใหญ่โตเลยสินะ” ผมดูอาการคนตรงหน้าแล้วสรุปออกมา
“หึ .. ร้อยวันพันปีมันเคยสนใจฮารุกะซะที่ไหน กูว่ามันคงเป็นแบบนี้เพราะคนอื่นมากกว่า” ฟุกกะแค่นหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะจิบแก้วตัวเอง “แล้วใครวะ?” เป็นเพราะผมอย่างนั้นเหรอก็ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองนักหรอกนะ ก็เจ้าตัวเล่นพูดซะชัดเจนขนาดนั้นผมไม่กล้าคิดอะไรแบบนั้นหรอกครับ
“ฉลาดๆอย่างมึงไม่น่าจะมาโง่กับเรื่องแบบนี้นะ”
“ถ้ามึงคิดว่าเป็นกูล่ะก็คิดผิดแล้วล่ะ”
“กูก็ไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างมึงกับมันมีเรื่องอะไรกัน แล้วมันพูดอะไรกับมึงบ้าง แต่เชื่อกูดิ ... กูเป็นเพื่อนกับเรียวสุเกะมานานแล้วนะ” ฟุกกะยังคงมั่นใจในความคิดของตัวเอง แต่ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อคนเมาตรงหน้าก็ลุกขึ้นเหมือนจะไปไหนสักที่
“ไปห้องน้ำแปบ” คนเมาว่าไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไรก่อนที่จะประคองตัวเองเดินไปห้องน้ำ เฮ้ยๆ จะไปไหวไหมนั่น
พูดไม่ทันขาดคำเรียวสุเกะที่พยายามพาตัวเองไปห้องน้ำเดินไปไม่ทันไรก็ล้มตัวลงนอนกลางร้านซะแล้ว ลำบากผมที่นั่งอยู่ริมสุดต้องแบกมันกลับมาที่โต๊ะตามเดิม
“กูจะไปห้องน้ำ มึงนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงน่ะ” คนเมาโวยวายพร้อมกับดันผมให้ออกจากตัวมัน “ขืนกูปล่อยมึงก็ได้ลงไปนอนรอบสองแน่ๆ”
“พวกมึงนี่เหมือนผัวเมียกันเลยว่ะ เมียเมาผัวเลยต้องตามกลับบ้าน ฮ่าๆ” โชตะมองดูการกระทำของพวกผมก่อนที่จะเอ่ยแซวขึ้น
“นี่มันยูโตะไม่ใช่ผัวมึง ... ผัวมึงก็นั่งอยู่ข้างๆมึงไง” ดูท่าจะคุยไม่รู้เรื่องแล้วล่ะครับงานนี้
“กูว่าพามันไปส่งบ้านเถอะว่ะ ร่อแร่เต็มทีละ” ยูริที่นั่งอยู่สุดโต๊ะพูดขึ้นมา นั่นสิควรพามันไปส่งบ้านได้แล้วนะ
“มึงไงยูโตะ มึงมีรถนี่” ผมรู้สึกว่าไอ้คนที่นั่งข้างผมมันพยายามจะมัดมือชกผมสินะ .. ดูท่ามันจะพยายามจับคู่ผมกับอีกคนที่กำลังประคองเอาไว้เสียเหลือเกิน
“แล้วทำไมต้องเป็นกูครับ?”
“ก็มันหน้าที่ผัวต้องดูแลเมียไม่ใช่เหรอวะ ฮ่าๆ”
“เมียพ่อมึงสิ” ขืนพูดให้อีกคนฟังตอนที่มีสติเต็มร้อยมีหวังได้โดนกระโดดถีบขาคู่เป็นแน่
“พวกมึงนี่ไปได้กันตอนไหนวะ” ไอ้คุณเคโตะครับนั่งนิ่งๆเล่นทามาก็อตไปกูก็ไม่คิดว่ามึงเป็นใบ้หรอกนะ
-*-
“ได้กันบ้านมึงดิ .. ฟุกกะมันมโนไปเองทั้งนั้น” ผมแหวใส่พวกมันก่อนพูดต่อ “สรุปกูต้องพามันกลับ?” ไม่ทันจะพูดจบดีทั้งโต๊ะก็พยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ..
“เออก็ได้ .. งั้นมื้อนี้กูไม่จ่ายนะ ฮ่าๆ ไปล่ะ” ผมประคองไอ้คนที่คิดว่าจะหลับไปแล้วเดินออกจากโต๊ะไป แต่เหมือนพอเจ้าตัวรู้ว่าตัวเองกำลังโดนลากออกจากโต๊ะก็โวยวายเสียงดังขึ้นมา “กูจะแดกเหล้า กูไม่กลับ” พยายามดิ้นให้หลุดแต่มีหรือที่คนเมาจะสู้คนสติเต็มร้อยได้น่ะ
“กลับได้แล้วเดี๋ยวกูถ่ายรูปส่งให้ฮารุกะนะ” เท่าที่ผมรู้มาคือฮารุกะไม่ชอบให้มันดื่มสักเท่าไรนัก .. ก็คงเหมือนกับผม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้คิดอะไรจะดื่มก็ดื่มไป แต่ถ้าจะดื่มแล้วดูแลตัวเองไม่ได้ขนาดนี้ก็อย่าดื่มมันเลยดีกว่า
ซึ่งเหมือนจะได้ผลอีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะบ่นอะไรไม่รู้อู้อี้ฟังไม่ชัดแล้วก็เงียบไป .. ก็ดีจะได้พากลับง่ายหน่อย ตัวก็ไม่ใช่จะเล็กต้องมาฉุดกระชากกันกลางร้านแบบนี้มีหวังคนอื่นได้คิดว่าผมฉุดผู้ชายกลับบ้านเป็นแน่ -*-
หนักชะมัด ! นี่ใจคอพวกมันจะไม่มาส่งกันเลยหรือไงน่ะ ถึงพวกมันจะพยายามจับคู่เรียวสุเกะกับผมก็ตามที แต่การปล่อยให้ผมแบกออกมาคนเดียวแล้วนั่งกินเหล้ากันต่อนี่ไม่ใจดำไปหน่อยรึไงกว่าจะแบกออกมาได้ก็แทบตาย ..
ผมวางมันไว้ที่เบาะข้างคนขับแล้วเดินกลับไปสตาร์ทรถ ... ให้ตายสิชวนผมออกมาเองแท้ๆแต่ตัวเองกลับเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้อะนะ .. ผมส่ายหัวไปมาพร้อมหันไปมองคนเมาที่ตอนนี้เหมือนจะหลับไปแล้ว ...
“เนื้อย่าง ...” เสียงละเมอของคนข้างๆทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาแล้วเผลอไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว ...
“มึงเก่งมากเลยนะ...ที่ทำให้กูสามารถลืมคนที่กูเคยรักมากได้เพียงเวลาไม่ถึงอาทิตย์ได้นะ” ผมว่าแต่มือยังคงวางอยู่บนหัวคนที่หลับไปแล้วอยู่ ...
ให้ตายสิ ผมคิดว่าผมคงชอบมันเข้าแล้วจริงๆแหละ
ผมมองใบหน้าที่หลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ... มันดูไร้เดียงสาจนอดคิดไม่ได้ว่าใช่คนเดียวกับที่ตะโกนโหวกเหวกปาวๆเมื่อกี้หรือเปล่า
“ถึงมึงจะบอกว่าไม่ให้กูทำแบบนั้นอีก .. แต่จะให้กูไม่คิดอะไรกับมึง กูทำไม่ได้หรอกนะ J”
แล้วคนอย่างมึงน่ะ ยังไงก็ต้องมีคนคอยดูแล ...
TBC
Talk : จำได้ว่าตอน 60% ยูโตะยังดราม่ากับฟุกกะอยู่เลย แต่พอเหมือนแน่ใจในความรู้สึกตัวเองแล้วโหมดเปลี่ยนเลยนะ ฮา .. ตอนหน้าเป็นตอนยามะจังเนอะก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไงอะนะ 55
Talk 2 : ดู DVD คอนกันรึยังเอ่ยยย ทุกคนเท่ห์กันมากเลยอ่า เป็นคอนที่เอาเพลงโปรดของเรามาร้องหลายเพลงเลย ... แต่ที่ชอบก็คือตอน ไออิงเลยยยย สองโตะมันฟินมากจริงๆ 555 แล้วหน้าเคโตะก็อย่างฟินอะ หลังจากที่นางอึนๆมาตลอดทั้งคอน (โปรดมองผ่านประโยคเหล่านี้ไป ) ใน SD ยูโตะยามะจังก็จัดเต็ม มีเกาคงเกาคางกันด้วย แอร้ยยย !! ใครยังไม่ดูรีบไปหามาดูเน้อ รับรองได้กรีดร้องกันหน้าคอมแน่ๆ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะคะ
ปล. GENROQ คือชื่อนิตยสารรถไฮเปอร์คาร์ของญี่ปุ่นค่ะ
ความคิดเห็น