ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    = [Hey!Say!JUMP] Z.E.R.O = [Yuto x Ryosuke] =

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 : หลบหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 56


    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน !!!!!!!!

     

     

    ผมผลักอีกฝ่ายแทบทันทีที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ... ก่อนที่จะถอยกรูไปอยู่ริมระเบียงอีกฝั่ง เหมือนอีกฝ่ายจะดูตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป  “ฮะ ฮะ ... เดี๋ยวกูไปนอนก่อนนะ ... ฝ..ฝันดี”  ผมหัวเราะแห้งๆทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่จะวิ่งกลับเข้าห้องแล้วนอนคุมโปลงอย่างรวดเร็ว

     

     

    ตึก ตึก ตึก ตึก !!


    เอาอีกแล้ว ! ไอ้อาการประหลาดแบบนี้มันกลับมาอีกแล้ว หัวใจของผมมันเต้นเร็วและแรงมาก มันเกิดอะไรขึ้น ! .. แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะรู้คำตอบนั้นเท่าไรแล้วพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วข่มตาหลับให้ได้ ...

     

     

    ครืด .. ปัง



    เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ...  เสียงประตูบานเลื่อนริมระเบียงดังขึ้นเป็นการบอกให้ผมรู้ว่ามันคงกลับเข้ามาแล้ว โธ่เว้ย !! ทำไมไม่หลับซะทีวะ ... หลับสิ หลับสิ !!

     

     

    แล้วไอ้หัวใจที่เต้นตึกตักตึกแบบนี้ก็ด้วย ... ช่วงเงียบๆลงซะที !!!!!!

     

    .

    .

     

    ผมนอนไม่หลับจนถึงเช้า ... มัวแต่คิดฟุ้งซ่านเรื่องเมื่อคืนอยู่นั่นแหละ ทั้งพลิกตัวไปมาเปลี่ยนท่านอนก็แล้ว นับแกะก็แล้ว พยายามนึกถึงนิทานอิสปที่แม่เคยเล่าให้ฟังสมัยเด็กๆก็แล้ว ก็ไม่สามารถทำให้ผมหลับลงได้เลย ...

     

     

    “เฮ้ยหน้ามึงดูอิดโรยนะ เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอวะ” เสียงของทัตซึยะทักขึ้นตอนเช้าแต่ไม่ได้ทักผมนะ .... “อืม” คนที่ถูกถามเอ่ยขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าใคร

     

     

    “หน้ามึงก็เหมือนกันเรียวสุเกะ ไม่ไหวเลยนะ” ไอ้สัสใครใช้ให้ทักผมตอนนี้ไม่ทราบครับคุณฟุกาซาว่า ทัตซึยะ “เหรอ ไม่นิกูหลับสบายดี” ผมโกหกเพื่อจะไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยอะไร

     

     

    “อย่ามาตอแหล... เมื่อคืนมึงเล่นพลิกตัวไปพลิกตัวมา ทำเอากูตื่นตั้งหลายรอบ” ไดกิตะโกนผ่านครัวเข้ามา“กูก็แค่นอนดิ้น” ตอนนี้ผมแถจนสีข้างจะถลอกหมดแล้วครับ

     

     

    “เฮ้ย วันนี้มึงมีเรียนปะ” ก่อนที่พวกมันจะซักไซ้อะไรต่อผมก็ฉวยโอกาสเปลี่ยนเรื่องเสียเลย “กูมีเมคอัพคลาสตอนบ่ายอะ” ไดกิตอบกลับมาซึ่งผมถามไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงผมก็รู้แล้วอะนะว่ามีเรียนกันตอนบ่าย

     

    “แต่เซคมึงเขาเมคอัพคลาสตอน 10 โมงนิ” เคโตะที่เดินลงมาจากชั้นสองเอ่ยขึ้นกับผม ... เฮ้ย !! ซวยละ ผมลืมไปเลยว่าวิชานี้ผมลงทะเบียนคนละเซคกับพวกมัน แล้วเขาเลื่อนเวลาเมคอัพคลาสมาตอน 10 โมง ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ !! ...คิดในใจก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะรับแขก

     

     

    9 โมง !!!!” ผมร้องเสียงดังพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปหยิบสัมภาระของตัวเองก่อนที่จะรีบออกจากบ้านไป “ทำไมมึงไม่ให้ยูโตะไปส่งวะ มันมีรถนิ” ทัตซึยะเอ่ยประโยคต้องห้ามนั่นออกมา ไอ้ห่า ใครใช้ให้มึงพูดวะ !!!

     

    “อย่าไปรบกวนมันเลยอีกตั้งชั่วโมง กูน่าจะไปทัน...ไปล่ะนะ” ผมพูดพร้อมกับวิ่งฉิวออกไปโดยไม่เปิดโอกาสที่จะให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อ สภาพตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะนั่งรถไปกับมันจริงๆ ขอเวลาผมตั้งสติกว่านี้หน่อยเถอะ ...

     

     

    วิ่งออกมาสักพักก็เริ่มเหนื่อย เอาเป็นว่าพวกมันไม่น่าจะตามผมทันแล้วล่ะนะ ... ผมเลยชะลอความเร็วเปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินเฉยๆ .. แล้วเหมือนผมจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ...

     

     

    บ้านเคโตะก็มีรถไม่ใช่หรือไงกัน T____T  (ถ้าจำไม่ได้โปรดย้อนกลับไปอ่านตอนแรกนะครับ) แต่อย่างว่าแหละสถานการณ์ในตอนนั้นผมก็คงไม่มีเวลาที่จะยืนรอคนขับรถเอารถออกเป็นแน่ ...

     

     

    พูดแล้วภาพเมื่อวานก็ย้อนกลับเข้ามาอีกจนได้ !!!!!! มันจะย้อนกลับมาทำไมนักหนาวะ ชักอยากจะกระโดดเอาหัวโหม่งเสาไฟฟ้าให้ความจำเสื่อมรู้แล้วรู้รอดไปเลย ... จู่ๆแม่งก็โดนมันจูบที่สำคัญไปกว่านั้นดันเสือกใจเต้นอีกน่ะสิ !!!

     

     

    ผมไม่ใช่เกย์นะโว้ยยยยยยย T______T

     

     

    ผมยังชอบผู้หญิงสวยๆ อกตู้มๆอยู่นะ ที่สำคัญผมมีแฟนอยู่แล้วด้วยชื่อคุโรคาวะ ฮารุกะ ...

     

     

    ฮารุกะ .....

     

     

    ฮารุกะ !!!!!!!!

     

     

    เหมือนผมจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ที่ลืมไว้ในกางเกงตัวเก่าในกระเป๋าสะพายตัวเองขึ้นมา

     

     

    39 LINE ที่ไม่ได้เปิดอ่าน ... 50 miss call พระเจ้า !!! ผมคิดว่าผมกำลังซวยแล้วล่ะครับ T____T  
    ถ้าผมโทรไปตอนนี้ผมคงโดนเธอบ่นจนหูชาและร่ายเรื่องอะไรก็ไม่รู้ยาวเป็นแน่

     
     

    เป็นว่าผมเลือกที่จะส่งไลน์ไปละกันนะ....

     

     

     

     

     

    はるか say : ทำไม่อ่านไลน์ฮารุ !!!!!!!!!

    はるか say : ทำไมไม่รับโทรศัพท์ !!!!!!!!

     
     

    ประมาณ 35 ข้อความที่ผมไม่ได้อ่านว่าด้วยข้อความประมาณนี้ทั้งหมด ส่วนอีก 4 ข้อความก็เป็นการชวนคุยเรื่องไร้สาระทั่วไปนั่นแหละ ...

     
     

    YRPoppo say : เราขอโทษ ... เมื่อคืนไม่สบายเลยนอนเร็วสิ

    ผมไม่ค่อยอยากจะโกหกสักเท่าไรหรอกครับ แต่ถ้าผมพูดความจริงไปบางทีอาจจะไม่จบที่ตรงนี้

     
    はるか say : อ่อ .. งั้นเหรอ นึกว่าเป็นอะไรซะอีก อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิ L

    ผมอยากจะบอกเธอว่าบางครั้งก็ไม่ต้องเป็นห่วงมากขนาดนี้ก็ได้นะครับ T____T

     

     

    YRPoppo  say : เราขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง

    はるか say : อืม ไม่เป็นไรหรอก J บ่ายนี้ว่างไหม ว่าจะชวนไปช็อปปิ้งซะหน่อย เราไม่ได้ไปช็อปปิ้งด้วยกันนานแล้วนะ


    YRPoppo say : ว่างๆ

    ไม่ว่างก็ต้องว่างล่ะครับงานนี้ .. เล่นถามพร้อมบอกเจตนารมณ์ของตัวเองชัดเจนขนาดนี้แล้วผมสามารถปฏิเสธได้ซะที่ไหนกันล่ะแต่ว่าจะไปแล้ว ผมก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเธอนานแล้วนะ .. นับตั้งแต่ไปนั่งชิลที่ร้านเหล้าครั้งก่อน

     

    !!!

     

    ผมพูดถึงแค่ร้านเหล้าเองนะทำไมหน้ามันถึงลอยมาอีกแล้วล่ะ ...

     

    ครืด ครืด !! โทรศัพท์สั่นแจ้งเตือนไลน์เข้าใหม่ของฮารุกะ ต้องขอบคุณเธอจริงๆครับที่ทำให้ผมหลุดความคิดฟุ้งซ่านอะไรเหล่านี้ไป

     

    はるか say : งั้นเย็นนี้เจอกันที่เดิมนะ รักยามะจังนะ


    YRPoppo say : รักฮารุเหมือนกันครับ

     

    ถึงจะพิมพ์บอกไปแบบนั้นแต่ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไรว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฮารุกะคืออะไรกันแน่ ... ตอนแรกผมจำได้ว่าเธออยู่คณะเดียวกับผมและเป็นดาวของคณะ แต่จู่ๆวันหนึ่งเธอก็เดินเข้ามาสารภาพรักกับผมเฉยเลย .. ในตอนนั้นเราก็ตกลงคบกันด้วยเหตุผลที่ว่าเธอก็น่ารักดีแล้วตอนนั้นผมก็ไม่มีใคร การคบกันแบบงงๆของผมก็เริ่มต้นขึ้นและนี่ก็ปาไปครึ่งปีแล้ว ถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ถึงแม้เธอจะดูจู้จี้ไปในบางครั้งแต่ผมก็ชอบและประทับใจในตัวเธอหลายๆอย่างนะ

     

    แน่นอนว่าเราก็มีไปเที่ยวด้วยกันบ้าง หรือที่ใครหลายคนเรียกว่าเดทนั่นแหละ .. มีจับมือกันบ้าง หอมแก้ม หรือแม้กระทั่งจูบ ก็แหมผู้หญิงน่ารักๆมาอยู่ตรงหน้าทั้งทีใครมันจะอดใจไหวจริงไหมล่ะครับ แต่ถึงขั้นมีอะไรกันลึกซึ้งนั้นยังคงไม่ เพราะเท่าที่ผมรู้มาผมเป็นแฟนคนแรกของเธอ น่าทึ่งใช่ไหมล่ะครับที่ผู้หญิงน่ารักๆแบบนั้นแต่กลับไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย ถึงแม้เธอจะพยายามให้ท่าอย่างที่ทัตซึยะว่าเอาไว้ แต่เพราะเธอรักผมมากส่วนผมเองนั้นก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเท่าไร ผมจึงไม่กล้าที่จะทำลายความรู้สึกของเธอหรอกครับ

     
     

    ครืด ครืด


     

    โทรศัพท์ผมสั่นอีกรอบจึงหยิบมันขึ้นมาดู .. แต่ผมคิดผิดอย่างมากที่หยิบมันขึ้นมา มันไม่ใช่ข้อความไลน์จากฮารุกะแต่กลับเป็นของคนที่ผมไม่อยากจะนึกถึงตอนนี้มากที่สุด

     
     

    Yutonis : กูขอโทษ

     
     

    ผมจะทำเป็นไม่เห็นดีไหมให้มันเด้งขึ้นมาเฉยๆแล้วปล่อยมันไป .. แต่ข้อความเด้งมาอันล่าสุดขนาดนี้ถ้าเปิดเข้าไปในไลน์ก็จะต้องเด้งเข้าไปที่หน้ามันคนแรกน่ะสิ ..แล้วถ้าเกิดว่าขึ้นรีดไปล่ะมันก็คงดูไม่ดีที่อ่านแล้วไม่ตอบแต่ถ้าไม่เปิดมันก็จะค้างอยู่หน้าจอให้กวนใจผมเล่นก็ลำบากเหมือนกันนะ

     

     

    สรุปเปิดแม่งให้จบๆไปละกัน อ่านแล้วไม่ตอบก็ดีเหมือนกันมันจะได้รู้ว่าผมไม่อยากที่จะคุยกับมัน ... ว่าแล้วก็กดบล็อกไลน์กับบล็อกเบอร์โทรศัพท์มันซะจะได้ไม่ต้องมีข้อความหรือเบอร์โทรเข้ามาอีก

     

     

    แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ผมสามารถเข้าเรียนได้อย่างสบายใจซะที

     

     

    === [Z][E][R][O] ===

     

    เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่ค่อยได้ฟังหรอกว่าอาจารย์พูดอะไรบ้าง สมองของผมวันนี้มันล้าเกินกว่าที่จะรับรู้อะไร จึงแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่นเกมส์ แต่ไม่ลืมที่จะอัดเสียงอาจารย์เลคเชอร์เอาไว้ด้วย เอาไว้ตอนที่ร่างกายสดชื่นกว่านี้แล้วค่อยมาเปิดฟัง ส่วนพวกเลคเชอร์โน๊ตก็คงต้องขอ เคโตะ กับ ไดกิลอกล่ะนะ ยังไงวิชาเดียวกันก็น่าจะสอนอะไรเหมือนๆกันนั่นแหละ

     

    ไม่ทันที่ผมจะก้าวออกจากห้องเรียน โทรศัพท์ก็แจ้งเตือนไลน์ใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว

    はるか say : ถึงแล้วนะ อยู่ไหนแล้วอ่ะ

    YRPoppo say : เพิ่งเลิกกำลังรีบไปละ

     

     

     

    ผมจึงรีบเดินไปยังจุดนัดพบทันทีเพราะรู้ดีว่าถ้าไปถึงช้าฮารุกะคงไม่สบอารมณ์เป็นแน่ และเมื่อมาถึงจุดนัดพบก็พบหญิงสาวคนหนึ่งยืนรอผมอยู่ ฮารุกะวันนี้มาในชุดฤดูหนาวตามสไตล์ของเธอชุดเดรสแขนยาวที่ดูน่ารัก บวกกับหมวกไหมผมสีหวานนั่นเป็นอย่างดี แต่ที่ผมไม่เคยจะเข้าใจอยู่อย่างก็คือทั้งที่อากาศค่อนข้างจะเย็นแต่พวกเธอก็ยังคงใส่กระโปรงสั้นๆเดินไปเดินมาแบบนี้ไม่หนาวบ้างรึไงนะ

     

     

    “รอนานไหม” ผมรีบถามเธอทันที ซึ่งอีกฝ่ายเพียงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย “ไม่หรอก ฮารุก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน .. รีบไปกันเถอะนะ วันนี้มีคอลเล็กชั่นออกใหม่เพียบเลยล่ะ” ว่าแล้วเธอก็ดึงมือผมไป



     

    เราเลือกที่จะนั่งรถไฟจากมหาวิทยาลัยเข้ามาแหล่งช็อปปิ้งย่านดังของโตเกียว ตอนแรกฮารุกะจะโทรตามคนขับรถมารับแต่ผมกลับรู้สึกว่าเป็นผู้ชายแต่กลับต้องนั่งรถของฝ่ายหญิงมันรู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างไรก็ไม่รู้สิ จึงตะล่อมให้เธอขึ้นรถไฟมาจนได้ และพอเมื่อมาถึงเธอก็ลากผมเข้าร้านรองเท้าแบรนด์ดังทันที

     

     

    “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าสนใจแบบไหนเหรอคะ” พนักงานขายทักทายทันทีที่พวกเราเข้ามาในร้าน แต่ถึงอย่างนั้นเป้าหมายของเธอก็ไม่ใช่ผมหรอกครับก็ในเมื่อร้านนี้แบบที่สวยๆก็มีแต่ของผู้หญิงนี่นา ถึงแม้บางครั้งผมก็ชอบคอลเล็กชั่นของผู้หญิงหลายแบรนด์อยู่ แต่สำหรับแบรนด์นี้ไม่ใช่ทางของผมล่ะ

     

     

    เชื่อไหมว่าผมต้องนั่งรอฮารุกะเลือกรองเท้าประมาณชั่วโมงกว่าได้ หลังจากที่เธอหยิบคอลเล็กชั่นใหม่ที่เป็นรองเท้าบูทส้นสูงสีแดงมาลองใส่หลังจากที่จะพบว่าเข้ากับกับเธอเลยสักนิด ก็เปลี่ยนไปหยิบรองเท้าบูทหุ้มข้อสีดำที่มีขนอะไรเยอะแยะไปหมดตรงข้อเท้ามาลองใส่ สลับไปมากับอีกหลายๆคู่ที่ตั้งโชว์เอาไว้ ก่อนที่จะได้เสียเงินไปกับรองเท้าคู่หนึ่ง

     

     

    หลังจากที่เราเดินออกมาจากร้านแรก เธอก็พาเดินเข้าร้านที่สองจนได้เป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ผู้หญิงชอบใส่ เป็นสไตล์แบบฮารุกะนั่นแหละครับน่ารักหน่อยๆ ถึงราคาจะไม่ได้สูงมากมายอะไรนักแต่มันก็ดูเหมาะกับเธอมากเลยทีเดียว แค่รองเท้าก็ปาไปชั่วโมงกว่าแล้วไม่ต้องคิดเลยว่าพอเป็นเสื้อผ้าจะต้องเสียเวลาไปมากกว่าเดิมขนาดไหน

     

     

    เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ จนผมชาร์ตแบตโทรศัพท์จนเต็มรอบแล้วเล่นมันจนเหลือแค่ครึ่งเดียวแล้วล่ะมั้ง เธอถึงจะเดินออกจากร้านมาได้ อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นี้นะครับ คุณเธอบอกว่าอยากได้กระเป๋าทรง speedy ขนาด 30 ซม.ของแบรนด์หนึ่งมากเพราะของเดิมขนาด 25 ซม.ที่เธอมีนั้นมันเล็กเกินไปเราเลยต้องเดินกลับไปละแวกเดิมเพื่อจะซื้อกระเป๋าแบรนด์นั้นกัน

     

     

    พูดถึงกระเป๋าแบรนด์นี้ทรง speedy ผมก็มีใบนึงนะเหมือนจะเป็นคอลเล็กชั่นออกมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิน่ะ อย่าคิดนะว่าผมจะพิศวาสกระเป๋าแบบนั้นน่ะ แค่จิฮิโระซื้อมาแล้วไม่ถูกใจก็เลยยกให้ผมก็แค่นั่นเอง มันเป็นอารมณ์ว่าเป็นตัวอักษรฟอนท์เดียวกับแบรนด์ดังอีกแบรนด์หนึ่งซ้อนทับลายที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้เอาไว้น่ะ ที่ผมชอบเพราะตัวอักษรมันเป็นสีส้มสีมันเจ็บดีเอามาถือไปไหนมาไหนบ้างถ้ามีโอกาส

     


    “วันนี้ช็อปสนุกมากเลยล่ะ .. ขอบคุณยามะจังที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนนะ” หญิงสาวพูดหลังจากที่ถอยกระเป๋าทรง speedy จากแบรนด์ดังกล่าวอีก 1 ใบ ดีนะที่ร้านที่สามเสียเวลาไม่นานนักเพราะมีของที่อยากได้อยู่แล้ว แต่แค่นั้นคุณเธอก็รูดบัตรไปหลายแสนเยนแล้วล่ะครับ และคนที่ลำบากถือไม่ใช่ใคร ก็ผมนี่ล่ะหอบพะรุงพะรังเต็มตัวไปหมด เห็นทีขากลับคงต้องยอมเสียเงินนั่งแทกซี่แล้วล่ะ

     

     

    “อืม ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สบายมาก” ผมไม่อยากจะบอกเธอว่ารอนานมากและน่าเบื่อสุดๆเลยต่างหากล่ะ ก็ในเมื่ออีกฝ่ายยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้อะนะ

     

     

    “ไปหาอะไรกินกันไหม ฮารุหิวแล้วล่ะ ฮารุอยากกินโทสต์ !” เธอคงพูดถึงร้านขนมหวานชื่อดังที่อยู่ถัดไปไม่ไกลจากตรงนี้มากสินะ

     

     

    “ทานอะไรหวานๆตอนเย็นๆเดี๋ยวก็อ้วนหรอกฮารุจัง” ใช่ครับเย็นแล้ว เธอซื้อของสองสามร้านก็ปาไปเกือบๆ 4 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ก็ 5 โมงกว่าเกือบๆ 6 โมงเย็นแล้วล่ะนะ

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็ดีออกจะได้อ้วนเป็นเพื่อนยามะจังไงล่ะ” นี่เธอหลอกด่าผมรึเปล่าครับ อันที่จริงผมก็ไม่ได้เป็นคนอ้วนนะ พุงก็ไม่มีเสียด้วยซ้ำแต่แค่เวลากินอะไรนิดหน่อยก็ออกหน้าหมด คนก็เลยเหมารวมว่าอ้วนเนี่ยแหละ อย่าให้ผมมีตังค์นะจะไปฉีดโบท็อกให้หน้าเรียวเล็กเลยคอยดูสิ !

     

     

    “ระวังอ้วนขึ้นมาจริงๆไม่ต้องมาร้องไห้ใส่นะ”

     

     

    “ฮารุกลัวยามะจังอ้วนคนเดียวแล้วเหงามากกว่า” เธอแลบลิ้นใส่ผม ซึ่งผมชอบนิสัยของฮารุกะอยู่อย่างหนึ่งนะเธอไม่ใช่ผู้หญิงจิตตกในเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง ถึงจะไม่เคยชมว่าตัวเองสวยหรือน่ารักอะไร แต่เธอจะไม่บ่นว่าเธออ้วนเหมือนกับผู้หญิงตัวเล็กหลายคนชอบบ่น บางคนตัวเล็กจนแทบจะปลิวได้อยู่แล้วยังบอกว่าตัวเองอ้วน ต้องให้เหลือแต่หนังและกระดูกหรืออย่างไรถึงจะบอกว่าตัวเองผอมหุ่นดีน่ะ

     

     

    “เราไม่เหงาหรอกเพราะเราไม่อ้วน”

     

     

    “ไม่อ้วนก็ใกล้แล้วล่ะ หน้าออกเป็นซาลาเปาขนาดนี้แล้ว อีกหน่อยก็พุงออกแล้วฮารุก็จะมีแฟนกลิ้งได้”

     

    “อ้วนก็อ้วน..งั้นเดี๋ยววันนี้คนอ้วนจะพาคนน่ารักไปเลี้ยงโทสต์นะครับ” เอาเป็นว่าผมยอมแพ้ครับ อ้วนก็อ้วนเพราะเถียงกันไปก็คงไม่จบง่ายๆแน่ๆ

     

     

    “เย้ ! ยามะจังน่ารักที่สุดเลย” เธอกระโดดกอดผมโดยทื่ลืมไปว่าผมหอบของพะรุงพะรังอยู่ ทำให้ผมเสียหลักล้มลงไป ...

     

     

    โครม !!!


    “ยามะจังฮารุขอโทษ T T” เธอทำหน้าเศร้าก่อนก่อนที่จะช่วยผมที่นั่งอยู่หยิบถุงต่างๆอยู่บนพื้น

     
     

    “ขอบใจนะฮารุจัง” ผมรับถุงเหล่านั้นไว้...แต่เดี๋ยวนะ ทำไมมือฮารุกะถึงใหญ่นักล่ะ

     
     

    !!!!!!!”  ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับบุคคลที่ผมคิดว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกนานยืนอยู่และเป็นคนเดียวกับคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดด้วย

     

     

    ยูโตะ !!!!!!

     

    TBC


     

    Talk1 : คอมโดนไวรัสกิน เลยลงวินโดว์ใหม่โดยที่ลืมไปว่า ฟิคอยู่ในนั้น TT___TT กลายเป็นว่า  ต้องมาแต่งใหม่แล้วเนื้อหาก็ออกทะเลไปเลย ฮ่าๆ .. อันที่จริงก็ไม่ต่างจากของเดิมหรอก แต่ต่างกันตรง ย่อหน้าสุดท้ายนี่แหละแต่งสดจากการเห็นรูปปาปาวันนี้เลยนะ ฮา กระเป๋ายามะจังใบที่ถือในปาปาคือ LV Speedy Graffiti limited edition ค่า ยังคงคอนเซปท์ limited อีกเช่นเคยอะนะ 55555


     

    Talk 2 : ร้านเสื้อผ้าสไตล์ฮารุกะคือแบรนด์ LIZ LISA ค่ะ เป็นแบรนด์แนวน่ารักๆหวานๆ ที่คนญี่ปุ่นหลายคนชอบใส่ค่ะ ลองเข้าไปดูกันได้น้า

     

    Talk 3 : ลองทายกันเล่นๆดูนะคะ ว่ารองเท้าที่ฮารุกะหยิบมาลองใส่เล่นในร้านแบรนด์แรกคือแบรนด์อะไร รองเท้าดังกล่าวมีอยู่ในสินค้าใหม่ของเว็บแบรนด์นั้นจริงๆค่ะ

     
    Talk4 : ขอบคุณทุกคนที่ติดตามฟิคกากๆเรื่องนี้นะคะ T T ถึงแม้จะอ่านไม่รู้เรื่อง + พิมพ์ผิดไปเยอะไปหน่อยยังไงก็ขอบคุณมากจริงๆที่ติดตามกันมาขอบคุณคนที่เมนท์ และ คนที่ไม่ได้เมนท์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ไว้ตอนหน้าเราจะมานั่งตอบคอมเมนท์เล่นนะคะ 



     

    ปล.1 เมคอัพคลาสคือการนัดเรียนเพิ่มนอกเวลานะคะ เดี๋ยวมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเรียนแต่งหน้า

    ปล.2 สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นรูปกระเป๋ายามะจังค่ะ ขอบคุณภาพจากพี่ออย
    Aoyyoa ด้วยนะคะ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×