คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 : วุ่นวาย
ช่วงนี้ผมว่ามีอะไรวุ่นวายหลายอย่างนะ .. ..
เริ่มตั้งแต่ฟุกกะเพื่อนที่สนิทมาตั้งแต่จำความได้โทรมาชวนผมไปเที่ยว
กับเพื่อนๆของมันหรือจะเป็นคาเรนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากจะสุงสิงกับ บรรดาเพื่อนในวงสังคมผมเท่าไรนัก จู่ๆก็เกิดนึกอยากจะมาด้วย ..
แล้วเพื่อนของฟุกกะคนหนึ่งก็เมาจนแทบไม่รู้เรื่อง จนผมต้องขับรถมาส่งที่แมนชั่นของมัน โดยมีเพื่อนอีกคนขอติดรถกลับมาด้วย แล้วเพื่อนคนนี้ก็ดันต้องลงก่อนไอ้คนที่เมาอีก มันจะไม่วุ่นวายไปกว่านี้เลยถ้าไอ้บ้านั่นไม่หลับไปซะก่อน แล้วมันจะบอกทางผมยังไงล่ะนิ
วันนั้นผมเลยต้องไปส่งคาเรนที่บ้านแล้วหิ้วไอ้เตี้ย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันชื่ออะไร โอคาโมโตะ วาตานาเบ้ หรือว่ายามาดะ ขึ้นแมนชั่นแทนคาเรน .. ซึ่งเหมือนพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำคอนโด ก็มองหน้าผมอย่างงงๆ แถมยิ้มให้ผมแปลกๆอีก
หวังว่าคงไม่ได้คิดว่าผมมีรสนิยมเบี่ยงเบนหรอกนะ
= = = [Z] [E] [R] [O] = = =
ความวุ่นวายยังไม่จบเท่านี้..พอไอ้เตี้ยมันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แน่นอนว่ามันทำหน้างงๆ เพราะมันเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก กว่ามันจะจูนได้ก็ใช้เวลาหลายนาทีอยู่ ไม่มีคนพากลับก็อย่าดื่มให้มันเยอะนักสิ มันวุ่นวายคนอื่นนะ
หลังจากนั้นผมก็อาสาไปส่งมันเพราะมันคงไม่รู้หรอกว่าที่นี่อยู่ส่วนไหนของโตเกียว แล้วจะให้คนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศอย่างผมบอกทางก็คงจะไม่ใช่เรื่อง เอาเป็นว่าไปส่งมันคงเป็นอะไรที่ดูวุ่นวายน้อยที่สุดแล้วล่ะมั้ง?
แต่ว่าผมคิดผิดที่หยิบกุญแจรถลูกรักออกมานี่แหละ
ไอ้เตี้ยดูตื่นเต้นกับลูกรักผมมาก .. ซึ่งผมก็ควรชินได้แล้วล่ะเพราะเวลาขับรถไปไหน ก็มีแต่คนจ้องรถผมหรือเวลาจอดเฉยๆที่แมนชั่นก็จะชอบมีคนแอบมาด้อมๆมองๆบริเวณรอบๆรถผม แต่รายนี้ดูท่าทางอาการหนักหน่อยมีการอัพรูปลงไอจี
ผมรู้สึกว่ามันชักจะนานไปแล้วนะ...นี่กะจะมุดใต้รถถ่ายกันไปเลยไหมซึ่งแน่นนอว่าผมเบื่อที่จะรอแล้วเลยขู่มันนิดหน่อย ซึ่งก็ได้ผลนะ ไอ้เตี้ยทำหน้าหงอยแล้วก็ยอมขึ้นรถแต่โดยดี
"ชอบเหรอ?" ผมชวนไอ้เตี้ยที่ยังคงทำหน้าหงอยคุย
"รถในฝันเลยล่ะ ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสนั่งอีกรึเปล่าน่ะสิ" ดูท่าทางจะชอบจริงๆสินะ ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เอ่ยคำพูดที่ผมอยากจะตบปากตัวเองแรงๆสักที
"ถ้าอยากนั่งก็บอกกูละกัน เดี๋ยวกูจะให้มึงนั่งจนเบื่อเลย" หน้ามันโคตรฟินเลยล่ะ แปลว่าผมจะต้องพามันมานั่งสินะ ปกติแล้วผมเป็นคนโคตรไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายเลย แล้วไอ้เตี้ยนี่ดูเป็นคนที่วุ่นวายมากคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่ร้านเหล้าจนมาถึงตอนนี้ ไม่มีตอนไหนที่มันจะดูเหมือนคนทั่วไปที่ดูไม่วุ่นวายได้
อ้อ ! ไม่นับเมื่อกี้ที่มันนั่งหงอยแล้วผมดันหาเรื่องไปชวนมันคุยหรอกนะ
ในระหว่างที่รถติด .. คนที่เดินถนนหรือแม้กระทั่งรถข้างๆ ก็ชอบหันมามองรถผม ผมเห็นนะว่าบางคนแอบหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายด้วยน่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ผมเอาลูกรักออกมาวิ่งในเวลากลางวันแสกๆแบบนี้ นอกจากมันจะวุ่นวายแล้ว ยังต้องมาเจอรถติดแบบนี้อีกต่างหาก
อย่างที่รู้กันว่ารถไฮเปอร์คาร์ไม่ควรนำมาวิ่งในที่ๆมีรถติดเพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพ ก็นั่นแหละผมถึงบอกว่าผมตัดสินใจผิดตั้งแต่นำรถคันนี้ออกมาวิ่งแล้วล่ะ
R R r R r เสียงโทรศัพท์ตรงคอนโซลรถสั่นไปมาเป็นจังหวะ .. ผมเอื้อมไปหยิบขึ้นมา ดู
KAREN
“ฮัลโล” ผมกดรับโทรศัพท์
//เมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง// ปลายสายเอ่ยถาม
“ก็ดี ไม่มีอะไรนะ เรากำลังส่งเขากลับบ้าน” จนตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าไอ้เตี้ยมันชื่ออะไร จะเรียกไอ้เตี้ยมันอาจจะลุกขึ้นมาต่อยผมตอนนี้เลยก็ได้ เลยระบุเป็นสรรพนามกลางๆน่าจะดีกว่า
//อืมดีแล้วล่ะ ยูตตี้กลับบ้านก็พักผ่อนเยอะๆนะเมื่อวานก็อยู่ดึกนี่นา//
“ครับผม .. ถึงบ้านแล้วจะรีบนอนต่อเลยครับ” อันที่จริงผมคงไม่ได้นอนต่อหรอก เพราะผมเป็นพวกชินกับการตื่นเช้า แถมถ้าตื่นแล้วจะไม่สามารถนอนต่อได้อีก ถึงแม้จะง่วงแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะนอนไม่หลับซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน
//จ้าแค่นี้นะ รักยูตตี้นะคะ//
“ครับผม รักคาเรนจังนะครับ”
1.04 นาที
ผมมองเวลาในโทรศัพท์หลังจากกดตัดสายไป นี่ถือเป็นสถิติใหม่เลยรึเปล่านะ? ไม่รู้สิอย่างที่บอกว่าผมไม่ชอบความวุ่นวาย แม้กระทั่งการคุยโทรศัพท์ผมก็ไม่ชอบคุยโทรศัพท์ กับใครนานๆเหมือนกัน
“คุยแบบนี้แฟนล่ะสิ หวานเชียวนะน่าอิจฉาาา” คนข้างผมเอ่ยแซว แถมมีการเหล่ตาใส่และยิ้ม
แบบที่ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า 'กวนตีน' ด้วย
“ก็หาซะสิ...” ผมว่า
“ใครว่ากูไม่มีแฟนล่ะ” ไอ้เตี้ยว่าพร้อมยักคิ้วเล็กน้อย
“แล้วจะมาอิจฉากูเพื่ออะไรครับ?”
“นั่นสินะ...” มันหัวเราะแห้งๆก่อนที่จะหันหน้าออกนอกกระจก อะไรของมัน อันที่จริงผมก็พอรู้หรอกว่ามันต้องมีคนคุยอยู่ เพราะดูจากเมื่อวานที่ผมนั่งตรงข้ามไอ้เตี้ย ดูมันจะไม่สนใจอะไรนอกจากแก้วเหล้าและโทรศัพท์เลย ท่าทางจะติดแฟนมาก เหมือนกันล่ะนะทำมาว่าแต่ผม
.
.
.
มันต้องแบบนี้สิ !!
หลังจากที่ผมขับรถไปส่งไอ้เตี้ยที่แมนชั่นมันแล้วผมก็ขับออกมาแทบทันที ไม่ทันได้ฟังมันกล่าวขอบคุณอะไรสักเท่าไรหรอก จะว่าไปแล้วแมนชั่นมันก็ไม่ไกลจากผมมากนะ ขับรถประมาณ 15 นาทีเห็นจะได้ .. มิน่าเมื่อวานฟุกกะถึงให้ผมขับรถมาส่งมัน
R R r R R เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
ไม่ใช่มือถือผมนะ ของไอ้เตี้ยอย่างนั้นหรอ?
ไม่ทันได้คิดอะไรต่อผมก็ถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์มันขึ้นมาดู ...
‘Tatsuya’
ทัตสึยะที่ว่า นี่ฟุกกะรึเปล่านะ? ผมกดรับทันทีหลังจากที่สงสัย
“ฮัลโหล”
“เมื่อคืนกูโทรไปไม่รับนะสัส” เสียงปลายสายที่ดูคุ้นหู เป็นเบอร์ฟุกกะจริงๆด้วยสินะ
“กูเอง” ผมบอกปลายสาย
“ยูโตะ?” เหมือนปลายสายจะเดากลับมาแบบงงๆ
“เออ”
“แล้วมือถือเรียวสุเกะไปอยู่กับมึงได้ไงวะ” เรียวสุเกะ ? เหมือนตอนนั้นที่ฟุกกะแนะนำชื่อเพื่อมัน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่า ยามาดะ จะชื่อเรียวสุเกะ แปลว่าไอ้เตี้ยนั่นชื่อ ยามาดะ เรียวสุเกะ สินะ
“เมื่อคืนมันไปนอนห้องกูมา” ผมตอบปลายสายไป
“อ้าวเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“มันลืมโทรศัพท์ไว้บนรถ กูต้องตีรถกลับไปให้มันเนี่ย” ผมว่าพร้อม หักพวงมาลัย เลี้ยวรถกลับไปที่คอนโดมันอีกครั้งหนึ่ง
“ฝากบอกมันด้วยนะว่าฮารุกะโทรหามันทั้งคืนอะ” ฮารุกะคงเป็นญาติพี่น้อง ไม่ก็แฟน...แต่ถ้าโทรจิกกันขนาดนี้ คงเป็นแฟน
“เดี๋ยว...”
“อะไรวะ?”
“ห้องมันเบอร์อะไร”
= = = [Z] [E] [R] [O] = = =
“เชี่ยแล้ว!! 59 สายไม่ได้รับ ซวยแล้วกู” มันโวยวายหน้าตื่น พร้อมกับเลื่อนดูจำนวน miss call ทั้งหมด..เอ่อ 59 สายไม่ได้รับของมัน มันเลื่อนโทรศัพท์ไปมาอย่างตื่นๆ พร้อมกันหันมามองหน้าผมพร้อมโค้งตัวรอบที่ 3 ได้แล้วล่ะมั้ง
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา” มันยังคงโค้งขอโทษผมไม่รู้กี่รอบแล้ว ดีนะที่ห้อง มันติดตั้งโทรศัพท์บ้าน เลยติดต่อมันได้..ดูท่ามันจะไม่รู้ตัวเลย สักนิดว่าลืมโทรศัพท์ไว้
“ช่างเหอะ” ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจนัก .. พลางกวาดสายตาสำรวจห้องของมัน .. หลังจากที่นัดรับโทรศัพท์ที่ล็อบบี้ของแมนชั่น ด้วยความสำนึกผิด มันเลยชวนผมขึ้น ไปนั่งพักบนห้องมันก่อนค่าเสียเวลาขับรถไปกลับ จะว่าไปห้องมันดูโปร่งกว่าที่คิด ไว้มากที่เดียว แสงแดดที่ส่องทั่วบริเวณห้อง ลมพัดเบาๆ เนื่องจากเปิดประตูที่ระเบียง เอาไว้ ก็น่าอยู่ไม่เบา ...
“ตามสบายนะ กูไปเคลียร์ของในห้องก่อน เคลียร์เสร็จแล้วเดี๋ยวพาไปเลี้ยง มื้อเที่ยง แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่ไฮโซนะ กูไม่รวย” มันว่าพร้อมเหน็บเล็กน้อย แล้วเดินหาย เข้าไปในห้องนอน ..
หาเรื่องวุ่นวายใส่ตัวอีกแล้ว ...
อันที่จริงผมควรตอบว่า ‘ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้า’ ไปนะ เพราะมันพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ผมเลยไม่ทันได้ตั้งตัว หรือมีโอกาสที่จะปฏิเสธคำชวนนั้นไป
ให้ตายเถอะ
แต่ไหนๆเจ้าของห้องบอกว่าตามสบายแล้ว ผมก็เลยหยิบ PS3 ที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาเล่นซะเลย ไม่ได้เล่นนานแล้วเหมือนกันนะ ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่มีเวลาได้เล่นเลย ...
อ่อใช่ ผมยังไม่ได้บอกสินะ ว่าผมเรียนจบโทเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วล่ะ ตอนนี้อายุ 20 กลับมาดูแลกิจการครอบครัว ..ผมไม่ได้อัจฉริยะอะไร อย่างที่หลายคนเข้าใจหรอก แค่เรียนระบบ home school มาตั้งแต่เด็ก แล้วก็สอบเทียบไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็สอบเทียบระดับปริญญาตรีได้ตอนอายุ 13เรียนปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยประมาณ 3 ปีกว่า แล้วต่อโท 2 ปี ก็ตามเกณฑ์ทั่วไปนั่นแหละ
เหมือนได้ยินเสียงไอ้เตี้ย(ผมชินที่จะเรียกมันว่าไอ้เตี้ยมากกว่านามสกุลของมันเสียแล้วสิ) คุยโทรศัพท์กับแฟนมาเป็นระยะๆ ถ้าให้เดาผมว่ามันคงคงโทรไปรายงานพฤติกรรมตัวเองสินะ ก็คุณเธอเล่นโทรกระหน่ำขนาดนั้น ไม่แปลกที่มันจะต้องรีบโทรไปแก้ตัวพัลวัน ..
จะว่าไปมันคุยโทรศัพท์กับแฟนนานเหมือนกันนะ ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่วางเลย ของผมอย่างที่รู้ๆกันหนึ่งนาที ก็หรูแล้วล่ะ
คุยโทรศัพท์กันนานขนาดนั้นยังมีน่ามาอิจฉาคู่ผมอีกนะ -*-
ผมนั่งเล่นเกมส์ไปเรื่อยๆ เปลี่ยนแผ่นแล้วเปลี่ยนแผ่นอีก บางเกมส์ก็ทำ
New high score บางเกมส์ก็เล่นไปสักพักแล้วก็เบื่อ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนเกือบสิบแผ่นได้แล้วมั้ง ไอ้เตี้ยก็ยังไม่วางโทรศัพท์ ผมมองนาฬิกาติดผนังในห้องเทียบกับเวลาที่ดูไปก่อนหน้า
นี่มัน 2ชั่วโมงแล้วนะ คุยอะไรกันนักหนาวะ ! ค่าโทรศัพท์ ก็แพงพอสมควรนะ หมดไปเท่าไรแล้วล่ะนั่น
“คร้าบบบ รักนะครับ” แล้วเสียงคุยก็เงียบไปคงวางแล้วสินะ ผมเลยหันไปสนใจ จอโทรทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าต่อ
“เล่นเกมส์ไรวะ” มันเดินออกมาจากห้องมานั่งข้างๆผม ..
“อย่างที่เห็น” ผมคงไม่ถามว่าทำไมคุยโทรศัพท์นานจัง แต่ดูจากหน้าตา ที่เบื่อๆของมันตอนเดินออกมาแล้ว คาดว่ามันเองก็คงอยากวางเต็มที่นั่นแหละ
“เล่นด้วยดิ .. กำลังเบื่อๆเซ็งๆ จบตานี้เดี๋ยวออกไปกินข้าวกัน”
“ด้วยรถกู?” ผมหันไปถามมัน
“ไม่ต้องๆ เดินไปแปบเดียวเอง หรือถ้ามึงอยากขับออกไปอวดก็ได้นะ กูไม่ว่า ร้านมีที่จอดอยู่”
“เรื่อง?” ผมว่าแล้วหันไปให้ความสนใจเกมส์ต่อ
= = = [Z] [E] [R] [O] = = =
“สัสสส แพ้อีกแล้ว !! อีกตานะมึง”
“นี่มันตาที่ 5 แล้วนะ” ผมว่า หลังจากที่แข่งกันไป 5 ตา แล้วมันก็แพ้ 5ตารวด ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอม ขอเล่นอีกตา
“น่า .. ตานี้กูไม่แพ้หรอก” มันว่า
“หึ .. ให้มันจริง” ผมกระตุกยิ้มแล้วหันไปเล่นต่อ ซึ่งผลก็แน่นอนว่า'มันแพ้'
“อีกตานะมึง” มันหันมาทำหน้าอ้อนวอนอีกครั้ง
“พอเลย ไว้คราวหน้ามึงอยากแก้ตัวค่อยชวนกูมาละกัน”ผมวางจอยลงบนโซฟา
“หรือมึงจะเล่นต่อก็ได้นะ กูวางจอยแล้วคราวนี้มึงชนะแน่”
“สัสสส เลิกก็ได้วะ ฝากไว้ก่อนเหอะมึง ครั้งหน้าแก้ตัว ที่ผ่านมากูยังไม่แพ้ใครเลยนะเว้ย” มันโวยวายแล้ววางจอยก่อนเดิน ไปปิดทีวีและเครื่องเล่นเกมส์ ผมมองการกระทำมันแล้วยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ผมยิ้มทำไมวะ ? คิดได้แบบนั้นก็เลยหุบยิ้มแทบทันที
ทั้งที่วันนี้เป็นอีกวันที่วุ่นวายมากแท้ๆ
ทั้งที่ผมไม่ชอบความวุ่นวายเลยสักนิด
แต่ผมกลับยิ้มออกมา !
หรือผมจะกลายเป็นคนชอบความวุ่นวายไปแล้ว
ไม่หรอกมั้ง
จริงไหมครับ?
TBC
ความคิดเห็น