ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    = [Hey!Say!JUMP] Z.E.R.O = [Yuto x Ryosuke] =

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 : ทบทวน [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 57


    .

    .

    .

    จูบที่กดริมฝีปากได้รูปนั่นไว้แน่น อีกฝ่ายที่หยุดนิ่งเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองเค้นคลึงริมฝีปากของฝ่ายจู่โจมก่อนอย่างผมถึงกับชะงักค้าง ไม่ใช่ไม่เคยจูบใครมาก่อนนะแต่ถ้าโดนจู่โจมล่ะก็นี่เป็นครั้งแรกจนทำให้ผมเผยอปากออกอย่างไม่รู้ตัว ทำให้อีกฝ่ายได้ใจสอดปลายลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากและพยายามตวัดเกี่ยวเข้ากับปลายลิ้นของผมที่เริ่มเป็นฝ่ายถอยหนีแต่อีกฝ่ายก็พยายามไล่ต้อนอย่างไม่ยอมแพ้ จนสามารถพัวพันกับปลายลิ้นของผมได้สำเร็จ

     
     

     ไอ้เชี่ย...ผมผิดเองแหละที่เป็นฝ่ายขอให้มันช่วยพิสูจน์


    ถึงในหัวจะคิดแบบนั้นแต่ร่างกายของผมกลับตอบสนองอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าเราแลกลิ้นกันนานเท่าไรความรู้สึกมันต่างจากครั้งแรกที่ตอนนั้นเต็มไปด้วยความตกใจและสับสนแต่คราวนี้กลับให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันวาบหวามและรู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้นานเท่าไรที่ผมจูบกับมันอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายเป็นคนผละริมฝีปากออกเสียเอง

     

     

    “อ้ะ...!!” และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่หยุดการพิสูจน์แต่เพียงเท่านี้เมื่อฝ่ามือแกร่งกำลังล้วงลึกเข้ามาชุดนอนยูกาตะทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อยและยิ่งเมื่อมันปัดผ่านไปมาร่างทั้งร่างก็ร้อนวูบวาบเสียจนผมทำอะไรไม่ได้นอกจากเพียงแต่มองหน้าอีกฝ่าย แสงสลัวจากไฟในห้องพักทำให้ผมมองเห็นหน้ายูโตะได้ไม่ชัดแต่แน่นนอนว่าทิศทางของแสงนั้นมันกลับสาดส่องมาที่หน้าผมอย่างชัดเจน

     



    “ยิ่งมึงทำหน้าแบบนั้นกูยิ่งหยุดตัวเองไม่ได้ว่ะ” ผมทำหน้าแบบไหนกันครับคุณนากาจิม่า ยูโตะแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ท้วงติงอะไรต่อริมฝีปากหยักนั่นก็ประกบลงมาอีกครั้งก่อนที่จะเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ ....

     

     
    ให้ตายสิ ... นอกจากจะไม่ขัดขืนแล้วร่างกายยังตอบสนองแถมยังรู้สึกดีอีกต่างหาก 



     

    ปัง !!  ปัง !! ปัง !! เสียงเคาะประตูทำเอาเราสองคนชะงักไป ในใจผมตอนนี้รู้สึกเริงร่าเป็นอย่างมากที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะ (เพราะลองไม่ขัดดูสิครับอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป) แต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังคงไม่หยุดการกระทำเมื่อริมฝีปากนั่นเริ่มซุกไซร้และขบเม้มที่บริเวณซอกคอ



    “อ๊ะ...” ให้ตายเหอะผมเผลอร้องครางอะไรแบบนี้ออกมาได้อย่างไรกันล่ะนิ 

     
     

    “พวกมึงอย่าเอากันรุนแรงจะได้ไหม มันสั่นจนไปถึงห้องกูเลยเนี่ย แล้วเรียวสุเกะมึงก็ช่วยอย่าครางเสียงดังจะได้ไหมกูหนวกหูนอนไม่ได้ !!!!” เสียงเคาะประตูที่ดังต่อเนื่องพร้อมกับคำพูดเวรๆของคนที่คุณน่าจะเดาได้ว่าเป็นใคร

     
     

    ไอ้เชี่ยทัตซึยะ !!

     
     

    ผมรีบผลักยูโตะออกและพยายามจับชุดนอนให้เข้าที่ก่อนที่จะเดินออกไปเปิดประตู “เอากันพ่อมึงสิ มาเล่นเคาะประตูตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้คนจะหลับจะนอนแม่ง” ด่าทียกมากันทั้งครอบครัวเลยครับแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร ใบหน้านั่นแค่นยิ้มเล็กน้อยอย่างยียวน ให้ตายสิผมล่ะเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของมันจริงๆ

     
     

    “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะ ดูปากมึงดิบวมเจ่อเลย” มันพูดพร้อมกับหัวเราะไปทำเอาผมตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน

     

     

    เจ่อเหรอวะ.......

     

     

    “หึ...มึงบอกว่าจะพิสูจน์เฉยๆ แล้วนี่ถ้ากูไม่มาเคาะประตู พวกมึงก็คงจะได้กันจริงๆใช่มะ” คำถามที่มันเองก็น่าจะรู้คำตอบดีนี่หว่า ทำมาเป็นเสแสร้งใสซื่อมันน่ากระโดดเตะให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย



    “ยูโตะกูขอโทษนะเว้ยที่มาขัดจังหวะพลอดรักของพวกมึงน่ะ อ้อแล้วถ้าจะทำอะไรต่อจริงๆก็อย่าทำสะเทือนอย่างที่กูว่าละกัน” มันหันมาขยิบตาประหนึ่งตัวละครในการ์ตูนอนิเมะที่พวกผู้หญิงชอบดูกันพร้อมกับโบกมือเดินออกไป


     

    มันคงคิดว่าตัวเองเท่ห์มากสินะ ....

     

     

    พอทัตซึยะเดินออกไปแล้วผมไม่กล้าที่จะหันหลังกลับไปดูอีกฝ่ายเลยครับ ... ไม่อยากเห็นว่าอีกคนอยู่ในสภาพไหนและถ้ากลับเข้าไปตอนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

     

     

    “กูไปเล่นปิงปองก่อนนะมึงนอนไปก่อนเลย” ไปเล่นปิงปองคนเดียว ! ให้ตายเหอะนั่นคงเป็นคำพูดที่ดีที่สุดที่สมองกลวงๆของผมจะคิดได้ตอนนี้แล้วล่ะมั้ง ....

     

     

    ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ผมไม่ได้เดินมาทางโต๊ะปิงปองเลยสักนิดหากแต่เดินไปทางห้องพักของทัตซึยะแทน

     
     

    “อ้าวเรียวสุเกะนอนไม่หลับเหรอ” คำถามที่แสร้งทำเป็นใสซื่อบวกกับใบหน้าที่กวนประสาทนั่น ถ้าเป็นปกติผมคงเอาเท้ายันหน้ามันไปแล้วล่ะ “กูนอนด้วยคนสิ”

     
     

    “ทำไมล่ะ นอนกับยูโตะลำบากใจเหรอ” ถ้ามันยังกวนประสาทมาอีกสักประโยคคงได้มีเสียงดังรบกวนแขกคนอื่นเป็นแน่

     

     

    “มานี่เลย....” ผมไม่อยากให้จิเน็นต้องมารับรู้เรื่องราวของผมในตอนนี้จึงเลือกที่จะดึงทัตซึยะออกมาจากห้องแล้วลากไปที่สวนหลังรีสอร์ทที่ยูโตะจะไปเดินเล่นในตอนแรก

     

     

    “สรุปว่ายังไงล่ะ .. “ น้ำเสียงที่ยียวนนั่นเปลี่ยนไป ใบหน้าที่กวนประสาทเริ่มจริงจังมากขึ้น

     

     

    “กูไม่รู้...” ผมไม่รู้ว่าจะตอบมันอย่างไรจริงๆ “ตอบแบบนี้แปลว่ารู้สึกดี”

     

     

    “ก็.....” อึกอักใบ้รับประทานเลยครับงานนี้ จะให้ผมยอมรับง่ายๆว่ารู้สึกดีน่ะเหรอ ไม่มีทางซะละ

     

     

    “โอเคกูไม่คาดคั้นคำตอบจากมึงละกัน เพราะยังไงซะมึงก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้วเอาเป็นว่าไปคิดดูละกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป โอกาสมันมีให้สำหรับทุกคนที่ต้องการมัน แต่มันก็ไม่ได้มีมาบ่อยนักหรอกนะ ทบทวนความรู้สึกตัวเองดีๆละกัน” เหยดโด้เป็นทางการมากจนผมอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้แต่อารมณ์ของผมในตอนนี้มันไม่ได้จะดีตามหน้าตาหรอกนะครับ

     

     

    นั่นสิ ... ผมควรทำอย่างไรต่อไปดี ?

     

     

     

     [45%]

     

    นี่ก็ปาไปตั้งตีสองกว่าแล้ว ผม ยามาดะ เรียวสุเกะผู้อยู่ในโหมดสับสนกำลังนั่งทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น

     

    จูบเมื่อกี้นี้ทำเอาเขาใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไรนะ

     

    รู้สึกดี ... อย่างนั้นเหรอ ?? คิดไปก็เอามือสองข้างกุมใบหน้าตัวเอง เพราะแค่มีคำนี้ขึ้นมาในหัวจู่ๆหน้ามันก็ร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ  ให้ตายสิยามาดะ เรียวสุเกะเอ๋ยมึงไม่ใช่สาวน้อยแรกแย้มที่จะมาหวั่นไหวกับอะไรแบบนี้หรอกนะ

     

    “ยังไม่นอนอีกเหรอ” ในระหว่างที่ผมกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดนั้น เสียงพื้นหญ้าที่ยุบตัวลงพร้อมกับคำเอ่ยทักทายในเวลากลางดึกอย่างนี้ “นอนไม่หลับน่ะ” ทันทีที่ผมหันไปแล้วเห็นว่าเป็นเคโตะจึงตอบหมอนั่นกลับไป

     

    “ปกติแล้วคนที่นอนไม่หลับมักจะเป็นคนที่มีอะไรอยู่ในใจนะ” ว่าพร้อมหยิบก้อนหินบริเวณนั้นมาปาเล่น วันนี้เคโตะมาแปลกกว่าทุกที ดูพูดจามีหลักการไม่เหมือนเวลาปกติที่เอาแต่นั่งเล่นทามาก็อตกับดูการ์ตูนเด็กประถมในแทปเล็ตเลยสักนิด

     

    “ฉันก็แค่สับสนนิดหน่อยน่ะ” ผมพูดไปตามความจริง ถึงแม้จะไม่ได้บอกไปว่าเพราะอะไรแต่การที่พูดเรื่องบางอย่างให้ใครสักคนฟังอย่างน้อยก็ช่วยลดความฟุ้งซ่านในใจได้บ้างล่ะนะ

     

    “ไม่เห็นจะยากเลยนึกถึงตอนทำข้อสอบสิ” เคโตะพูดจาประโยคที่ผมดูไม่เข้าใจในความหมายของมันสักเท่าไรนัก เจ้าตัวยกยิ้มเล็กน้อยและหยิบก้อนหินปาออกไปอีกก้อนหนึ่ง

     

    “เวลาทำข้อสอบยากๆที่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก วิธีสุดท้ายก็คือการเดาใช่ไหมล่ะ ในชีวิตคนเราก็เหมือนกันแหละสุดท้ายแล้วพอมีปัญหาที่สับสนและคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกสักที ก็เลือกมันสักทางโดยใช้ความรู้สึกของเรานี่แหละเป็นตัวตัดสิน ว่าเราจะไปทางไหนจะถูกหรือจะผิดมันก็เรื่องของอนาคต แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยมัวแต่อยู่ในภวังค์ของห้วงความคิดนั้นก็เหมือนกับที่เราจะไม่เขียนอะไรลงในกระดาษคำตอบ สุดท้ายก็ได้ศูนย์คะแนนอยู่ดีนั่นแหละ” บอกตรงๆเลยว่าผมค่อนข้างจะทึ่งในความคิดของมันมาก ตั้งแต่รู้จักกันมาก็มีวันนี้นี่แหละที่พูดจาดูเป็นหลักการ

     

    “นอนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” เอ่ยว่าอีกฝ่ายที่เอนตัวลงนอนในสนามหญ้า อากาศนอกเมืองค่อนข้างจะชื้นเล็กน้อยบวกกับมีน้ำค้างบนยอดหญ้าทำให้พื้นสนามหญ้าตรงนี้ค่อนข้างจะแฉะเลยทีเดียว

     

    “มาอยู่นี่เอง” ไม่ทันที่เคโตะจะตอบอะไร ไดกิ กับ จิเน็นก็วิ่งพรวดเข้ามาดึงตัวอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น

     

    “เผลอแปบเดียวเดินมาตั้งไกลเลยนะดีนะยามะจังอยู่ด้วยน่ะ” จิเน็นบ่นอุบพร้อมพยายามกระชากคนที่นอนอยู่

     

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ผมมองสองคนที่พยายามจะพยุงเคโตะให้ลุกขึ้นแต่เหมือนอีกฝ่ายจะหลับไปเสียแล้ว

     

    “เห็นเคโตะหลับแล้ว ฉันเลยเดินไปเล่นไพ่ห้องฟุกกะมันแล้วพอกลับห้องไปก็ไม่เจอใครอยู่เลยทั้งที่กุญแจห้องพักยังเสียบอยู่ เห็นจิเน็นบอกว่าตอนที่ไปนอนบ้านเคโตะครั้งก่อนก็เห็นเคโตะเดินละเมอไปคุยกับต้นไม้แถมพูดจาเป็นเรื่องเป็นราวดูมีหลักการ ก็เลยลองเดินตามหากันดู”

     

    เดี๋ยวนะ !!?? ตะกี้คือละเมอเหรอ !!!!!!!!!!! เมื่อกี้ผมคุยกับเคโตะที่ละเมออยู่ แถมคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียด้วยนะ มิน่าล่ะถึงคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเชียวผิดกับเวลาปกติลิบลับ มันควรละเมอตลอดไปว่าไหมครับ

     

    “เป็นอะไรรึเปล่ายามะจัง” จิเน็นเอยถามผมขึ้นมา ก็ใช่สิถ้าเปรียบเทียบหน้าตัวเองกับอิโมติคอนแสดงอารมณ์แล้วล่ะก็ หน้าของผมคงอยู่ประมาณนี้ล่ะนะ >>> O[]Ollll

     

    “แล้วมึงทำไมยังไม่นอนอีกวะ แล้วอย่าบอกนะว่าไปคุยกับเคโตะเข้าน่ะ” อย่าทำมาเป็นรู้ดีได้ไหมไอ้คุณอาริโอกะ ไดกิ ถ้าไม่นับทัตซึยะแล้วไดกิก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบรู้ทันความคิดผมไปเสียหมด

     

    “เปล่า ... กูเห็นมันเดินมาแล้วก็นอนไปเลย” ตอแหลสดล่ะครับงานนี้ ขืนบอกว่าผมคุยกับโอคาโมโตะ เคโตะเวอร์ชั่นละเมอแถมคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวอีกรู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะครับ =____= !!!

     

    “เออๆ พวกกูไปนอนล่ะมึงก็รีบๆนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะเว้ย” ไดกิว่าพร้อมแบกเคโตะที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเดินกลับห้องพร้อมกับจิเน็น เหลือเพียงแต่ผมที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ... สงสัยว่าผมคงคิดอะไรมากไปหน่อยตอนนี้สมองก็เริ่มล้าแล้วก็เริ่มง่วงนอนขึ้นมานิดๆแล้วล่ะครับ

     

    ค่อยๆเปิดประตูห้องในใจก็ตุ้มๆต่อมๆว่าอีกฝ่ายจะหลับไปหรือยัง จะนอนไม่หลับเหมือนผมไหมแล้วถ้าไม่หลับขึ้นมาผมควรทำตัวอย่างไรดี แต่ผิดคาดเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหลับสนิท ลมหายใจที่สม่ำเสมอนั่นบ่งบอกให้รู้ว่ายูโตะไม่ได้แกล้งหลับแต่อย่างใดคงมีแต่ผมที่ฟุ้งซ่านไปเองสินะ ...

     

    //นึกถึงตอนทำข้อสอบสิ//

     

    //ใช้ความรู้สึกของเรานี่แหละเป็นตัวตัดสิน//

     

    จู่ๆประโยคของเคโตะเวอร์ชั่นละเมอก็โผล่ขึ้นมาในความคิด ผมนิ่งไปสักพักก่อนหันไปมองอีกฝ่ายที่หลับสนิทแล้วโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของคนที่หลับอยู่

     

    “ฝันดีนะ”

     

    พูดเสร็จก็กระโจนตัวคลุมโปงทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ... ให้ตายสิแค่กระซิบแค่นี้แต่ใจกลับเต้นระรัวแถมเลือดยังสูบฉีดไปทั่วหน้าขนาดนี้ แล้วถ้าอีกฝ่ายตื่นอยู่ล่ะผมจะเป็นอย่างไรบ้างล่ะนิ ...

     

    แล้วทำไมผมต้องยิ้มไม่หุบด้วยล่ะ !!!

    //ถูกหรือจะผิดมันก็เรื่องของอนาคต//

     

    นั่นสินะ ... มันเป็นเรื่องของอนาคต

     

    แต่ทำตามความรู้สึกของตัวเองแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ

     

    ฝันดีนะครับ นากาจิม่า ยูโตะ

     

    TBC



    อัพครบ 100 % แล้วเย้เย !!!  สั้นไปไหม T v T ไม่สมกับเป็น 45 % เลยเนอะ 555
    ไม่ได้ตรวจสอบอีกเช่นเคย ภาษาประหลาดๆไปหน่อยก็ขอโทษด้วยนะค้า


    อะไรที่ทุกคนรอคอยถ้าเกิดว่ามันมาแล้วก็เข้าไปดูลิงค์ที่เราแปะไว้ในไบโอในทวิตได้เลยนะคะ
    เอ๊ะ ๆ พูดแบบนี้แปลว่ามี ? ก็ไม่รู้สินะ หุหุ (ผิวปากแล้วจากไป) 


    มีคนพูดถึงฟิคเราในทวิตด้วย ขอบอกว่าดีใจมาก ขอบคุณมากจริงๆนะคะที่ตามอ่านฟิคกากๆเรื่องนี้ T v T
    แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านฟิคเรื่องนี้มาตลอด ทั้งที่คอมเมนท์แล้วก็ไม่ได้คอมเมนท์ก็ตาม ขอบคุณมากจริงๆค่ะ แค่มีคนอ่าน เห็นยอดวิวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกวันก็ดีใจมากแล้วอะ T T 


    เมื่อกี้กลับไปย้อนอ่านตอนแรกๆที่แต่ง รู้สึกว่าคำผิดบรรลัย แถมประโยคประหลาดๆก็ไม่รู้โผล่มาจากไหน
    แถมเลื่อนลงไปอ่านเขียนว่า รีไรท์ครั้งที่ 1 ตอนนั้นเราคงเมาอยู่สินะ จะทยอยๆแก้ไขคำผิดให้นะคะ 


    ตอนแรกเราเคยบอกไปรึเปล่านะว่าใกล้จะจบแล้ว(ถ้าจำไม่ผิดไม่รู้ว่าเขียนไว้ในทวิต หรือ ในนี้ก็ไม่รู้)
    แต่ดูเหมือนมีอะไรหลายๆอย่างที่ยังไม่ลงตัวดีเลยต้องเพิ่มอะไรหลายๆอย่างไป 
    ก็คงอีกสักพักล่ะค่ะถึงจะจบได้ ... แต่เราจะพยายามไม่ให้มันยืดเยื้อนะ เพราะเราก็เกลียดการอ่านฟิคที่มันยืดเยื้อเหมือนกัน 5555555


    เจอกันตอนหน้าค่า > v < 


    ปล. เรามิได้ทำร้ายเคโท่วแต่อย่างใดนะ = v =.. ละเมอพิมพ์เฉยยยย
    ปล.2 รักนะคะเมนขา 5555 



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×