คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ปะทะกลางทุ่งหิมะ ตอนที่ 1
บทที่ 3 ปะทะกลางทุ่งหิมะ ตอนที่ 1
ลูคัสรีบวิ่งออกไปนอกร้านเป็นคนแรก จ้องมองเหนือท้องฟ้าที่ห่างออกไปราวๆหนึ่งกิโลเมตร ถ้ามองผ่านๆอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ฝูงนก แต่ถ้ามองดีๆจะพบว่ามันเป็นอสูรกายรูปร่างเหมือนมนุษย์ มีปีกค้างคาวอยู่กลางหลัง กำลังบินตรงมาทางเขาไม่ต่ำกว่าร้อยตัว
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงบุกมา” ลูคัสพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คงมีใครไปทำร้ายมัน แล้วปล่อยให้มันหนีไปได้ล่ะนะ เจ้ามนุษย์ค้างคาวพวกนี้ถ้ารอดกลับไปเมื่อไหร่ มันจะยกทั้งฝูงมาจัดการกับศัตรูที่ทำร้ายมัน” แลนส์พูดเสียงเรียบ แต่กลับทำให้ลูคัสหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ถะ…ถ้างั้น พวกมันก็ต้องการจะเล่นงานผมน่ะสิ” ลูคัสพูดเสียงสั่น ถ้าเป็นตัวเดียวเขายังพอจะสู้ได้ แต่มนุษย์ค้างคาวร่วมร้อยเขาเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้
“หมายความว่ายังไง เธอปล่อยให้มันหนีไปงั้นเหรอ” แลนส์พูดเสียงเรียบอีกครั้ง ทำให้ลูคัสดูไม่ออกว่าเขาโกรธอยู่รึเปล่า ได้แต่ตอบไปเบาๆ
“ครับ…ก่อนมาถึงร้านผมปล่อยมันหนีไปได้ตัวนึง”
“ฮาๆๆ อย่าคิดมากไปเลยลูคัส คิดซะว่าวันนี้พวกเราจะได้ล้างบางเจ้าพวกมันให้หมดไปจากแถบนี้เลยไงล่ะ” โคลววิสเดินออกมาตบไหล่ลูคัส
“แต่ว่า เยอะขนาดนี้…”
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปมีชั้นอยู่นี่ทั้งคน วันนี้คงตอนเหนื่อยหน่อยนะแลนส์” โคลววิสหันไปหาแลนส์ แต่ตอนนี้เขาเดินนำหน้าไปแล้ว “เฮ้ย!! จะรีบไปไหนน่ะ”
“ลูคัส นายเองก็มาช่วยกันด้วย” โคลววิสพูดเหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย
นิสัยแบบนี้ก็เป็นอีกอย่างนึงที่ทำให้คนชื่นชอบโคลววิส ไม่ว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงแค่ไหน เขาก็จะทำเป็นเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กๆ พร้อมทั้งหาวิธีทางแก้ปัญหาที่ดีขึ้นมาได้เสมอๆ
ลูคัสเห็นดังนั้นก็สบายใจขึ้นมาหน่อยนึง การมีโคลววิสเป็นพวกนับว่าดีจริงๆ เขาล้วงเข้าไปในเสื้อโค้ดสีดำ หยิบเอามีดสั้นของเขาขึ้นมาถือไว้ในมือขวา แล้วก้าวไปยืนอยู่หลังโคลววิสและแลนส์ประมาณสามก้าว
“พร้อมรึยัง แลนส์” โคลววิสพูดเสียงดัง
“พร้อมนานแล้วน่า” แลนส์ตอบเสียงเรียบ “ถ่วงเวลาให้ชั้นร่ายเวทย์ซักพักนึง”
“ลูคัส นายรอจัดการกับพวกหลงฝูง เท่าที่ดูจากวิธีการต่อสู้ของนาย นายไม่เหมาะกับศัตรูที่อยู่บนฟ้า” ลูคัสพยักหน้ารับแล้วถอยออกไปสองก้าว อาเดนและลุคเหมือนจะรู้งานรีบถอยไปหลบอยู่ในร้านโดยไม่ต้องมีคนบอก
โคลววิสเดินนำหน้าออกมาหนึ่งก้าว มือเอื้อมไปชักดาบที่ข้างเอวดึงออกมาชี้ไปที่ด้านหน้า
ดาบอัศวินสองคมสีเงิน ส่องประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ ไม่ต้องดูใกล้ๆก็รู้ว่ามันถูกตีขึ้นมาอย่างดี ใบดาบสั่นไหวเหมือนกับมีชีวิต
“ได้ยืดเส้นยืดสายซักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะ” โคลววิสพูด ก่อนที่ดวงตาของเขาจะส่องประกายสีน้ำตาลดูลี้ลับ เช่นเดียวกับใบดาบ ลูคัสสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ไหลเข้าไปที่ตัวโคลววิสอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
โคลววิสยกดาบขึ้นเหนือหัว รอให้มนุษย์ค้างคาวเข้ามาในระยะที่เขาต้องการ ก้าวเท้าขวาไปข้างหลังครึ่งก้าว พอมนุษย์ค้างคาวเข้ามาอยู่ในระยะ เขาก็ตวัดดาบลงมาอย่างรวดเร็ว จนปลายดาบกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ชี้อยู่ด้านหน้าอีกครั้ง
ภาพที่ไม่น่าเชื่อปรากฏแก่สายตาของลูคัส อาเดนและลุค ระดับการบินของมนุษย์ค้างคาวหลายร้อยตัวถูกกดต่ำลงกว่าครึ่งหนึ่ง บางตัวที่ไม่ทันตั้งตัวถูกกดจนร่างกระแทกกับพื้นดินอย่างรุนแรง ร่างกายของพวกมันทั้งหมดดูหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเร็วในการบินเริ่มต่ำลง
นี่เป็นการใช้เวทย์มนต์ธาตุดินที่ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมากอย่างหนึ่ง
คนเราทุกคนล้วนมีธาตุอยู่ในตัว เพียงแต่ว่าจะรู้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง ลูคัสเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มานิดหน่อย เขาบอกกันว่าธาตุในโลกนี้นั้นมีอยู่ทั้งหมดหกธาตุ ตั้งแต่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง และ ความมืด ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวมนุษย์และปีศาจทุกตน
ถ้าพูดง่ายๆมันก็เหมือนกับเป็นพลังที่อยู่ในตัว รอวันที่จะให้ตัวเราค้นพบมันและนำมันมาใช้ แม้ตอนนี้ลูคัสจะไม่รู้ก็ตามว่าเขานั้นมีธาตุอะไรอยู่ในตัว
โคลววิสดูจะพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาก เขาหันไปหาแลนส์ที่ตอนนี้กำลังกำมือหลวมๆบริเวณหน้าอก และปากกำลังพึมพำอะไรบางอย่างซึ่งลูคัสเดาว่าเขากำลังร่ายเวทย์มนต์บางอย่างอยู่
ไม่นานนักมือของแลนส์ก็ส่องประกายแสงสีเขียว สายลมแปรปรวนอย่างไม่มีสาเหตุ ลูคัสสัมผัสได้ว่ามีลมเย็นมาปะทะที่ใบหน้าของเขา แต่มันก็ไม่น่าสนใจเท่าสิ่งที่อยู่ในมือแลนส์
แสงสีเขียวยืดออกทั้งด้านบนและล่าง กลายเป็นหอกซัดที่ทอแสงสีเขียวดูแล้วงดงาม และแฝงไปด้วยพลังที่จะสามารถฉีกกระชากศัตรูให้ย่อยยับได้ให้ครั้งเดียว
ดวงตาของแลนส์ทอประกายแสงสีเขียวอ่อนๆคล้ายๆกับโคลววิส เขาจับหอกแสงขึ้นอยู่ในท่าเตรียมซัดหอกออกไป
นี่เป็นเวทย์มนต์ธาตุลมที่รุนแรงท่าหนึ่งของแลนส์
“ดาร์ท เวนทัส”
หอกซัดพุ่งออกจากมืออย่างรวดเร็ว หอกหมุดควงอยู่กลางอากาศจนสายลมรอบๆ พัดอย่างสะเปะสะปะ หอกพุ่งเข้าหาฝูงมนุษย์ค้างคาวอย่างรวดเร็วจนปะทะเข้ากับมนุษย์ค้างคาวผู้โชคร้ายตนหนึ่ง
ร่างของมันถูกฉีกกระฉากออกจากกันเป็นส่วนๆ โลหิตสีดำสาดกระจายเต็มพื้น มันร้องอย่างเจ็บปวดก่อนที่ร่างจะร่วงหล่นลงกระแทกกับพื้นหิมะ หอกยังพุ่งต่อไปราวกับมีชีวิต ทั้งพุ่งตรง เลี้ยงโค้ง ฉีกกระฉากร่างของพวกมันอย่างโหดเหี้ยมทุกครั้งที่โดน จนบริเวณพื้นหิมะด้านล่างถูกย้อมด้วยฝนโลหิตสีดำ
ลูคัส อาเดน และลุค มองอย่างตกตะลึง ความสามารถของทั้งสองคนสูงมากจริงๆ อีกทั้งยังสามารถต่อสู้ร่วมกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ร่างกายที่หนักหน่วงกลางอากาศย่อมไม่มีทางหนีหอกซัดความเร็วสูงได้อย่างแน่นนอน
“ยังรุนแรงเหมือนเดิมเลยนะท่านั้นนะ ฮาๆๆๆ” โคลววิสหัวเราะ
“อย่าพึ่งคุยตอนนี้เลย หอกนั่นใกล้จะสลายไปแล้ว เตรียมตัวรับมือพวกที่เหลือเถอะ” แลนส์พูด
“เอ่อน่า รู้แล้วๆ โอ๊ะ!!!”
โคลววิสและแลนส์หยุดชะงักไป จ้องมองไปยังหลังฝูงมนุษย์ค้างคาวที่ห่างไกลออกไปอีก ร่างของมนุษย์ค้างคาวที่ร่วงหล่นทีละตัวๆ ทำให้สามารถมองเห็นมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“เฮ้ๆ ระดับหัวหน้ายกทัพมาเองเลยเหรอ แบบนี้คงเล่นไม่ได้แล้วสิ” โคลววิสพูด แม้จะดูเฮฮาเหมือนเดิม แต่ลูคัสรู้สึกได้เลยว่าโคลววิสเลิกเล่นแล้ว
ด้านหลังของฝูงมนุษย์ค้างคาว มีร่างของอสูรอีกตนหนึ่ง ร่างกายคล้ายกับมนุษย์ค้างคาวตนอื่น เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่าถึงสองเท่า ร่างกายที่สูงใหญ่กว่าสองเมตร มีกล้ามเป็นมัดๆ สวมกางเกงที่เก่าๆและขาดเป็นริ้วๆ ปีสองข้างใหญ่กว่ามนุษย์ค้างคาวทั่วไป ใบหน้าที่ไม่ได้อัปลักษณ์มากจนเกินไป มีส่วนที่คล้ายกับมนุษย์เป็นอย่างมาก เว้นก็แต่ ดวงตาที่แดงก่ำ เขี้ยวเล็บที่งอกออกมายาวจนดูน่ากลัว อีกทั้งสีผิวที่คล้ำอย่างแปลกประหลาด
“ก๊าซซซซซซซซ!!!!!!” เสียงคำรามดังกึกก้องจากปากของมัน คนที่ได้ยินรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมากระแทกเข้ากับร่างกายจนเกือบจะล้ม เพียงแค่คำรามก็มีพลังมากมายขนาดนี้ มันจึงถูกยกให้เป็นราชาของมนุษย์ค้างคาวอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะอยู่ไกล แต่ลูคัสรู้สึกได้เลยว่ามันจ้องมองมาที่เขา ดวงตาแดงก่ำที่มองเห็นจากระยะไกลทำให้เขาตัวสั่น
“เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำ” เสียงอันแหบพร่าดังมาจากปากของราชามนุษย์ค้างคาว แม้จะอยู่ไกลแต่กลับได้ยินเสียงงของมันอย่างชัดเจน
“พูดได้ด้วย” ลูคัสมองตาค้าง ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งจะเคยเจอปีศาจที่พูดได้ก็วันนี้แหละ
“สงสัยจะไม่ใช้ระดับธรรมดาซะด้วยสิ” แลนส์พูดเสียงเรียบดังเดิม แต่ลูคัสรู้สึกได้เลยว่าน้ำเสียงแฝงได้ด้วยความกังวล
การที่มันสามารถพูดได้แสดงว่าปีศาจพวกนี้มีสติปัญญาเช่นเดียวกับมนุษย์ ระดับความอันตรายจึงสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก แต่ก็มีหลายประเภทที่พูดได้ แต่ก็ไม่ได้อันตรายมากจนเกินไป
“พวกเจ้าบังอาจมาทำร้ายพรรคพวกของข้า สังหารพรรคพวกของข้าอย่างโหดเหี้ยม” มันพูดขึ้นมาอีกครั้งน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยอารมณ์โกรธที่ปะทุได้ทุกเมื่อ
“ข้าอดทนไม่ทำร้ายพวกเจ้ามาตลอด แต่วันนี้!!! ข้าจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ข้า โคลฟ ราชาแห่งมนุษย์ค้างคาว จะขอทำลายมนุษย์ทั้งหมดให้ย่อยยับ” โคลฟตะโกนดังกึกก้อง เสียงที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจทำให้มนุษย์ค้างคาวตัวอื่นโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
“จัดการพวกมันอย่าให้เหลือ!!!” สิ้นเสียงคำสั่งมนุษย์ค้างคาวทุกตนที่เหลืออยู่ก็พุ่งตรงเข้ามาในทันทีเหมือนกับว่ามันรอวันนี้มานานมากแล้ว แม้ทุกๆวันมันจะดักฆ่ามนุษย์ที่หลงทางกลางทุกหิมะก็เถอะ แต่พอได้รับคำสั่งแบบนี้แล้ว ทำให้พวกมันเหมือนถูกปลดปล่อย
“ลูคัส!!! หลบไป!!!” โคลววิสตะโกนสั่ง เขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นโคลววิสเป็นแบบนี้ครั้งแรก
โคลววิส รวบรวมพลังไปที่ดาบ ดาบส่องแสงที่น้ำตาลเรืองๆ ตวัดฟันมนุษย์ค้างคาวที่พุงเข้ามาเป็นตัวแรก
ฉวัวะ!!! โครม!!!
ดาบกรีดเข้าที่กลางลำตัวของมันอย่างแม่นยำ เลือดสีดำสาดกระจาย ร่างกระแทกเข้ากับพื้นหิมะอย่างแรง มันพยายามจะลุกขึ้นแต่ร่างกายของมันหนักเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับเอาไว้
ฉึก!!!
ไม่ทันที่มนุษย์ค้างคาวผู้โชคร้ายจะคิดอะไรออก แลนส์ก็แทงดาบทะลุหัวของมันไปแล้ว ร่างของมันล้มลงกับพื้นแล้วสิ้นลมหายใจ
การโจมตีเมื่อกี้ โคลววิสผนึกพลังธาตุดินไว้ที่ดาบ ใครที่โดนฟันจะถูกพลังธาตุดินแฝงเข้าไปในร่าง ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
แลนส์เองก็ไม่ต่างกัน ดาบของเขาผนึกพลังธาตุลมจนดาบมีแสงสีเขียวอ่อนๆ ทำให้ดาบของเขามีความคมมากยิ่งขึ้น และยังยืดระยะดาบออกไปอีกเกือบหนึ่งฟุต ตอนนี้ดาบของแลนส์สามารถตัดก้อนหินได้สบายๆเหมือนตัดกระดาษ
โคลววิส และ แลนส์ ค่อยๆจัดการมนุษย์ค้างคาวทีละตัวที่เข้ามาในระยะโดยไม่ให้หลุดออกไปด้านหลังพวกเขาซักตัว เพื่อสร้างทางหนีให้ลูคัส ซึ่งตอนนี้เขาเองก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรได้ จึงวิ่งไปให้เร็วที่สุด
มนุษย์ค้างคาวบางตัวพุ่งผ่านร่างของโคลววิส และ แลนส์ไปโดยไม่เข้าโจมตี เป้าหมายของมันคือชายที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งความเร็วในการบินของมันเร็วกว่าการวิ่งของลูคัสเป็นอย่างมาก
ลูคัสกระชับมีดสั้น ตวัดฟันร่างของมนุษย์ค้างคาวตัวหนึ่งซึ่งพุ่งเข้ามาหาเขา มีดสั้นกรรีดที่แขนของมัน ทำให้มันบินเฉออกไปด้านข้าง แต่มนุษย์ค้างคาวอีกตัวก็พุ่งเข้ามาโจมตีลูคัสแทน
บึก!!!
ร่างของมนุษย์ค้างคาวกระแทกเข้ากับร่างของลูคัสอย่างแรง จนเขากระเด็นไป
“อัก!!!” ลูคัสกระอักเลือดออกมากลางอากาศ แรงกระแทกส่งผลให้เขากระเด็นไปเกือบห้าเมตร ลูคัสกระแทกกับพื้นอย่างแรง เขารู้สึกชาไปทั่วร่างแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้พัก รีบกลับตัวพลิกขึ้นมายืน พร้อมกับกระชับมีดสั้นแน่นกว่าเดิม
“ลูคัส!!! ระวัง!!!” โคลววิสตะโกนดังลั่น ลูคัสมองไปทางต้นเสียง เห็นร่างของโคลววิสและแลนส์ กระเด็นออกไปคนละทาง โดนฝีมือของโคลฟ ที่ตอนนี้กำลังพุ่งเข้ามาหาเข้า
ลูคัสกำมีดสั้นแน่น ง้างออกไปด้านข้างเตรียมที่จะหลบและโจมตีสวนกลับ แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คิด โคลฟมีความเร็วที่เหนือกว่ามนุษย์ค้างคาวตนอื่นมาก สมแล้วที่ได้ขึ้นเป็นราชาของเผ่ามนุษย์ค้างคาว โคลฟเพิ่มความเร็วขึ้นกลางอากาศพุ่งประชิดร่างลูคัสในเวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว
ฉึก!!!
“อ๊ากกกกกกกกก!!!!!!”
กรงเล็บที่มือของโคลฟเสียบทะลุร่างของลูคัสบริเวณตำแหน่งของหัวใจ ทะลุออกที่แผ่นหลัง โลหิตสีแดงสาดกระจายชุ่มแขนของโคลฟ รวมถึงหิมะสีขาวเบื้องล่าง
มันดึงมือออกจากร่างลูคัส คว้าคอของลูคัสแล้วเหวี่ยงร่างของเขากระแทกกับพื้นหิมะ ซ้ำไปมาจนหิมะบนพื้นฟุ้งกระจายบดบังร่างของโคลฟและลูคัส
โคลววิสรีบลุกขึ้น หวังว่าอย่างน้อยเขาก็อาจจะทำอะไรได้บ้าง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อหิมะที่บดบังหายไป ก็พบเพียงแต่ร่างอาบเลือดของลูคัสที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
ความคิดเห็น