ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KIG Theater : Movie war นิยายแห่งมหากาฬ"การเชื่อมต่อ"

    ลำดับตอนที่ #2 : Fatal SSS Frame : First Image (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 57


    วิญญาณ : น. สิ่งที่เชื่อกันว่ามีอยู่ในกายเมื่อมีชีวิต เมื่อตายจะออกจากกายล่องลอยไปหาที่เกิดใหม่
    - เว็บไซต์ Sanook

    แม้หลายคนจะไม่เชื่อในเรื่องวิญญาณผีสา
    แต่ไม่ใช่กับสองหนุ่มสาวนี้

    หนุ่มน้อย... ผู้ต่อกรกับวายร้ายที่หวังใช้"วัตถุวิญญาณ"ในการครองโลก
    สาวน้อย... ผู้ช่วยเหลือหุบเขาแห่งการฆ่าตัวตายจากคำสาปของ"วิญญาณร้าย"

    คนหนึ่ง อาศัยในโลกที่วัตถุโบราณสามารถมอบพลังอำนาจให้แก่บุคคลที่เหมาะสม
    อีกคน ใช้ชีวิตในโลกที่มีการสร้างกล้องที่ถ่ายแล้วเห็นวิญญาณได้

    และแล้ว เมื่อโลกสองใบ ต้องมาประสบกับปัญหาเดียวกัน โดยมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถมาแก้ปัญหานี้ได้...

    พวกเขาจะปกป้องโลกทั้งสองได้หรือไม่...


    Fatal SSS Frame ชัตเตอร์และตารางแสงแห่งวิญญาณ

    First Image : Unexpected meeting and rebirth of shadow.

    ประเทศเนเธอร์แลนด์

    ในพระราชวังอันเป็นที่อยู่ของเหล่าเชื้อพระวงค์ คงเป็นการยากที่จะเชื่อว่าชายหนุ่มสามัญชนจะมานั่งกินคุกกี้ฝีมือเจ้าหญิงได้...
    ถ้าหากคุณไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเขา

    เรแพน โนเวน ชายหนุ่มชาวสก็อต ผู้ครอบครอง"แท่งเนเปียร์โบนท์ของจอห์น เนเปียร์จากอีกโลก"...
    ผู้ใช้พลังตารางแสงหมายเลข 1 และ 0...
    ผู้ครอบครองหัวใจของเจ้าหญิงเออร์นี...
    และผู้ปกป้องเนเธอร์แลนด์และช่วยปราบกองโจร"เงารัตติกาล"ให้สิ้นซาก...

    ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เรแพนจึงได้แต่งงานกับองค์หญิงเออร์นี และได้มาอยู่วังแห่งนี้
    จากนักเรียนที่ไร้ตัวตน เป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติ...

    ช่างน่ายินดีจริงๆ

    เรแพนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างพล่างนึกถึงเพื่อน"ผู้เชื่อมต่อ"คนอื่นๆ

    ไม่ว่าจะเป็น เน็กเธอร์ เจ้าของโรงแรมแสนเจ้าชู้ ผู้มีพลังทะลุผ่าน
    ซูอัล ชายหนุ่มใจดี ผู้มีพลังของขวัญ
    เซราห์ หมอสาวที่กลัวผู้ชาย ผู้มีพลังวิวัฒนาการ
    แดเนียล อดีตนักฆ่าของเงารัตติกาล ผู้มีพลังดูดซับและพลังนำวิถี
    เหล่าอดีตสมาชิกเงารัตติกาล

    และคาซี ที่ตอนนี้ หลังจากรอดมาจากหลุดดำที่ตัวเองสร้างเพื่อกักขังหัวหน้าของเงารัตติกาล ผู้มีพลังแรงโน้มถ่วงที่หายตัวหลังกลับมาไม่นาน

    "ทุกคนเป็นไงบ้างน่ะ" เขาคิดก่อนที่องค์หญิงเออร์นีจะมาในชุดลำลอง

    "จะหนีเที่ยวอีกแล้วเหรอครับ องค์หญิง" เรแพนกล่าว

    "ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกฉันว่าองค์หญิงน่ะห๊า!" หญิงสาวโต้กลับซ่ะจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเจ้าหญิงคนเดียวของประเทศนี้

    เรแพนยิ้มๆ เขาชอบจริงๆเลย เวลาแกล้งเรียกเธอแบบนั้น...

    แต่แล้ว พลังวิญญาณมหาศาลก็พลันปรากฎขึ้นจนเรแพนสัมผัสได้

    ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกำเนเปียร์โบนท์ไว้แน่น และเมื่อภาพของบุคคลตรงหน้าปรากฎ เขาก็ค่อยโล่งใจขึ้น... แค่นิดเดียว

    นีสิอิ ชิบะ นักดาบญี่ปุ่น อดีตรองหัวหน้าเงารัตติกาล'ใหม่' ที่ครอบครองพลังแห่งทฤษฎีสัมพันธภาพ ปรากฎตรงหน้าเขาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งและกล่องหนึ่งใบ อ้อ ดาบด้วย อันนี้ชัวร์อยู่แล้วพอๆกับเสื้อผ้า

    "คุณชิบะ ทำไม..." เรแพนถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยปนระแวงเพราะหากเขาจะมาเยื่ยม ก็บอกยามก็ได้

    "ฉันไม่ใช่ชิบะของช่วงเวลานี้หรอก" นักดาบตอบ "ฉันมาจากอนาคตในอีก 2 ปีข้างหน้า ปีที่โลกสองใบกำลังจะแตกสลาย"

    "อ อะไรน่ะ" เออร์นีอึ้ง สองปี หลังจากโลกรอดจากการดับสูญไม่กี่ปี มันกำลังจะจบสิ้นอีกแล้วเหรอ

    "โชคดีที่หนึ่งในผู้เชื่อมต่อช่วยให้ฉันได้พลังระดับระเบิดคลื่นวิญญาณทั้งๆที่ไม่น่าทำได้" ชิบะเฉลยสาเหตุที่เขามาได้ "Fourth Dimension ทำให้ฉันเดินทางไปในอดีต อนาคตและเปิดเส้นทางสู่โลกคู่ขนานได้"

    "เดี๋ยวน่ะ โลกคู่ขนาน" เรแพนแม้จะรู้เรื่องโลกคู่ขนานบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    "ไม่มีเวลามากแล้ว องค์หญิง รับนี้ไป" หนุ่มญี่ปุ่นมอบกล่องสีขาวให้ ก่อนส่งกระดาษให้เรแพน "หลังจากจัดการกับต้นเหตุของความหายนะแล้ว คุณต้องส่งกระดาษนี้ให้ผู้หญิงคนหนึ่งในโลกที่ผมจะพาคุณไปพบ โปรดไว้ใจเถอะ"

    "นี่ๆ แล้วคนอื่นล่ะ" เรแพนถามถึงเพื่อนของเขา

    "ผู้เชื่อมต่อคนอื่นกำลังสู้กับสิ่งที่ต้นเหตุของเรื่องนี้ก่อขึ้น หมอนั้นมีพลังบางอย่างที่ผมก็ไม่เข้าใจ" ชิบะกล่าวตัดบท "เตรียมตัวไว้ เรแพน โนเวน นายเป็นความหวังเดียวของโลก ไม่สิ หนึ่งในความหวังของโลกทั้งสอง"

    เรแพนนิ่งสนิท "ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ว่าหากมันเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายขนาดนั้นคง..."

    "อ๊าก!!!" เสียงยามคนหนึ่งร้องลั่น

    "ชิ ไวจริง" ชิบะชักดาบออกมาก่อนตะโกน "ระเบิดคลื่นวิญญาณ FOURTH DIMENSION!!!"

    เขาฟาดดาบบนผนัง ก่อเกิดรอยขาดมิติสีดำสนิท อีกปลายเป็นรูปรอยขาดแบบเดียวกัน โผล่ให้เห็นภาพหลังคาของร้านแห่งหนึ่ง

    "องค์หญิง คุณต้องไปด้วย" ชิบะกล่าว "ไม่อย่างนั้น..."

    เออร์นี แม้จะกลัว แต่ก็เข้าใจในสถานการณ์ เธอรีบจับมือสามีเธอ

    "พร้อมน่ะ หนึ่ง สอง..." เรแพนนับถอยหลัง

    "สาม!!!"

    เขากระโดดเข้าไปพร้อมกับเจ้าหญิงแห่งราชวงค์ดัตช์

    "กรี้ด!!!"

    ร่างทั้งสองทะลุมายังรอยขาดมิติอีกด้าน พอดีกับที่มันปิดตัวลง

    แต่ทว่า...

    พวกเขาโผล่กันกลางอากาศ

    "เฮ้ย!!! ทำไมไม่เลือกที่ให้ดีกว่านี่!!!" เรแพนนึกสบถในใจ

    ไร้ทางเลือก เขาใช้พลังขั้นสูงสุด

    "ระเบิดคลื่นวิญญาณ BINARY!!!"

    ตารางแสงขั้นสูงสุดถูกสร้าง ก่อนมันให้กำเนิด"ปีกมังกร"ด้วยพลังแห่งเลขฐานสอง

    "Napier Bone One!" เรแพนหลอมรวมร่างตนเองกับปีกมังกร ก่อนรับร่างของเออร์นีอย่างว่องไว

    "ปลอดภัยแล้วน่ะ..."

    โครม!!! แต่เหมือนฟ้ามิอยากให้เรแพนได้บทหล่อ เขาจึงกระแทกกับหลังคาก่อนร่วงลงใส่สาวน้อยผู้โชคร้ายด้านล่าง

    ตูม!!!!!

    "อ่อย..." เรแพนน็อก
    เออร์นี่ทุบอกเขาซ้ำ "ทำไมนายไม่ระวังตัวห๊า หากฉันกับนายตายไปจะเป็นไง!?"

    "คุณค่ะ ช่วย..." หญิงสาวที่ถูกสองหนุ่มสาวทับอยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แทบขาดใจ "...ลุก... หน่อยค่ะ"

    ทั้งสองจึงรีบลุกขึ้นก่อนโดนตำรวจของโลกคู่ขนานจับข้อหาฆาตกรรม

    "พวกคุณไปทำอะไรกันมาเนี่ย... ถึงร่วงมาจากหลังคา" หญิงสาวหน้าญี่ปุ่นถามก่อนชะงักเมื่อเห็นปีกมังกร "คุณคือ... เรแพน โนเวน จากโลกSSSเหรอค่ะ"

    เรแพนชะงักตาม "ค คุณรู้จักผมได้ไง แล้วรู้ได้ไงว่าผมมาจากอีกโลก"

    "คือ... มีคนที่เรียกว่า'ผู้เชื่อมต่อที่ผ่านทางมา'บอกฉันเรื่องนี้น่ะค่ะ" หญิงสาวบอก "ถ้าไม่ว่าอะไร... ไปร้านซ่อมกล้องที่ฉันทำงานก่อนไหมค่ะ แล้วค่อยพูดกันต่อ"

    สองคู่สามีภรรยาตัดสินใจ... ทำตามดีกว่า

    ...............................................................................................................

    เรแพน เออร์นี่ และสาวน้อยปริศนา(อีกไม่นานหรอก)เดินทางมายังร้านที่เขียนว่า "Kurosawa Antique"

    "ร้านคุโรซาว่า... เดี๋ยวน่ะ เดี๋ยวๆ" เรแพนชะงักเมื่อนึกอะไรได้หลังจากเห็นคำว่าคุโรซาว่า ซึ่งมันญี่ปุ่นแท้ๆ "ทำไมฉันฟังเธอพูดออกล่ะ"

    แต่เธอคนนั้นกลับยิ้ม "เหมือนว่าชายคนนั้นจะมีพลังพิเศษจริงๆล่ะค่ะ"

    "เอ๋" ทั้งสองกล่าว

    "เขาบอกว่าเขาสามารถทำให้ทุกคนที่เดินทางข้ามมิติพูดภาษา'ทุกภาษา'ได้ค่ะ" เธอกล่าวก่อนเปิดประตูร้าน "กลับมาแล้วค่ะ"

    "อ้าว กลับมาแล้วเหรอยูริ... หืม กะแล้วว่าต้องเจอคู่ชายหญิง อย่างที่ทำนายไว้เลยแหะ" เจ้าของร้านผู้หญิงกล่าว
    เรแพนมองไปรอบๆร้านที่ให้บรรยากาศเก๋าเก่า แถมด้านนอก อาคารก็เต็มไปด้วยต้นไม้อีก...

    อย่างกับบ้านผีสิง... เรแพนกับเออร์นีคิดในใจพร้อมกัน

    แต่อย่างน้อยข้างในก็ดูดีล่ะน่า...

    "ขอแนะนำตัวก่อนน่ะค่ะ ดิฉันชื่อ โคซุคาตะ ยูริค่ะ ส่วนนี้เจ้าของร้าน คุโรซาว่า ฮิโซกะค่ะ" ยูริแนะนำตัวบนโต๊ะรับแขก

    สาวในชุดน้ำเงินยิ้มให้ทั้งสองก่อนพูดเป็นภาษาอังกฤษ "Nice to meet you"

    "เอ่อ ครับผม" เรแพนยื่นมือไปเช็คแฮนด์ "ผม เรแพน โนเวนครับ ชาวสก็อตครับ"

    "ส่วนฉัน ชื่อ เออร์นี่ค่ะ" เออร์นี่เข้าไปเช็คแฮนด์อีกคน

    "ว่าแต่ว่า... นายมีพลังพิเศษงั้นเหรอ" ฮิโซกะถาม

    "อ่ะ เอ่อ ใช่ครับ พวกคุณก็เป็นผู้เชื่อมต่อเหรอครับ" เรแพนถาม

    "ผู้เชื่อมต่อ?" เจ้าของร้านงงเป็นไก่ตาแตก

    ยูริกับเออร์นี่หัวเราะคิกคักเล็กน้อยแต่พองาม

    "เรแพน นี่ไม่ใช่โลกเราน่ะ จะได้มีพวกเงารัตติกาลกับผู้เชื่อมต่อกันให้เพียบ" เออร์นีแซวจนเขาเขินเลย

    ยูริอธิบายให้ "คุณฮิโซกะค่ะ ผู้เชื่อมต่อเป็นผู้ที่สามารถใช้พลังพิเศษจากวัตุโบราณที่มีวิญญาณบุคคลสำคัญอยู่น่ะค่ะ"

    "อย่างของผม" เรแพนหยิบเนเปียร์โบนท์ออกมา "...ผมเชื่อมต่อคุณจอห์น เนเปียร์ ทำให้ผมใช้พลังของตารางแสงหมายเลข 1 และ 0 ได้ครับ"

    "...อันนี้ฉันเพิ่งรู้น่ะ เขาคนนั้นไม่ได้บอก" สาวในชุดส้มกล่าว

    เรแพนลุกขึ้นก่อนสาธิตให้ดู "Napier Bone 1!"

    ตารางแสงที่มีหมายเลข 1 ปรากฎตรงหน้า ทำให้ฮิโซกะตื่นตาตื่นใจไม่น้อย...
    ...ก็น่ะ ถึงเคยเห็นผีและมีพลังทำนายอนาคต แต่เคยเห็นอะไรแฟนซีแบบนี้มาก่อนเลย

    เรแพนขว้างเหรียญดอลล่าห์(ที่เหลือจากตอนไปอเมริกา)ผ่านตารางแสงก่อนที่มันจะหลอมรวมกับกระจก

    "พลังผมคือ'การหลอมรวม'ครับผม" เรแพนเฉลยพลังตนเองดังนักมายากลเฉลยกลของตน

    "เดาน่ะ ที่นายมีปีกมังกรเพราะนายหลอมรวมกับอะไรซักอย่างที่เป็นมังกรใช่ไหม" ยูริถาม เรแพนพยักหน้าโดยไม่บอกความจริงอีกครึ่งหนึ่ง

    "เดี๋ยวๆ เขามีปีกมังกรเหรอ" ฮิโซกะถาม

    "ค่ะ"

    "เท่ใช่ไหมล่า" เออร์นี่ถาม

    ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น

    "เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง" ฮิโซกะลุกขึ้นก่อนเดินไปเปิดประตู...
    แต่แล้ว...

    "ถอยมาครับ!!!" เรแพนรีบวิ่งไปคว้าข้อมือฮิโซกะ

    แต่เหมือนผู้มา"เยือน"จะรู้ เขาเลยถีบประตูเต็มแรง!

    เรแพนใช้ศอกรับประตูที่หักลงมา ก่อนรีบพาร่างของเจ้าของร้านให้ไปไกลๆจากประตู

    "โห นึกว่าเจ้าคนที่เชื่อมต่อผู้คิดค้นสมมุติฐานโลกคู่ขนานจะมีพลังข้ามโลกคนเดียว ที่ไหนได้... แกก็ด้วย" ชายในหมวกสีดำ ในชุดสีน้ำตาลขาดรุงริ้งกล่าว

    "แกคิดจะทำอะไร..." เรแพนถาม มือกำเนเปียร์โบนท์ไว้แน่น

    "ตอนแรกก็กะแค่ทำลายกล้องObscuraอย่างเดียวล่ะน่า..." ชายคนนั้นหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า "แต่เหมือนว่าคงต้องเพิ่มโบนัสด้วยการเก็บ'แก'แล้วล่ะ"

    สิ้นเสียง เขาก็กู่ร้อง "PRINT!"

    ทันใดนั้น เพดานเหนือหัวเรแพนก็พลันร่วงลงมา เรแพนกลิ้งหลบทันที

    เพดานร้านเลื่อนขึ้น เผยข้อความสาปส่งเงารัตติกาลในภาษาอังกฤษ

    "ฉายาฉันชื่อ สเลเยอร์... เชื่อมต่อกับกูเตนเบิร์กด้วย SSS แท่งพิมพ์ของกูเตนเบิร์ก" นักฆ่ากล่าว "พวกแกทำลายเงารัตติกาล งั้นฉันจะทำลายทั้งแกทั้งกล้องนั้น!!"

    "เดี๋ยวๆ ทำไมนายต้อง..." ยูริจะกล่าว แต่แล้วเพดานอีกชุดก็ร่วงลงมาด้านหน้าพวกยูริเป็นการขู่ ก่อนมันจะยกตัวขึ้นเผยข้อความ "SHUT UP!"

    "ถ้ายังพูดมากอีก ฉันจะ'พิมพ์'โดยใช้พวกแกเป็นกระดาษ" สเลเยอร์กล่าว ก่อนใช้พลังต่อ

    เพดานสองอันพุ่งเข้าหาเรแพนอย่างไม่ลดละ ผู้ถูกล่าวิ่งหนีออกไป โดยมีชายนักฆ่าไล่ตาม

    "พวกเงารัตติกาล... มันกลับมาแล้ว" เออร์นีทรุด

    "เงารัตติกาล พวกมันเป็นใคร ทำไมถึงทำแบบนี้" ฮิโซกะหงุดหงิดมาก

    "พวกเขา... คือคนที่หวังจะครองโลก... ด้วยSSS" เออร์นีตอบสั้นๆ

    ยูริวิ่งตามไปดู

    "ยูริ! มันอันตราย!" ฮิโซกะตะโกนแต่สายไปแล้ว

    เออร์นีวิ่งตามไปดู

    "พวกเธอ! กลับมาน่ะ" เจ้าของร้านเลิกสนใจสภาพร้านที่ยับเยินและวิ่งตามทั้งสองไป

    ขณะเดียวกัน เรแพนหลังวิ่งหนีมาซักพักก่อนหยุด

    "อ้าว ไม่หนีต่อแล้วเหรอ" สเลเยอร์หยุดวิ่งบ้าง "ก็ดี แบนไปซ่ะ!!"

    "Napier Bone 1!!"

    เรแพนสร้างตารางแสงเหนือหัว พอเพดานร่วงผ่านตารางแสง เรแพนก็พลันมีชุดเกราะทำจาก"เพดานบ้าน"ทันที

    "อืม... เหลือเชื่อจริงๆ" สเลเยอร์กล่าว "แต่ลองนี่!"

    เพดานที่ถูกอุปมาว่าเป็นแท่งพิมพ์อีกอันร่วงลงใส่เรแพนอีกครั้ง
    แต่ด้วยการหลอมรวมกับซีเมนต์และเหล็กของ"แท่งพิมพ์"อันก่อน บวกกับพลังแห่งการคำนวณ เพียงเรแพนออกหมัดใส่ตำแหน่งที่เปราะบางของมัน เพดานอีกอันก็พลันแตกสลาย

    เรแพนมองมาที่ศัตรู "แกมีแผนอะไร"

    สเลเยอร์ยิ้มกริมก่อนโชว์บางสิ่ง

    พอดีกับที่สามสาวมาเห็ฯ สิ่งที่สเลเยอร์หยิบมานั้น ทำให้เออร์นีอยากจะอ้วก ยูริต้องรีบปิดปากตัวเองและปากของเจ้าหญิง

    มันคือหัวใจสดๆ!!!!

    "คำอธิบายแค่นี่ พอไหม คิดว่าไม่..." สเลเยอร์ฉีกยิ้มจนถึงใบหู "...แต่แกจะรู้ไปทำไม เมื่อแกจะหมดลมหายใจตรงนี้!!!"

    เรแพนกำหมัดให้พร้อมก่อนรู้สึกว่าหายใจไม่ออก "อ อะไรกัน"

    "Think Different กับ Can you infect the world?" สเลเยอร์กล่าวก่อนหยิบไมโครชิปออกมา

    หนุ่มพลังตารางแสงรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น!

    "แก... เชื่อมต่อกับวิญญาณของ..."

    "คนสร้าง iPhone iPad iPod Mac ช่ายๆ" สเลเยอร์เก็บทุกอย่างเข้ากระเป๋า "พลังฉันอีกอย่างคือ 'ทำให้ผลของแอปในอุปกรณ์ของAppleมีผลจริงกับโลกความจริง' แม้จะมีขีดจำกัดว่าฉันต้องลงแอปนั้นในอุปกรณ์พวกนั้นก็เถอะ"

    "ปลด..." เรแพนพยายามใช้พลังของตารางแสงหมายเลขศูนย์ แต่ร่างกายไม่ตอบสนองเลย "ขีด..."

    "ก แก!!!" ยูริสบถในใจ

    เออร์นีมีแต่น้ำตาและความทุกข์เมื่อเห็นคนที่ตนเองรัก กำลังจะตาย

    "กล่อง เธอมีกล่องนั้นใช่ไหม" เออร์นีหันมามองหน้ายูริเมื่อยูริถามเธอ

    "อะไรน่ะ"

    "ฉันจะ... เชื่อมต่อวิญญาณ" เธอกล่าว

    เออร์นีเมื่อได้ยิน ก็รีบให้แต่โดยดี

    ยูริเปิดกล่องออกมา เจอกระดาษหนึ่งแผ่น กับ....

    "เอาล่ะ..."

    ยูริหยิบสิ่งนั้นออกมา ก่อนเดินออกไปนอกที่กำบัง

    "หืม... ยังไม่เลิกแสอีกน่ะ ชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้หมดเลยรึไงว่ะ" สเลเยอร์บ่น

    ยูริหยิบกล้องObscuraออกมา

    "กล้องนี้ใช่ไหม ที่แกอยากได้" ยูริถามด้วยน้ำเสียงอันดุดันและเดือดพล่านอย่างที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน

    "อ่า ใช่..." สเลเยอร์กล่าว "...ฉันอยากได้มันในสภาพแบนๆ!!!"

    ไม่ทันขาดคำ แท่นพิมพ์ที่ทำจาก"ถนน"ก็ลอยมาเหนือหัวยูริ

    เธอกำ"วัตถุ"ชิ้นนั้นไว้

    และ...

    เธอลืมตาอีกทีหนึ่ง ในหุบเหว...
    ...ที่เธอเคยคิดจะโดดเพื่อฆ่าตัวตาย

    แต่ที่แตกต่างคือ คราวนี้มันมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ด้วย

    เธอเปิดประตูเข้าไป ก่อนเจอชายชราไว้เคราคนหนึ่งที่มีกรอบรูปหนึ่ง...
    เป็นภาพของสงครามครั้งหนึ่ง

    "สวัสดีจ้ะ สาวน้อย... ชื่อยูริสิน่ะ"

    "ค่ะ" ยูริตกใจเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ใน "มิติจิตใจ"... ถึงจะเคยทราบเรื่องนี้มาจากชายคนนั้นก็ตาม

    "เธอเคยทำอะไรมาบ้าง" เขาถาม

    "ก็... ฉันเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่แล้วก็ถูกช่วยไว้ เลยหันมาช่วยหาสิ่งของและคนที่หายไป... และล้างคำสาปของหุบเขานี่"

    "หืม... ช่วยเหลือผู้คนสิน่ะ" ชายหนุ่มชาวสวิส "ฉันเอง ตอนมีชีวิต ตอนแรกก็อยากได้แค่เงินน่ะ แต่แล้ว... พอฉันเห็นภาพผู้คนในสงครามถูกทอดทิ้ง ฉันก็นึกได้ ว่าฉันต้องช่วยพวกเขา..."

    ยูริสังเกตว่าภาพสงครามนั้นค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสัญลักษณ์ขององค์การหนึ่ง...

    "...ฉันเลยเขียนหนังสือเล่มที่เธอ... อะไรน่ะ... ใช้เชื่อมต่อวิญญาณ ชื่อUn Souvenir de Solferino แล้วต่อมา ก็เกิดกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับฉัน ก่อตั้งหน่วยงานที่ดูแลทุกคน ไม่สนว่าเขาเป็นใคร อยู่ไหน เมื่อไร ฉันว่าเธอคงรู้น่ะว่าฉันหมายถึงอะไร"

    ยูริพยักหน้า เพราะสัญลักษณ์ที่แทนที่ภาพสงคราม

    คือสัญลักษณ์เครื่องหมายกากบาก(หรือบางคนอาจบอกว่าเครื่องหมายบวก)สีแดงบนพื้นสีขาว

    สัญลักษณ์ของ "กาชาด" หรือ เรดครอส!

    "ตลกเนอะ ฉันได้ยินจากคนที่พาฉันมาจากเงารัตติกาลคุยว่า เธอใช้กล้องในการปราบผี" ชายคนนั้นลูบเครา "... โทษทีน่ะ ฟังฉันเล่านานคงเบื่อเนอะ"

    "ไม่หรอกค่ะ"

    "เอาเป็นว่า เพื่อตอบแทนที่อุตส่าห์ฟังฉันเล่าเรื่องซ่ะนาน ฉันจะให้กล่องพยาบาลนี้แล้วกัน มันคงช่วยเธอได้พอๆกับการเห็นผีและกล้องล่าผีล่ะน่ะ"

    "อาริกาโตะโกไซมัส" ยูริรับมันมาก่อนโค้งขอบคุณผู้เป็นบิดาของกาชาดสากล 'อังรี ดูนังต์'

    พอยูริรู้สึกตัวอีก เธอก็อยู่ใต้แท่นพิมพ์ยางมะตอยเสียแล้ว

    "แบนเป็นพิซซ่าไปซ่ะ!!!" สเลเยอร์ตะโกน

    เรแพนได้เพียงแต่มองอีกฝ่ายถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น...

    แต่ก่อนแท่นพิมพ์จะทับร่างเพียงไม่กี่วินาที...

    "RED CROSS!"

    ปากของยูริเปล่งวาจาออกมา ก่อนที่ร่างของเธอ เรแพน เออร์นีและฮิโซกะ ก็พลันหายไป
    ตูม แผ่นยางมะตอยกระแทกลงพื้นที่ไร้ซึ่งเหยื่อของมัน

    สเลเยอร์สบถอยู่ในใจ ก่อนใช้แอปในไอโฟนพร้อมใช้พลัง "Think different!"

    ร่างเขาหายไปกลางอากาศพร้อมกับสัญญาณโทรศัพท์...

    .............................................................................................

    เรแพนลืมตาขึ้น ก่อนพบว่าตรงหน้าเขาคือหญิงสาวผู้มีพลังมองเห็นวิญญาณ...
    และตอนนี้ ก็เป็นหนึ่งในผู้เชื่อมต่อกับ SSS ด้วย

    "ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม" ยูริถามก่อนนำผ้าที่โปะหัวเรแพนอยู่ออก "เออร์นีกับฮิโยกะกำลังนอนอยู่ในห้องนอนค่ะ"

    "เธอ... เชื่อมต่อวิญญาณได้" เรแพนถามสิ่งที่คาใจเมื่อรู้ว่าตนเองยังมีลมหายใจ

    "ก็... เพิ่งรู้ตอนชายคนนั้นมาน่ะค่ะ" ยูริยิ้ม

    ชายหนุ่มลุกขึ้น ก่อนที่ยูริจะกล่าวต่อ "เหมือนว่าพลังฉันจะช่วยให้ผู้ประสบภัยพิบัติรอดพ้นจากอันตรายน่ะค่ะ"

    เรแพนพยักหน้า การที่ยูริยังไม่เป็นกระดาษ และเรแพนยังไม่ต้องเข้าโลงเป็นสิ่งยืนยันที่ดีเยี่ยม

    แต่แล้วเขาชักเริ่มกังวล "กล้อง Obscuraคืออะไรเหรอครับ"

    "มันเป็นกล้องที่ใช้ถ่ายวิญญาณค่ะ เป็นสิ่งที่ใช้ต่อกรกับผีน่ะ" ยูริรินน้ำชาให้เรแพนก่อนหยิบกล้องที่ว่าออกมาให้ดู

    "ผ ผีเหรอครับ" เรแพนตกใจเล็กน้อย

    "คุณคงไม่เห็นมันด้วยตาเปล่าหรอกค่ะ แต่ฉัน... เห็นพวกมันได้" ยูริเล่าให้ฟัง "ฉันได้พลังในการเห็นสิ่งที่มนุษย์มิอาจมองเห็นหลังจากพ่อแม่ฉันตายในอุบัติเหตุ..."

    "เสียใจด้วยน่ะครับ" เรแพนสลด เขาเองก็ไม่มีพ่อแม่เหมือนกัน

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ยูริยิ้ม

    เรแพนหยิบมือถือออกมาก่อนถามยูริว่า "คุณยูริครับ ตรงไหนมีไวไฟไหมครับ"

    "เอ่ะ?"

    "ผมกำลังสงสัยว่า SSS ชิ้นไหนมันต้องใช้หัวใจ... ถ้าหาข้อมูลของวัตถุโบราณต่างๆได้ ก็อาจพอจำกัดวงการค้นหาได้" เรแพนกล่าว

    ยูริตีหน้าเศร้า "ร้านเราไม่มีค่ะ ถึงมีก็คงพังไปแล้ว..."

    ก็น่ะ ร้านเละขนาดนั้น เราเตอร์คงไม่เหลือ

    "งั้น... พรุ่งนี้ก็แล้วกัน... ว่าแต่เราน่าจะซ่อมเพดานหน่อยน่ะ" เรแพนมองไปด้านบน...
    ...ทั้งเขาและยูริ เห็นดาวได้ชัดเจนเลย...

    ..................................................................................................................................................................

    หุบเขาฮิคามิ

    สเลเยอร์วางหัวใจไว้ข้างๆคัมภีร์สามเล่ม...

    มันเขียนเป็นภาษาบาลีสันกฤต

    คัมภีร์ทั้งสามคือ "คัมภีร์ไตรเวท" ต้นฉบับของศาสนาฮินดู!!!

    "หึๆ ดูสิว่าหัวใจดวงนี้จะมีพลังพอหรือเปล่า..." สเลเยอร์บีบหัวใจจนแหลก เลือดและเนื้อแปดเปื้อนคัมภีร์ทั้งสาม
    หากเป็นคนธรรมดา สิ่งที่เขาทำนั้นก็แค่ทำให้วัตถุทางศาสนาเสียหาย...
    แต่ไม่ใช่กับสเลเยอร์ นักวิทยาศาสตร์วรรณะพราหมณ์...
    ผู้ทำการสานต่อวิทยาการของ"ทริมิดา มิอา"...

    จนเขาสามารถเชื่อมต่อวิญญาณกับ หนึ่งใน SSS ที่มีพลานุภาพมากที่สุดในโลก...

    โดยสิ่งที่ต้องใช้เพื่อปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุด... คือหัวใจของผู้ที่เหมาะสม!!

    แสงสว่างเปล่งออกมาจากคัมภีร์ไตรเวท ก่อนที่แผ่นดินจะเกิดการสะเทือนถึง 4 ริกเตอร์

    แม้ไม่รุนแรงนัก และมีขอบเขตน้อย...

    แต่แค่นั้น ก็มากพอจะทำให้วิญญาณร้ายตื่นขึ้น...
    โดยมีสเลเยอร์เป็นนายเหนือหัวมัน!!

    เพียง 10 วินาที...

    วิญญาณร้ายทั้งหมดในญี่ปุ่นก็ตื่นขึ้น
    แต่นักฆ่ากลับไม่พอใจ

    "ชิ อีกดวงสิน่ะ ให้ตายสิ หัวใจดวงไหนมันจะมีพลังมากพอว่ะ" สเลเยอร์หงุดหงิด

    แล้วเขาก็ยิ้มกริ้ม...

    "ยูริ เรแพน..." สเลเยอร์หยิบไอโฟนออกมา "...พวกแกน่าจะเหมาะที่สุดแล้วล่ะ...

    [Game saved]
    [To be continue...]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×