ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Hey say JUMP THE LAST NIGHT คืนสุดท้ายที่จะเป็นแค่เพื่อน

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter12 ยาวมากกก+ระวังมดกัด-*-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 682
      1
      31 ม.ค. 53

    ตอนที่12

    บรู๋วส์ๆๆๆๆ(= =)

    เสียงหมาหอนดังขึ้นในป่าใหญ่และมืดทึบทำให้ฮิคารุแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น เกาะแข้งเกาะขาโคตะใหญ่ สร้างความรำคาญให้โคตะได้เยอะเลยทีเดียว มันจะกลัวอะไรนักหนาวะเนี่ย-_-

    “ฮิคารุ เกาะทำไม= =

    โคตะใช้สรรพนามเรียกอีกคนให้ดูสนิทสนมมากขึ้น เพราะยาโอโตเมะยาว ขี้เกียจเรียก เปลืองน้ำลาย-0-(ไรเตอร์นี่แหละ ขี้เกียจพิม-*-)

    “เอ่อท่านประธานได้ยินเสียงหมาหอนมั้ยครับ บรู๋วๆๆๆ”

    ฮิคารุพูดพลางทำท่าหมาหอนประกอบให้ดูสมจริง โคตะเกือบจะปล่อยก๊ากออกมาเพราะไอ้คนตรงหน้านี้ ทำเหมือนมากก

    “ได้ยิน”

    “แล้วไม่กลัวเหรอ”

    “ไม่”

    -0- ชิ! เป็นประธานก็ดีงี้แหละ ไม่เคยกลัว หมั่นไส้”

    “อะไรนะ!

    “เปล่าครับ อยากกินไส้กรอก=v=

    “แล้วไป”

    บรู๋วๆๆๆๆ(และเสียงหมาหอนก็ยังดำเนินต่อไป)

    “เย้ย!! กลัวT T

    ฮิคารุพูดพลางลืมตัวโผกอดอีกคนที่มองเขาด้วยสายตาปลงๆ กะอีแค่หมาหอนจะกลัวอะไรนักหนา

    “ฮิคารุ= =

    “ครับT T กลัววว”

    “มันก็แค่หมาหอนนะ หมาน่ะหมา”

    “ก็ผมกลัวอ่ะTOT

    = = เออ จะกลัวก็กลัวแต่เลิกกอดฉันได้แล้ว อึดอัด-0-

    “อ่าว แล้วก็ไม่บอก”

    ฮิคารุผละออกจากโคตะและคิดในใจว่า เพล้ง(หน้าแตก)อีกแล้วกรู-v-

    “ถามจริงๆมีอะไรบ้างที่นายไม่กลัว”

    “ถามว่ากลัวอะไรยังง่ายกว่าเล้ย”

    “แล้วกลัวอะไร”

    “ผี กิ้งก่า กิ้งกือ งู ตุ๊กแก ตะขาบ หมา แมว กระต่าย กระรอก หนูแฮมสเตอร์ นก จระเข้ แม่ มีด ปืน และก็บลาๆๆๆๆ”

    โคตะมองฮิคารุอย่างอึ้งๆ นี่สรุปมันกลัวหมดโลกเลยรึไง ดีนะมันไม่กลัว น้ำ-..-

    “แล้วท่านประธานล่ะ กลัวอะไรบ้าง”

    ฮิคารุถามขึ้นบ้าง โคตะชะงักเล็กน้อย นั่นสิ เขากลัวอะไร?? ที่ไอ้ฟันกระต่ายพูดมาทั้งหมด เขาไม่กลัวเลยซักอย่าง

    “ไม่รู้สิ”

    “เอ๋า! ไม่รู้คือไม่กลัวเหรอ”

    “ไม่รู้สิ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ ว่าแต่ นายกลัวความเหงามั้ย?

    โคตะถามฮิคารุที่ยิ้มโชว์ฟันกระต่ายให้เขา นี่เขาตาฝาดรึเปล่าที่เห็นว่ามันยิ้มน่ารัก= =

    “เหงา? เหงาคืออะไรผมยังไม่รู้จักเล้ย!

    “นายไม่เคยเหงาเหรอ??

    “คนอย่าง นาย ยาโอโตเมะ ฮิคารุ ไม่เคยเหงาเลยขอรับ ถึงแม้จะเรียนห้องFแต่ผมก็มีเพื่อนสุดซี้อย่างไอ้ มาซาโตะ ถึงแม้มันจะทำตัวน่าถีบในบางครั้ง แต่เราก็ไม่เคยทิ้งกัน เอ่อก็เคยนะ ก็ตอนเมื่อวานนั่นแหละ แหะๆๆ ถึงผมจะเรียนไม่เอาอ่าวหรือเรียกสั้นๆว่า เรียนโง่-0- แต่ผมก็มีความสุขดี ผมชอบเล่นดนตรีม๊ากมาก บ้านผมถึงไม่รวย แต่ก็มีความสุข ผมกับแม่ และถึงพ่อกับแม่ผมจะเลิกกัน แต่ท่านก็รักกันดี เอ่อรักแบบเพื่อนและพี่น้องน่ะนะ ผมไม่เคยเหงาเลย^O^

    ฮิคารุพูดพลางยิ้มอีกครั้ง เรื่องราวและรอยยิ้มที่ทำให้ท่านประธานอย่างโคตะ เงียบไปชั่วขณะ เขียนเรียนเก่ง ฐานะก็ดี อะไรก็เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหงา???

    “ชีวิตนายน่ะ น่าอิจฉาจังเลยนะ”

    โคตะพูดออกมาลอยๆฮิคารุหยุดเดินและหันไปมองคนข้างๆอย่างงงๆ

    “หมายความว่าไง”

    “เหอะ อย่าไปใส่ใจเลย ฉันว่าเราเดินกลับไปรอคนอื่นๆที่เดิมดีกว่า ยังไงซะก็หาสองคนนั้นไม่เจอบางทีคนอื่นๆอาจจะเจอแล้งวก็ได้”

    โคตะพูดตัดบทและลากฮิคารุที่ยังงงๆอยู่เดินกลับที่เก่า เขาไม่รู้สึกเหงาเวลาอยู่ใกล้ๆฮิคารุ ถึงแม้หมอนี่จะหาเรื่องแกล้งเขาตลอด แต่เขาก็มีความสุข เขารู้สึกดี รู้สึกดีที่มีคนสนใจเขา รู้สึกดีที่มีคนไม่ได้กลัวเขา เพราะเขาเป็นประธานนักเรียนผู้เคร่งขรึม ตลอดเวลาที่ฮิคารุคอยหาเรื่องเขา มันทำให้เขาไม่รู้สึกเหงา ถึงแม้เขาจะเบื่อและเอือมระอาคนข้างๆแต่ถ้าชีวิตเขาขาดฮิคารุไป มันก็คงไม่มีอะไรน่าสนุกละมั้ง?

    บรู๋วๆๆๆๆๆ

    “อ๊ากกกกกกก!!!

    ว่าไง กอดเขาอีกแล้ว= = รำคาญแต่ก็รู้สึกดีเหมือนกันแหละมั้ง??

    หลังจากที่โคตะและฮิคารุเดินมาที่ๆพวกเขานัดกับคนอื่นๆไว้พวกเขาก็พบกับความว่างเปล่า- - ซึ่งก็คือ ไม่มีผู้ใดกลับมาเลย

    “ยังไม่มีคนกลับมาเลยอ่ะTOT

    ฮิคารุพูดยังไม่เลิกเกาะแข้งเกาะขาโคตะ

    “แล้วทำไมล่ะ”

    “กลัวTvT

    “กลัวอีกแล้ว- -

    “อือๆๆ กลัวมากๆเลยล่ะ”

    “เหรอ ทำไมฉันไม่เห็นกลัวเลยล่ะ”

    “เอ๋า! ก็ท่านประธานบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ผีก็ไม่กลัว ไม่เห็นจะกลัวอะไรเลย”

    โคตะทำหน้าหน่ายๆพร้อมกับคิดว่า ฉันไปบอกมันตอนไหนฟะ

    “เหอะน่า อย่ากลัวไปเลย”

    “ไม่กลัวได้ไงล่ะครับ เสียงหมาหอนด้วยT^T แถมยังมืดซะขนาดนี้ อยู่ที่ไหนของโลกก็ไม่รู้ จะออกไปได้รึเปล่า ฮือๆๆ”

    “ไม่ต้องกลัวหรอก ฮิคารุ”

    “ไม่กลัวไม่ได้แล้วครับ กลัวๆๆๆๆ”(ขี้กลัวหนัก)

    “ชั่งเหอะ เอาเป็นว่ามีฉันอยู่ไม่ต้องกลัวละกัน”

    “กลัวครับ”

    =0= เออ! เชิญกลัวต่อไป”

    อะไรของมันเนี่ย อุตส่าห์จะบอกว่าอยู่กับเขาไม่ต้องกลัว มันยังจะกลัวแบบไม่ลืมหูลืมตาอีก-*- ก็ไอ้ที่เขาไม่กลัวก็เพราะมีคนอย่างฮิคารุอยู่ด้วยนั่นแหละ

    ********

    “แมวเหมียวตื่นได้แล้ว”

    ยูยะพูดปลุกอีกคนที่หมดสติตลอดทางที่เขาแบก ตัวเล็กก็จริงแต่เขาก็หนัก-*- และไอ้คนที่ว่าทำท่าไม่ยอมตื่นอีกด้วย

    “ตายจริงรึเปล่าวะเนี่ย-*-

    “คิตตี้ตื่นได้แล้ว”

    คราวนี้เขาตบแก้มยูริเบาๆถ้าเป็นไอ้โคตะหรือไอ้เคย์คงจะถีบมันไปแล้วแต่กับคนๆนี้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ตบแก้มยังตบเบาๆจนเรียกว่าลูบได้เพราะกลัวแก้มใสๆของคนตรงหน้าจะช้ำเอา

    “ไม่ยอมตื่นอีก= = จะให้ฉันทำเสียงแมวหอนปลุกเหมือนนายไม่ได้หรอกนะ=0=

    ยูยะพูดกับตัวเองพลางมองคนที่สลบ(รึนอนหลับ??)อย่างเอ็นดูและยิ้มออกมาคนเดียว

    “ผู้ชายจริงๆเหรอวะเนี่ย-*- มองมุมไหนก็ไม่เห็นเหมือน อุ๊! เห็นมุมที่เหมือนแล้ว คิตตี้ไม่บึ้ม-..-

    ป๊าบ!!!

    “หือ! ไอ้รุ่นพี่ลามก บึ้มไม่บึ้มอะไร=0=

    “โอ้ย! เจ็บนะ ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยเหรอเนี่ย!!

    อะไรของเค้าเนี่ย คิดจะตื่นก็ตื่นง่ายๆไอ้เราปลุกแทบตายไม่ยอมตื่น

    “แม้แต่ในป่ารุ่นพี่ก็ยังลามกได้อีกนะเนี่ย ทุเรศที่สุด”

    “อ้าว! ตื่นมาก็ด่าเอาๆเลยนะแถมยังตบหัวฉันอีกเมื่อกี๊อ่ะ”

    “ก็เรื่องจริงนิ่ ลามกที่สุด อะไรบึ้มไม่บึ้ม ผมรู้ทันนะ”

    “รู้ทันอาร๊ายย เค้ายังไม่ได้คิดอะไรเลยนะ*_*

    ยูยะทำหน้าแอ๊บแบ๊วสุดๆ แบ๊วจนยูริอยากอ้วกเป็นภาษาอินเดีย

    “โอ้ย ป่านนี้ยูโตะคุงกับยามะจังจะเป็นยังไงบ้างเนี่ยT T

    ยูริพูดขึ้นมา ยูยะถึงกับเงียบ จะเป็นอะไรล่ะครับน้องแมวเหมียว เค้าไปสวีทวี๊ดวิ้วกันหลังเขานู่นมั้ง- -^

    “แล้วหายกันไปได้ไงเนี่ย เฮ้อ

    “นายดูเป็นห่วงยูโตะกับเรียวสุเกะมากเลยนะ”

    จู่ๆยูยะก็พูดขึ้นมา อีกคนหันมามองพลางตอบว่า

    “จะไม่ให้ห่วงได้ไงล่ะครับ เพื่อนหายไปตั้ง2คนแน่ะ ถ้ารุ่นพี่อิโน่ย์กับรุ่นพี่ยาบุหายไปแบบยามะจังกับยูโตะ รุ่นพี่จะเป็นห่วงมั้ยล่ะครับ??

    “เหอะๆๆๆ”

    ยูยะได้แต่แค่นยิ้มและหัวเราะแห้งๆที่ยูริถาม วะ! ถ้าไอ้เคย์กับไอ้โคตะหายไปเขาก็เป็นห่วงอยู่หรอก แต่หายไปทำแบบสองคนนั้นพูดสั้นๆเลยว่า สยอง

    “เฮ้อเลิกคิดถึงสองคนนั้นดีกว่า ตอนนี้มันมืดยิ่งกว่ามืดแล้วนะ มานอนเถอะ เดี๋ยวฉันจุดไฟให้^^

    ยูยะพูดและยิ้มอย่างใจดีแบบที่ยูริไม่เคยเห็นมาก่อน

    “รุ่นพี่จะจุดไฟยังไงเหรอครับ หรือเอาหินถูกันแบบในหนัง?

    “เหอะๆๆ เอาหินถูกัน ยากจะตายไปในหนังก็คือในหนังแต่ชีวิตจริง พี่มีนี่ไอ้น้อง^O^

    ยูยะพูดพลางชูไฟแช็คขึ้นมา-^-

    “อ่อ! รุ่นพี่พกไฟแช็คด้วยเหรอครับ หรือว่ารุ่นพี่สูบบุหรี่O_O

    “บ้าเหรอ คิตตี้ใส่ร้ายเค้าTOT ก็พกไว้เฉยๆไง นี่ไฟแช็คตราของโรงเรียนเรา ไอ้เคย์กับไอ้โคตะก็มี”

    ยูยะพูดพลางยื่นไฟแช็คให้ยูริดู มีตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนจริงๆด้วย

    “อ้อ….

    และยูยะก็จัดการหาเซษใบไม้กิ่งไม้แถวนั้นมากองไว้และจุดไฟแช็ค

    “มามะคิตตี้นอนมานอนได้แล้ว”

    ยูยะพูดพลางเอากระเป๋านักเรียนของตนวางไว้ให้อีกคนหนุน

    “เอ่อรุ่นพี่ทาคากิครับ> <

    ยูริพูดพลางทำท่าอ้อนใส่ ยูยะถึงกับใจเต้นกับหน้าตาแบบนั้น เฮ้ย! ไม่ได้ๆเขาจะคิดอะไรกับรุ่นน้องไม่ได้ๆๆๆ เด็กมันเป็นอนาคตของชาติ!!

    “อะอะไรเหรอ”

    “ก็แหะๆๆๆ”

    สายตาอย่างนี้มันยั่วเขาชัดๆ รึคิตตี้ทนเสน่ห์เราไม่ได้-..-

    “คือ ผมขอนอนหนุนตักได้มั้ยครับ> <

    “หะ..ห๊า ดะได้ ได้สิ”

    ยูยะพูด ยูริยิ้มโชว์ฟันกระรอกของเขาอย่างน่ารัก พลางนอนลงบนตักของยูยะที่อึ้งๆกับรอยยิ้มนั้น

    “ผมขอโทษนะฮะรุ่นพี่ แต่ว่าถ้าหนุนอะไรแข็งๆแล้วผมจะนอนไม่หลับนะครับ แหะๆๆ”

    “เอ่อไม่เป็นไรหรอก ฉันนอนพิงกระเป๋าก็ได้ นายนอนเถอะนะ”

    “ฮะ”

    ผ่านไป 10 นาที ในขณะที่ยูยะกำลังจะไปเฝ้าพระอินทร์ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะคนที่นอนหนุนตักเค้า ยุกยิกไปมา

    “ชิเน็นนอนไม่หลับเหรอ”

    ด้วยความง่วง+เบลอ ยูยะเลยเรียกชื่อจริงๆของยูริ

    “เอ่อครับ เรียกผมว่า ยูริก็ได้นะครับ”

    ยูริที่เริ่มสงบปากสงบคำเพราะความดีของยูยะ และยูยะที่สงบปากสงบคำเพราะความง่วงไม่ได้เถียงกันต่อแต่กลับพูดกันดีๆ

    “อือ นายก็เรียกฉันว่ายูยะก็ได้”

    “ครับ”

    “ถ้านอนไม่หลับ ฟังนิทานมั้ย”

    “หา!! รุ่นพี่ยูยะจะเล่านิทานO.O

    ยูริพูดท่าทางตื่นๆ เสียงดังจนยูยะหายง่วง= =

    “อืมม์ คุณยายฉันชอบเล่าให้ฟังเวลานอนไม่หลับน่ะ เอาเรื่องอะไรดีน้า? งั้นเอาเรื่องนี้แล้วกันนะ”

    “เอ่อเรื่องไหนก็ได้ครับ”

    “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนแห่งหนึ่ง มีมดคู่รักอยู่2ตัว วันหนึ่งมดผู้หญิงเลยถามมดผู้ชายว่า เขารักเธอไหม มดผู้ชายเลยตอบว่า รักสิ รักเหมือนดอกไม้รักพระอาทิตย์ รักเหมือนแม่น้ำรักสายฝน มดผู้หญิงก็ได้แต่เก็บความสงสัยที่ว่า ดอกไม้รักพระอาทิตย์ยังไง และแม่น้ำรักสายฝนยังไง มดผู้หญิงเลยตัดสินใจเดินทางไปถามดอกไม้ ดอกไม้รักพระอาทิตย์ยังไง ดอกไม้ตอบว่า รักเพราะพระอาทิตย์ทำให้เธอผลิบาน แม่ผู้หญิงก็สงสัยว่า เธอไม่มีกลีบจะผลิบานได้ยังไง มดผู้หญิงเลยตัดสินใจเดินทางไปถามแม่น้ำว่า เขารักสายฝนยังไง แม่น้ำตอบว่า รักเพราะสายฝนทำให้เขามั่นคง มดผู้หญิงเลยสงสัยว่า เธอจะมั่นคงได้อย่างไรในเมื่อเธอต้องเติบโตไปเรื่อยๆ เธอหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แต่เธอคิดถึงมดผู้ชายเหลือเกิน เธอเลยตัดสินใจกลับไปหาเขา จบแล้วคิตตี้น้อย”

    เมื่อตาสว่างยูยะเลยใช้สรรพนามแทนอีกคนเหมือนเดิม

    “อืมมมม

    ยูริตอบเสียงยานคาง

    “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความรักไม่มีเหตุผลเพราะยังไงรักก็คือรัก อ๊ะ! หลับไปซะแล้ว= =

    ยูยะตกใจเล็กน้อยเพราะคนที่นอนหนุนตักเขาอยู่หลับไปแล้ว อะไรเนี่ย บทจะหลับก็หลับง่ายขนาดนี้เลยรึ= =

    “เอาล่ะ คิตตี้ถึงในเรื่องมดจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย แต่ยังไงแล้วไม่ได้มีแต่ผู้หญิงรักผู้ชาย หรือผู้ชายรักผู้หญิงหรอกนะ ความรักน่ะเป็นสิ่งสวยงามและไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล เพราะรักคือรัก”

    ยูยะพูดแล้วยิ้มมองคนตรงหน้าที่นอนหลับปุ๋ยพร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มยูริ

    *************

    “ไดจังหนาวมั้ย”

    เคย์ส่งเสียงถามอีกคนที่นั่งห่อตัวเพราะความหนาว

    “เอ่อก็หนาวครับ แต่ว่าไม่มากเท่าไหร่”

    “โกหกไม่เก่งเลยนะ หนาวก็บอกพี่มาเถอะ”

    เคย์พูดพร้อมกับถอดเสื้อสูทของตนคลุมให้อีก

    “พี่เคย์ไม่หนาวเหรอครับ”

    “หนาวสิครับ”

    และนี่ก็เป็นฟิคที่ตรงตามหลักการที่เมะต้องเสียสละให้เคะ แต่เราไม่อยากให้เหมือนใครเลยให้เคย์พูดตรงๆเลย(เมะส่วนมากจะปากแข็งบอกว่าไม่หนาว)

    “อ้าว! พี่เคย์เอาเสื้อพี่เคย์คืนไปเถอะครับ”

    “ไม่เป็นไรหรอก เพื่อไดจังพี่ทนได้^^

    >///< พะ..พี่เคย์บ้า”

    “อ้าว! เสียสละให้แฟนตัวเองบ้าตรงไหนเหรอครับ”

    “กะก็ ทำเค้าเขินเช้า เขินเย็นไงล่ะ>//<

    เคย์ยิ้มกับอีกคนที่แม้อยู่ภายใต้แสงไฟจากกองไฟที่เขาจุดแต่ก็เห็นได้ชัดว่าแก้มใสๆนั้นแดงด้วยความเขิน

    “มาดูดาวกันดีกว่า ไดจัง”

    เคย์เรียกให้ไดกิมานั่งใกล้ๆตนและชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มีดาวยั๊วเยี๊ยเต็มไปหมด(ใช้คำได้ทุเรศมากเลยฉัน- -)

    “สวยจังเลยนะครับ^^

    ไดกิพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้คนตรงหน้า ทำเอาเคย์แทบละลายกับรอยยิ้มนั้น

    “สวยสู้คนตรงหน้าไม่ได้หรอก”

    เคย์พูดในขณะที่ไดกิเขิน(อีกแล้ว)แต่คราวนี้เขาไม่ได้พูดอะไร

    “เฮ้อ….ถ้าเราคว้าดาวมาเป็นของเราได้ก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะครับ”

    ไดกิพูดพลางทำท่าเคลิ้มฝัน เคย์มองภาพนั้นอย่างเอ็นดู อยากซึมซับทุกรอยยิ้มของคนๆนี้ให้ได้มากที่สุด

    “ใครว่าคนเราคว้าดาวมาเป็นของเราไม่ได้ล่ะ”

    เคย์พูด ไดกิหันมามองอย่างงงๆแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเคย์ก็จับมือของเขา

    “หลับตาข้างหนึ่งนะครับ”

    เคย์บอกไดกิ เขาเลยหลับตาข้างหนึ่งอย่างว่าง่าย เคย์จับมือของเขาแล้วเลื่อนขึ้นไปคว้าดาวดางที่ส่องแสงเจิดจ้าที่สุดหลังจากนั้นก็ทำท่าเอามันไปไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายของอีกคน

    “ดาวจาก อิโนะ อิโนะคนนี้ขอมอบให้ไดจังเพียงผู้เดียวครับ^^

    เคย์พูดแล้วยิ้มให้อีกคนที่หมดโหมดเขินแต่ขอเข้าโหมดซึ้งแทน

    “ขะ..ขอบคุณนะครับ”

    “เรื่องอะไรเหรอครับ”

    “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ”

    ^^

    “ดาวจาก อิโนะ อิโนะจะอยู่ในหัวใจองไดจังคนนี้ตลอดไป^^

    ไดกิพูดพลางชูสองนิ้วเป็นคำปฏิญาณ ทำไมเขาถึงรักจนตรงหน้าได้ขนาดนี้ภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ความรักนี่ชั่งไม่มีเหตุผลจริงๆ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพราะคำว่า รัก คนเราอาจจะยังไม่รู้จักความรักดี แต่พอมารู้ตัวอีกทีก็ได้รักเสียแล้ว ไดกินั่งซบไหล่เคย์ มือของทั้งคู่ประสานกันอย่างแนบแน่นราวกับว่าไม่มีอะไรจะแยกพวกเขาออกจากกันได้

    “ไดจัง พี่อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จัง”

    เคย์พูดขึ้นมาหลังจากที่ทั้งคู่นั่งดูดาวด้วยกันเงียบๆ

    “ทำไมล่ะครับ”

    “พี่กลัว กลัวว่าพรุ่งนี้ไดจังอาจจะทิ้งพี่”

    “เห?

    “ไดจังรู้มั้ย พี่นะกลัวการอยู่คนเดียวที่สุดเลย”

    “พี่เคย์”

    “ไดจังอย่าทิ้งพี่นะ”

    “ครับ ไดจังจะไม่ทิ้งพี่เคย์”

    ^^

    “และพี่เคย์ก็อย่าทำแบบนี้กับคนอื่นนะครับ”

    “พี่ทำแบบนี้เฉพาะกับคนที่พี่รัก และคนที่พี่รักก็บังเอิญมีคนเดียว คือคนตรงหน้านี่และ^^

    ^^ ไดจังก็รักพี่เคย์นะครับ”

     

    *********

    “เฮ้อ! เงียบๆเหงาๆวังเวงพิลึก”

    เสียงของผู้เกลียดความเงียบอย่างเคย์โตะดังขึ้นพร้อมกับกระเถิบเข้าไปใกล้อีกคน

    “คุณเคย์โตะจะมานั่งเบียดผมทำไมครับ”

    ริวทาโร่มองอีกคนที่เข้ามานั่งเบียดเขา คราวนี้เขาไม่ได้มองผ่านกรอบแว่นหนาๆอีกแล้วก็เพราะไอ้คนที่เบียดเบียนเขาไม่เลิกน่ะสิ ยึดเอาไปแล้ว

    “ก็มันวังเวงนิ่ริวจัง”

    “เฮ้อคุณเคย์โตะนอกจากจะเซ่อแล้วยังขี้กลัวอีกด้วยนะครับ”

    = 0 = อ่าว ว่ากันอย่างนี้เลยเหรอ”

    “ก็ผมพูดความจริงนิ่ครับ”

    “เหอะๆๆ เอาเถอะพี่เกลียดความมืด กลัวความมืดทุกครั้งที่คอยลับตา โฮกกกTOT

    “ก็ลืมตาสิครับ”

    = =

    “โอ๊ะ! ผมลืมไปว่าคุณเคย์โตะลืมตาไม่ได้*_* น่าสงสารจังเลยนะครับ อย่างนี้ก็กลัวความมืดตลอดเลย”

    ริวทาโร่พูดขึ้นโดยไม่ได้สังเกตว่าอีกคนเลิกกลัวแต่เป็นปลงแทน นี่เด็กนี่มันด่าเรากี่รอบแล้ววะ ด่าอะไรไม่ด่า เอาเรื่องตามาล้อยอมไม่ด้ายยTvT

    “เฮ้อป่านนี้คุณพ่อเป็นห่วงแน่เลย”

    เคย์โตะพูดขึ้นโดนไม่ได้สังเกตว่าอักคนชะงักไป พ่องั้นเหรอ พ่อจะเป็นห่วงเค้ามั้ยน้า??

    “ริวจังคิดอะไรอยู่เหรอ”

    เคย์โตะถามเด็กข้างๆเมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไปนาน

    “ปะเปล่าหรอกครับ แต่ที่เนี่ยก็เงียบจริงๆแหละ”

    “ช่าย เงียบมาก ถ้าเราไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ป่านนี้พี่คงอยู่บ้าน เล่นกีตาร์กับพ่อพี่ ร้องเพลงแต่งเพลงด้วยกัน โฮก คิดถึงพ่อขึ้นมา น้ำตามันก็ไหลT T

    “ก็ไม่ต้องคิดถึงสิครับ น้ำตาจะได้ไม่ต้องไหล”

    = 0 =

    “ว่าแต่คุณเคย์โตะเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอครับ”

    “เป็นสิ ฉันน่ะเล่นกีต้าร์เก๊งเก่ง^O^”(ไม่ค่อยจะยอตัวเอง)

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณจะเล่นกีต้าร์เป็นด้วย”

    “แหงล่ะสิ อิมเมจพี่น่ะคุณชายผู้แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ คนอื่นก็ต้องคิดว่าพี่จะเล่นเปียโน ไวโอลินอะไรเทือกนี้ล่ะสิ”

    “เปล่าเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าคุณเคย์โตะจะเล่นกีต้าร์เป็นกับชาวบ้านเค้า”

    น่าน! กรุก็กว่าอยู่ว่ามันต้องตอบแบบนี้-*- นี่เขาหวังสูงเกินไปรึเปล่าที่จะให้เด็กคนนั้นพูดดีๆกับเขาซักครั้งนึง- -

    “ว่าแต่ เมื่อเช้าริวจังร้องไห้ทำไมเหรอ”

    เคย์โตะถามริวทาโร่ที่เงียบไปอีกแล้ว เวลาไม่มีคนข้างๆคอยพูดจาตรงๆ(กวน)มันก็น่าเบื่อเหมือนกัน หาเรื่องพูดดีกว่า(เหมือนแกว่งปากหาเสี้ยนเลย-*-)

    “เอ่อคุณเคย์โตะไม่ต้องรู้หรอกครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนมีมารยาทพอ คนมีมารยาทเค้าไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นหรอกครับ”

    “เอ่อ..แหะๆๆ”

    เคย์โตะต้องจุกอีกครั้งเพราะเด็กข้างๆพูดแววตาจริงจังยิ่งกว่าสอบ GAT PAT อีก(เกี่ยว?) เขาก็เลยจำใจไม่ไปก้าวก่ายเรื่องของคนข้างๆ

    “ริวจังอยากฟังเพลงมั้ยครับ”

    “อยากครับแต่

    “แต่อะไรครับ ไม่มีไอพอดไม่เป็นไรนะครับ พี่ร้องให้ฟังได้”

    “นั่นแหละครับที่ผมไม่อยากฟัง”

    “เห?

    “ก็ที่คุณเคย์โตะจะร้องให้ฟังนั่นแหละครับไม่อยากฟัง”

    -0- เหอะๆๆ แต่พี่อยากร้อง”

    = = ตามสบายเถอะครับ”

    ริวทาโร่พูดพลางเอามืออุดหู แต่เคย์โตะก็จับมือของเด็กข้างๆออก สายตาของทั้งคู่ประสานกันเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ สายตาของพวกเขาชั่งดึงดูดกันและกัน ริวทาโร่เผลอมองคนตรงหน้า ส่วนเคย์โตะก็ส่งยิ้มอ่อนโยนให้และร้องเพลง

    Santa claus  is coming to town>O<

    = =

    หมดกันความโรแมนติกที่นานๆจะเกิดขึ้นกับสองคนนี้-*- เคย์โตะยังคงแหกปากร้องเพลงของเขาต่อไป โดยที่ริวทาโร่มองอย่าอึ้งๆเพราะเพลงที่เคย์โตะร้องมีแต่แบบว่า

    Pufe the magic dragon live by the sea…>O<

    = =

    แต่จะดีหน่อยก็เพลงนี้

    We can ride with friend we can ride with friend we can ride with friend>O<

    และก็เพลงนี้

    “ติดไว้ก่อน-*-

    “เอ่อคุณเคย์โตะพอก่อนเถอะครับ”

    “อ้าว! ทำไมล่ะพี่กำลังสนุก”

    “คุณเคย์โตะสนุก แต่ผมไม่สนุกเลยครับ”

    “ไม่เลยซักนิดหรอ”

    “ไม่เลยครับ จะให้สนุกได้ไงล่ะครับ”

    “อ้าว! ทำไมเหรอ เพลงพวกนี้พี่ก็ร้องกับเพื่อนเวลาไปเข้าค่ายตอนอยู่อังกฤษนะ สนุกดีออกและก็เล่นรอบกองไฟกัน แต่ว่าเป็นรอบกองไฟเล็กๆอ่ะนะ แบบนี้แหละมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งก็แค่ 4-5 คน แล้วริวจังไม่ร้องเพลงเหรอ”

    “เอ่อไม่ดีกว่าครับ คือผมร้องเพลงไม่เป็น”

    “จริงเหรอ! พี่ว่าริวจังต้องร้องเป็นแน่ๆ”

    “ผมไม่เคยร้องเพลงเลยครับ”

    “แล้วอยากร้องมั้ย”

    “ไม่ดีกว่าครับ”

    “ฮ่าๆๆ เอาเถอะ พี่ไม่รู้ว่าริวจังมีปัญหาอะไรแต่ดูริวจังไม่ไว้ใจคนอื่นเลยนะ กลัวอะไรเหรอ”

    “อะเอ่อ”

    “ฮะๆๆ คราวนี้พี่จะร้องเพลงแล้วล่ะนะ ริวจังฟังดีๆล่ะกัน เพลงนี้น่ะพี่อยากบอกอะไรริวจังไว้ด้วย”

    และแล้วี่เม่นของเรามันก็จะเอาจริง(ซักที)=*=

    ‘Sorry for all the times that he lied(ขอโทษสำหรับทุกครั้งที่เขาโกหกเธอ)

    And left your heart hangin' (และที่ทิ้งหัวใจของเธอเอาไว้)
    I can't imagine what that feels like (
    ฉันไม่สามารถจินตาการว่าความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไร)


    ริวทาโร่มองหน้าเคย์โตะที่ร้องเพลง งงๆ คนตรงหน้าเขาจะสื่อถึงอะไรกันแน่?

    But that was another place(แต่นั่นมันเป็นแค่สถานที่เดิมๆ)
    And that was another time(และนั่นก็เคยเป็นเวลาเดิมๆ)
    It's not fair to blame me for all his crimes (มันไม่ยุติธรรมที่ฉันจะโดนตำหนิเพราะการกระทำของเขา)

    คราวนี้ริวทาโร่ยิ่งงงหนักกว่าเดิมกับคำร้องของเคย์โตะ(ฟังไม่ออกเหรอลูก-v-) นี่เขาจะสื่อถึงอะไร เคย์โตะจะบอกอะไรเขากันแน่ รึจะบอกหวย-_-

    Just for a minute give me a chance(แค่เพียงหนึ่งนาทีในการแก้ตัว)
    Let me inside just for a minute(ขอให้ฉันเข้าไปสักนาที)
    Baby just for a moment(
    ที่รัก ขอแค่เพียงช่วงเวลาหนึ่ง)
    Let me prove I'll do things right(ขอให้ฉันได้พิสูจน์ว่าฉันจะทำสิ่งที่ถูกต้อง)

     

    ใบหน้าของริวทาโร่ทาโร่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามในขณะที่อีกคนยังคงร้องเพลงต่อไป


    Let down your guard(เอาความระแวงของเธอออกไป)
    And show me your color(และโชว์ความสดใสของเธอ)
    Don't fight it anymore(
    อย่าต่อสู้กับมันอีก)
    Show me you're with me(แสดงว่าเธออยู่กับฉัน)
    Open your arms(อ้าแขนต้อนรับ)
    I'm not like the others(
    ฉันแตกต่างจากคนอื่น)
    So don't fight it anymore no(เพราะฉะนั้นอย่าสู้กับมันอีกเลย)
    What will it take for me to make you see(ปล่อยให้มันพาฉันไปให้เธอเห็น)
    I'm not your enemy(ว่าฉันไม่ใช้ศัตรูของเธอ)

     

    “เอาล่ะ เด็กน้อยพอแค่นี้ก่อน อย่ามัวมาทำหน้าสงสัย มานอนเถอะ ดึกแล้วมั้งเนี่ย เดี๋ยวอีกครึ่งหนึ่งพี่จะร้องให้ฟังวันหลัง ริวจังจับความหมายของมันได้รึยัง”

    “ผมยังไม่รู้เลยครับว่าคุณจะสื่อถึงอะไร”

    -0-

    “ชั่งเถอะครับ แต่ยังจะมีวันอื่นอีกเหรอเนี่ย”

    “มีแน่นอนมานอนก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ให้ยืมไหล่”

    เคย์โตะพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างและตบไปที่ไหล่ของตัวเอง เด็กข้างๆก็ไม่ได้ขัดขืนนอนพิงลงไปที่ไหล่ของเขา และไม่นานทั้งสองก็เข้าสู่ห้วงนิทรา”


    **************

    “นี่ๆ นาย”

    เรียวสุเกะสะกิดอีกคนที่ทำท่าว่าจะนอนหลับไปแล้ว อะไรกันเนี่ย ลากเขามาด้วยแล้วตัวเองนอนหลับเอง ปล่อยใก้เขานั่งเหงานั่งกลัวอยู่คนเดียว

    “หือ? อะไร คนจะนอน นอนได้แล้ว”

    ยูดตะพูดพลางหันหน้าหนี อะไรของมันวะ

    “นอนไม่ได้นะ”

    เรียวสุเกะไม่ยอมแพ้ดึงอีกคนให้หันหน้ามาหา ยูโตะลืมตาขึ้นอย่างอมรมณ์เสีย จะตื่นมาหอนใส่เค้าทำไม

    “มีอะไร น่ารำคาญที่สุดเลย ไม่รู้จักหลับจักนอนรึไง”

    = =! ชิ! ก็นายยังไม่ตอบฉันเลยนิ ว่าลากฉันมาทำไมเนี่ย ป่านนี้คนอื่นๆตามหาแย่เลย”

    “หึ! นอนได้แล้ว อย่าสนใจเรื่องอื่นเลย รู้ไปแล้วจะกลัวเปล่าๆ”

    “อ้าว ก็มันนอนไม่หลับนี่นา”

    “อยากทำอะไรก่อนนอนมั้ยล่ะ”

    ยูโตะถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

    - -! อยู่กับนายนี่อันตรายจริงๆเลย”

    “เหอะๆ ปลอดภัยกว่าอยู่กับพวกที่ไม่รู้อะไรเลยละกัน”

    “แหวะ ปลอดภัยตายล่ะ”

    “ถ้าจะปลุกขึ้นมาเถียงก็อย่าดีกว่า”

    ยูโตะพูดพลางทำท่าหันไปอีกข้าง

    “นี่ๆๆๆๆ ไม่นะๆๆ อย่าเพิ่งนอนสิ ฉันนอนไม่หลับทิ้งฉันไว้คนเดียวได้ยังไงล่ะ ตื่นเดี๋ยวนี้นะๆๆๆๆ”

    เรียวสุเกะทั้งดึง ทั้งจิกอีกคนแต่มันก็ทำท่าหลับลึกไม่ตื่นซะงั้น เขามองไปไหนก็มีแต่ความมืด น่ากลัวชะมัดเลยT^T อีกคนก็ยังคงหน้ามึนนอนต่อไป เขากลัวจริงๆนะ มันรู้สึกเหงา เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ถึงเวลาอื่นที่มีไอ้บ้านี่อยู่ด้วยและเถียงกันตลอดมันก็ดีกว่าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลัวจริงๆเลย ฮือออออ

    “ฮือๆๆๆ”

    และก็ร้องไห้ออกมา-_- เมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่ฝังใจเขาตั้งแต่เด็กๆ เขาร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนยูโตะที่แกล้งหลับลืมตาขึ้นมาและก็ตกใจเมื่อพบว่าอีกคนร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย

    “เฮ้ย! ร้องไห้เหรอวะเนี่ย อายุก็เท่านี้แล้วร้องทำไมวะเนี่ย”

    ยูโตะสบถออกมาก่อนจะเปลี่ยนมุก

    “โอ๋ๆๆ ยามะจังอย่าร้องไห้นะครับ โอ๋ๆๆๆ”

    “ฮือๆๆๆ ทุกคนทิ้งฉันหมดเลย ฮือๆๆๆ ฉันกลัว คุณยายฮะ ตื่นสิ ฮือๆๆ”

    ยามะจังร้องไห้แบบไม่ลิมหูลืมตา ยูโตะอึ้งเล็กน้อยอะไรของเขาเนี่ย ร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆแต่อย่างนั้นก็เถอะยูโตะก็กอดอีกคนไว้ และให้อีกคนนั่งตักเขาก่อนจะโยกไปมาเหมือนเด็กๆ(โตะ หนักมั้ยนะนั่นน่ะ-.,-)

    “ดูพระจันทร์ก่อนสิ ยามะจัง วันนี้พระจันทร์เต็มดวงน้า..

    ยูโตะพูดพลางโยกตัวไปมา อีกคนหยุดร้องไห้

    “เอ๋?

    “ยามะจังเห็นพระจันทร์เป็นรูปอะไรเหรอ”

    “กระต่าย ใช่ กระต่าย คิกๆๆ อยากได้กระต่าย”

    คนที่นั่งอยู่บนตักเขาเปลี่ยนโหมดทันที

    “ฮ่าๆๆ แต่ฉันมองเห็นว่ามันเป็นรูปดอกไม้”

    “ดอกไม้? ใช่ๆๆ ดอกไม้ อยากได้ดอกไม้ด้วย^^

    “และฉันก็เห็นว่ามันเป็นรูปเต่าด้วยล่ะ”

    “เต่า? เต่าจริงๆด้วย เต่าน้อยน่ารัก”

    เรียวสุเกะพูดพลางยิ้มดีใจ ยูโตะงงๆกับคนที่นั่งบนตักเขา นี่เมายากันยุงรึไง-*-

    “เออว่าแต่ยามะจังร้องไห้ทำไมเหรอ”

    “ก็ก็ยูโตะน่ะ หลับไปก่อนฉันได้ยังไง ฉันกลัวนะ มันเหมือนว่ายูโตะทิ้งฉันเลย ความรู้สึกที่มีคนอยู่ใกล้ๆแต่รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว รู้มั้ยว่ามันทรมานแค่ไหน”

    พูดพลางทำท่าร้องไห้อีกครั้ง ยูดตะอึ้งไปเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูมั่นใจในตัวเองและไม่สนใจคนอื่นอย่างเรียวสุเกะ จะร้องไห้กับเรื่องแบบนี้ แต่อย่างว่าละนะ ต่างคนต่างจิตต่างใจ บางทีคนที่นั่งอยู่บนตักเขาอาจจะมีเรื่องอะไรที่ทำห้ะเทือนใจมาก่อนก็ได้

    “งั้นเหรอ ขอโทษนะ”

    “อืมม์ หาว”

    “ง่วงนอนแล้วเหรอ”

    “อืมม์”

    “ง่วงก็นอนสิ”

    ยูโตะพูดโดนหวังว่าอีกคนจะลงจากตักเขาไปนอนดีๆ แต่เปล่าเลย เรียวสุเกะกลับซบลงที่อกของเขาก่อนจะทำท่านอนอย่างมีความสุข

    = = เฮ้อให้วันหนึ่งก็ได้วะ เมื่อยนะเนี่ย ตัวยิ่งเบาๆอยู่ด้วย”

    ยูโตะพูดก่อนจะเอนกายนอนพิงต้นไม้ใหญ่ข้างหลังตน

     

    แหะๆๆ> < กลับมาพร้อมกับท่าทางเจี๋ยมเจี๊ยม*_*

    อัพซะปลายเดือน(ปลายเดือนจริงๆ)เลย-.,- วันนี้ก็วันเกิดพี่บุจจี้นั่นเอง

    โฮกก พี่บุจจี้แก่ เอ้ย! บรรลุนิติภาวะแล้วTvT ขอให้พี่บุจจี้เป็นรุ่นพี่ที่ดีของน้องๆต่อไปนะคะ^O^

    และก็ขอให้พี่บุจจี้สุขภาพแข็งแรง กินเยอะๆเนื่องจากพี่ผอมเกินไปแล้ว แง่วๆๆ

    สนใจจะรับน้ำหนักจากเค้าไปซัก 3 กิโลมั้ยเออ-..- หุหุ

    ตอนนี้ก็ประเดิมที่ บุจจี้ฮิกกี้ ที่ไรเตอร์ไม่ค่อยจะงงและงดฮา(ชั่วคราว) ให้เป็นเรื่องเป็นราวกับชาวบ้านเค้าบ้าง

    และต่อมา ทาคาชี่ ที่ไรเตอร์คิดว่า น่าร๊ากก> < ฮ่าๆๆ นิทานเรื่องนี้อาจจะเพี้ยนบ้าง

    เนื่องจากไรเตอร์จำไม่ค่อยได้-*- มันมีชื่อเรื่องว่า ‘How much I love you’ เป็นนิทานแปลของใครก็จำไม่ได้-*-

    และต่อมาก็เคย์ได ที่ยังหวานไม่เปลี่ยนแปลงแต่ไรเตอร์ชอบเคย์ไดตอนนี้

    แต่งไม่มีแซวเลย-..-(ปกติจะแซวว่าหลงกันเกิน ฮ่าๆๆ)แต่นี่ไม่อ่ะ ถ้าเรามองคู่นี้ด้วยใจจริงๆ

    จะเป็นคู่ที่รักกันมาก และก็เป็นคู่รักตัวอย่างแห่งชาติได้(- -?) หุหุ

    และคู่ที่เอาอายุมารวมกันได้น้อยที่สุดอย่าง โอคาริว ที่งงๆว่าฉันแต่งอะไร-*- ฮ่าๆๆ

    น้องริวยังจับความหมายเพลงของพี่เม่นไม่ได้ รีดเดอร์จับได้มั้ยน้อ? ไรเตอร์จับได้แล้ว(แหงล่ะสิ=*=)

    เพลงนี้มีชื่อว่า Not your enemy ของ Jesse McCartney หวานใจของไรเตอร์เอง-v-

    เพลงนี้ แปลเองคร่าแปลเอง ไม่มีเครดิต แต่ต้องขอบคุณ ดิกชันนารี่(ของมันแน่นอน-*-)

    ถ้าแปลผิดบอกด้วยนะขอรับ อ้อ ถ้าแปลทุเรศก็อย่าว่ากันนะTT TT

    และคู่สุดท้าย นาคายาม่า ที่ไรเตอร์งงกะคู่นี้สุดชีวิต(แต่งเอง งงเอง-*-)

    ตกลงเค้าจะรักกันมั้ย-*- เอาเถอะ ยังไงไรเตอร์ก็เชียร์คู่นี้สุดชีวิตเช่นกัน-v-

    ตอนนี้อาจจะงงๆหน่อยนะคะ เพราะมันเหมือนตอนเชื่อมอ่ะค่ะ แหะๆๆ

    ทุกคนนเรื่องล้วนแต่มีปมหมดนะคะ อ่า มันต้องพูดว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกมีปม

    เรื่องนี้มีหลายแนว ติ๊งต๊อง หวานแหวว ลึกลับ จิตวิทยาเล็กน้อย และก็บลาๆๆ

    แต่อยากให้ทุกคนอ่านดีๆนะคะ ฟิคเรื่องนี้ไรเตอร์ตั้งใจมากๆๆ อยากให้เป็นฟิคที่ดี

    ไม่ใช่สักแต่ว่าแต่ง อยากให้รีดเดอร์อ่านแล้วเรียนรู้กับมันด้วย(พูดซะเป็นการเป็นงานเลย-*-)

    เช่น นิทานของพี่ยูยะ เพลงของน้องเม่นน้อย ดาวของพี่เคย์ พระจันทร์ของยูโตะ และความเหงาของพี่บุจจี้

    ฮ่าๆๆ บายแล้วกันค่ะ เพราะไรเตอร์เริ่มเลอะเลือน-*- รีดเดอร์จะหายเพราะความบ้าของไรเตอรมั้ยหนอ-*-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×