ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เอดินเบิร์กที่ไม่มีลอเรนซ์กับลูคัส
แจ๊บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
จั๊บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงอะไร อ๋อ.......เสียงกินข้าว เอ๊ย เสียงเขมือบข้าวน่ะเอง
โกคู : แจ๊บ ๆ ๆ ๆ อาอ่อยอีอ๊ะ เออิน ออบ ๆ ๆ ๆ  (อร่อยดีนะ เฟริน ชอบ ๆ ๆ ๆ)
เฟริน : จั๊บ ๆ ๆ ๆ  อิงอ้วย อาอ่อยอุดๆไอเอย เอ๋งอ่าอ้องอาอ๋านอาอ้อนอีก เอี๋ยวอั๋นอะไอเอาอีกอาม อายอะเอาไออั๊ย  (จริงด้วย.... อร่อยสุดๆไปเลย เจ๋งกว่าห้องอาหารดรากอนอีก เดี๋ยวฉันจะไปเอาอีกชาม นายจะเอา‘ไรมั้ย)
ตอนนี้ชาวป้อมอัศวินทั้งหลายโดยเฉพาะเฟรินกับคู่หูคนใหม่พากันตะลอนๆไปตามห้องอาหารอีก 3 ห้องอย่างสง่าผ่าเผยและสบายอกสบายใจไม่มีใครกล้าห้ามปรามเหมือนก่อน ทำเอาห้องอาหารดรากอนเงียบเหงาเหี่ยวเฉาลงทันตา
อาเธอร์ (เตรียมพร้อมอาละวาด) : พวกนายมาอีกแล้วเรอะ ไปกินที่ห้องอาหารตัวเองเซ่
เฟริน : ก็ผู้ช่วยของผู้คุมกฎคนใหม่เค้ารีเควสต์มา ฉันแค่ทำตามเอง นี่ว่าจะเอาไปฝากผู้คุมกฎด้วยนะ จริงมั้ยพวกเรา
กองทัพชาวป้อมอัศวินที่มาร่วมวงไพบูลย์กันสลอนพากันพยักหน้ารับหงึกหงักกันอย่างพร้อมเพรียง (ก็ข้าวเต็มปากอยู่นี่ พูดทำไมให้เสียเวลากิน อาชูร่า โคลว์และทิวดอร์ )
โกคู (มองอาเธอร์ตาแป๋วแบบไร้แววสลด) : เฮ้.....หวัดดี ของกินที่นี่อร่อยมากๆๆๆเลย
อาเธอร์ (กัดฟันกรอด สะบัดหน้าหนีไปอีกทางพร้อมแช่งอย่างอาฆาตมาดร้ายสุดๆ) : เออ!...งั้นกินได้กินไป ขอให้ข้าวติดคอตายทีเถ๊อะ ฮึ่ม!
โอ้....มายก็อด........มันเกิดอะไรขึ้น ทะมายเป็นแบบนี้ไปได้
ก็นะ......... เรื่องมันมีอยู่ว่า
ย้อนกลับไปเหตุการณ์ที่ห้องสมุดอีกที
เลโมธี : ซันโซ ? .....เกนโจ ซันโซ ส่วนเธอ....คงเป็น ซุน โกคู สินะ
ซันโซ : ที่นี่ที่ไหน แล้ว.....เรารู้จักกันเหรอ
เลโมธี (ยิ้มตามสไตล์) : เราไม่เคยเจอกันหรอก แต่ท่านจะมีชื่อเสียงมากเลยนะหลังจากที่กลับมาจากการเดินทางไปรวบรวมคัมภีร์สำเร็จแล้วน่ะ ไม่เชื่อพลิกไปหน้าสุดท้ายแล้วลองอ่านดูสิ
โกคู (งง.....) : คัมภีร์? ไหน ดูดิ๊......‘ไมเป็นเล่มแล้วล่ะ เมื่อวานยังเหลืออีกตั้ง 10 หน้าไม่ใช่เหรอ
ซันโซ (ก้มลงมองหนังสือในมือ) : มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คัมภีร์เล่มนี้เป็นพยานได้...แสดงว่าฉันรวบรวมได้ครบเล่มแถมทำพิธีสาปไว้ซะอีก ตอนนี้ฉันมาอยู่ในอนาคตใช่มั้ย ถ้าเดาไม่ผิดคงมีใครไปทำให้คัมภีร์เสียหายล่ะสิท่า
ไธนอส : อาจารย์ครับ เช็กจำนวนนักเรียนเรียบร้อยแล้ว มีแค่ลูคัสกับลอเรนซ์ที่หายไปครับ
เลโมธี : สองคนนั่นรับหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ชั่วคราว คงถือโอกาสเข้าไปในห้องหนังสือต้องห้าม บังเอิญทำคัมภีร์หลุดออกเป็นแผ่นๆแล้วโดนคำสาปเข้าไป เฮ้อ!ไม่ไหวเลยจริงๆ  (‘โหสิให้เฟรี่คนนี้เถอะนะพี่นะ ซ้า~ธุ / เฟริน) ขอโทษทีเถอะนะ ในคัมภีร์บอกไว้แค่ว่าท่านทำพิธีสาปแต่ไม่ได้บอกว่าคำสาปคืออะไร ท่านอ่านคัมภีร์หน้าสุดท้ายแล้วพอจะรู้มั้ยว่าตัวท่านเองสาปอะไรไว้น่ะ
ซันโซ (ยักคิ้วพร้อมแสยะยิ้มโหด) : ไม่รู้ ถ้าอยากรู้ก็ลองให้ใครฉีกกระดาษออกมาสักหน้าดูสิ
เจ้าของคำสาปยื่นคัมภีร์ออกไปหาเหยื่อที่ตั้งท่าหลบกันเป็นแถว บ้างก็รีบถอยกรูดไปอยู่ข้างหลังแถมเกาะชายเสื้อคลุมของมหาปราชญ์เป็นที่พึ่ง แต่..........คัมภีร์หายไปจากมือซันโซเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วหายไปได้ไงอ้ะ
เฟริน : อืม ๆ ๆ อาจารย์ครับ ดูหน้านี้สิ หน้ารองสุดท้ายมีเขียนถึงพี่ลอเรนซ์กับลูคัสด้วยล่ะ (เจ้านี่สมเป็นสุดยอดทายาทวิชามือไวจริงๆวุ้ย มาดัส)
เลโมธี : ไหน ๆ ๆ  อะแฮ้ม!.........นี่คือการลงโทษผู้ทำให้คัมภีร์เสียหาย คนที่ 125 และ 126 ลอเรนซ์ ดอร์นและลูคัส ซาโดเรีย เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้เจตนาจึงสมควรให้ย้อนอดีตไปค้นหาคัมภีร์ 10 หน้าสุดท้ายด้วยตัวเอง เมื่อรวบรวมครบแล้วจะได้ขอพรให้กลับมายังที่ๆทั้งคู่จากมา...........ขณะนี้กำลังเร่งเดินทางไปหาดอกกุหลาบพันปีพร้อมกับโกโจและฮัคไค
โกคู : ??? กุหลาบพันปีเหรอ ก็ที่เรากำลังจะไปหากันนี่นา
ซันโซ : ตอนนี้คงไม่ต้อง ก็มีคนไปหาแทนแล้วไง เราก็แค่รอจนกว่าไอ้สองคนนั่นจะรวบรวมคัมภีร์ได้ครบแล้วขอพรให้เรากลับไปก็พอ
เลโมธี (ตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบ) : ถ้างั้นสนใจจะอยู่ที่นี่ไปพลางๆก่อนมั้ย คือว่า.....ลอเรนซ์กับลูคัสที่ย้อนอดีตไปน่ะ เป็นนักเรียนของป้อมอัศวินแล้วก็เป็นผู้คุมกฎด้วย คงจะดีไม่น้อยถ้าเราจะมีผู้คุมกฎคนใหม่ที่จะจัดการกับพวกนักเรียนที่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะนิยมการแหกกฎกันมากขึ้น
ซันโซ : ได้....... แต่ขอให้ทุกคนจำไว้ให้ซึ้งเลยนะว่าฉันไม่ได้อยู่ใต้อำนาจใคร แล้วใครก็ตามอย่าบังอาจเสนอหน้ามาสั่งฉัน เข้าใจ๋
ด้วยเหตุนี้ป้อมอัศวินก็ได้ผู้คุมกฎคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเก่า (รึเปล่า?) ที่แลกมาด้วยความซึ้งสุดแสนกับสุภาษิตที่ว่า “สี่เท้ายังรู้พลาด (มหา)ปราชญ์ยังรู้พลั้ง” เพราะอีก 3 วันต่อมา มหาปราชญ์เลโมธีก็ได้รับจดหมายสนเท่ห์เป็นกระตั้กๆจากนักเรียนปราการปราชญ์ ปราสาทขุนนางและแผ่นดินประชาชนให้เป็นที่ชื่นมื่น เมื่อเชิญท่านผู้คุมกฎคนใหม่มาชี้แจงก็กลับกลายเป็นว่า ..
อ.เลโมธี (หยิบจดหมายขึ้นอ่าน) : มีคน 547 คนฟ้องมาว่าท่านสนับสนุนให้นักเรียนป้อมอัศวินโดดเรียน
ซันโซ (ยักไหล่) : งั้นสิ เห็นนั่งหลับกันระนาว น่าสมเพชชะมัด เลยไล่ให้ไปนอนให้มันดีๆ สบายๆ เป็นที่เป็นทาง ไม่รกหูรกตาชาวบ้าน
อ.เลโมธี : เขาฟ้องมาอีก 329 คนว่าท่านยุยงให้นักเรียนป้อมอัศวินไปกินอาหารที่ห้องอาหารอื่น
ซันโซ (เริ่มหงิก) : ก็ไอ้ที่กินๆอยู่มันห่วยแตกจะตายแล้วจะทนกินมันไปทำไม
อ.เลโมธี : เรื่องนี้มีฟ้องมาฉบับเดียวว่า ห้ามไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ห้ามอย่างเดียวไม่ว่ายังริบของกลางมาดื่มเองอีก  อ้อ..ข้อนี้สมควรแล้ว แต่ถ้าเจออีกให้ริบของกลางมาทำลายทิ้งนะไม่ใช่ดื่มเอง (อ้าว! ซวยล่ะสิ เจคแอนด์เดธ) นี่ๆมี 261 คนฟ้องว่าท่านเป็นตัวอย่างให้นักเรียนหัดสูบบุหรี่งั้นเรอะ
ซันโซ (ชักรำคาญ) : ฉันจะสูบบุหรี่มันก็เรื่องของฉัน เอาเถอะ....ถ้าเจอใครสูบอีกฉันจะอัดมันให้น่วมแล้วยึดเอามาสูบซะเองแล้วกัน หมดรึยัง.......เบื่อ
อ.เลโมธี : ยัง.....นักเรียนปราการปราชญ์ ปราสาทขุนนาง แผ่นดินประชาชน ทุกชั้นปีรวม 1,673 คนไม่พอใจอย่างมากที่ท่านให้ท้ายให้อภิสิทธิ์นักเรียนป้อมอัศวินมากกว่านักเรียนอื่น ไม่ว่าจะเป็นได้ของกินมากกว่า ยืมหนังสือได้หลายเล่มกว่าแล้วยังให้เวลายืมได้นานกว่า ใช้สนามฝึกได้บ่อยกว่า แล้วยังให้นักเรียนเข้านอนดึกได้แถมยังตื่นสายอีก ทั้งหมดนี้จริงรึเปล่า ท่านจะว่าไง?
ซันโซ : ก็ให้ฉันเป็นผู้คุมกฎของป้อมอัศวินไม่ใช่เรอะ มันก็ต้องเข้าข้างพวกเดียวกันอยู่แล้ว ส่วนคนอื่นก็ไปบอกให้พวกผู้คุมกฎมันมาช่วยเอาเองสิ แล้วถ้าใครมีปัญหาหรือไม่พอใจอะไรฉันก็มาเจอกันได้ ถ้ามันกล้านะ มาเลย.........พร้อมเสมอ 
อ.เลโมธี (ปลง) : เรื่องที่มีคนฟ้องมามากๆก็มีแค่นี้ ทางโรงเรียนจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็พอปล่อยๆเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็ทำได้ แต่ยังไงท่านซันโซต้องไม่ลืมนะว่าระเบียบที่จะให้ใครฝ่าฝืนไม่ได้และเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้คุมกฎที่จะต้องคอยควบคุมดูแลน่ะมีอะไรบ้างและขอให้ท่านปฏิบัติตามนั้นให้ครบถ้วนด้วย
ซันโซ : เออน่า ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องย้ำมาก รับรองว่าจะไม่ให้ใครฝ่าฝืนพวกกฎเหล็กหลักๆไปได้แน่นอน หึ! แต่ถ้าเกิดมีใครเก่งจริงข้ามศพฉันไปได้ก็ไม่รู้ด้วยนะ
อ.เลโมธี : ก็ยังดี คนที่ทำได้คงจะมีไม่กี่คน อีกอย่างนะท่าน...นี่เรื่องสำคัญมากนะ ย้ำว่าสำคัญมากๆ เลิกยิงปืนขึ้นฟ้าได้มั้ย เดิมทีแค่ฤทธิ์มีดสั้นของลอเรนซ์คนเดียวเพดานกับฝาผนังของโรงเรียนก็จะพรุนหมดแล้ว 
ซันโซ : ไม่เห็นเป็นไรนี่ ฉันแค่อยากช่วยเพิ่มรูบนหลังคาให้มั่งก็เท่านั้น แค่ไม่กี่ร้อยรูเอ๊ง ไม่ดีรึไง
อ.เลโมธี : “....” (หมดแรงพูด)
ซันโซ : งั้นไปนะ โกคูบอกให้ไปลองกินข้าวเย็นที่ห้องอาหารของปราสาทขุนนางดูน่ะเห็นว่าอร่อยดี  bye
เอ.......ดูๆแล้วจะเป็นเรื่องดีสำหรับชาวป้อมฯรึเปล่าหนอ.......
แต่ถ้าต้องสะดุ้งสุดตัวทุกครั้งที่ได้ยินเสียงยิงปืน จะแหกกฎสักทีก็มีลูกปืนบินมาเฉียดหน้าเฉียดตาให้หัวใจหล่นลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเล่นบ่อยๆมันก็โหดร้ายเอาการอยู่นา
อ๊ะ!..........แต่ก็อย่าลืมว่า อย่างน้อยชาวป้อมฯก็ได้อยู่ดีกินดีขึ้นมาหน่อยเพราะบารมีของผู้คุมกฎพิเศษคนใหม่คนนี้ที่แม้แต่พวกอาจารย์ยังหือไม่ขึ้น นับประสาอะไรกับพวกหัวหน้า เสธ.ซ้าย-ขวา ผู้คุมกฎ หรือขุนพลของหออื่นๆที่ไม่กล้าแม้แต่จะพูดซักแอะ ก็เถอะ
มันจะคุ้มกันมั้ยเนี่ย!
จั๊บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงอะไร อ๋อ.......เสียงกินข้าว เอ๊ย เสียงเขมือบข้าวน่ะเอง
โกคู : แจ๊บ ๆ ๆ ๆ อาอ่อยอีอ๊ะ เออิน ออบ ๆ ๆ ๆ  (อร่อยดีนะ เฟริน ชอบ ๆ ๆ ๆ)
เฟริน : จั๊บ ๆ ๆ ๆ  อิงอ้วย อาอ่อยอุดๆไอเอย เอ๋งอ่าอ้องอาอ๋านอาอ้อนอีก เอี๋ยวอั๋นอะไอเอาอีกอาม อายอะเอาไออั๊ย  (จริงด้วย.... อร่อยสุดๆไปเลย เจ๋งกว่าห้องอาหารดรากอนอีก เดี๋ยวฉันจะไปเอาอีกชาม นายจะเอา‘ไรมั้ย)
ตอนนี้ชาวป้อมอัศวินทั้งหลายโดยเฉพาะเฟรินกับคู่หูคนใหม่พากันตะลอนๆไปตามห้องอาหารอีก 3 ห้องอย่างสง่าผ่าเผยและสบายอกสบายใจไม่มีใครกล้าห้ามปรามเหมือนก่อน ทำเอาห้องอาหารดรากอนเงียบเหงาเหี่ยวเฉาลงทันตา
อาเธอร์ (เตรียมพร้อมอาละวาด) : พวกนายมาอีกแล้วเรอะ ไปกินที่ห้องอาหารตัวเองเซ่
เฟริน : ก็ผู้ช่วยของผู้คุมกฎคนใหม่เค้ารีเควสต์มา ฉันแค่ทำตามเอง นี่ว่าจะเอาไปฝากผู้คุมกฎด้วยนะ จริงมั้ยพวกเรา
กองทัพชาวป้อมอัศวินที่มาร่วมวงไพบูลย์กันสลอนพากันพยักหน้ารับหงึกหงักกันอย่างพร้อมเพรียง (ก็ข้าวเต็มปากอยู่นี่ พูดทำไมให้เสียเวลากิน อาชูร่า โคลว์และทิวดอร์ )
โกคู (มองอาเธอร์ตาแป๋วแบบไร้แววสลด) : เฮ้.....หวัดดี ของกินที่นี่อร่อยมากๆๆๆเลย
อาเธอร์ (กัดฟันกรอด สะบัดหน้าหนีไปอีกทางพร้อมแช่งอย่างอาฆาตมาดร้ายสุดๆ) : เออ!...งั้นกินได้กินไป ขอให้ข้าวติดคอตายทีเถ๊อะ ฮึ่ม!
โอ้....มายก็อด........มันเกิดอะไรขึ้น ทะมายเป็นแบบนี้ไปได้
ก็นะ......... เรื่องมันมีอยู่ว่า
ย้อนกลับไปเหตุการณ์ที่ห้องสมุดอีกที
เลโมธี : ซันโซ ? .....เกนโจ ซันโซ ส่วนเธอ....คงเป็น ซุน โกคู สินะ
ซันโซ : ที่นี่ที่ไหน แล้ว.....เรารู้จักกันเหรอ
เลโมธี (ยิ้มตามสไตล์) : เราไม่เคยเจอกันหรอก แต่ท่านจะมีชื่อเสียงมากเลยนะหลังจากที่กลับมาจากการเดินทางไปรวบรวมคัมภีร์สำเร็จแล้วน่ะ ไม่เชื่อพลิกไปหน้าสุดท้ายแล้วลองอ่านดูสิ
โกคู (งง.....) : คัมภีร์? ไหน ดูดิ๊......‘ไมเป็นเล่มแล้วล่ะ เมื่อวานยังเหลืออีกตั้ง 10 หน้าไม่ใช่เหรอ
ซันโซ (ก้มลงมองหนังสือในมือ) : มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คัมภีร์เล่มนี้เป็นพยานได้...แสดงว่าฉันรวบรวมได้ครบเล่มแถมทำพิธีสาปไว้ซะอีก ตอนนี้ฉันมาอยู่ในอนาคตใช่มั้ย ถ้าเดาไม่ผิดคงมีใครไปทำให้คัมภีร์เสียหายล่ะสิท่า
ไธนอส : อาจารย์ครับ เช็กจำนวนนักเรียนเรียบร้อยแล้ว มีแค่ลูคัสกับลอเรนซ์ที่หายไปครับ
เลโมธี : สองคนนั่นรับหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ชั่วคราว คงถือโอกาสเข้าไปในห้องหนังสือต้องห้าม บังเอิญทำคัมภีร์หลุดออกเป็นแผ่นๆแล้วโดนคำสาปเข้าไป เฮ้อ!ไม่ไหวเลยจริงๆ  (‘โหสิให้เฟรี่คนนี้เถอะนะพี่นะ ซ้า~ธุ / เฟริน) ขอโทษทีเถอะนะ ในคัมภีร์บอกไว้แค่ว่าท่านทำพิธีสาปแต่ไม่ได้บอกว่าคำสาปคืออะไร ท่านอ่านคัมภีร์หน้าสุดท้ายแล้วพอจะรู้มั้ยว่าตัวท่านเองสาปอะไรไว้น่ะ
ซันโซ (ยักคิ้วพร้อมแสยะยิ้มโหด) : ไม่รู้ ถ้าอยากรู้ก็ลองให้ใครฉีกกระดาษออกมาสักหน้าดูสิ
เจ้าของคำสาปยื่นคัมภีร์ออกไปหาเหยื่อที่ตั้งท่าหลบกันเป็นแถว บ้างก็รีบถอยกรูดไปอยู่ข้างหลังแถมเกาะชายเสื้อคลุมของมหาปราชญ์เป็นที่พึ่ง แต่..........คัมภีร์หายไปจากมือซันโซเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วหายไปได้ไงอ้ะ
เฟริน : อืม ๆ ๆ อาจารย์ครับ ดูหน้านี้สิ หน้ารองสุดท้ายมีเขียนถึงพี่ลอเรนซ์กับลูคัสด้วยล่ะ (เจ้านี่สมเป็นสุดยอดทายาทวิชามือไวจริงๆวุ้ย มาดัส)
เลโมธี : ไหน ๆ ๆ  อะแฮ้ม!.........นี่คือการลงโทษผู้ทำให้คัมภีร์เสียหาย คนที่ 125 และ 126 ลอเรนซ์ ดอร์นและลูคัส ซาโดเรีย เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้เจตนาจึงสมควรให้ย้อนอดีตไปค้นหาคัมภีร์ 10 หน้าสุดท้ายด้วยตัวเอง เมื่อรวบรวมครบแล้วจะได้ขอพรให้กลับมายังที่ๆทั้งคู่จากมา...........ขณะนี้กำลังเร่งเดินทางไปหาดอกกุหลาบพันปีพร้อมกับโกโจและฮัคไค
โกคู : ??? กุหลาบพันปีเหรอ ก็ที่เรากำลังจะไปหากันนี่นา
ซันโซ : ตอนนี้คงไม่ต้อง ก็มีคนไปหาแทนแล้วไง เราก็แค่รอจนกว่าไอ้สองคนนั่นจะรวบรวมคัมภีร์ได้ครบแล้วขอพรให้เรากลับไปก็พอ
เลโมธี (ตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบ) : ถ้างั้นสนใจจะอยู่ที่นี่ไปพลางๆก่อนมั้ย คือว่า.....ลอเรนซ์กับลูคัสที่ย้อนอดีตไปน่ะ เป็นนักเรียนของป้อมอัศวินแล้วก็เป็นผู้คุมกฎด้วย คงจะดีไม่น้อยถ้าเราจะมีผู้คุมกฎคนใหม่ที่จะจัดการกับพวกนักเรียนที่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะนิยมการแหกกฎกันมากขึ้น
ซันโซ : ได้....... แต่ขอให้ทุกคนจำไว้ให้ซึ้งเลยนะว่าฉันไม่ได้อยู่ใต้อำนาจใคร แล้วใครก็ตามอย่าบังอาจเสนอหน้ามาสั่งฉัน เข้าใจ๋
ด้วยเหตุนี้ป้อมอัศวินก็ได้ผู้คุมกฎคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเก่า (รึเปล่า?) ที่แลกมาด้วยความซึ้งสุดแสนกับสุภาษิตที่ว่า “สี่เท้ายังรู้พลาด (มหา)ปราชญ์ยังรู้พลั้ง” เพราะอีก 3 วันต่อมา มหาปราชญ์เลโมธีก็ได้รับจดหมายสนเท่ห์เป็นกระตั้กๆจากนักเรียนปราการปราชญ์ ปราสาทขุนนางและแผ่นดินประชาชนให้เป็นที่ชื่นมื่น เมื่อเชิญท่านผู้คุมกฎคนใหม่มาชี้แจงก็กลับกลายเป็นว่า ..
อ.เลโมธี (หยิบจดหมายขึ้นอ่าน) : มีคน 547 คนฟ้องมาว่าท่านสนับสนุนให้นักเรียนป้อมอัศวินโดดเรียน
ซันโซ (ยักไหล่) : งั้นสิ เห็นนั่งหลับกันระนาว น่าสมเพชชะมัด เลยไล่ให้ไปนอนให้มันดีๆ สบายๆ เป็นที่เป็นทาง ไม่รกหูรกตาชาวบ้าน
อ.เลโมธี : เขาฟ้องมาอีก 329 คนว่าท่านยุยงให้นักเรียนป้อมอัศวินไปกินอาหารที่ห้องอาหารอื่น
ซันโซ (เริ่มหงิก) : ก็ไอ้ที่กินๆอยู่มันห่วยแตกจะตายแล้วจะทนกินมันไปทำไม
อ.เลโมธี : เรื่องนี้มีฟ้องมาฉบับเดียวว่า ห้ามไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ห้ามอย่างเดียวไม่ว่ายังริบของกลางมาดื่มเองอีก  อ้อ..ข้อนี้สมควรแล้ว แต่ถ้าเจออีกให้ริบของกลางมาทำลายทิ้งนะไม่ใช่ดื่มเอง (อ้าว! ซวยล่ะสิ เจคแอนด์เดธ) นี่ๆมี 261 คนฟ้องว่าท่านเป็นตัวอย่างให้นักเรียนหัดสูบบุหรี่งั้นเรอะ
ซันโซ (ชักรำคาญ) : ฉันจะสูบบุหรี่มันก็เรื่องของฉัน เอาเถอะ....ถ้าเจอใครสูบอีกฉันจะอัดมันให้น่วมแล้วยึดเอามาสูบซะเองแล้วกัน หมดรึยัง.......เบื่อ
อ.เลโมธี : ยัง.....นักเรียนปราการปราชญ์ ปราสาทขุนนาง แผ่นดินประชาชน ทุกชั้นปีรวม 1,673 คนไม่พอใจอย่างมากที่ท่านให้ท้ายให้อภิสิทธิ์นักเรียนป้อมอัศวินมากกว่านักเรียนอื่น ไม่ว่าจะเป็นได้ของกินมากกว่า ยืมหนังสือได้หลายเล่มกว่าแล้วยังให้เวลายืมได้นานกว่า ใช้สนามฝึกได้บ่อยกว่า แล้วยังให้นักเรียนเข้านอนดึกได้แถมยังตื่นสายอีก ทั้งหมดนี้จริงรึเปล่า ท่านจะว่าไง?
ซันโซ : ก็ให้ฉันเป็นผู้คุมกฎของป้อมอัศวินไม่ใช่เรอะ มันก็ต้องเข้าข้างพวกเดียวกันอยู่แล้ว ส่วนคนอื่นก็ไปบอกให้พวกผู้คุมกฎมันมาช่วยเอาเองสิ แล้วถ้าใครมีปัญหาหรือไม่พอใจอะไรฉันก็มาเจอกันได้ ถ้ามันกล้านะ มาเลย.........พร้อมเสมอ 
อ.เลโมธี (ปลง) : เรื่องที่มีคนฟ้องมามากๆก็มีแค่นี้ ทางโรงเรียนจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็พอปล่อยๆเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็ทำได้ แต่ยังไงท่านซันโซต้องไม่ลืมนะว่าระเบียบที่จะให้ใครฝ่าฝืนไม่ได้และเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้คุมกฎที่จะต้องคอยควบคุมดูแลน่ะมีอะไรบ้างและขอให้ท่านปฏิบัติตามนั้นให้ครบถ้วนด้วย
ซันโซ : เออน่า ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องย้ำมาก รับรองว่าจะไม่ให้ใครฝ่าฝืนพวกกฎเหล็กหลักๆไปได้แน่นอน หึ! แต่ถ้าเกิดมีใครเก่งจริงข้ามศพฉันไปได้ก็ไม่รู้ด้วยนะ
อ.เลโมธี : ก็ยังดี คนที่ทำได้คงจะมีไม่กี่คน อีกอย่างนะท่าน...นี่เรื่องสำคัญมากนะ ย้ำว่าสำคัญมากๆ เลิกยิงปืนขึ้นฟ้าได้มั้ย เดิมทีแค่ฤทธิ์มีดสั้นของลอเรนซ์คนเดียวเพดานกับฝาผนังของโรงเรียนก็จะพรุนหมดแล้ว 
ซันโซ : ไม่เห็นเป็นไรนี่ ฉันแค่อยากช่วยเพิ่มรูบนหลังคาให้มั่งก็เท่านั้น แค่ไม่กี่ร้อยรูเอ๊ง ไม่ดีรึไง
อ.เลโมธี : “....” (หมดแรงพูด)
ซันโซ : งั้นไปนะ โกคูบอกให้ไปลองกินข้าวเย็นที่ห้องอาหารของปราสาทขุนนางดูน่ะเห็นว่าอร่อยดี  bye
เอ.......ดูๆแล้วจะเป็นเรื่องดีสำหรับชาวป้อมฯรึเปล่าหนอ.......
แต่ถ้าต้องสะดุ้งสุดตัวทุกครั้งที่ได้ยินเสียงยิงปืน จะแหกกฎสักทีก็มีลูกปืนบินมาเฉียดหน้าเฉียดตาให้หัวใจหล่นลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเล่นบ่อยๆมันก็โหดร้ายเอาการอยู่นา
อ๊ะ!..........แต่ก็อย่าลืมว่า อย่างน้อยชาวป้อมฯก็ได้อยู่ดีกินดีขึ้นมาหน่อยเพราะบารมีของผู้คุมกฎพิเศษคนใหม่คนนี้ที่แม้แต่พวกอาจารย์ยังหือไม่ขึ้น นับประสาอะไรกับพวกหัวหน้า เสธ.ซ้าย-ขวา ผู้คุมกฎ หรือขุนพลของหออื่นๆที่ไม่กล้าแม้แต่จะพูดซักแอะ ก็เถอะ
มันจะคุ้มกันมั้ยเนี่ย!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น