ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 2 # Once upon a dream
Fic: ยาความฝัน 2 ตอน Once upon a dream
ประเภท: Romantic, Fantasy
ข่วงเวลา: ปี 2 / นอกบท
ผู้แต่ง: Jeremy, Nathania
Note: ไชโย! มาถึงตอนที่ 2 กันแล้ว (อาจนานไปนิดก็ขอโทษด้วยนะ) มัวแต่เล่น Msnจนเพลิน โอ่ (เข้าเรื่องดีก่า)
          ตอนนี้ก็เป็นตอนของคาโล ที่เอาน้ำยาความฝันของตัวเองมาแก้แค้นคืน (ความพอใจส่วนตัวคาโล) ถ้า           
          ไปซ้ำบางตอนกับครายบ้างก็ขอประทานอภัยด้วยนะ (ข้าน้อยยอมรับผิดทุกประการยกเว้นให้ไปตาย)
          สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกๆคนทีเข้ามาอ่านนะ และ คำติชมทุกๆคำที่ได้ให้กานไว้....ปายอ่านเรื่องกันเตอะ!
    เสียงเปิดประตูห้องพยาบาลดังขึ้นทำให้สายตาของสองตัวแสบจับจ้องไปยังประตูที่ถูกเปิดออก คาโลเดินถือน้ำเปล่ากับยามาให้สองตัวแสบ
    “กินยาซะ จะได้หายเร็วๆ”คาโลบอกก่อนจะส่งยาให้ทั้งสอง
    “เออ ขอบใจ”เฟรินบอกขอบคุณก่อนจะรับแก้วยากับน้ำเปล่าไปกระดกรวดเดียวหมด ไม่วายหันไปจับนักฆ่าเพื่อนรักมากรอกยาเข้าปากตามด้วยน้ำอีกแก้วก่อนจะส่งแก้วน้ำคืนให้คาโล คาโลรับไปวางไว้ข้างๆแจกัน
    “ว่าแต่วันนี้ที่โรงอาหารเค้ามีอะไรน่าทานกันบ้างล่ะ”เฟรินถาม
    “นี่นายยังห่วงกินอีกหรอเฟริน”คิลถาม
    “หรือว่าแกไม่หิว”เฟรินย้อน
    “หิว...แต่ทนได้”คิลตอบเบาๆ
    “ก็ฉันทนไม่ไหวนี่ คา...เฮ้ย! ไอ้น้ำแข็งบ้า”เฟรินโวย เมื่อคนที่เอายามาให้เมื่อกี๊หายตัวไปอย่างไร้วี่แวว”ถ้าหายหวัดเมื่อไหร่น่าดู”เฟรินเปรยก่อนจะหันไปคุยกับคิลต่อ
    คาโลยืนหัวเราะอยู่หน้าห้องพยาบาล ในใจก็คิดว่า...ไม่นึกเลยว่าไอ้เพื่อนสองคนนี้มันจะหลอกง่ายอะไรปานนั้น...ยิ่งนึกก็ยิ่งขำ ก่อนจะเดินไปทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารดรากอน
ณ ห้องอาหารดรากอน
    เพื่อนๆหลายคนชนแก้วกันอย่างสนุกสนาน คาโลเดินเข้าไปใกล้ๆ
    “อ้าว! คาโล มาก๊งกันหน่อยมั๊ย”ครี้ดทัก
    “ได้สิ!”คาโลตอบก่อนจะเดินเข้าไปร่วมวงด้วย เสียงเฮฮาสนุกสนานดังลั่นไปทั่ว คาโลยิ้มในใจ...แผนการทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อย เขาเป็นคนหยดยาลงในน้ำเปล่าให้ 2 ตัวแสบส่วนผีสาวก็จัดการเรื่องเพื่อนๆทุกคน (รวมทั้งนางฟ้าสามสาวด้วย) สรุปตอนนี้ทุกคนก็ได้ดื่มยาความฝันไปกันหมดแล้ว รวมทั้งตัวเขาเอง
ตกดึกคืนนั้น
    “ฮ้า! ดีใจชะมัดได้กลับมานอนที่ห้องของตัวเองแล้ว”เฟรินกระโดดโลดเต้นดีใจอยู่บนที่นอนของตัวเอง
    “เออๆ แต่ฉันว่าตอนนี้แกน่าจะระวังเตียงแกพังนะ ถ้าพังฉันไม่ให้นอนด้วยนะเว้ย ระวังจะเป็นเหมือนตอนไปเดมอสอีกล่ะ”คิลเตือน
    เฟรินได้ฟังก็หยุดกระโดดทันทีพลางหันไปมองเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่กำลังนิทราสนิท ก่อนจะหันมายิ้มแบบมีเลศนัยน์ให้เพื่อนรักอีกคน
    “นี่นายอย่าบอกนะว่า...”คิลแย้งขึ้นมาอย่างรู้ทัน
    “ก็เออสิวะ...แกน่ะนอนไปเลย ฉันจัดการของฉันเอง”เฟรินบอกแผนการเสร็จสรรพแล้วก็ลุกเดินไปยังที่นอนของเจ้าชายแห่งคาโนวาล ก่อนจะถอดแหวนที่นิ้วออก”คาโล!”
    เสียงหวานๆนุ่มหูดังขึ้นข้างๆหูคาโล ทำให้คนตื่นง่ายไหวตัวก่อนจะลืมตาขึ้นมามอง
    “เฟริน”คาโลเปรยขึ้นมาเบาๆ
    “ฉันหนาว นอนด้วยกัน”เสียงหวานกระซิบเบาๆคิลที่เหมือนจะนอนแต่ยังไม่นอนสะอึกขำกึ๊กกั๊กๆเบาๆอยู่คนเดียว...เจ้าเพื่อนตัวแสบเล่นเหมือนตอนนั้นเด๊ะ...คิลคิดในใจแต่ว่าคำตอบที่ได้รับกลับไม่เหมือนเดิม
    “ได้สิ”แล้วคนถูกปลุกก็ดึงคนที่มาปลุกไปนอนกอดสบายใจเฉิบอยู่บนที่นอนของตนเองภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน”ฉันจะนอนแล้วนะ”คาโลบอกก่อนจะผล็อยหลับไป
    “อะไรวะ!”สาวเจ้านอนบ่นอยู่คนเดียวภายในอ้อมกอดของใครบางคน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มของคาโล แล้วก็หลับไป
ในความฝัน
    “อีกแล้วเรอะ”เสียงครี้ดโวยวายดังลั่นห้องโถงของพระราชวังในความฝัน”ฉันเล่นเป็นพ่อไอ้เฟรินมันอีกแล้วเรอะเนี่ย เวรกรรมของตู”
    “ทำใจหน่อยเถอะน่าครี้ด”โรปลอบ
    “ฉันว่าแกไปปลอบไอ้คาโลมันดีกว่าว่ะ รู้สึกมันจะเป็นหนักกว่าชั้นอีก”ครี้ดบอก โรพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินไปหาคาโล
    “ไง คาโล ยิ้มหน่อยสิ”โรทัก คาโลหันหน้ามาหาช้าๆ สีหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ โรเห็นก็ผงะ”ง่า...นาย...”
    “ทำไมนายต้องมาเล่นเป็นพ่อชั้นด้วย”คาโลถาม โรได้ฟังก็ยิ้มกว้าง
    “สงสัยจิตใต้สำนึกของใครบางคนที่หยดยานี้ให้พวกเราดื่มต้องการอย่างนี้ล่ะมั๊ง” คาโลได้ฟังก็ผงะ คิ้วขมวดขึ้นด้วยความโกรธ
    “ชั้นไม่ได้ต้องการให้นายเล่นเป็นพ่อชั้น”คาโลตะเบ็งเสียงลั่นด้วยความโกรธ
    “อ่า...จ้าๆ แต่ก็ขอบใจนะที่นายยอมรับว่าเป็นคนหยดยาน่ะคาโล”น้ำเสียงท่อนหลังที่ตามมาทำเอาคาโลขนลุกเกรียวแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน”ฉันไม่บอกใครหรอก”
    คาโลรู้สึกทะแม่งๆกับประโยคต่อมา แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
    “นี่มันเรื่องเจ้าหญิงนิทรานี่นา”เสียงแองจี้ดังขึ้นมาจากอีกทางด้านหนึ่ง
    “นี่เราต้องเข้ามาอยู่ในเกมส์ความฝันบ้าๆพวกนี้อีกแล้วหรอ”มาทิลด้าบ่น
    “แต่ว่าเรนอนชอบเรื่องนี้นะคะ แล้วก็เรา 3 คน ยังได้เล่นเป็นนางฟ้าอีกด้วย”เจ้าหญิงคนงามบอก”น่ารักดีนะคะ จริงมั๊ยคะ”
    “จ้ะ ๆ”แองจี้กับมาทิลด้ารับคำอย่างช่วยไม่ได้
    “อ๊าก!”เสียงของครี้ดดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง กับภาพของผู้ที่มาเล่นเป็นราชินีคู่กับตนเอง”ซีบิล”
    หน้าของคนถูกทักขึ้นสีจางๆ เมื่อสายตาจากเพื่อนๆทุกคนที่ถูกส่งไปอยู่ในเนื้อเรื่องด้วยหันมามองที่เขากันเป็นตาเดียว แต่ก็คงจะไม่มีใครรู้สึกสยองขนลุกขนพองเท่ากับครี้ดอีกแล้ว
    “สยองว่ะโร”ครี้ดเขยิบเข้าไปกระซิบให้โรฟัง
    “เอาน่าเพื่อน อยู่ห้องเดียวกัน ทนๆหน่อยเหอะ”โรปลอบ
    “แต่ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้นะเฟ้ย”ครี้ดแย้ง
    “เออๆฉันรู้ๆ ซีบิลมันเองก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นเหมือนกัน มันเองก็คงไม่คิดว่าต้องมาเล่นบทนี้หรอก”โรบอก ครี้ดพยักหน้ารับประมาณว่าเริ่มทำใจได้”แต่ซีบิลมันก็สวยดีเนาะฉันว่า”
    “หงะ...”ครี้ดรู้สึกอาการกำเริบขึ้นมาอีกรอบก่อนจะเป็นลมล้มหงายหลังไป
    “อ้าว!นี่ๆ เริ่มเล่นกันซะทีสิ เดี๋ยวถ้ามันเช้าก่อนใครจะรับผิดชอบ”มาทิลด้าตะโกนออกคำสั่ง
    “คร้าบ.....”พวกผู้ชายทุกคนรับคำ ในที่สุดเรื่องก็ดำเนินเสียที
   
    ภายในงาน ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน ครี้ดลุกขึ้นมาก๊งต่อเหมือนเดิมได้ และดูเหมือนว่า คนที่อารมณ์ไม่ดีที่สุดในงานจะเหลือแต่ คาโล คนเดียว ในบรรดาแขกที่มาร่วมงาน มีนางฟ้าใจดี(รึเปล่า)ทั้ง 3 องค์ซึ่งได้แก่ ”ฟลอร่า” (มาทิลด้า) “เฟาน่า” (เรนอน) และ”แมรี่วิทเทอร์” (แองจี้) รวมอยู่ด้วยในฐานะแขกพิเศษ พวกเธอแต่ละคนตั้งจะมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้แก่เจ้าหญิงองค์น้อย
    มาทิลด้าโบกคทาพร้อมกับให้พรว่า
    “ขอให้ริมฝีปากของเจ้าหญิงมีสีแดงระเรื่อดุจดังสีของดอกกุหลาบ”
    “สำหรับฉัน...ขอให้ทรงมีพระสุรเสียงที่ไพเราะดุจดังเสียงของนกนะจ๊ะ”เรนอนอวยพรต่อ
    แต่พอถึงคราวของแองจี้ พลันก็เกิดมีลมพายุพัดแรงมากจนประตูวังเปิดออก แม่มดร้าย”เมลฟิเซน” เธอก้าวเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมกับมีเสียงสายฟ้าฟาดคำรามกึกก้อง แล้วเสียงหัวเราะก็ดังกระหึ่มไปทั่วงาน คาโลเองก็หลุดขำน้อยๆ ในขณะที่นางฟ้าสามสาวของเราไม่ทิ้งมาดเจ้าหญิงไว้แล้ว
    “คิล นาย...”คาโลอุทานก่อนจะหลุดขำออกมาชุดใหญ่อีกรอบ
    “ตลกมากนะคาโล”คิลบอกอายๆ ก่อนจะเริ่มเล่นต่อ”ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินในวันครบรอบวันเกิดปีที่สิบหกของเจ้าหญิง นิ้วของเธอจะถูกเข็มของเครื่องปั่นด้ายทิ่มแทงและเธอจะสิ้นใจตายไป”พูดจบ คิลก็หัวเราะเสียงดังราวกับปีศาจ (ในที่นี้อาจปนเสียงหัวเราะของนางฟ้าสามสาวไปด้วย) เหล่าทหารรักษาพระองค์ (ตัวประกอบคือเหล่าบรรดาชาวป้อมอัศวินปี 2 ที่เหลือที่ยังไม่ถูกเอ่ยชื่อ) ต่างกรูกันเข้ามาเพื่อที่จะจับตัวเธอไว้ แต่แม่มดใจร้ายได้ร่ายเวทย์มนต์ออกมาแล้ว และเธอก็กลายเป็นลูกไฟดวงใหญ่หายวับไปจากท้องพระโรงในทันที
    “โอ้โห! หมอนั่นแสดงสมบทบาทจริงๆ”ครี้ดปรบมือชอบใจ
    “เล่นต่อเลยเร็วแองจี้!”คาโลเตือนสติ
    “อะ...อืม!เจ้าหญิงจะทรงไม่ตายจากไป แต่จะเป็นเพียงแค่หลับไหลไปเท่านั้น และตราบใดก็ตามหลังจากนั้น หากทรงได้รับการจุมพิตจากชายหนุ่มผู้ที่หลงรักพระองค์อย่างแท้จริง คำสาปของเมลฟิเซนก็จะเสื่อมสิ้นไป แล้วเจ้าหญิงจะทรงฟื้นขึ้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง”
   
    ครี้ดสั่งให้เผาทำลายเครื่องปั่นด้ายทั้งหมดที่มีอยู่ในราชอาณาจักรเพราะยังทรงหวาดหวั่นต่อคำสาปของแม่มดร้าย(จริงๆเล่นตามบทเฉยๆ จากนั้นก็ไปนั่งก๊งต่อ) นางฟ้าทั้งสามตกลงกันว่าจะพาเจ้าหญิงออโรร่าไปอยู่กับพวกนางในป่าลึก เพื่อให้ทุกอย่างเป็นความลับ นางฟ้าทั้งสามจึงแปลงร่างเป็นหญิงชาวบ้าน และเปลี่ยนพระนามเจ้าหญิงใหม่เป็น “ไบรเออโรส” หรือที่เรียกว่า “แม่หนามกุหลาบ” หลายปีผ่านไป (ถ้าในความฝันก็ไม่กี่ชั่วโมงหรอก) ไบรเออโรสเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวแสนสวย ในที่สุดวันที่เจ้าหญิงมีอายุครบสิบหกปีก็มาถึง นางฟ้าทั้งสามต้องการให้เจ้าหญิงแปลกพระทัย จึงขอให้เฟรินออกไปเก็บลูกเบอร์รี่ให้
    “ทำไมฉันต้องออกไปด้วยเล่า”เฟริน (ในร่างเฟลิโอน่าแต่ใส่ชุดเครื่องแต่งกายของเจ้าหญิงออโรร่า) ถาม
    “ก็ดำเนินเรื่องตามความฝันไงล่ะ...รีบๆออกไปเถอะ”แองจี้ตอบพร้อมกับผลักเจ้าตัวดีออกไปข้างนอก
    “รีบไปเถอะจ้ะ เดี่ยวจะเช้าก่อน”เรนอนบอก
    “รีบไปสิเฟริน”มาทิลด้าสั่ง
    “เออ! ไปก็ได้”เฟรินเดินบ่นเอะอะโวยวายออกมาจากกระท่อมนางฟ้าทั้งสามหันมามองหน้ากันก่อนจะแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตนเอง
   
    ทางด้านคาโล
    เจ้าชายฟิลิปทรงเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงามเช่นกัน แล้วในวันนี้คาโลของเรา (เอ้อ...เปลี่ยนเป็นของเฟรินดีกว่า) ก็ออกไปขี่ม้าเล่นในป่า
    กลับมาที่เฟริน
    ระหว่างที่เจ้าตัวดีเดินหาลูกเบอร์รี่อยู่ในป่า เจ้าตัวดีก็ฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี ทันใดนั้นเพื่อนๆที่เป็นสัตว์ป่าก็ปรากฏกายขึ้นในชุดเสื้อคลุมสวมรองเท้าบู้ท พวกเขาแกล้งแต่งตัวเป็นเจ้าชายรูปงามและเข้ามาขอให้เฟรินเต้นรำด้วย ซึ่งเฟรินเองก็รับคำด้วยความยินดี
    เฟรินหัวเราะตลอดการเต้นรำกับเจ้าชายจำแลงองค์นั้น แต่ขณะที่เฟรินกำลังหมุนตัวไปรอบๆ คาโลก็เข้ามาแอบสลับตัวกับพวกสัตว์ที่กำลังเต้นรำอยู่กับเฟริน
    “คาโล”สาวเจ้าอุทาน
    “สวยดีนะ”คาโลกระซิบบอกเบาๆในขณะที่เต้นรำด้วยกันท่ามกลางแมกไม้ที่เติบโตอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สดใสสาวเจ้าเมื่อได้ฟังหน้าก็เริ่มขึ้นสี หัวใจเต้นเร็วขึ้น”ต้นไม้น่ะ”ความคิดของเฟรินสะดุดกึก เนื่องจากสิ่งที่ตัวเองคิดมันคนละอย่างกับที่คนตรงหน้าบอก...แล้วเสียงเพลงก็จบลง
    “เต้นได้ดีเหมือนกันนี่”คาโลชม
    “ขอบใจแต่คราวหลังไม่ต้อง”เฟรินบอกเนื่องจากอารมณ์สวีทเมื่อกี๊พังทลายหมด...เพราะนายคนเดียว...เฟรินคิด ก่อนจะรีบไปหยิบตะกร้าแล้วเดินหนี
    “เดี่ยวสิ!”คาโลดึงเจ้าตัวยุ่งเข้าไปกอด”เธอลืมอะไรไปอย่างนะ”คาโลจ้องเข้าไปในดวงตาของเฟรินความโกรธเมื่อกี๊หายไปเป็นปลิดทิ้ง แล้วเฟรินก็ทำสีหน้าครุ่นคิดคาโลอมยิ้มกับใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าตอนนี้
    “อ๋อ!”สาวเจ้าร้อง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุมพิตที่หน้าผากของคนตรงหน้า”แล้วเจอกันนะ”ก่อนจะผลักคาโลออกแล้วรีบวิ่งหนีไป
    คาโลลูบหน้าผากของตัวเองงงๆ ก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ
    “เปล่า! ฉันแค่จะบอกว่าเธอลืมนัดฉันไปทานอาหารค่ำที่กระท่อมของเธอ”
    เมื่อเฟรินกลับมาที่กระท่อม เฟรินก็เล่าให้นางฟ้าทั้งสามฟังว่าตนเองได้พบคาโลแล้ว แต่แทนที่นางฟ้าสามสาวจะยิ้มดีใจด้วย พวกเธอกลับทำหน้าผิดหวัง
    “เราต้องกลับวังแล้วล่ะ”แองจี้บอก
    “กลับวัง! เฮ้ย! กลับไปทำไม”เฟรินถาม
    “นายเป็นเจ้าหญิงเฟริน”มาทิลด้าตอบ
    “อึ๊ย! จะบ้าหรอ อย่ามาอำกันน่า ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นเจ้าหญิง ไม่ต้องมาย้ำกันหรอก นี่เราอยู่ในความฝันนะ“  เฟรินหัวเราะกลั้ว นางฟ้าทั้งสามทำสีหน้าลำบากใจ
    “นี่นายอย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักนิทานเรื่องนี้”แองจี้ถาม
    “อืม!”เฟรินพยักหน้าตอบ พอเฟรินเผลอ เรนอนก็ร่ายเวทนิทราใส่ทันที (หลับไปแค่ชั่วครู่)
    “รีบพาคุณเฟลิโอน่าไปที่วังเถอะค่ะ เดี๋ยวจะตื่นก่อน -- เรนอนคิดว่าเราคงไม่มีเวลามานั่งอธิบายกันหรอกใช่มั๊ยคะ”
    แองจี้กับเรนอนพยักหน้าเออออตามก่อนที่ทั้งสามจะรีบพาเฟรินที่สลบเหมือดไม่รู้เรื่องกลับไปที่วัง
    ทั้งสี่เดินทางมาถึงปราสาทในเวลาดึก (เฟรินตื่นขึ้นมาพอดี) ทุกคนต่างพากันเข้านอนหมดแล้ว นางกำนัลรีบพาเฟรินไปยังห้องพัก ถึงแม้เฟรินจะรู้สึกมึนเล็กน้อย และแปลกๆที่มีผู้คนมาคอยปรนนิบัติรับใช้ แต่ก็รู้สึกพอใจไม่น้อย
    ขณะที่เฟรินนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก็สังเกตเห็นแสงประหลาดสีเขียว แสงนั้นสะกดให้เธอเดินตามมันไป ผ่านตัวปราสาทขึ้นไปจนถึงห้องมืดๆห้องหนึ่ง เมื่อเฟรินเปิดประตูออกก็พบเครื่องปั่นได้เก่าๆตั้งอยู่เครื่องหนึ่ง
    “จับเครื่องปั่นด้ายนั่นสิ”มีเสียงหนึ่งกระซิบบอก
    “ใครน่ะ!”เฟรินตะโกนถามออกไปในความมืด
    “จับเครื่องปั่นด้ายนั่น”
    เฟรินได้ยินเสียงร้องของพวกนางฟ้าสามสาว และต้องการที่จะวิ่งไปหา แต่เธอไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเธอถูกสะกดจากเสียงกระซิบนั่น
    เฟรินยื่นมือออกไปช้าๆจนสัมผัสกับแกนของเครื่องปั่นด้ายเปลวไปสีเขียวพุ่งออกมาจากวงล้อของเครื่องปั่นด้าย เปลวไฟที่ว่านี้เย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำแข้ง แต่ก่อนที่เฟรินจะได้ทำอะไรต่อ ก็ล้มฟุบลงไปกองกับพื้นและเข้าสู่ภวังค์แห่งการนิทราชั่วนิรันดร์
    นางฟ้าทั้งสามตามมาช่วยเหลือ สายไปเสียแล้วคำสาปของแม่มดกลาเป็นจริงแล้ว ไอ้คิลบ้าหัวเราะด้วยความสะใจ (ตามบทนะ...ขอย้ำ...ขอย้ำนะ...ว่าตามบท) ก่อนจะหายวับไปนางฟ้าทั้งสามต่างเศร้าเสียใจ
  “ได้เวลาที่เราจะต้องทำให้ทุกคนหลับแล้ว จนกว่าเฟรินจะฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”จากนั้นนางฟ้าทั้งสามจึงลอยเคลื่อนไปรอบๆปราสาทพลางร่ายมนต์เพื่อทำให้ทุกคนหลับใหล
    ระหว่างนั้นคิลก็ตรงไปจับตัวคาโลมาล่ามโซ่ขังไว้ในห้องใต้ดินของตนเองเมื่อนางฟ้าทั้งสามทราบ จึงพากันมาช่วย และได้มอบ “โล่แห่งคุณธรรม” กับ “ดาบแห่งความจริง” ให้แก่คาโลเพื่อใช้เป็นอาวุธ จากนั้นจึงพาคาโลไปยังปราสาทเพื่อช่วยเฟริน
    เมื่อคิลเห็นคาโลหลบหนีไปได้ จึงพยายามเข้าขัดขวางทุกวิถีทาง เริ่มจากการทุ่มก้อนหินใหญ่จำนวนมากใส่ แต่คาโลก็ยังควบม้ามุ่งหน้าต่อไป พอมาถึงปราสาทของเฟริน คิลก็เสกพงหนามสูงล้อมรอบปราสาทไว้ คาโลต้องฝ่าเข้าไปโดยใช้ดาบวิเศษตัดฟันต้นไม้หนามเหล่านั้น ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ค่อยจะถนัดใช้ดาบอยู่แล้ว กว่าจะเสร็จ คาโลของเราก็สะบักสะบอมอ่วมอรทัยไปตามๆกัน
    เมื่อเห็นเช่นนั้น คิลจึงแปลงร่างกลายเป็นมังกรยักษ์
  “เฮ้อ! คาโล ทำไมฉันต้องมาสู้กับแกด้วยนะ”คิลตะโกนก้องพร้อมกับพ่นเปลวไฟลูกใหญ่ออกมา
    คาโลเรียกโล่วิเศษขึ้นมากำบัง
    “สู้ไปเถอะ”คาโลตะโกนตอบ”เรื่องจะได้จบๆ”
    “นี่แกแอบหยดน้ำยาความฝันให้ฉันกับเฟรินมันกินใช่มั๊ย”คิลถาม
    สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาจนบังเกิดเป็นเปลวไฟลุกขึ้นรอบๆตัว
    “มาถามอะไรตอนนี้เล่า”คาโลโวยกลับ ก่อนจะจับดาบวิเศษพุ่งออกไปปักที่ตรงกลางหัวใจของมังกรร้ายพอดี มันล้มลงและขาดใจตายทันที”แล้วเจอกันตอนตื่นแล้วคิล”
    คาโลรีบวิ่งขึ้นไปบนหอคอย ซึ่งเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักนอนหลับใหลอยู่ คาโลเปิดประตูหอคอยเข้าไปแล้วก็พบเฟริน ซึ่งนอนนิทราอยู่ คาโลเดินข้าไปใกล้ๆก่อนจะก้มลงจุมพิตเฟริน ทันใดนั้น เฟรินก็ลืมตาตื่นขึ้นมาจากนิทรา
    “คาโล”สาวเจ้าอุทานออกมา”....”
    “หญิงสาวคนเดียวที่ฉันต้องการจะแต่งงานด้วย”คาโลเอ่ยแทรกขึ้นมาตามบทเฟรินเมื่อได้ฟังหน้าก็เริ่มขึ้นสีอีกครั้ง (เริ่มเข้าใจอะไรผิดอีกแล้วจิเฟรินของคาโล) แล้วทุกคนในปราสาทก็ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในไม่ช้า พิธีอภิเษกสมรสก็ถูกจัดให้มีขึ้น ประชาชน (ตัวประกอบที่มาจากไหนก็ไม่รู้) จากทุกหัวระแหงก็มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีครั้งยิ่งใหญ่นี้ด้วย แขกทุกคนที่มาร่วมงานต่างแสดงความยินดีที่ราชอาณาจักรของทั้งสองได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวและได้ดื่มอวยพรให้คู่บ่าวสาวแห่งพระราชวงศ์
    “เฮ้ย! เฟรินคาโล...ตื่น”คิลเดินมาปลุกเพื่อนทั้งสองที่นอนกอดกันกลมดิ๊กอยูบนที่นอนของคาโลด้วยความสงสัย ว่าเมื่อคืนหลังจากที่เขาหลับไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    “หืม! เฮ้ย!”สาวเจ้าร้องก่อนจะผลักคาโลตกจากที่นอน
    “เธอผลักฉันทำไมกัน”คาโลถามงงๆ
    “หนอย! แอบแต๊ะอั๋งจูบฉันในฝันหรอ ยอมไม่ได้”แล้วเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นในห้องพักของหัวหน้าชั้นปี 2 ป้อมอัศวิน...โดยมีทายาทคนสำคัญของตระกูลนักฆ่าคอยห้ามทัพอย่างเซ็งๆ
    โรที่แอบยืนอยู่หน้าห้องก็ยิ้มด้วยความชอบใจในขณะที่โยนขวดแก้วเล็กๆใสๆในมือไปด้วย
    “น้ำยาความฝัน...An enchanted evening ของฉันจะได้แก้แค้นคืนมั่งนะคาโล...นายน่ะเป็นพระเอกบ่อยเกินไปแล้ว”โรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มแผนการของตัวเองที่ห้องอาหารดรากอนตอนเช้า
------------------------------------------------------------The end---------------------------------------------------------------
    ง่า.....จบซะทีตอนที่สอง เป็นไงบ้างฮับรู้สึกว่าทำให้ใครๆหลายคนผิดหวังเกี่ยวกับความฝันของคาโลเยอะเลยน๊า.... (จริงป้ะ)...ตอนต่อไปเป็นตอนของโรล่ะจ้ะ ใครรักโรชอบโรก็ติดตามได้เลยนะ...ขอทานของทุกคนออกโรงแล้ว(เป็นพระเอกด้วย) ยังไงก็ติดตามด้วยน๊า.............แล้วอย่าลืมเม้นท์นะฮับ.....เจอกันตอนที่ 3 ฮับทุกๆคน
+++++++++++++++++++++++ ยาความฝัน 3 An enchanted evening. +++++++++++++++++++
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
ประเภท: Romantic, Fantasy
ข่วงเวลา: ปี 2 / นอกบท
ผู้แต่ง: Jeremy, Nathania
Note: ไชโย! มาถึงตอนที่ 2 กันแล้ว (อาจนานไปนิดก็ขอโทษด้วยนะ) มัวแต่เล่น Msnจนเพลิน โอ่ (เข้าเรื่องดีก่า)
          ตอนนี้ก็เป็นตอนของคาโล ที่เอาน้ำยาความฝันของตัวเองมาแก้แค้นคืน (ความพอใจส่วนตัวคาโล) ถ้า           
          ไปซ้ำบางตอนกับครายบ้างก็ขอประทานอภัยด้วยนะ (ข้าน้อยยอมรับผิดทุกประการยกเว้นให้ไปตาย)
          สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกๆคนทีเข้ามาอ่านนะ และ คำติชมทุกๆคำที่ได้ให้กานไว้....ปายอ่านเรื่องกันเตอะ!
    เสียงเปิดประตูห้องพยาบาลดังขึ้นทำให้สายตาของสองตัวแสบจับจ้องไปยังประตูที่ถูกเปิดออก คาโลเดินถือน้ำเปล่ากับยามาให้สองตัวแสบ
    “กินยาซะ จะได้หายเร็วๆ”คาโลบอกก่อนจะส่งยาให้ทั้งสอง
    “เออ ขอบใจ”เฟรินบอกขอบคุณก่อนจะรับแก้วยากับน้ำเปล่าไปกระดกรวดเดียวหมด ไม่วายหันไปจับนักฆ่าเพื่อนรักมากรอกยาเข้าปากตามด้วยน้ำอีกแก้วก่อนจะส่งแก้วน้ำคืนให้คาโล คาโลรับไปวางไว้ข้างๆแจกัน
    “ว่าแต่วันนี้ที่โรงอาหารเค้ามีอะไรน่าทานกันบ้างล่ะ”เฟรินถาม
    “นี่นายยังห่วงกินอีกหรอเฟริน”คิลถาม
    “หรือว่าแกไม่หิว”เฟรินย้อน
    “หิว...แต่ทนได้”คิลตอบเบาๆ
    “ก็ฉันทนไม่ไหวนี่ คา...เฮ้ย! ไอ้น้ำแข็งบ้า”เฟรินโวย เมื่อคนที่เอายามาให้เมื่อกี๊หายตัวไปอย่างไร้วี่แวว”ถ้าหายหวัดเมื่อไหร่น่าดู”เฟรินเปรยก่อนจะหันไปคุยกับคิลต่อ
    คาโลยืนหัวเราะอยู่หน้าห้องพยาบาล ในใจก็คิดว่า...ไม่นึกเลยว่าไอ้เพื่อนสองคนนี้มันจะหลอกง่ายอะไรปานนั้น...ยิ่งนึกก็ยิ่งขำ ก่อนจะเดินไปทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารดรากอน
ณ ห้องอาหารดรากอน
    เพื่อนๆหลายคนชนแก้วกันอย่างสนุกสนาน คาโลเดินเข้าไปใกล้ๆ
    “อ้าว! คาโล มาก๊งกันหน่อยมั๊ย”ครี้ดทัก
    “ได้สิ!”คาโลตอบก่อนจะเดินเข้าไปร่วมวงด้วย เสียงเฮฮาสนุกสนานดังลั่นไปทั่ว คาโลยิ้มในใจ...แผนการทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อย เขาเป็นคนหยดยาลงในน้ำเปล่าให้ 2 ตัวแสบส่วนผีสาวก็จัดการเรื่องเพื่อนๆทุกคน (รวมทั้งนางฟ้าสามสาวด้วย) สรุปตอนนี้ทุกคนก็ได้ดื่มยาความฝันไปกันหมดแล้ว รวมทั้งตัวเขาเอง
ตกดึกคืนนั้น
    “ฮ้า! ดีใจชะมัดได้กลับมานอนที่ห้องของตัวเองแล้ว”เฟรินกระโดดโลดเต้นดีใจอยู่บนที่นอนของตัวเอง
    “เออๆ แต่ฉันว่าตอนนี้แกน่าจะระวังเตียงแกพังนะ ถ้าพังฉันไม่ให้นอนด้วยนะเว้ย ระวังจะเป็นเหมือนตอนไปเดมอสอีกล่ะ”คิลเตือน
    เฟรินได้ฟังก็หยุดกระโดดทันทีพลางหันไปมองเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่กำลังนิทราสนิท ก่อนจะหันมายิ้มแบบมีเลศนัยน์ให้เพื่อนรักอีกคน
    “นี่นายอย่าบอกนะว่า...”คิลแย้งขึ้นมาอย่างรู้ทัน
    “ก็เออสิวะ...แกน่ะนอนไปเลย ฉันจัดการของฉันเอง”เฟรินบอกแผนการเสร็จสรรพแล้วก็ลุกเดินไปยังที่นอนของเจ้าชายแห่งคาโนวาล ก่อนจะถอดแหวนที่นิ้วออก”คาโล!”
    เสียงหวานๆนุ่มหูดังขึ้นข้างๆหูคาโล ทำให้คนตื่นง่ายไหวตัวก่อนจะลืมตาขึ้นมามอง
    “เฟริน”คาโลเปรยขึ้นมาเบาๆ
    “ฉันหนาว นอนด้วยกัน”เสียงหวานกระซิบเบาๆคิลที่เหมือนจะนอนแต่ยังไม่นอนสะอึกขำกึ๊กกั๊กๆเบาๆอยู่คนเดียว...เจ้าเพื่อนตัวแสบเล่นเหมือนตอนนั้นเด๊ะ...คิลคิดในใจแต่ว่าคำตอบที่ได้รับกลับไม่เหมือนเดิม
    “ได้สิ”แล้วคนถูกปลุกก็ดึงคนที่มาปลุกไปนอนกอดสบายใจเฉิบอยู่บนที่นอนของตนเองภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน”ฉันจะนอนแล้วนะ”คาโลบอกก่อนจะผล็อยหลับไป
    “อะไรวะ!”สาวเจ้านอนบ่นอยู่คนเดียวภายในอ้อมกอดของใครบางคน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มของคาโล แล้วก็หลับไป
ในความฝัน
    “อีกแล้วเรอะ”เสียงครี้ดโวยวายดังลั่นห้องโถงของพระราชวังในความฝัน”ฉันเล่นเป็นพ่อไอ้เฟรินมันอีกแล้วเรอะเนี่ย เวรกรรมของตู”
    “ทำใจหน่อยเถอะน่าครี้ด”โรปลอบ
    “ฉันว่าแกไปปลอบไอ้คาโลมันดีกว่าว่ะ รู้สึกมันจะเป็นหนักกว่าชั้นอีก”ครี้ดบอก โรพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินไปหาคาโล
    “ไง คาโล ยิ้มหน่อยสิ”โรทัก คาโลหันหน้ามาหาช้าๆ สีหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ โรเห็นก็ผงะ”ง่า...นาย...”
    “ทำไมนายต้องมาเล่นเป็นพ่อชั้นด้วย”คาโลถาม โรได้ฟังก็ยิ้มกว้าง
    “สงสัยจิตใต้สำนึกของใครบางคนที่หยดยานี้ให้พวกเราดื่มต้องการอย่างนี้ล่ะมั๊ง” คาโลได้ฟังก็ผงะ คิ้วขมวดขึ้นด้วยความโกรธ
    “ชั้นไม่ได้ต้องการให้นายเล่นเป็นพ่อชั้น”คาโลตะเบ็งเสียงลั่นด้วยความโกรธ
    “อ่า...จ้าๆ แต่ก็ขอบใจนะที่นายยอมรับว่าเป็นคนหยดยาน่ะคาโล”น้ำเสียงท่อนหลังที่ตามมาทำเอาคาโลขนลุกเกรียวแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน”ฉันไม่บอกใครหรอก”
    คาโลรู้สึกทะแม่งๆกับประโยคต่อมา แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
    “นี่มันเรื่องเจ้าหญิงนิทรานี่นา”เสียงแองจี้ดังขึ้นมาจากอีกทางด้านหนึ่ง
    “นี่เราต้องเข้ามาอยู่ในเกมส์ความฝันบ้าๆพวกนี้อีกแล้วหรอ”มาทิลด้าบ่น
    “แต่ว่าเรนอนชอบเรื่องนี้นะคะ แล้วก็เรา 3 คน ยังได้เล่นเป็นนางฟ้าอีกด้วย”เจ้าหญิงคนงามบอก”น่ารักดีนะคะ จริงมั๊ยคะ”
    “จ้ะ ๆ”แองจี้กับมาทิลด้ารับคำอย่างช่วยไม่ได้
    “อ๊าก!”เสียงของครี้ดดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง กับภาพของผู้ที่มาเล่นเป็นราชินีคู่กับตนเอง”ซีบิล”
    หน้าของคนถูกทักขึ้นสีจางๆ เมื่อสายตาจากเพื่อนๆทุกคนที่ถูกส่งไปอยู่ในเนื้อเรื่องด้วยหันมามองที่เขากันเป็นตาเดียว แต่ก็คงจะไม่มีใครรู้สึกสยองขนลุกขนพองเท่ากับครี้ดอีกแล้ว
    “สยองว่ะโร”ครี้ดเขยิบเข้าไปกระซิบให้โรฟัง
    “เอาน่าเพื่อน อยู่ห้องเดียวกัน ทนๆหน่อยเหอะ”โรปลอบ
    “แต่ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้นะเฟ้ย”ครี้ดแย้ง
    “เออๆฉันรู้ๆ ซีบิลมันเองก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นเหมือนกัน มันเองก็คงไม่คิดว่าต้องมาเล่นบทนี้หรอก”โรบอก ครี้ดพยักหน้ารับประมาณว่าเริ่มทำใจได้”แต่ซีบิลมันก็สวยดีเนาะฉันว่า”
    “หงะ...”ครี้ดรู้สึกอาการกำเริบขึ้นมาอีกรอบก่อนจะเป็นลมล้มหงายหลังไป
    “อ้าว!นี่ๆ เริ่มเล่นกันซะทีสิ เดี๋ยวถ้ามันเช้าก่อนใครจะรับผิดชอบ”มาทิลด้าตะโกนออกคำสั่ง
    “คร้าบ.....”พวกผู้ชายทุกคนรับคำ ในที่สุดเรื่องก็ดำเนินเสียที
   
    ภายในงาน ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน ครี้ดลุกขึ้นมาก๊งต่อเหมือนเดิมได้ และดูเหมือนว่า คนที่อารมณ์ไม่ดีที่สุดในงานจะเหลือแต่ คาโล คนเดียว ในบรรดาแขกที่มาร่วมงาน มีนางฟ้าใจดี(รึเปล่า)ทั้ง 3 องค์ซึ่งได้แก่ ”ฟลอร่า” (มาทิลด้า) “เฟาน่า” (เรนอน) และ”แมรี่วิทเทอร์” (แองจี้) รวมอยู่ด้วยในฐานะแขกพิเศษ พวกเธอแต่ละคนตั้งจะมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้แก่เจ้าหญิงองค์น้อย
    มาทิลด้าโบกคทาพร้อมกับให้พรว่า
    “ขอให้ริมฝีปากของเจ้าหญิงมีสีแดงระเรื่อดุจดังสีของดอกกุหลาบ”
    “สำหรับฉัน...ขอให้ทรงมีพระสุรเสียงที่ไพเราะดุจดังเสียงของนกนะจ๊ะ”เรนอนอวยพรต่อ
    แต่พอถึงคราวของแองจี้ พลันก็เกิดมีลมพายุพัดแรงมากจนประตูวังเปิดออก แม่มดร้าย”เมลฟิเซน” เธอก้าวเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมกับมีเสียงสายฟ้าฟาดคำรามกึกก้อง แล้วเสียงหัวเราะก็ดังกระหึ่มไปทั่วงาน คาโลเองก็หลุดขำน้อยๆ ในขณะที่นางฟ้าสามสาวของเราไม่ทิ้งมาดเจ้าหญิงไว้แล้ว
    “คิล นาย...”คาโลอุทานก่อนจะหลุดขำออกมาชุดใหญ่อีกรอบ
    “ตลกมากนะคาโล”คิลบอกอายๆ ก่อนจะเริ่มเล่นต่อ”ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินในวันครบรอบวันเกิดปีที่สิบหกของเจ้าหญิง นิ้วของเธอจะถูกเข็มของเครื่องปั่นด้ายทิ่มแทงและเธอจะสิ้นใจตายไป”พูดจบ คิลก็หัวเราะเสียงดังราวกับปีศาจ (ในที่นี้อาจปนเสียงหัวเราะของนางฟ้าสามสาวไปด้วย) เหล่าทหารรักษาพระองค์ (ตัวประกอบคือเหล่าบรรดาชาวป้อมอัศวินปี 2 ที่เหลือที่ยังไม่ถูกเอ่ยชื่อ) ต่างกรูกันเข้ามาเพื่อที่จะจับตัวเธอไว้ แต่แม่มดใจร้ายได้ร่ายเวทย์มนต์ออกมาแล้ว และเธอก็กลายเป็นลูกไฟดวงใหญ่หายวับไปจากท้องพระโรงในทันที
    “โอ้โห! หมอนั่นแสดงสมบทบาทจริงๆ”ครี้ดปรบมือชอบใจ
    “เล่นต่อเลยเร็วแองจี้!”คาโลเตือนสติ
    “อะ...อืม!เจ้าหญิงจะทรงไม่ตายจากไป แต่จะเป็นเพียงแค่หลับไหลไปเท่านั้น และตราบใดก็ตามหลังจากนั้น หากทรงได้รับการจุมพิตจากชายหนุ่มผู้ที่หลงรักพระองค์อย่างแท้จริง คำสาปของเมลฟิเซนก็จะเสื่อมสิ้นไป แล้วเจ้าหญิงจะทรงฟื้นขึ้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง”
   
    ครี้ดสั่งให้เผาทำลายเครื่องปั่นด้ายทั้งหมดที่มีอยู่ในราชอาณาจักรเพราะยังทรงหวาดหวั่นต่อคำสาปของแม่มดร้าย(จริงๆเล่นตามบทเฉยๆ จากนั้นก็ไปนั่งก๊งต่อ) นางฟ้าทั้งสามตกลงกันว่าจะพาเจ้าหญิงออโรร่าไปอยู่กับพวกนางในป่าลึก เพื่อให้ทุกอย่างเป็นความลับ นางฟ้าทั้งสามจึงแปลงร่างเป็นหญิงชาวบ้าน และเปลี่ยนพระนามเจ้าหญิงใหม่เป็น “ไบรเออโรส” หรือที่เรียกว่า “แม่หนามกุหลาบ” หลายปีผ่านไป (ถ้าในความฝันก็ไม่กี่ชั่วโมงหรอก) ไบรเออโรสเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวแสนสวย ในที่สุดวันที่เจ้าหญิงมีอายุครบสิบหกปีก็มาถึง นางฟ้าทั้งสามต้องการให้เจ้าหญิงแปลกพระทัย จึงขอให้เฟรินออกไปเก็บลูกเบอร์รี่ให้
    “ทำไมฉันต้องออกไปด้วยเล่า”เฟริน (ในร่างเฟลิโอน่าแต่ใส่ชุดเครื่องแต่งกายของเจ้าหญิงออโรร่า) ถาม
    “ก็ดำเนินเรื่องตามความฝันไงล่ะ...รีบๆออกไปเถอะ”แองจี้ตอบพร้อมกับผลักเจ้าตัวดีออกไปข้างนอก
    “รีบไปเถอะจ้ะ เดี่ยวจะเช้าก่อน”เรนอนบอก
    “รีบไปสิเฟริน”มาทิลด้าสั่ง
    “เออ! ไปก็ได้”เฟรินเดินบ่นเอะอะโวยวายออกมาจากกระท่อมนางฟ้าทั้งสามหันมามองหน้ากันก่อนจะแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตนเอง
   
    ทางด้านคาโล
    เจ้าชายฟิลิปทรงเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงามเช่นกัน แล้วในวันนี้คาโลของเรา (เอ้อ...เปลี่ยนเป็นของเฟรินดีกว่า) ก็ออกไปขี่ม้าเล่นในป่า
    กลับมาที่เฟริน
    ระหว่างที่เจ้าตัวดีเดินหาลูกเบอร์รี่อยู่ในป่า เจ้าตัวดีก็ฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี ทันใดนั้นเพื่อนๆที่เป็นสัตว์ป่าก็ปรากฏกายขึ้นในชุดเสื้อคลุมสวมรองเท้าบู้ท พวกเขาแกล้งแต่งตัวเป็นเจ้าชายรูปงามและเข้ามาขอให้เฟรินเต้นรำด้วย ซึ่งเฟรินเองก็รับคำด้วยความยินดี
    เฟรินหัวเราะตลอดการเต้นรำกับเจ้าชายจำแลงองค์นั้น แต่ขณะที่เฟรินกำลังหมุนตัวไปรอบๆ คาโลก็เข้ามาแอบสลับตัวกับพวกสัตว์ที่กำลังเต้นรำอยู่กับเฟริน
    “คาโล”สาวเจ้าอุทาน
    “สวยดีนะ”คาโลกระซิบบอกเบาๆในขณะที่เต้นรำด้วยกันท่ามกลางแมกไม้ที่เติบโตอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สดใสสาวเจ้าเมื่อได้ฟังหน้าก็เริ่มขึ้นสี หัวใจเต้นเร็วขึ้น”ต้นไม้น่ะ”ความคิดของเฟรินสะดุดกึก เนื่องจากสิ่งที่ตัวเองคิดมันคนละอย่างกับที่คนตรงหน้าบอก...แล้วเสียงเพลงก็จบลง
    “เต้นได้ดีเหมือนกันนี่”คาโลชม
    “ขอบใจแต่คราวหลังไม่ต้อง”เฟรินบอกเนื่องจากอารมณ์สวีทเมื่อกี๊พังทลายหมด...เพราะนายคนเดียว...เฟรินคิด ก่อนจะรีบไปหยิบตะกร้าแล้วเดินหนี
    “เดี่ยวสิ!”คาโลดึงเจ้าตัวยุ่งเข้าไปกอด”เธอลืมอะไรไปอย่างนะ”คาโลจ้องเข้าไปในดวงตาของเฟรินความโกรธเมื่อกี๊หายไปเป็นปลิดทิ้ง แล้วเฟรินก็ทำสีหน้าครุ่นคิดคาโลอมยิ้มกับใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าตอนนี้
    “อ๋อ!”สาวเจ้าร้อง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุมพิตที่หน้าผากของคนตรงหน้า”แล้วเจอกันนะ”ก่อนจะผลักคาโลออกแล้วรีบวิ่งหนีไป
    คาโลลูบหน้าผากของตัวเองงงๆ ก่อนจะเปรยออกมาเบาๆ
    “เปล่า! ฉันแค่จะบอกว่าเธอลืมนัดฉันไปทานอาหารค่ำที่กระท่อมของเธอ”
    เมื่อเฟรินกลับมาที่กระท่อม เฟรินก็เล่าให้นางฟ้าทั้งสามฟังว่าตนเองได้พบคาโลแล้ว แต่แทนที่นางฟ้าสามสาวจะยิ้มดีใจด้วย พวกเธอกลับทำหน้าผิดหวัง
    “เราต้องกลับวังแล้วล่ะ”แองจี้บอก
    “กลับวัง! เฮ้ย! กลับไปทำไม”เฟรินถาม
    “นายเป็นเจ้าหญิงเฟริน”มาทิลด้าตอบ
    “อึ๊ย! จะบ้าหรอ อย่ามาอำกันน่า ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นเจ้าหญิง ไม่ต้องมาย้ำกันหรอก นี่เราอยู่ในความฝันนะ“  เฟรินหัวเราะกลั้ว นางฟ้าทั้งสามทำสีหน้าลำบากใจ
    “นี่นายอย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักนิทานเรื่องนี้”แองจี้ถาม
    “อืม!”เฟรินพยักหน้าตอบ พอเฟรินเผลอ เรนอนก็ร่ายเวทนิทราใส่ทันที (หลับไปแค่ชั่วครู่)
    “รีบพาคุณเฟลิโอน่าไปที่วังเถอะค่ะ เดี๋ยวจะตื่นก่อน -- เรนอนคิดว่าเราคงไม่มีเวลามานั่งอธิบายกันหรอกใช่มั๊ยคะ”
    แองจี้กับเรนอนพยักหน้าเออออตามก่อนที่ทั้งสามจะรีบพาเฟรินที่สลบเหมือดไม่รู้เรื่องกลับไปที่วัง
    ทั้งสี่เดินทางมาถึงปราสาทในเวลาดึก (เฟรินตื่นขึ้นมาพอดี) ทุกคนต่างพากันเข้านอนหมดแล้ว นางกำนัลรีบพาเฟรินไปยังห้องพัก ถึงแม้เฟรินจะรู้สึกมึนเล็กน้อย และแปลกๆที่มีผู้คนมาคอยปรนนิบัติรับใช้ แต่ก็รู้สึกพอใจไม่น้อย
    ขณะที่เฟรินนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก็สังเกตเห็นแสงประหลาดสีเขียว แสงนั้นสะกดให้เธอเดินตามมันไป ผ่านตัวปราสาทขึ้นไปจนถึงห้องมืดๆห้องหนึ่ง เมื่อเฟรินเปิดประตูออกก็พบเครื่องปั่นได้เก่าๆตั้งอยู่เครื่องหนึ่ง
    “จับเครื่องปั่นด้ายนั่นสิ”มีเสียงหนึ่งกระซิบบอก
    “ใครน่ะ!”เฟรินตะโกนถามออกไปในความมืด
    “จับเครื่องปั่นด้ายนั่น”
    เฟรินได้ยินเสียงร้องของพวกนางฟ้าสามสาว และต้องการที่จะวิ่งไปหา แต่เธอไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเธอถูกสะกดจากเสียงกระซิบนั่น
    เฟรินยื่นมือออกไปช้าๆจนสัมผัสกับแกนของเครื่องปั่นด้ายเปลวไปสีเขียวพุ่งออกมาจากวงล้อของเครื่องปั่นด้าย เปลวไฟที่ว่านี้เย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำแข้ง แต่ก่อนที่เฟรินจะได้ทำอะไรต่อ ก็ล้มฟุบลงไปกองกับพื้นและเข้าสู่ภวังค์แห่งการนิทราชั่วนิรันดร์
    นางฟ้าทั้งสามตามมาช่วยเหลือ สายไปเสียแล้วคำสาปของแม่มดกลาเป็นจริงแล้ว ไอ้คิลบ้าหัวเราะด้วยความสะใจ (ตามบทนะ...ขอย้ำ...ขอย้ำนะ...ว่าตามบท) ก่อนจะหายวับไปนางฟ้าทั้งสามต่างเศร้าเสียใจ
  “ได้เวลาที่เราจะต้องทำให้ทุกคนหลับแล้ว จนกว่าเฟรินจะฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”จากนั้นนางฟ้าทั้งสามจึงลอยเคลื่อนไปรอบๆปราสาทพลางร่ายมนต์เพื่อทำให้ทุกคนหลับใหล
    ระหว่างนั้นคิลก็ตรงไปจับตัวคาโลมาล่ามโซ่ขังไว้ในห้องใต้ดินของตนเองเมื่อนางฟ้าทั้งสามทราบ จึงพากันมาช่วย และได้มอบ “โล่แห่งคุณธรรม” กับ “ดาบแห่งความจริง” ให้แก่คาโลเพื่อใช้เป็นอาวุธ จากนั้นจึงพาคาโลไปยังปราสาทเพื่อช่วยเฟริน
    เมื่อคิลเห็นคาโลหลบหนีไปได้ จึงพยายามเข้าขัดขวางทุกวิถีทาง เริ่มจากการทุ่มก้อนหินใหญ่จำนวนมากใส่ แต่คาโลก็ยังควบม้ามุ่งหน้าต่อไป พอมาถึงปราสาทของเฟริน คิลก็เสกพงหนามสูงล้อมรอบปราสาทไว้ คาโลต้องฝ่าเข้าไปโดยใช้ดาบวิเศษตัดฟันต้นไม้หนามเหล่านั้น ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ค่อยจะถนัดใช้ดาบอยู่แล้ว กว่าจะเสร็จ คาโลของเราก็สะบักสะบอมอ่วมอรทัยไปตามๆกัน
    เมื่อเห็นเช่นนั้น คิลจึงแปลงร่างกลายเป็นมังกรยักษ์
  “เฮ้อ! คาโล ทำไมฉันต้องมาสู้กับแกด้วยนะ”คิลตะโกนก้องพร้อมกับพ่นเปลวไฟลูกใหญ่ออกมา
    คาโลเรียกโล่วิเศษขึ้นมากำบัง
    “สู้ไปเถอะ”คาโลตะโกนตอบ”เรื่องจะได้จบๆ”
    “นี่แกแอบหยดน้ำยาความฝันให้ฉันกับเฟรินมันกินใช่มั๊ย”คิลถาม
    สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาจนบังเกิดเป็นเปลวไฟลุกขึ้นรอบๆตัว
    “มาถามอะไรตอนนี้เล่า”คาโลโวยกลับ ก่อนจะจับดาบวิเศษพุ่งออกไปปักที่ตรงกลางหัวใจของมังกรร้ายพอดี มันล้มลงและขาดใจตายทันที”แล้วเจอกันตอนตื่นแล้วคิล”
    คาโลรีบวิ่งขึ้นไปบนหอคอย ซึ่งเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักนอนหลับใหลอยู่ คาโลเปิดประตูหอคอยเข้าไปแล้วก็พบเฟริน ซึ่งนอนนิทราอยู่ คาโลเดินข้าไปใกล้ๆก่อนจะก้มลงจุมพิตเฟริน ทันใดนั้น เฟรินก็ลืมตาตื่นขึ้นมาจากนิทรา
    “คาโล”สาวเจ้าอุทานออกมา”....”
    “หญิงสาวคนเดียวที่ฉันต้องการจะแต่งงานด้วย”คาโลเอ่ยแทรกขึ้นมาตามบทเฟรินเมื่อได้ฟังหน้าก็เริ่มขึ้นสีอีกครั้ง (เริ่มเข้าใจอะไรผิดอีกแล้วจิเฟรินของคาโล) แล้วทุกคนในปราสาทก็ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในไม่ช้า พิธีอภิเษกสมรสก็ถูกจัดให้มีขึ้น ประชาชน (ตัวประกอบที่มาจากไหนก็ไม่รู้) จากทุกหัวระแหงก็มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีครั้งยิ่งใหญ่นี้ด้วย แขกทุกคนที่มาร่วมงานต่างแสดงความยินดีที่ราชอาณาจักรของทั้งสองได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวและได้ดื่มอวยพรให้คู่บ่าวสาวแห่งพระราชวงศ์
    “เฮ้ย! เฟรินคาโล...ตื่น”คิลเดินมาปลุกเพื่อนทั้งสองที่นอนกอดกันกลมดิ๊กอยูบนที่นอนของคาโลด้วยความสงสัย ว่าเมื่อคืนหลังจากที่เขาหลับไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    “หืม! เฮ้ย!”สาวเจ้าร้องก่อนจะผลักคาโลตกจากที่นอน
    “เธอผลักฉันทำไมกัน”คาโลถามงงๆ
    “หนอย! แอบแต๊ะอั๋งจูบฉันในฝันหรอ ยอมไม่ได้”แล้วเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้นในห้องพักของหัวหน้าชั้นปี 2 ป้อมอัศวิน...โดยมีทายาทคนสำคัญของตระกูลนักฆ่าคอยห้ามทัพอย่างเซ็งๆ
    โรที่แอบยืนอยู่หน้าห้องก็ยิ้มด้วยความชอบใจในขณะที่โยนขวดแก้วเล็กๆใสๆในมือไปด้วย
    “น้ำยาความฝัน...An enchanted evening ของฉันจะได้แก้แค้นคืนมั่งนะคาโล...นายน่ะเป็นพระเอกบ่อยเกินไปแล้ว”โรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มแผนการของตัวเองที่ห้องอาหารดรากอนตอนเช้า
------------------------------------------------------------The end---------------------------------------------------------------
    ง่า.....จบซะทีตอนที่สอง เป็นไงบ้างฮับรู้สึกว่าทำให้ใครๆหลายคนผิดหวังเกี่ยวกับความฝันของคาโลเยอะเลยน๊า.... (จริงป้ะ)...ตอนต่อไปเป็นตอนของโรล่ะจ้ะ ใครรักโรชอบโรก็ติดตามได้เลยนะ...ขอทานของทุกคนออกโรงแล้ว(เป็นพระเอกด้วย) ยังไงก็ติดตามด้วยน๊า.............แล้วอย่าลืมเม้นท์นะฮับ.....เจอกันตอนที่ 3 ฮับทุกๆคน
+++++++++++++++++++++++ ยาความฝัน 3 An enchanted evening. +++++++++++++++++++
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น