ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Part 1 # A Whole New World
Fic: ยาความฝัน 1 ตอน A Whole New World
ประเภท: Romantic, Fantasy
ข่วงเวลา: ปี 2 / นอกบท
ผู้แต่ง: Jeremy, Nathania
Note: ค่า...เรื่องนี้ก็ได้ไอเดียมาจากการ์ตูนของ Disney ตอนแรกๆก็คิดไม่ตกซะทีว่าจะลงดีไม่ลงดี
            แต่ในที่สุดผลก็มาปรากฏอย่างที่เห็นๆกันอยู่นี่แหละจ้า...ฟิกนี้มีทั้งหมด 4 ตอนด้วยกัน
            (เพราะว่าเอามาจากการ์ตูนของ Disney ทั้งหมด 4 เรื่องเป็นตอนเฉพาะของ เจ้าหญิง ทั้ง 4 ด้วย)
            พยายามจะแต่งฟิกนี้ให้ตลกแล้ว แต่ว่าจะทำยังไงมานก็ไม่ตลกซ้ากที...งุงิอ่านแล้วช่วยกานติด้วยน๊า!
    “หู! ไปเอามาจากไหนวะคิลลองใช้ดีมั๊ย!”หนึ่งหัวขโมยกับหนึ่งนักฆ่ากำลังนั่งสนทนากันอยู่ในห้องพักของหัวหน้าชั้นปี 2 ป้อมอัศวินเรื่องขวดยาความฝันของคิลที่บังเอิญไปได้มาจากการช่วยยายแก่ถือของ(นานแล้ว)
    (ยาความฝันนี้ สามารถใช้กับหลายๆคนได้ในเวลาเดียวกันวิธีใช้คือหยดลงในอาหารหรือเครื่องดื่มของแต่ละคน แล้วให้คนๆนั้นทานเข้าไป พอตกดึก ใครที่ได้กินยานี้เข้าไปก็จะฝันเรื่องๆเดียวกัน และตัวเองก็จะรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในความฝันนั้นเลยจริงๆ...*ยานี้จะกำหนดตัวละครผู้เล่นบทนั้นในความฝันไปตามความรู้สึกของจิตใต้สำนึกของผู้หยดยานี้*)
  “หือม์...เอาจริงหน่ะ”นักฆ่าถามลุ้นๆ เพราะไม่มั่นใจและไม่ค่อยอยากจะเล่นถ้าเฟรินเป็นคนหยด
  “จริงซิวะน่าสนุกดีออก”หัวขโมยตอบก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดยาความฝันแต่เนื่องจากนิสัยขี้เล่นของนักฆ่าเพื่อนรัก ตนเองจึงกลิ้งตกที่นอนไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ก่อนจะหันไปโวย
    “ไอ้คิล!”
    “อ่า...โทษๆไม่แกล้งและ”นักฆ่าตอบขำๆก่อนจะส่งขวดยาให้เพื่อนรักแล้วบุรุษคนที่ 3 ก็ก้าวเข้ามาในห้อง
    “เมื่อไหร่นายสองคนจะลงไปทานอาหารเย็นฮะ!”คำถามที่บอกได้ชัดว่าผู้ถามรู้สึกอย่างไรถูกเอ่ยออกมาจากปากของเจ้าชายน้ำแข็ง นาม “คาโล”
    “ไปเดี๋ยวนี่แหละ”เฟรินตอบก่อนจะรีบลากคอนักฆ่าเพื่อนรักไปยังห้องอาหารดรากอน
    แล้วแผนการของทั้งสองก็เริ่มขึ้นเฟรินเอาน้ำยาความฝันไปหยดใส่ลงในแก้วน้ำของทุกๆคน (ยกเว้นนางฟ้าทั้ง3) ก่อนจะยกมาให้ทำทีว่า...พวกนายจะไม่ต้องเดินให้เมื่อย...
    “มีอะไรรึเปล่าเฟริน”คาโลถามด้วยความสงสัยในท่าทีที่มีพิรุธของเฟริน
    “เปล่านี่”เฟรินยิ้มกว้าง
    “หวังว่านายคงไม่ใส่อะไรไว้ในน้ำนะ”โรถามขึ้นมาอย่างรู้ทันคิลกับเฟรินหน้าซีดเผือกก่อนจะยิ้มแห้งๆตอบ
    “ไม่มีจริงๆ!”เฟรินตอบ(คิลคิดในใจ...จะโดนจับได้มั๊ยวะ.../เฟรินคิดในใจ...ดันเจือกรู้ทันอีกไอ้บ้านี่...)
แล้วยามค่ำคืนวันพระจันทร์กลมก็มาถึง(เอ!พระจันทร์มันก็กลมอยู่แล้วไม่ใช่หรอ)
    “ใกล้ได้เวลาแล้วๆ”เฟรินร้องด้วยความตื่นเต้น”ว่าแต่ยาความฝันแกมันเรื่องอะไรวะคิล”
    นักฆ่าที่กำลังจะหลับแล้วหันมาตอบ
    “A Whole New World โลกใบใหม่ของเจ้าหญิง...Aladdin นั่นแหละง่ายๆ”คิลตอบ
    “เฮ้ย! งั้นก็เรื่องผู้หญิงอะดิ”เฟรินร้อง (แต่พยายามร้องให้เบาที่สุด เพราะว่าคาโลหลับไปแล้ว)
    “เออ! ก็บอกแล้วว่าไม่ๆ ฉันก็อุตส่าห์ถามว่าจะเล่นจริงๆหรอแกก็ดันตอบว่าจริง...รับชะตากรรมไปก็แล้วกันเพื่อน”คิลบอกก่อนจะผล็อยหลับไป ทิ้งให้เจ้าหัวขโมยตัวยุ่งนั่งกลืนน้ำลายเอื๊อกอยู่คนเดียว ก็จะไม่ให้กลัวได้ยังไงล่ะ ในเมื่อคนที่เขาหยดน้ำยาให้ดื่มไปมีแต่พวกผู้ชายทั้งนั้น ยกเว้ยตัวเขาเองที่เป็นครึ่งหญิงครึ่งชายหวังว่ามันคงจะไม่เป็นเรื่องเกย์นะคิดแล้วก็กลุ้ม แถมยิ่งคิดก็ยิ่งสยอง ก็เลยตัดสินใจว่านอนๆแล้วก็ฝันมันไปซะเลยสิ้นเรื่อง...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะน้า...
แล้วยาก็เริ่มออกฤทธิ์
    กลางดึกคืนหนึ่ง ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ชายผู้ชั่วร้ายนามว่า “จาฟาร์” และนกแก้วเจ้าเล่ห์ของเขากำลังรอใครคนหนึ่งอยู่
    “เฮ้ย! ทำไมฉันมาอยู่ในเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย”โร (ในบทจาฟาร์) ร้องขึ้นมาก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก”ต้องเป็นฝีมือของเฟรินแน่ๆเลยที่โรงอาหารนั่นแล้วก็ตอนนั้นอย่าบอกนะว่านี่คือยาความฝัน...แย่ล่ะสิ”
    ไม่นานนักเจ้าโจรร้าย “กาเซ็ม” (ซึ่งรับบทโดยทิวดอร์) ก็ควบม้าตรงมาหาแล้วจึงส่งเหรียญรูปแมลงปีกแข็งซึ่งถูกหักออกไปครึ่งหนึ่งให้จาฟาร์ เมื่อจาฟาร์นำอีกครึ่งหนึ่งของเหรียญมาประกบเข้าด้วยกัน ก็พลันเกิดเสียงฟ้าคำรามลั่นพร้อมกับมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วบริเวณ เหรียญนั้นค่อยๆลอยขึ้นแล้วมุ่งหน้าข้ามทะเลทรายไป
    “นี่นายเล่นเป็นจาฟาร์หรอโร”ทิวดอร์ถาม
    “ส่วนนายก็เจ้าโจรร้ายกาเซ็ม...เอาเถอะ! เรารีบตามเหรียญนั่นไปดีกว่าเดี๋ยวถ้าไม่ดำเนินเรื่องตามความฝันมันจะออกไปจากความฝันไม่ได้”โรบอก
    โรและทิวดอร์ควบม้าตามเหรียญนั้นไปจนถึงถ้ำประหลาดแห่งหนึ่ง
    “ทิวดอร์...นายต้องเข้าไปเอาตะเกียงมาให้ฉันตามบท”โรบอก”แล้วก็...นายจะได้ออกจากความฝันไปก่อนใครเพื่อน”
    ทิวดอร์พยักหน้ารับช้าๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูถ้ำแล้วก็โดนเสือเทพเจ้าผู้พิทักษ์ถ้ำนั้นกลืนกินเข้าไปหลังจากที่ก้าวขาลงไปได้ไม่นาน
    “ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าไปได้”เสือเทพเจ้าบอก
    “เอ็ดเวิร์ด...นั่นนายหรอ”โรทัก
    “ใช่! แล้วนั่นนายหรือโร”เอ็ดเวิร์ดถาม”ฉันว่าเฟรินกับคิลจะต้องหลอกพวกเราแน่ๆเลยตอนที่เอาน้ำมาให้ดื่ม”
    “นายคิดว่าจะใช่น้ำยาความฝันหรือเปล่า”โรถาม
    “ใช่แน่ล่ะ”เอ็ดเวิร์ดตอบโรมองไปรอบๆตัวก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆ
    “แล้วฉันต้องทำยังไงต่อเนี่ย!”
    “นายก็ต้องกลับไปที่วังเพื่อที่จะไปเจออาละดินแล้วก็พากลับมาที่นี่เพื่อที่จะให้อาละดินเอาตะเกียงให้นายไง”เอ็ดเวิร์ดบอก
    “เออ! ขอบใจ”โรกล่าวขอบคุณก่อนที่จะควบม้าไปยังพระราชวัง
ณ พระราชวังที่นครอัครบา
    “ลูกไม่ควรจะปฎิเสธเจ้าชายทุกคนที่มาขอพบ”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาทของเฟรินก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกว่ากลับกลายร่างมาเป็นเฟลิโอน่าอีกแล้วแล้วตัวเขาเองก็เป็นเจ้าหญิง “จัสมิน” ในความฝันเรื่องนี้
    “เวรกรรม!”เฟรินอุทานก่อนที่จะรีบเอามือปิดปากไว้แทบจะในทันที พร้อมกับเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเมื่อกี๊ที่เรียกตนเองว่าลูก “ฮะ ฮะ ฮะ...นั่นแกหรอวะครี้ด--ไอ้ชุดสุลต่านนั่นมันไม่เข้ากับแกเลยนะฮะๆ”
    “เออ! ฉันรู้ว่ามันน่าขำแต่ขอร้องล่ะช่วยดำเนินเรื่องต่อเหอะเออ! แล้วแกใช่ไหมเฟรินที่เอาน้ำยาความฝันมาให้พวกเรากิน”ครี้ดถาม
    “ไม่รุ”เจ้าตัวดีตอบก่อนที่จะรีบวิ่งหนีหายไปครี้ดส่ายหัวเซ็งๆก่อนจะบ่นพึมพำออกมาเบาๆ
    “เออ! แล้วในวังมันจะมีเหล้าให้ก๊งมั๊ยเนี่ย”
    คืนนั้น(ในความฝัน)เฟรินก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาๆแล้วค่อยๆย่องออกจากวังไปที่สวนดอกไม้
    “ฝีมือยังใช้ได้อยู่นี่หว่า...ขอปีนออกไปดูตลาดในความฝันหน่อยละกันว่าเหมือนในโลกความจริงมากขนาดไหน”แล้วก็ปีนจมูกราจา (เสือของเจ้าหญิงจัสมิน) ปีนข้ามกำแพงออกไปที่ถนนของอัครบา   
    เป็นเวลาเช้าพอดี เฟรินเดินสำรวจไปตามท้องถนนที่พลุกพล่าน แล้วสายตาก็ไปจ๊ะกับอะไรซักอย่างเข้าโดยบังเอิญ
    “แหม! ขนาดในความฝันยังเอาใจฉันเลยนะเนี่ย”เฟรินพูดทำนองเข้าข้างตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังร้านขายแอปเปิ้ล
    “พี่สาว!”เด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งดูท่าทางหิวโหยเดินมาหาเฟริน
    “เฮ้ย! ซีบิล”เฟรินร้องเสียงดังทำเอาคนที่มาเดินจ่ายตลาดแถวๆนั้นหันมามองก่อนจะหันกลับไปแบบไม่สนใจ  ”ทำไมเป็นเด็กล่ะ”เฟรินถาม
    “ช่างเถอะครับเรื่องนั้น! ตอนนี้ผมว่าหยิบแอปเปิ้ลให้ผมก่อนละกันครับ”ซีบิลในร่างเด็กตัวจ้อยบอก
    “เอางั้นหรอ!”เฟรินถามก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลมาลูกนึงให้ซีบิล”ไม่ยักรู้ว่านายเองก็ชอบกินแอปเปิ้ลเหมือนกันนะเนี่ยเอาไว้ตื่นแล้วฉันจะเลี้ยงแอปเปิ้ลนายเต็มที่เลย”เจ้าคนที่พูดตามความคิดตัวเองยิ้มกว้างโดยไม่รู้เลยว่าที่เขาทำยังนั้นก็เพราะว่าต้องเล่นตามบท ถ้าไม่เล่นตามเนื้อเรื่องก็จะออกจากความฝันไม่ได้...ซีบิลยิ้มตอบเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีแต่ถึงจะรู้ก็กลัวจะเสียเวลาก็เลยรีบวิ่งปลีกตัวออกมาเฟรินมองตามงงๆก่อนจะหันไปทางเจ้าของร้าน”เฮ้ย! ซอร์โร”เฟรินร้องจ๊ากก่อนจะรีบตระครุบปากตัวเองแทบไม่ทันเพราะว่าร้องเสียงดังอีกแล้ว
    “แล้วค่าแอปเปิ้ลล่ะ”ซอร์โรทวงถามค่าแอปเปิ้ลเสียงเข้ม
    เฟรินพยายามทำสีหน้าเศร้าเพื่อปกปิดความขบขันที่บังเกิดขึ้นมาในใจด้วยความคิดที่ว่า...คนอย่างซอร์โร วันวิล ต้องมาเล่นเป็นพ่อค้าขายแอปเปิ้ล...คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆแต่ก็กลัวคนตรงหน้าจะตวัดดาบฟันฉับเข้าให้ที่คอเพราะความอับอายเหลือแสน”ฉันไม่มีหรอก”เฟรินตอบกลับกวนๆ”อย่าขี้งกไปหน่อยเลยน่าคุณพ่อค้ากะอีแค่แอปเปิ้ลลูกเดียว”เฟรินแย็บเข้าให้
    ซอร์โรเปรยยิ้มเหี้ยมให้เฟรินก่อนจะเดินมาจับข้อมือของเธอไว้พร้อมกับร้องตะโกน
    “ขโมย!”
    อาละดิน(รับบทโดยคาโล)กับลิง”อาบู”ที่กำลังนั่งมองผู้คนที่เดินไปเดินมาอยู่ในตลาดอัครบาจากบนหลังคาตึกแห่งหนึ่งก็ได้สังเกตเห็นพ่อค้าขายแอปเปิ้ลซึ่งกำลังโมโหสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเนื่องจากเธอไม่มีเงินจ่าย(อาจรวมถึงปากพล่อยๆของเฟรินที่ไปแย็บซอร์โรเข้าให้ด้วย) คาโลกับอาบูจึงรีบลงมาช่วยเธอทันที
    “ขอบคุณในความกรุณาที่ท่านหาเธอพบ”คาโลผลักเฟรินให้ไปยืนอยู่ข้างหลัง”นี่น้องสาวที่สติไม่สมประกอบของฉันเอง ได้โปรดท่านอย่าถือสา”คาโลอธิบายกับซอร์โร สีหน้าไม่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นหรือตกใจแม้แต่น้อย
    “ไอ้บ้า! สติไม่สมประกอบหรอฉันสติดีนะเฟ้ย”เฟรินโวย ในใจก็คิดว่าอยากเห็นหน้าไอ้คนพูดนักว่าเป็นใครจะได้จับมาอักซักทีสองทีโทษฐานที่หมิ่นประมาทคนอย่างเขาเป็นพวกสติไม่สมประกอบโดยหารู้มั๊ยว่าที่คนๆนั้นต้องทำยังงั้นก็เพราะต้องการช่วยให้รอดประกอบกับพูดตามบทด้วย
    คาโลเมื่อได้ยินเสียงทันทีก็รู้ได้เลยว่าใคร...ยัยตัวยุ่งของเขานี่เอง...
    “ก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น”คาโลบอกกับซอร์โร
    เฟรินเห็นท่าไม่ดีจึงแกล้งหันหน้าไปทางลิงอาบูพร้อมกับตะโกนว่า
    “ท่านสุลต่าน”แต่ซอร์โรไม่หลงกล เขาจึงร้องตะโกนให้ทหารหลวงมาล้อมจับเฟรินกับคาโล เมื่อเป็นดังนั้นเฟรินก็เลยจำเป็นจะต้องขุดวิชาก้นหีบของตระกูลเดอเบอโรว์ขึ้นมาใช้ ซึ่งนั่นก็คือ...หนี!
    เฟรินรีบวิ่งนำคาโลไปตามตรอกแคบๆแต่ก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะไปหลบตรงไหนดีคาโลจึงพาไปหลบยังที่ซ่อนซึ่งเป็นบ้านของอาละดิน แล้วพอเฟรินเห็นหน้าของชายที่ลากมาด้วยชัดๆก็ถึงกับแทบจะเป็นลมล้มหงายหลังไปทันที...ไอ้ท่านหัวหน้าป้อมน้ำแข็งใสนี่เอง...
    “พึ่งเคยมาตลาดครั้งแรกรึไง”น้ำเสียงส่อเค้าว่าดูถูกดังออกมาจากปากของคาโล
    “นั่นฉันควรจะถามนายมากกว่า”เฟรินย้อน
    “คนเขาอุตส่าห์ช่วยคำขอบคุณซักคำก็ไม่มี”คาโลพูดทำนองน้อยใจ
    “ถ้ามันลำบากนักคราวหลังก็ไม่ต้องช่วย”เฟรินบอก
    “รู้งี้น่าจะปล่อยให้พวกทหารหลวงจับไปซะไม่น่าเข้ามาช่วย”
    “แล้วช่วยทำไมล่ะ”น้ำเสียงเฟรินส่อเค้าว่าลุ้นๆกับคำตอบที่จะได้รับ อาจเป็น...ก็เพราะเป็นห่วง...หรือไม่ก็...คนรักเขาไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว...แต่ความฝันทั้งหมดก็ต้องพังทลายลงเพราะว่าคำตอบที่เขาคิดไว้กับไอ้คนตรงหน้ามันไม่ได้เข้าแก็กกันเลยซักนิดเดียว
    “ก็แค่สงสารลูกหมาตาน้ำตาลๆบางตัวก็เท่านั้น”คำตอบที่ได้รับทำเอาคนที่ความอดทนมีน้อยอยู่แล้วกระโดดเข้าไปวางมวยคนตรงหน้าทันที แต่ด้วยเคล็ดลับทางเทคนิกเล็กๆน้อยๆ (หรือเพราะความเคยชินแล้วก็ไม่ทราบ)
ทำให้คนที่จะโดนวางมวยจับเจ้าคนที่จะวางมวยเข้ามาไว้ในอ้อมกอดได้สำเร็จ ทำให้เจ้าคนที่อยากจะวางมวยได้แต่ดิ้นฮึดฮัดๆด้วยความไม่พอใจอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่าก่อนจะดิ้นหลุดออกมาได้ พร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจไปให้
    ทันใดนั้นพวกทหารหลวงก็ปรากฏกายขึ้น
    “พวกเขาอยู่ที่นั่น”พวกทหารตะโกนพร้อมกับชี้ดาบมาที่เฟรินและคาโล
    คาโลหันมามองเฟรินพร้อมกับยื่นมือมาใกล้แล้วเอ่ยถาม
    “เธอเชื่อใจฉันมั๊ย”
    เฟรินได้ฟังก็หัวใจเต้นตึกตักๆก่อนจะยื่นมือไปให้คาโลกุมไว้
    เฟรินกับคาโลวิ่งหนีไปตามตรอกซอกซอย แต่คราวนี้พวกทหารหลวงสามารถล้อมจับเฟรินกับคาโลไว้ได้
    “ฉันไม่น่าเชื่อใจนายเลยดูสิ เห็นมั๊ย! โดนจับเลย”เฟรินหันไปโวย
    “ฉันก็ไม่ได้บังคับให้เชื่อใจนี่”คาโลบอก
    “ทำไมจะไม่บังคับ”เฟรินตะโกน
    “ฉันไม่เห็นจะจำได้ว่าบังคับนายตอนไหน”
    “ก็ดูนายพูดซะขนาดนั้น”
    “แล้วในประโยคมันมีคำว่า บังคับ หรือ ข่มขู่ มั๊ยล่ะ”คาโลเน้นเสียงหนักแน่น
    “ก็...”แล้วคำพูดของเฟรินก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนทั้งสามที่รับบทเป็นทหารหลวงมันบ่งบอกว่ารำคาญเต็มที”เดท โคล์ว นายด้วยหรอ กัส”
    “อืม!”ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน
    “แล้วใครสั่งให้พวกนายมาจับเรา”คาโลถาม
    “โร (จาฟาร์) น่ะรีบไปที่วังเหอะ...ฉันล่ะอยากให้เรื่องมันจบเร็วๆ”โคล์วบอก
    “แต่ฉันไม่ลืมที่จะคิดบัญชีหรอกนะเฟริน”เดทบอก”เรารึก็นึกว่าใจดีที่แท้ก็แอบหยดน้ำยาความฝันไว้ในน้ำดื่ม”
    เฟรินได้ฟังก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบก่อนที่เสียงสวรรค์จะโปรยมาจากเจ้าชายคนข้างตัว
    “รีบไปกันเถอะ”
    เมื่อไปถึงที่วัง เฟรินก็เดินหาเจ้าจาฟาร์รอบวังก่อนจะมาเจอที่ท้องพระโรง...รู้งี้ก็มาที่นี่แต่แรกแล้ว ไม่น่าไปเดินรอบวังซะให้เมื่อย กว้างโคตรกว้างเลย...เฟรินคิดก่อนจะเดินเข้าไปหาจาฟาร์
    “นายเอาคาโลไปขังไว้ที่ไหน”เฟรินตะโกนถาม”ปล่อยคาโลมันเดี๋ยวนี้นะ”
    จาฟาค่อยๆหันหน้ามาหาเฟรินช้าๆก่อนจะเปรยรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคยให้
    “โร!”เฟรินอุทาน
    “โทษทีนะเจ้าหญิง”โรบอก”หมอนั่นถูกสั่งให้โดนประหารชีวิติในวันนี้คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วล่ะ”
    “นี่นายแค้นมันมากจนต้องมาฆ่ากันในฝันเลยรึ”เฟรินถามเสียงเกรี้ยว
    “ไม่รู้สิ! ก็หมอนั่นลักพาตัวเธอไม่ใช่รึไง”โรยิ้มตอบ
    “มันไม่ได้ลักพาตัวฉัน”เฟรินตะโกนตอบพลางคิดในใจ...นี่ถ้าเขาไม่ติดคิดว่ามันเป็นคนที่คอยให้เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆกับเขานะ...แล้วเฟรินก็นึกอะไรบางอย่างออก”แต่นายยังยกเลิกคำสั่งได้ใช่มั๊ย!”เฟรินถามโรยิ้มบางๆก่อนจะตอบว่า
    “เสียใจด้วยนะคำสั่งประหารถูกประกาศออกไปแล้ว”
    คืนนั้น โรปลอมตัวเป็นชายชราก่อนที่จะพาคาโลไปยังถ้ำประหลาด เมื่อเสือเทพเจ้าลืมตาขึ้นมาเห็นคาโล จึงอนุญาตให้เข้าไปในถ้ำได้โดยกำชับว่า
    “เมื่อเข้าไปแล้ว ห้ามแตะต้องสิ่งใดๆนอกจากตะเกียงเท่านั้น”
    อาบูอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อมองเห็นทองและเพชรนิลจินดาที่มีอยู่มากมายในถ้ำ
    “อย่าแตะต้องสิ่งใดๆนะอาบู”คาโลกล่าวเตือน เขาไม่มีสีหน้าที่บ่งบอกว่าตื่นเต้นเลยซักนิด (เห็นจนชินแล้ว)
คาโลคิดในใจ...ถ้าแม่ยอดยุ่งของเขามาเห็นเข้าคงจะตาโตเป็นไข่ห่านแน่ๆ...
    ขณะที่คาโลกำลังเอื้อมมือไปหยิบตะเกียง อาบูก็ซุกซนเอามือไปจับเพชรเม็ดโตที่ส่องแสงเป็นประกายวูบวาบ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น ถ้ำเริ่มถล่มลงมา คาโลรีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปยังปากถ้ำซึ่งเป็นที่ๆโรอยู่
    “โร...นายอยู่รึเปล่า...โร ช่วยด้วย!”คาโลร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่โรกลับปฏิเสธ...นี่ถ้าเขาใช้คทาได้คงไม่ต้องทำเรื่องแบบนี้หรอก ถ้าเขาใช้คทาได้แล้วเนื้อเรื่องไม่เปลี่ยนล่ะก็...”โร!”คาโลและอาบูจึงกลิ้งหล่นลงไปในถ้ำที่มืดมิดอีกครั้ง
    คาโลพบว่าอาบูถือตะเกียงติดมือมา เขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นเพื่อจุดไฟให้สว่าง
    ฟู่ !
    กลุ่มควันหลากสีพวยพุ่งออกมาจากตะเกียง พลันร่างอะไรซักอย่างที่คุ้นตาเขาเหลือเกินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
    “คิล!”คาโลอุทาน
    “คาโล!”คิลก็อุทานเช่นกัน”ทำไมไอ้เฟรินมันให้ฉันรับบทยักษ์ในตะเกียงวะเนี่ย”คิลบ่นอุบในขณะที่กำลังสำรวจร่างตัวเองอยู่ก่อนจะหันมาพูดกับคาโล”ช่างเถอะ! นายต้องขอพรฉัน 3 ข้อ”คิลบอก
    “ข้อแรก นายต้องทำให้ฉันเป็นเจ้าชาย (ตามบทน่ะ) ข้อสองเราค่อยว่ากันอีกทีส่วนข้อสาม”คาโลมองไปยังตะเกียงที่อยู่ในมือ”ฉันจะขอให้นายเป็นอิสระ”
    เช้าวันรุงขึ้น ผู้คนนับร้อย (ที่มาจากไหนกันก็ไม่รุแต่ที่แน่ๆมี อาชูร่า นิกส์ เจค และทิวดอร์) ยืนมุงดูอยู่บนสองฟากถนน ตรงกลางมีขบวนแห่ที่เซ็งแซ่ไปด้วยเสียงดนตรี นางรำ และช้าง ซึ่งกำลังมุ่งหน้าตรงไปที่วัง
--มันเป็นขบวนแห่ของเจ้าชายหรือนี่
    เฟรินเดินตรงเข้าไปยังท้องพระโรงเพราะว่าครี้ด(สุลต่าน)เรียกพบ
    “ฝ่าบาท...ข้าคือเจ้าชายอาลี อับบาวา ข้ามาที่นี่เพื่อขอแต่งงานกับเจ้าหญิง”คาโลกล่าวแนะนำตัวได้ครบทุกประโยคเหมือนกับว่าไปแอบอ่านมาแล้วมาพูด
    “นายกล้าดียังไงที่จะมาตัดสินอนาคตของฉันฉันไม่ใช่ของรางวัลสำหรับผู้ชนะหรอกนะ”เฟรินบอกกับเจ้าชายอาลีด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง ก่อนจะเดินอารมณ์เสียออกไปจากห้อง
    คาโลกับครี้ดมองตามงง
    “นายอย่าบอกนะว่าหมอนั่นมันไม่รู้ว่าเป็นนาย”ครี้ดถามคาโล
    “..........”ไม่มีเสียงตอบเพราะบัดนี้คนถูกถามกำลังใช้ความคิด ว่าเจ้าคนที่พึ่งเดินอารมณ์เสียออกไปเมื่อกี๊จำเขาได้รึเปล่า
   
เฟรินขลุกอยู่ในห้องทั้งวันด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายโดยเฉพาะไอ้เจ้าชายมาดมาก และหยิ่งยโส จนน่าถีบคนเมื่อกี๊ ทันใดนั้นราจาก็วิ่งออกไปที่ด้านนอกระเบียง มันส่งเสียงคำรามน่ากลัวเพื่อขู่ชายแปลกหน้าที่แอบปีนขึ้นมายังห้องของเฟริน
--เจ้าชายอาลี
    “ฉันไม่อยากจะเห็นหน้านาย ช่วยกลับออกไปได้มั๊ย”เฟรินบอกอย่างรำคาญใจ
    “ขอโทษที่รบกวน”คาโลบอกขอโทษพลางหันหลังกลับ แล้วกระโดดออกไปนอกระเบียง แต่แทนที่เขาจะร่วงตกลงไปยังเบื้องล่าง เขาดูเหมือนกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ
    “นายทำแบบนั้นได้ยังไง”เฟรินร้องถาม
    “มันเป็นพรมวิเศษน่ะ”คาโลบอก”เธออยากจะลองนั่งดูรึเปล่า”คาโลถาม
    เฟรินพยักหน้าหงึกๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆคาโลยื่นมือมาที่เฟรินพร้อมกับถามว่า
    “เธอเชื่อใจฉันมั๊ย”พลางจ้องเข้ามาในดวงตาของเฟริน
    อะไรบางอย่างในตัวของเจ้าชายอาลีเตือนให้เฟรินละลึกถึง...คาโล...คาโลเคยเธอด้วยประโยคเดียวกันนี้ตอนที่คาโลกับเฟรินหนีพวกทหารหลวง เมื่อคราวที่เฟรินแอบหนีไปเที่ยวตลาดในเมืองเฟรินคิดในใจ...ไอ้เจ้าชายจอมหยิ่งนี่จะใช่คาโลมันรึเปล่าหนอ...
 
    พรมวิเศษลอยสูงเหนือพระราชวังขึ้นไปผ่านตัวเมืองเข้าสู่หมู่เมฆ เฟรินกับคาโลนั่งพรมเที่ยวไปไกล มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนจริงซะเหลือเกิน
    เฟรินกับคาโลหยุดมองดูพลุดอกไม้ไฟที่จุดฉลองเหนือดินแดนต้องห้าม เฟรินนั่งมองทิวทัศน์รอบๆอย่างอารมณ์ดี
    “สวยจัง!”เฟรินอุทาน
    “เอ่อ! คือฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอกเธอ”คาโลบอกกับเฟริน
    “ว่ามา”เฟรินบอก
    “แต่ฉันขอถามเธอก่อน...จำฉันไม่ได้หรอ””คาโลถาม
    เฟรินหันมามองงงๆก่อนจะถึงบางอ้อแล้วเอ่ยคำตอบออกมาเสียงแผ่วเบา
    “คาโล”
    “ใช่! ฉันเอง”คาโลตอบพร้อมกับดึงคนตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ๆก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าลงไปช้าๆ...แล้วเสียงเพลงที่ฟังดูแล้วชวนให้เคลิบเคลิ้มก็บรรเลงขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
    เธอจะพบดินแดนใหม่
    งามสดใสกระจ่างสายตา
    เธอจะรู้ จะเห็นได้ด้วยตา
    ว่าโลกใหม่มันงามอย่างไร
    เธอจะได้ชมทุกอย่าง
    ชวนประทับใจไม่รู้คลาย
    ลอยสู่ฟ้าเบื้องบนกว้างไกล
    ไปด้วยพรมแห่งความใฝ่ฝัน
    A whole new world
    นี่คือโลกใบใหม่แสนเพลินใจ
    ไม่มีใครขวางเรา
    จะไปแสนไกล
    ให้เหมือนดังใจต้องการ
    A whole new world
    ที่ขอบฟ้าคราม
    สุขล้ำเกินใคร
    ตราบดินและฟ้าจะดับ
    จะเลือนลับไป
    ก็ขอเพียงได้ ได้อยู่คู่เคียงกับเธอ
    งามกว่าหนใดจะเปรียบ
    เกินจะหาคำบรรยาย
    ไปได้สูงได้สุดเหมือนใจ
    ลอยขึ้นไปสุดปลายเวิ้งฟ้า
    A whole new world
    อยู่ในโลกใบใหม่
    แสนเพลินตา
    เปรียบเราดังเหมือนดวงดาว
    ส่องพราวนภา บนฟ้ากว้างใหญ่
    ทอแสงงามนานเท่านาน
    A whole new world
    อยู่เคียงข้างเธอไม่สนใจใคร
    จะไปทุกหนทุกแห่ง
    สุดแรงของใจ
    เพียงฉันได้อยู่ในโลกเดียวกับเธอ
    A whole new world
    นี่คือโลกใบใหม่แสนเพลินใจ
    ไม่มีใครขวางเรา
    จะไปแสนไกล
    ให้เหมือนดังใจต้องการ
    A whole new world
    (มองทางใดใจยังจำ)
    เฟรินผลักเจ้าคนตรงหน้าออกเพราะว่ามันชวนให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เขาหยิบยกเรื่องรสนิยมของคนตรงหน้ามาพูดแล้วจากนั้นก็...เฟรินส่ายหัววืดๆเพื่อไล่ความคิดที่ยิ่งคิดก็ยิ่งชวนให้ดวงหน้าร้อนวูบวาบก่อนจะเงยหน้ามองสบตาเจ้าคนต้นเรื่องที่ชวนให้ใจของเธอนั้นเต้นผิดเสต็ป
    “พาฉันกลับเถอะ”
    คาโลพาเฟรินกลับมาที่วังและกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนที่จะลาจากไป
    เฟรินเดินเข้ามานอน ในใจก็พาลคิดถึงเรื่องตอนนั้นซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลา ดวงหน้าที่เคยนวลขาวก็พลันขึ้นสีเรื่ออย่างหาเหตุผลไม่ได้
    ...ทำไมเธอต้องใจเต้นด้วยนะ...
    ...ทำไมเธอต้องมารู้สึกแบบนี้ด้วย...
    ...ทำไมความรู้สึกนี้ถึงเกิดขึ้นเฉพาะใครบางคน...
    ...แล้วทำไมทำไมคนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่ชื่อว่า “คาโล”...
    แต่ทว่าหลังจากคืนนั้นแล้ว โรก็จัดการจับตัวคาโลไปถ่วงทะเล โชคดีที่คาโลนำตะเกียงวิเศษติดพกไว้กับตัว เขาจึงถูเรียกคิลออกมาพร้อมกับขอพรข้อสองเพื่อช่วยชีวิตของตัวเองไว้ คิลรีบพาคาโลกลับไปที่พระราชวังอัครบาอีกครั้ง
    ข่าวการหายตัวไปของคาโลทำให้ครี้ดตัดสินใจดำเนินเรื่องให้จบโดยการให้เฟรินแต่งงานกับโร
    “ฉันไม่มีวันแต่งงานกับนาย...โรครี้ด ถ้านายทำอย่างนั้นพวกเราทุกคนจะไม่ได้ออกไปจากความฝันนี้นะ”เฟรินอ้อนวอน แต่ครี้ดซึ่งกำลังตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของโรกลับมีพระราชบัญชาให้เฟรินต้องแต่งงานกับโร ทันใดนั้นเอง คาโลก็วิ่งถลาเข้ามาในท้องพระโรงแล้วจับไม้เท้าอสรพิษของโรฟาดลงกับพื้นจนมันแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และทันทีที่ไม้เท้าถูกทำลาย...เวทมนต์ก็เสื่อมหายไป
    “เจ้าคนทรยศ...ทหาร...จับตัวมันไว้”ครี้ดร้องสั่ง
    แต่โรก็สามารถหลบหนีไปทันก่อนที่ทหารจะทันเข้าถึงตนเอง
    ขณะที่โรกำลังวิ่งหนีไป สายตาก็เหลือบไปสังเกตเห็นตะเกียงวิเศษวางอยู่ที่หมวกของคาโล โรจึงสั่งให้”ลาโก”นกแก้วเจ้าเล่ห์ของตนเองไปขโมยตะเกียงวิเศษกลับมา
    เมื่อลาโกขโมยตะเกียงมาได้ โรก็ถูตะเกียงทำให้คิลปรากฏกายขึ้น
    “ฉันต้องการเป็นสุลต่าน”โรออกคำสั่ง
    เมื่อถึงเวลาประกาศเรื่องการแต่งงานระหว่างเฟรินกับคาโล ฝูงชนที่มารวมตัวอยู่ที่หน้าพระราชวังต่างพากันปลื้มปิติยินดี
    ทันใดนั้นเอง โรในฉลองพระองค์ของสุลต่านก็ปรากฏตัวขึ้น ผู้คนต่างตกตะลึงกันไปทั่ว
    “คิล...นายทำอะไรลงไป”คาโลร้องถาม
    “เสียใจด้วยคาโล...นายก็รู้ว่านี่มันเป็นบท ทำไมต้องอารมณ์เสียขนาดนั้น”คิลตอบเสียงเศร้า
    “ฉันกลัวก็แต่ว่าโรจะไม่คิดว่านี่เป็นแค่ความฝันแล้ว”คาโลบอก
    จากนั้นโรก็อธิษฐานขอพรข้อสองให้ตนเองกลายเป็นพ่อมดที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในโลก และไม่รอช้า โรก็เสกให้คาโลกลับเป็นดังเดิมก่อนจะเนรเทศคาโลให้ไปอยู่ที่สุดปลายโลก เมื่อคาโลฟื้นตื่นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ห่างออกไปไกลนับล้านๆไมล์ แต่คาโลไม่โชคร้ายเสียที่เดียว เพราะอาบูและพรมวิเศษยังอยู่กับเขา
    “พาฉันไปอัครบาให้เร็วที่สุด”คาโลร้องสั่งพรมวิเศษ
 
    คาโลปรากฏตัวขึ้นในขณะที่โรกำลังเพลิดเพลินกับพลังอำนาจของตนเอง(สมบทบาทยังหนอ-โร)
    “โร...ไอ้เจ้างูขี้ขลาด”คาโลตวาดใส่โร
    “งูขี้ขลาดรึ?”โรตะโกนก้องแล้วแปลงร่างกลายเป็นงูยักษ์ในทันที”เมื่อไม่มีคิลคอยช่วย...นายก็ไม่มีทางที่จะมาสู้ฉันได้”โรกล่าวแล้วก็หัวเราะเยาะเสียงดัง และแล้วคาโลก็มองเห็นช่องทางที่จะจัดการกับพ่อมดโร
    “คิลมีอำนาจมากกว่าที่นายมีเสียอีก”คาโลพูดทำนองเยาะเย้ย
    โรทนให้คาโลว่าดูถูกไม่ได้จึงกลายร่างเป็นยักษ์ คาโลยิ้มอย่างมีชัยชนะเพราะโรลืมไปสนิทว่าว่ายักษ์จะต้องอาศัยอยู่ในตะเกียงเท่านั้น
    ทันใดนั้น ตะเกียงวิเศษก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องล่างของโร และคาโลก็รีบคว้ามันเอาไว้ โรและนกแก้วของเขาจึงถูกดูดเข้าไปในตะเกียงใบนั้นชั่วนิรันดร์
    “ขอบใจเจ้ามากนะ”ครี้ดกล่าวขอบคุณคาโลและคิลที่ช่วยให้บ้านเมืองกลับมาปลอกภัยอีกครั้ง”มาอยู่ด้วยกันที่วังหลวงนี่แหละแล้วพ่อก็จะเปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลใหม่ ให้เจ้าหญิงแห่งนครอัครบาสามารถเลือกครู่ครองได้เองซึ่งจะเป็นใครหรือในเวลาใดก็ได้ตามใจ”คาโลกับเฟรินหันมายิ้มให้กัน
    คิลสะกิดคาโลเพื่อทวงถึงพรข้อสุดท้าย
    “เจ้าจงเป็นอิสระ...แล้วก็โชคดีนะ”คาโลบอก
    โอ้!ดูสิ ...ฉันออกมาได้แล้ว...ฉันเป็นอิสระแล้ว”คิลส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นที่สุดก่อนจะหายวับไป
    “เราไปกันเถอะ”คาโลหันมาบอกกับเฟริน ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวขึ้นไปนั่งบนพรมวิเศษเพื่อท่องไปยังโลกกว้างใบใหม่นี้ด้วยกัน
    “เฟริน”
    “อื้ม!”
    “เช้าแล้วนะตื่นเร็ว”
    “เช้าแล้วหรอ!” เฟรินลุกพรวดขึ้นมาก่อนจะหันหน้าไปหาคิล”แกฝันมั๊ย!”เฟรินถาม
    “อืม!”คิลตอบ”ไม่แจ่มเลยได้เป็นยักษ์จีนี่”
    “แล้วนายหล่ะคาโล”เฟรินหันไปถามอีกคนที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูห้อง
    “แล้วนายคิดว่าใครล่ะที่อยู่บนพรมวิเศษกับนาย”คำย้อนที่เล่นเอาคนฟังชะงัก ก่อนที่ดวงหน้าขาวๆจะขึ้นสีเรื่อตามด้วยการดึงวิชาหน้ากากฟาโรห์มาใช้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้วิถีดาบแห่งจิต
    แล้วทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ภาพของบรรดาชาวป้อมอัศวินปี 2 ที่ถูกโดนสองตัวแสบแห่งป้อมอัศวินดึงไปมีเอี่ยวด้วยในครั้งนี้ก็ปรากฏขึ้นทันที
    “เฟริน มาให้คิดบัญชีซะดีๆ”เสียงตะโกนของหลายๆคนที่แทบจะรวมกันเป็นเสียงเดียวดังขึ้น เฟรินรีบวิ่งไปหาเพื่อนรักอีกคนที่ยังนั่งอยู่ในห้องก่อนจะเอ่ยคำที่พาตัวเองเจ็บตัวอีกครั้ง
    “ไอ้คิลมันคนเอายานี้มานะ”
    โครม!
    คิลได้ยินดังนั้นก็ยันเจ้าคนปากพล่อยไปหนึ่งที
    “ไอ้ตอแหล! ร่วมมือด้วยกันแท้ๆ”คิลด่า
    “นายสองคนนี่สร้างเรื่องยุ่งตลอดเลยนะ”คาโลหันมาดุ
    “หยุดเลย! ฉันรู้ว่าแกแอบดีใจอยู่ลึกๆคาโล”เฟรินลุกเดินมาหาคาโล”ได้แต่งงานกับฉันในความฝัน...ชอบล่ะสิ”เฟรินทำตาอ้อล้อ”ยอมรับมาเถอะเพื่อน”
    ได้ผล! คาโลเงียบกริบก่อนที่หน้าขาวๆจะขึ้นสีเรื่อ
    “จี้ใจดำอะดิ”คนช่างยั่วแย็บเข้าให้อีกรอบก่อนจะโดนคนถูกยั่วศอกเข้ามาให้ที่ท้องหนึ่งที
    “แล้วแต่นายจะคิด”คาโลตอบก่อนจะไล่ให้ทุกๆคนลงไปข้างล่างให้หมด
    เฟรินหันหน้ามาหาคิลแล้วก็ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
    “อะไรของนาย!”คิลถามหวั่นๆ
    “เรื่องมันไม่จบง่ายๆหรอก”เฟรินบอกขณะที่ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อชุดนอนก่อนจะหยิบขวดแก้วใสๆสองขวดขึ้นมา
    “ยาความฝันนี่แกหลอกใช้ของฉันนี่หว่า!”คิลโวย
    “ก็เออสิวะ...นี่ๆมันมี 2 เรื่องว่ะ...ขวดนี้เรื่อง The beauty of true love ส่วนชวดนี้เรื่อง Part of your world ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาเรื่องไหนดีคืนนี้แกช่วยเลือกหน่อยสิ”เฟรินถาม
    “อืม! เอา  The beauty of true love สิเฮ้ย! ไม่เอา...ไม่เล่นแล้วเว้ย!”คิลตะโกนตอบก่อนที่จะรีบวิ่งหนีออกไปข้างนอกห้องเฟรินรีบวิ่งตาม
    “เฮ้ย! คิลเดี๋ยวก่อนสิวะ”แล้วเฟรินกับคิลก็ออกกำลังกายกันแต่เช้าโดยการวิ่งไล่จับกันรอบป้อมจนเหนื่อยหนักขนาดหมดแรง แล้วก็ต้องไปนอนพักที่ห้องพยาบาลทั้งวัน... (สุดยอด!)
ชาวป้อมอัศวินทุกคนถอนหายใจกันอย่างโล่งอกที่คืนนี้ปลอดภัยจากเงื้อมมือของสองตัวแสบแห่งป้อมอัศวิน ยกเว้นคาโลที่แอบเสียดายอยู่ลึกๆก่อนจะหยิบขวดแก้วใสๆขึ้นมา ในขณะที่ยืนอยู่ที่ลานตะวันเพียงคนเดียว
    “ยาความฝัน...Once upon a dreamคืนนี้เป็นทีฉันล่ะ”คาโลพูดกับตนเองเบาๆก่อนที่จะเริ่มแผนการอย่างอารมณ์ดี
---------------------------------The End (ตอนแรก) ---------------------------------
..
ฮิ้ว!นั่งพิมพ์สดๆเลยนะเนี่ยเสร็จแล้วก็เอามาลง (ตามันลายๆแล้วด้วยความง่วง) ฟิกนี้มีทั้งหมด 4 ตอน ยังไงก็ช่วยกันติดตามด้วยนะ ... แล้วถ้ามีตรงไหนผิดพลาดอะไรก็ติชมกันเข้ามาได้เลยจ้า รับฟังเสมอ... (ว่าแต่งานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา หัวขโมยแห่งบารามอส ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยเนาะ...ใครไปกันวันอาทิตย์ที่ 27 บ้างเอ่ย!)
Nathania: อ่า...Jeremyน้องรักขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าแล้ว
Jeremy  : จริงๆหรอ...กรี๊ด...ด......ด..........ด.............ด (เสียงกรี๊ดดังลั่นบ้านไป 8 หลัง) ปึง! 
Nathania: อ้าว! เดินละเมอชนตู้เย็นอีกม่ายหวายๆ...ไปก่อนละกันเน่อShut down
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  (ไอ้พี่บ้าบังอาจมายุ่งเรื่องของเรา...คือมีเพลงจากในฟิกมาฝากแต่เป็นภาคอังกฤษนะ...ลองเอาไปฝึกร้องกันนะ...เพราะมากๆเลย...เป็นเพลงที่ใช้ร้องในงานวัน Valentine ปีนี้ที่โรงเรียนเราด้วยล่ะ)
A WHOLE NEW WORLD
I can show you the world
Shining, shimmering splendid
Can you tell me now
When did you last let your heart decide?
Oh,I can open your eyes
Take you wonder by wonder
Over,sideways,and under
On a magic carpet ride
A whole new world
A new fantastic point of view
No one to tell us no
Or where to go
Or say we\'re only dreaming
A whole new world
A dazing place
I never knew
But when I\'m way up here
It\'s crystal clear
That now I\'m in a whole new world with you
Unbelievable sights
Indescribable feeling
Soaring,tumbing freewheeling
Through an endless diamond sky
A whole new world
A hundred thousand
things to see
I\'m like a shooting star
I\'ve come so far
I can\'t go back to where, I used to be
A whole new world
With new horizons to pursue
I\'ll chase them anywhere
There\'s time to spare
Let me share this whole new world with you
A whole new world
A new fantastic point of view
No one to tell us no
Or where to go
Or say we\'re only dreaming
A whole new world
(Every turn a surprise)
With new horizons to pursue
(Every moment red-letter)
I\'ll chase them anywhere
There\'s time to spare
Anywhere, there’s time to spare
Let me share this whole new world with you
A Whole new world
That\'s where we\'ll be
A thrilling chase
A wondrous place
For you and me
.........................................................................................
ประเภท: Romantic, Fantasy
ข่วงเวลา: ปี 2 / นอกบท
ผู้แต่ง: Jeremy, Nathania
Note: ค่า...เรื่องนี้ก็ได้ไอเดียมาจากการ์ตูนของ Disney ตอนแรกๆก็คิดไม่ตกซะทีว่าจะลงดีไม่ลงดี
            แต่ในที่สุดผลก็มาปรากฏอย่างที่เห็นๆกันอยู่นี่แหละจ้า...ฟิกนี้มีทั้งหมด 4 ตอนด้วยกัน
            (เพราะว่าเอามาจากการ์ตูนของ Disney ทั้งหมด 4 เรื่องเป็นตอนเฉพาะของ เจ้าหญิง ทั้ง 4 ด้วย)
            พยายามจะแต่งฟิกนี้ให้ตลกแล้ว แต่ว่าจะทำยังไงมานก็ไม่ตลกซ้ากที...งุงิอ่านแล้วช่วยกานติด้วยน๊า!
    “หู! ไปเอามาจากไหนวะคิลลองใช้ดีมั๊ย!”หนึ่งหัวขโมยกับหนึ่งนักฆ่ากำลังนั่งสนทนากันอยู่ในห้องพักของหัวหน้าชั้นปี 2 ป้อมอัศวินเรื่องขวดยาความฝันของคิลที่บังเอิญไปได้มาจากการช่วยยายแก่ถือของ(นานแล้ว)
    (ยาความฝันนี้ สามารถใช้กับหลายๆคนได้ในเวลาเดียวกันวิธีใช้คือหยดลงในอาหารหรือเครื่องดื่มของแต่ละคน แล้วให้คนๆนั้นทานเข้าไป พอตกดึก ใครที่ได้กินยานี้เข้าไปก็จะฝันเรื่องๆเดียวกัน และตัวเองก็จะรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในความฝันนั้นเลยจริงๆ...*ยานี้จะกำหนดตัวละครผู้เล่นบทนั้นในความฝันไปตามความรู้สึกของจิตใต้สำนึกของผู้หยดยานี้*)
  “หือม์...เอาจริงหน่ะ”นักฆ่าถามลุ้นๆ เพราะไม่มั่นใจและไม่ค่อยอยากจะเล่นถ้าเฟรินเป็นคนหยด
  “จริงซิวะน่าสนุกดีออก”หัวขโมยตอบก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดยาความฝันแต่เนื่องจากนิสัยขี้เล่นของนักฆ่าเพื่อนรัก ตนเองจึงกลิ้งตกที่นอนไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ก่อนจะหันไปโวย
    “ไอ้คิล!”
    “อ่า...โทษๆไม่แกล้งและ”นักฆ่าตอบขำๆก่อนจะส่งขวดยาให้เพื่อนรักแล้วบุรุษคนที่ 3 ก็ก้าวเข้ามาในห้อง
    “เมื่อไหร่นายสองคนจะลงไปทานอาหารเย็นฮะ!”คำถามที่บอกได้ชัดว่าผู้ถามรู้สึกอย่างไรถูกเอ่ยออกมาจากปากของเจ้าชายน้ำแข็ง นาม “คาโล”
    “ไปเดี๋ยวนี่แหละ”เฟรินตอบก่อนจะรีบลากคอนักฆ่าเพื่อนรักไปยังห้องอาหารดรากอน
    แล้วแผนการของทั้งสองก็เริ่มขึ้นเฟรินเอาน้ำยาความฝันไปหยดใส่ลงในแก้วน้ำของทุกๆคน (ยกเว้นนางฟ้าทั้ง3) ก่อนจะยกมาให้ทำทีว่า...พวกนายจะไม่ต้องเดินให้เมื่อย...
    “มีอะไรรึเปล่าเฟริน”คาโลถามด้วยความสงสัยในท่าทีที่มีพิรุธของเฟริน
    “เปล่านี่”เฟรินยิ้มกว้าง
    “หวังว่านายคงไม่ใส่อะไรไว้ในน้ำนะ”โรถามขึ้นมาอย่างรู้ทันคิลกับเฟรินหน้าซีดเผือกก่อนจะยิ้มแห้งๆตอบ
    “ไม่มีจริงๆ!”เฟรินตอบ(คิลคิดในใจ...จะโดนจับได้มั๊ยวะ.../เฟรินคิดในใจ...ดันเจือกรู้ทันอีกไอ้บ้านี่...)
แล้วยามค่ำคืนวันพระจันทร์กลมก็มาถึง(เอ!พระจันทร์มันก็กลมอยู่แล้วไม่ใช่หรอ)
    “ใกล้ได้เวลาแล้วๆ”เฟรินร้องด้วยความตื่นเต้น”ว่าแต่ยาความฝันแกมันเรื่องอะไรวะคิล”
    นักฆ่าที่กำลังจะหลับแล้วหันมาตอบ
    “A Whole New World โลกใบใหม่ของเจ้าหญิง...Aladdin นั่นแหละง่ายๆ”คิลตอบ
    “เฮ้ย! งั้นก็เรื่องผู้หญิงอะดิ”เฟรินร้อง (แต่พยายามร้องให้เบาที่สุด เพราะว่าคาโลหลับไปแล้ว)
    “เออ! ก็บอกแล้วว่าไม่ๆ ฉันก็อุตส่าห์ถามว่าจะเล่นจริงๆหรอแกก็ดันตอบว่าจริง...รับชะตากรรมไปก็แล้วกันเพื่อน”คิลบอกก่อนจะผล็อยหลับไป ทิ้งให้เจ้าหัวขโมยตัวยุ่งนั่งกลืนน้ำลายเอื๊อกอยู่คนเดียว ก็จะไม่ให้กลัวได้ยังไงล่ะ ในเมื่อคนที่เขาหยดน้ำยาให้ดื่มไปมีแต่พวกผู้ชายทั้งนั้น ยกเว้ยตัวเขาเองที่เป็นครึ่งหญิงครึ่งชายหวังว่ามันคงจะไม่เป็นเรื่องเกย์นะคิดแล้วก็กลุ้ม แถมยิ่งคิดก็ยิ่งสยอง ก็เลยตัดสินใจว่านอนๆแล้วก็ฝันมันไปซะเลยสิ้นเรื่อง...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะน้า...
แล้วยาก็เริ่มออกฤทธิ์
    กลางดึกคืนหนึ่ง ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ชายผู้ชั่วร้ายนามว่า “จาฟาร์” และนกแก้วเจ้าเล่ห์ของเขากำลังรอใครคนหนึ่งอยู่
    “เฮ้ย! ทำไมฉันมาอยู่ในเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย”โร (ในบทจาฟาร์) ร้องขึ้นมาก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก”ต้องเป็นฝีมือของเฟรินแน่ๆเลยที่โรงอาหารนั่นแล้วก็ตอนนั้นอย่าบอกนะว่านี่คือยาความฝัน...แย่ล่ะสิ”
    ไม่นานนักเจ้าโจรร้าย “กาเซ็ม” (ซึ่งรับบทโดยทิวดอร์) ก็ควบม้าตรงมาหาแล้วจึงส่งเหรียญรูปแมลงปีกแข็งซึ่งถูกหักออกไปครึ่งหนึ่งให้จาฟาร์ เมื่อจาฟาร์นำอีกครึ่งหนึ่งของเหรียญมาประกบเข้าด้วยกัน ก็พลันเกิดเสียงฟ้าคำรามลั่นพร้อมกับมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วบริเวณ เหรียญนั้นค่อยๆลอยขึ้นแล้วมุ่งหน้าข้ามทะเลทรายไป
    “นี่นายเล่นเป็นจาฟาร์หรอโร”ทิวดอร์ถาม
    “ส่วนนายก็เจ้าโจรร้ายกาเซ็ม...เอาเถอะ! เรารีบตามเหรียญนั่นไปดีกว่าเดี๋ยวถ้าไม่ดำเนินเรื่องตามความฝันมันจะออกไปจากความฝันไม่ได้”โรบอก
    โรและทิวดอร์ควบม้าตามเหรียญนั้นไปจนถึงถ้ำประหลาดแห่งหนึ่ง
    “ทิวดอร์...นายต้องเข้าไปเอาตะเกียงมาให้ฉันตามบท”โรบอก”แล้วก็...นายจะได้ออกจากความฝันไปก่อนใครเพื่อน”
    ทิวดอร์พยักหน้ารับช้าๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูถ้ำแล้วก็โดนเสือเทพเจ้าผู้พิทักษ์ถ้ำนั้นกลืนกินเข้าไปหลังจากที่ก้าวขาลงไปได้ไม่นาน
    “ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าไปได้”เสือเทพเจ้าบอก
    “เอ็ดเวิร์ด...นั่นนายหรอ”โรทัก
    “ใช่! แล้วนั่นนายหรือโร”เอ็ดเวิร์ดถาม”ฉันว่าเฟรินกับคิลจะต้องหลอกพวกเราแน่ๆเลยตอนที่เอาน้ำมาให้ดื่ม”
    “นายคิดว่าจะใช่น้ำยาความฝันหรือเปล่า”โรถาม
    “ใช่แน่ล่ะ”เอ็ดเวิร์ดตอบโรมองไปรอบๆตัวก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆ
    “แล้วฉันต้องทำยังไงต่อเนี่ย!”
    “นายก็ต้องกลับไปที่วังเพื่อที่จะไปเจออาละดินแล้วก็พากลับมาที่นี่เพื่อที่จะให้อาละดินเอาตะเกียงให้นายไง”เอ็ดเวิร์ดบอก
    “เออ! ขอบใจ”โรกล่าวขอบคุณก่อนที่จะควบม้าไปยังพระราชวัง
ณ พระราชวังที่นครอัครบา
    “ลูกไม่ควรจะปฎิเสธเจ้าชายทุกคนที่มาขอพบ”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาทของเฟรินก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกว่ากลับกลายร่างมาเป็นเฟลิโอน่าอีกแล้วแล้วตัวเขาเองก็เป็นเจ้าหญิง “จัสมิน” ในความฝันเรื่องนี้
    “เวรกรรม!”เฟรินอุทานก่อนที่จะรีบเอามือปิดปากไว้แทบจะในทันที พร้อมกับเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเมื่อกี๊ที่เรียกตนเองว่าลูก “ฮะ ฮะ ฮะ...นั่นแกหรอวะครี้ด--ไอ้ชุดสุลต่านนั่นมันไม่เข้ากับแกเลยนะฮะๆ”
    “เออ! ฉันรู้ว่ามันน่าขำแต่ขอร้องล่ะช่วยดำเนินเรื่องต่อเหอะเออ! แล้วแกใช่ไหมเฟรินที่เอาน้ำยาความฝันมาให้พวกเรากิน”ครี้ดถาม
    “ไม่รุ”เจ้าตัวดีตอบก่อนที่จะรีบวิ่งหนีหายไปครี้ดส่ายหัวเซ็งๆก่อนจะบ่นพึมพำออกมาเบาๆ
    “เออ! แล้วในวังมันจะมีเหล้าให้ก๊งมั๊ยเนี่ย”
    คืนนั้น(ในความฝัน)เฟรินก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาๆแล้วค่อยๆย่องออกจากวังไปที่สวนดอกไม้
    “ฝีมือยังใช้ได้อยู่นี่หว่า...ขอปีนออกไปดูตลาดในความฝันหน่อยละกันว่าเหมือนในโลกความจริงมากขนาดไหน”แล้วก็ปีนจมูกราจา (เสือของเจ้าหญิงจัสมิน) ปีนข้ามกำแพงออกไปที่ถนนของอัครบา   
    เป็นเวลาเช้าพอดี เฟรินเดินสำรวจไปตามท้องถนนที่พลุกพล่าน แล้วสายตาก็ไปจ๊ะกับอะไรซักอย่างเข้าโดยบังเอิญ
    “แหม! ขนาดในความฝันยังเอาใจฉันเลยนะเนี่ย”เฟรินพูดทำนองเข้าข้างตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังร้านขายแอปเปิ้ล
    “พี่สาว!”เด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งดูท่าทางหิวโหยเดินมาหาเฟริน
    “เฮ้ย! ซีบิล”เฟรินร้องเสียงดังทำเอาคนที่มาเดินจ่ายตลาดแถวๆนั้นหันมามองก่อนจะหันกลับไปแบบไม่สนใจ  ”ทำไมเป็นเด็กล่ะ”เฟรินถาม
    “ช่างเถอะครับเรื่องนั้น! ตอนนี้ผมว่าหยิบแอปเปิ้ลให้ผมก่อนละกันครับ”ซีบิลในร่างเด็กตัวจ้อยบอก
    “เอางั้นหรอ!”เฟรินถามก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลมาลูกนึงให้ซีบิล”ไม่ยักรู้ว่านายเองก็ชอบกินแอปเปิ้ลเหมือนกันนะเนี่ยเอาไว้ตื่นแล้วฉันจะเลี้ยงแอปเปิ้ลนายเต็มที่เลย”เจ้าคนที่พูดตามความคิดตัวเองยิ้มกว้างโดยไม่รู้เลยว่าที่เขาทำยังนั้นก็เพราะว่าต้องเล่นตามบท ถ้าไม่เล่นตามเนื้อเรื่องก็จะออกจากความฝันไม่ได้...ซีบิลยิ้มตอบเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีแต่ถึงจะรู้ก็กลัวจะเสียเวลาก็เลยรีบวิ่งปลีกตัวออกมาเฟรินมองตามงงๆก่อนจะหันไปทางเจ้าของร้าน”เฮ้ย! ซอร์โร”เฟรินร้องจ๊ากก่อนจะรีบตระครุบปากตัวเองแทบไม่ทันเพราะว่าร้องเสียงดังอีกแล้ว
    “แล้วค่าแอปเปิ้ลล่ะ”ซอร์โรทวงถามค่าแอปเปิ้ลเสียงเข้ม
    เฟรินพยายามทำสีหน้าเศร้าเพื่อปกปิดความขบขันที่บังเกิดขึ้นมาในใจด้วยความคิดที่ว่า...คนอย่างซอร์โร วันวิล ต้องมาเล่นเป็นพ่อค้าขายแอปเปิ้ล...คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆแต่ก็กลัวคนตรงหน้าจะตวัดดาบฟันฉับเข้าให้ที่คอเพราะความอับอายเหลือแสน”ฉันไม่มีหรอก”เฟรินตอบกลับกวนๆ”อย่าขี้งกไปหน่อยเลยน่าคุณพ่อค้ากะอีแค่แอปเปิ้ลลูกเดียว”เฟรินแย็บเข้าให้
    ซอร์โรเปรยยิ้มเหี้ยมให้เฟรินก่อนจะเดินมาจับข้อมือของเธอไว้พร้อมกับร้องตะโกน
    “ขโมย!”
    อาละดิน(รับบทโดยคาโล)กับลิง”อาบู”ที่กำลังนั่งมองผู้คนที่เดินไปเดินมาอยู่ในตลาดอัครบาจากบนหลังคาตึกแห่งหนึ่งก็ได้สังเกตเห็นพ่อค้าขายแอปเปิ้ลซึ่งกำลังโมโหสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเนื่องจากเธอไม่มีเงินจ่าย(อาจรวมถึงปากพล่อยๆของเฟรินที่ไปแย็บซอร์โรเข้าให้ด้วย) คาโลกับอาบูจึงรีบลงมาช่วยเธอทันที
    “ขอบคุณในความกรุณาที่ท่านหาเธอพบ”คาโลผลักเฟรินให้ไปยืนอยู่ข้างหลัง”นี่น้องสาวที่สติไม่สมประกอบของฉันเอง ได้โปรดท่านอย่าถือสา”คาโลอธิบายกับซอร์โร สีหน้าไม่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นหรือตกใจแม้แต่น้อย
    “ไอ้บ้า! สติไม่สมประกอบหรอฉันสติดีนะเฟ้ย”เฟรินโวย ในใจก็คิดว่าอยากเห็นหน้าไอ้คนพูดนักว่าเป็นใครจะได้จับมาอักซักทีสองทีโทษฐานที่หมิ่นประมาทคนอย่างเขาเป็นพวกสติไม่สมประกอบโดยหารู้มั๊ยว่าที่คนๆนั้นต้องทำยังงั้นก็เพราะต้องการช่วยให้รอดประกอบกับพูดตามบทด้วย
    คาโลเมื่อได้ยินเสียงทันทีก็รู้ได้เลยว่าใคร...ยัยตัวยุ่งของเขานี่เอง...
    “ก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น”คาโลบอกกับซอร์โร
    เฟรินเห็นท่าไม่ดีจึงแกล้งหันหน้าไปทางลิงอาบูพร้อมกับตะโกนว่า
    “ท่านสุลต่าน”แต่ซอร์โรไม่หลงกล เขาจึงร้องตะโกนให้ทหารหลวงมาล้อมจับเฟรินกับคาโล เมื่อเป็นดังนั้นเฟรินก็เลยจำเป็นจะต้องขุดวิชาก้นหีบของตระกูลเดอเบอโรว์ขึ้นมาใช้ ซึ่งนั่นก็คือ...หนี!
    เฟรินรีบวิ่งนำคาโลไปตามตรอกแคบๆแต่ก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะไปหลบตรงไหนดีคาโลจึงพาไปหลบยังที่ซ่อนซึ่งเป็นบ้านของอาละดิน แล้วพอเฟรินเห็นหน้าของชายที่ลากมาด้วยชัดๆก็ถึงกับแทบจะเป็นลมล้มหงายหลังไปทันที...ไอ้ท่านหัวหน้าป้อมน้ำแข็งใสนี่เอง...
    “พึ่งเคยมาตลาดครั้งแรกรึไง”น้ำเสียงส่อเค้าว่าดูถูกดังออกมาจากปากของคาโล
    “นั่นฉันควรจะถามนายมากกว่า”เฟรินย้อน
    “คนเขาอุตส่าห์ช่วยคำขอบคุณซักคำก็ไม่มี”คาโลพูดทำนองน้อยใจ
    “ถ้ามันลำบากนักคราวหลังก็ไม่ต้องช่วย”เฟรินบอก
    “รู้งี้น่าจะปล่อยให้พวกทหารหลวงจับไปซะไม่น่าเข้ามาช่วย”
    “แล้วช่วยทำไมล่ะ”น้ำเสียงเฟรินส่อเค้าว่าลุ้นๆกับคำตอบที่จะได้รับ อาจเป็น...ก็เพราะเป็นห่วง...หรือไม่ก็...คนรักเขาไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว...แต่ความฝันทั้งหมดก็ต้องพังทลายลงเพราะว่าคำตอบที่เขาคิดไว้กับไอ้คนตรงหน้ามันไม่ได้เข้าแก็กกันเลยซักนิดเดียว
    “ก็แค่สงสารลูกหมาตาน้ำตาลๆบางตัวก็เท่านั้น”คำตอบที่ได้รับทำเอาคนที่ความอดทนมีน้อยอยู่แล้วกระโดดเข้าไปวางมวยคนตรงหน้าทันที แต่ด้วยเคล็ดลับทางเทคนิกเล็กๆน้อยๆ (หรือเพราะความเคยชินแล้วก็ไม่ทราบ)
ทำให้คนที่จะโดนวางมวยจับเจ้าคนที่จะวางมวยเข้ามาไว้ในอ้อมกอดได้สำเร็จ ทำให้เจ้าคนที่อยากจะวางมวยได้แต่ดิ้นฮึดฮัดๆด้วยความไม่พอใจอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่าก่อนจะดิ้นหลุดออกมาได้ พร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจไปให้
    ทันใดนั้นพวกทหารหลวงก็ปรากฏกายขึ้น
    “พวกเขาอยู่ที่นั่น”พวกทหารตะโกนพร้อมกับชี้ดาบมาที่เฟรินและคาโล
    คาโลหันมามองเฟรินพร้อมกับยื่นมือมาใกล้แล้วเอ่ยถาม
    “เธอเชื่อใจฉันมั๊ย”
    เฟรินได้ฟังก็หัวใจเต้นตึกตักๆก่อนจะยื่นมือไปให้คาโลกุมไว้
    เฟรินกับคาโลวิ่งหนีไปตามตรอกซอกซอย แต่คราวนี้พวกทหารหลวงสามารถล้อมจับเฟรินกับคาโลไว้ได้
    “ฉันไม่น่าเชื่อใจนายเลยดูสิ เห็นมั๊ย! โดนจับเลย”เฟรินหันไปโวย
    “ฉันก็ไม่ได้บังคับให้เชื่อใจนี่”คาโลบอก
    “ทำไมจะไม่บังคับ”เฟรินตะโกน
    “ฉันไม่เห็นจะจำได้ว่าบังคับนายตอนไหน”
    “ก็ดูนายพูดซะขนาดนั้น”
    “แล้วในประโยคมันมีคำว่า บังคับ หรือ ข่มขู่ มั๊ยล่ะ”คาโลเน้นเสียงหนักแน่น
    “ก็...”แล้วคำพูดของเฟรินก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนทั้งสามที่รับบทเป็นทหารหลวงมันบ่งบอกว่ารำคาญเต็มที”เดท โคล์ว นายด้วยหรอ กัส”
    “อืม!”ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน
    “แล้วใครสั่งให้พวกนายมาจับเรา”คาโลถาม
    “โร (จาฟาร์) น่ะรีบไปที่วังเหอะ...ฉันล่ะอยากให้เรื่องมันจบเร็วๆ”โคล์วบอก
    “แต่ฉันไม่ลืมที่จะคิดบัญชีหรอกนะเฟริน”เดทบอก”เรารึก็นึกว่าใจดีที่แท้ก็แอบหยดน้ำยาความฝันไว้ในน้ำดื่ม”
    เฟรินได้ฟังก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบก่อนที่เสียงสวรรค์จะโปรยมาจากเจ้าชายคนข้างตัว
    “รีบไปกันเถอะ”
    เมื่อไปถึงที่วัง เฟรินก็เดินหาเจ้าจาฟาร์รอบวังก่อนจะมาเจอที่ท้องพระโรง...รู้งี้ก็มาที่นี่แต่แรกแล้ว ไม่น่าไปเดินรอบวังซะให้เมื่อย กว้างโคตรกว้างเลย...เฟรินคิดก่อนจะเดินเข้าไปหาจาฟาร์
    “นายเอาคาโลไปขังไว้ที่ไหน”เฟรินตะโกนถาม”ปล่อยคาโลมันเดี๋ยวนี้นะ”
    จาฟาค่อยๆหันหน้ามาหาเฟรินช้าๆก่อนจะเปรยรอยยิ้มที่แสนคุ้นเคยให้
    “โร!”เฟรินอุทาน
    “โทษทีนะเจ้าหญิง”โรบอก”หมอนั่นถูกสั่งให้โดนประหารชีวิติในวันนี้คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วล่ะ”
    “นี่นายแค้นมันมากจนต้องมาฆ่ากันในฝันเลยรึ”เฟรินถามเสียงเกรี้ยว
    “ไม่รู้สิ! ก็หมอนั่นลักพาตัวเธอไม่ใช่รึไง”โรยิ้มตอบ
    “มันไม่ได้ลักพาตัวฉัน”เฟรินตะโกนตอบพลางคิดในใจ...นี่ถ้าเขาไม่ติดคิดว่ามันเป็นคนที่คอยให้เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆกับเขานะ...แล้วเฟรินก็นึกอะไรบางอย่างออก”แต่นายยังยกเลิกคำสั่งได้ใช่มั๊ย!”เฟรินถามโรยิ้มบางๆก่อนจะตอบว่า
    “เสียใจด้วยนะคำสั่งประหารถูกประกาศออกไปแล้ว”
    คืนนั้น โรปลอมตัวเป็นชายชราก่อนที่จะพาคาโลไปยังถ้ำประหลาด เมื่อเสือเทพเจ้าลืมตาขึ้นมาเห็นคาโล จึงอนุญาตให้เข้าไปในถ้ำได้โดยกำชับว่า
    “เมื่อเข้าไปแล้ว ห้ามแตะต้องสิ่งใดๆนอกจากตะเกียงเท่านั้น”
    อาบูอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อมองเห็นทองและเพชรนิลจินดาที่มีอยู่มากมายในถ้ำ
    “อย่าแตะต้องสิ่งใดๆนะอาบู”คาโลกล่าวเตือน เขาไม่มีสีหน้าที่บ่งบอกว่าตื่นเต้นเลยซักนิด (เห็นจนชินแล้ว)
คาโลคิดในใจ...ถ้าแม่ยอดยุ่งของเขามาเห็นเข้าคงจะตาโตเป็นไข่ห่านแน่ๆ...
    ขณะที่คาโลกำลังเอื้อมมือไปหยิบตะเกียง อาบูก็ซุกซนเอามือไปจับเพชรเม็ดโตที่ส่องแสงเป็นประกายวูบวาบ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น ถ้ำเริ่มถล่มลงมา คาโลรีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปยังปากถ้ำซึ่งเป็นที่ๆโรอยู่
    “โร...นายอยู่รึเปล่า...โร ช่วยด้วย!”คาโลร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่โรกลับปฏิเสธ...นี่ถ้าเขาใช้คทาได้คงไม่ต้องทำเรื่องแบบนี้หรอก ถ้าเขาใช้คทาได้แล้วเนื้อเรื่องไม่เปลี่ยนล่ะก็...”โร!”คาโลและอาบูจึงกลิ้งหล่นลงไปในถ้ำที่มืดมิดอีกครั้ง
    คาโลพบว่าอาบูถือตะเกียงติดมือมา เขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นเพื่อจุดไฟให้สว่าง
    ฟู่ !
    กลุ่มควันหลากสีพวยพุ่งออกมาจากตะเกียง พลันร่างอะไรซักอย่างที่คุ้นตาเขาเหลือเกินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
    “คิล!”คาโลอุทาน
    “คาโล!”คิลก็อุทานเช่นกัน”ทำไมไอ้เฟรินมันให้ฉันรับบทยักษ์ในตะเกียงวะเนี่ย”คิลบ่นอุบในขณะที่กำลังสำรวจร่างตัวเองอยู่ก่อนจะหันมาพูดกับคาโล”ช่างเถอะ! นายต้องขอพรฉัน 3 ข้อ”คิลบอก
    “ข้อแรก นายต้องทำให้ฉันเป็นเจ้าชาย (ตามบทน่ะ) ข้อสองเราค่อยว่ากันอีกทีส่วนข้อสาม”คาโลมองไปยังตะเกียงที่อยู่ในมือ”ฉันจะขอให้นายเป็นอิสระ”
    เช้าวันรุงขึ้น ผู้คนนับร้อย (ที่มาจากไหนกันก็ไม่รุแต่ที่แน่ๆมี อาชูร่า นิกส์ เจค และทิวดอร์) ยืนมุงดูอยู่บนสองฟากถนน ตรงกลางมีขบวนแห่ที่เซ็งแซ่ไปด้วยเสียงดนตรี นางรำ และช้าง ซึ่งกำลังมุ่งหน้าตรงไปที่วัง
--มันเป็นขบวนแห่ของเจ้าชายหรือนี่
    เฟรินเดินตรงเข้าไปยังท้องพระโรงเพราะว่าครี้ด(สุลต่าน)เรียกพบ
    “ฝ่าบาท...ข้าคือเจ้าชายอาลี อับบาวา ข้ามาที่นี่เพื่อขอแต่งงานกับเจ้าหญิง”คาโลกล่าวแนะนำตัวได้ครบทุกประโยคเหมือนกับว่าไปแอบอ่านมาแล้วมาพูด
    “นายกล้าดียังไงที่จะมาตัดสินอนาคตของฉันฉันไม่ใช่ของรางวัลสำหรับผู้ชนะหรอกนะ”เฟรินบอกกับเจ้าชายอาลีด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง ก่อนจะเดินอารมณ์เสียออกไปจากห้อง
    คาโลกับครี้ดมองตามงง
    “นายอย่าบอกนะว่าหมอนั่นมันไม่รู้ว่าเป็นนาย”ครี้ดถามคาโล
    “..........”ไม่มีเสียงตอบเพราะบัดนี้คนถูกถามกำลังใช้ความคิด ว่าเจ้าคนที่พึ่งเดินอารมณ์เสียออกไปเมื่อกี๊จำเขาได้รึเปล่า
   
เฟรินขลุกอยู่ในห้องทั้งวันด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายโดยเฉพาะไอ้เจ้าชายมาดมาก และหยิ่งยโส จนน่าถีบคนเมื่อกี๊ ทันใดนั้นราจาก็วิ่งออกไปที่ด้านนอกระเบียง มันส่งเสียงคำรามน่ากลัวเพื่อขู่ชายแปลกหน้าที่แอบปีนขึ้นมายังห้องของเฟริน
--เจ้าชายอาลี
    “ฉันไม่อยากจะเห็นหน้านาย ช่วยกลับออกไปได้มั๊ย”เฟรินบอกอย่างรำคาญใจ
    “ขอโทษที่รบกวน”คาโลบอกขอโทษพลางหันหลังกลับ แล้วกระโดดออกไปนอกระเบียง แต่แทนที่เขาจะร่วงตกลงไปยังเบื้องล่าง เขาดูเหมือนกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ
    “นายทำแบบนั้นได้ยังไง”เฟรินร้องถาม
    “มันเป็นพรมวิเศษน่ะ”คาโลบอก”เธออยากจะลองนั่งดูรึเปล่า”คาโลถาม
    เฟรินพยักหน้าหงึกๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆคาโลยื่นมือมาที่เฟรินพร้อมกับถามว่า
    “เธอเชื่อใจฉันมั๊ย”พลางจ้องเข้ามาในดวงตาของเฟริน
    อะไรบางอย่างในตัวของเจ้าชายอาลีเตือนให้เฟรินละลึกถึง...คาโล...คาโลเคยเธอด้วยประโยคเดียวกันนี้ตอนที่คาโลกับเฟรินหนีพวกทหารหลวง เมื่อคราวที่เฟรินแอบหนีไปเที่ยวตลาดในเมืองเฟรินคิดในใจ...ไอ้เจ้าชายจอมหยิ่งนี่จะใช่คาโลมันรึเปล่าหนอ...
 
    พรมวิเศษลอยสูงเหนือพระราชวังขึ้นไปผ่านตัวเมืองเข้าสู่หมู่เมฆ เฟรินกับคาโลนั่งพรมเที่ยวไปไกล มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนจริงซะเหลือเกิน
    เฟรินกับคาโลหยุดมองดูพลุดอกไม้ไฟที่จุดฉลองเหนือดินแดนต้องห้าม เฟรินนั่งมองทิวทัศน์รอบๆอย่างอารมณ์ดี
    “สวยจัง!”เฟรินอุทาน
    “เอ่อ! คือฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอกเธอ”คาโลบอกกับเฟริน
    “ว่ามา”เฟรินบอก
    “แต่ฉันขอถามเธอก่อน...จำฉันไม่ได้หรอ””คาโลถาม
    เฟรินหันมามองงงๆก่อนจะถึงบางอ้อแล้วเอ่ยคำตอบออกมาเสียงแผ่วเบา
    “คาโล”
    “ใช่! ฉันเอง”คาโลตอบพร้อมกับดึงคนตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ๆก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าลงไปช้าๆ...แล้วเสียงเพลงที่ฟังดูแล้วชวนให้เคลิบเคลิ้มก็บรรเลงขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
    เธอจะพบดินแดนใหม่
    งามสดใสกระจ่างสายตา
    เธอจะรู้ จะเห็นได้ด้วยตา
    ว่าโลกใหม่มันงามอย่างไร
    เธอจะได้ชมทุกอย่าง
    ชวนประทับใจไม่รู้คลาย
    ลอยสู่ฟ้าเบื้องบนกว้างไกล
    ไปด้วยพรมแห่งความใฝ่ฝัน
    A whole new world
    นี่คือโลกใบใหม่แสนเพลินใจ
    ไม่มีใครขวางเรา
    จะไปแสนไกล
    ให้เหมือนดังใจต้องการ
    A whole new world
    ที่ขอบฟ้าคราม
    สุขล้ำเกินใคร
    ตราบดินและฟ้าจะดับ
    จะเลือนลับไป
    ก็ขอเพียงได้ ได้อยู่คู่เคียงกับเธอ
    งามกว่าหนใดจะเปรียบ
    เกินจะหาคำบรรยาย
    ไปได้สูงได้สุดเหมือนใจ
    ลอยขึ้นไปสุดปลายเวิ้งฟ้า
    A whole new world
    อยู่ในโลกใบใหม่
    แสนเพลินตา
    เปรียบเราดังเหมือนดวงดาว
    ส่องพราวนภา บนฟ้ากว้างใหญ่
    ทอแสงงามนานเท่านาน
    A whole new world
    อยู่เคียงข้างเธอไม่สนใจใคร
    จะไปทุกหนทุกแห่ง
    สุดแรงของใจ
    เพียงฉันได้อยู่ในโลกเดียวกับเธอ
    A whole new world
    นี่คือโลกใบใหม่แสนเพลินใจ
    ไม่มีใครขวางเรา
    จะไปแสนไกล
    ให้เหมือนดังใจต้องการ
    A whole new world
    (มองทางใดใจยังจำ)
    เฟรินผลักเจ้าคนตรงหน้าออกเพราะว่ามันชวนให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เขาหยิบยกเรื่องรสนิยมของคนตรงหน้ามาพูดแล้วจากนั้นก็...เฟรินส่ายหัววืดๆเพื่อไล่ความคิดที่ยิ่งคิดก็ยิ่งชวนให้ดวงหน้าร้อนวูบวาบก่อนจะเงยหน้ามองสบตาเจ้าคนต้นเรื่องที่ชวนให้ใจของเธอนั้นเต้นผิดเสต็ป
    “พาฉันกลับเถอะ”
    คาโลพาเฟรินกลับมาที่วังและกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนที่จะลาจากไป
    เฟรินเดินเข้ามานอน ในใจก็พาลคิดถึงเรื่องตอนนั้นซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลา ดวงหน้าที่เคยนวลขาวก็พลันขึ้นสีเรื่ออย่างหาเหตุผลไม่ได้
    ...ทำไมเธอต้องใจเต้นด้วยนะ...
    ...ทำไมเธอต้องมารู้สึกแบบนี้ด้วย...
    ...ทำไมความรู้สึกนี้ถึงเกิดขึ้นเฉพาะใครบางคน...
    ...แล้วทำไมทำไมคนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่ชื่อว่า “คาโล”...
    แต่ทว่าหลังจากคืนนั้นแล้ว โรก็จัดการจับตัวคาโลไปถ่วงทะเล โชคดีที่คาโลนำตะเกียงวิเศษติดพกไว้กับตัว เขาจึงถูเรียกคิลออกมาพร้อมกับขอพรข้อสองเพื่อช่วยชีวิตของตัวเองไว้ คิลรีบพาคาโลกลับไปที่พระราชวังอัครบาอีกครั้ง
    ข่าวการหายตัวไปของคาโลทำให้ครี้ดตัดสินใจดำเนินเรื่องให้จบโดยการให้เฟรินแต่งงานกับโร
    “ฉันไม่มีวันแต่งงานกับนาย...โรครี้ด ถ้านายทำอย่างนั้นพวกเราทุกคนจะไม่ได้ออกไปจากความฝันนี้นะ”เฟรินอ้อนวอน แต่ครี้ดซึ่งกำลังตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของโรกลับมีพระราชบัญชาให้เฟรินต้องแต่งงานกับโร ทันใดนั้นเอง คาโลก็วิ่งถลาเข้ามาในท้องพระโรงแล้วจับไม้เท้าอสรพิษของโรฟาดลงกับพื้นจนมันแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และทันทีที่ไม้เท้าถูกทำลาย...เวทมนต์ก็เสื่อมหายไป
    “เจ้าคนทรยศ...ทหาร...จับตัวมันไว้”ครี้ดร้องสั่ง
    แต่โรก็สามารถหลบหนีไปทันก่อนที่ทหารจะทันเข้าถึงตนเอง
    ขณะที่โรกำลังวิ่งหนีไป สายตาก็เหลือบไปสังเกตเห็นตะเกียงวิเศษวางอยู่ที่หมวกของคาโล โรจึงสั่งให้”ลาโก”นกแก้วเจ้าเล่ห์ของตนเองไปขโมยตะเกียงวิเศษกลับมา
    เมื่อลาโกขโมยตะเกียงมาได้ โรก็ถูตะเกียงทำให้คิลปรากฏกายขึ้น
    “ฉันต้องการเป็นสุลต่าน”โรออกคำสั่ง
    เมื่อถึงเวลาประกาศเรื่องการแต่งงานระหว่างเฟรินกับคาโล ฝูงชนที่มารวมตัวอยู่ที่หน้าพระราชวังต่างพากันปลื้มปิติยินดี
    ทันใดนั้นเอง โรในฉลองพระองค์ของสุลต่านก็ปรากฏตัวขึ้น ผู้คนต่างตกตะลึงกันไปทั่ว
    “คิล...นายทำอะไรลงไป”คาโลร้องถาม
    “เสียใจด้วยคาโล...นายก็รู้ว่านี่มันเป็นบท ทำไมต้องอารมณ์เสียขนาดนั้น”คิลตอบเสียงเศร้า
    “ฉันกลัวก็แต่ว่าโรจะไม่คิดว่านี่เป็นแค่ความฝันแล้ว”คาโลบอก
    จากนั้นโรก็อธิษฐานขอพรข้อสองให้ตนเองกลายเป็นพ่อมดที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในโลก และไม่รอช้า โรก็เสกให้คาโลกลับเป็นดังเดิมก่อนจะเนรเทศคาโลให้ไปอยู่ที่สุดปลายโลก เมื่อคาโลฟื้นตื่นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ห่างออกไปไกลนับล้านๆไมล์ แต่คาโลไม่โชคร้ายเสียที่เดียว เพราะอาบูและพรมวิเศษยังอยู่กับเขา
    “พาฉันไปอัครบาให้เร็วที่สุด”คาโลร้องสั่งพรมวิเศษ
 
    คาโลปรากฏตัวขึ้นในขณะที่โรกำลังเพลิดเพลินกับพลังอำนาจของตนเอง(สมบทบาทยังหนอ-โร)
    “โร...ไอ้เจ้างูขี้ขลาด”คาโลตวาดใส่โร
    “งูขี้ขลาดรึ?”โรตะโกนก้องแล้วแปลงร่างกลายเป็นงูยักษ์ในทันที”เมื่อไม่มีคิลคอยช่วย...นายก็ไม่มีทางที่จะมาสู้ฉันได้”โรกล่าวแล้วก็หัวเราะเยาะเสียงดัง และแล้วคาโลก็มองเห็นช่องทางที่จะจัดการกับพ่อมดโร
    “คิลมีอำนาจมากกว่าที่นายมีเสียอีก”คาโลพูดทำนองเยาะเย้ย
    โรทนให้คาโลว่าดูถูกไม่ได้จึงกลายร่างเป็นยักษ์ คาโลยิ้มอย่างมีชัยชนะเพราะโรลืมไปสนิทว่าว่ายักษ์จะต้องอาศัยอยู่ในตะเกียงเท่านั้น
    ทันใดนั้น ตะเกียงวิเศษก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องล่างของโร และคาโลก็รีบคว้ามันเอาไว้ โรและนกแก้วของเขาจึงถูกดูดเข้าไปในตะเกียงใบนั้นชั่วนิรันดร์
    “ขอบใจเจ้ามากนะ”ครี้ดกล่าวขอบคุณคาโลและคิลที่ช่วยให้บ้านเมืองกลับมาปลอกภัยอีกครั้ง”มาอยู่ด้วยกันที่วังหลวงนี่แหละแล้วพ่อก็จะเปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลใหม่ ให้เจ้าหญิงแห่งนครอัครบาสามารถเลือกครู่ครองได้เองซึ่งจะเป็นใครหรือในเวลาใดก็ได้ตามใจ”คาโลกับเฟรินหันมายิ้มให้กัน
    คิลสะกิดคาโลเพื่อทวงถึงพรข้อสุดท้าย
    “เจ้าจงเป็นอิสระ...แล้วก็โชคดีนะ”คาโลบอก
    โอ้!ดูสิ ...ฉันออกมาได้แล้ว...ฉันเป็นอิสระแล้ว”คิลส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นที่สุดก่อนจะหายวับไป
    “เราไปกันเถอะ”คาโลหันมาบอกกับเฟริน ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวขึ้นไปนั่งบนพรมวิเศษเพื่อท่องไปยังโลกกว้างใบใหม่นี้ด้วยกัน
    “เฟริน”
    “อื้ม!”
    “เช้าแล้วนะตื่นเร็ว”
    “เช้าแล้วหรอ!” เฟรินลุกพรวดขึ้นมาก่อนจะหันหน้าไปหาคิล”แกฝันมั๊ย!”เฟรินถาม
    “อืม!”คิลตอบ”ไม่แจ่มเลยได้เป็นยักษ์จีนี่”
    “แล้วนายหล่ะคาโล”เฟรินหันไปถามอีกคนที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูห้อง
    “แล้วนายคิดว่าใครล่ะที่อยู่บนพรมวิเศษกับนาย”คำย้อนที่เล่นเอาคนฟังชะงัก ก่อนที่ดวงหน้าขาวๆจะขึ้นสีเรื่อตามด้วยการดึงวิชาหน้ากากฟาโรห์มาใช้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้วิถีดาบแห่งจิต
    แล้วทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ภาพของบรรดาชาวป้อมอัศวินปี 2 ที่ถูกโดนสองตัวแสบแห่งป้อมอัศวินดึงไปมีเอี่ยวด้วยในครั้งนี้ก็ปรากฏขึ้นทันที
    “เฟริน มาให้คิดบัญชีซะดีๆ”เสียงตะโกนของหลายๆคนที่แทบจะรวมกันเป็นเสียงเดียวดังขึ้น เฟรินรีบวิ่งไปหาเพื่อนรักอีกคนที่ยังนั่งอยู่ในห้องก่อนจะเอ่ยคำที่พาตัวเองเจ็บตัวอีกครั้ง
    “ไอ้คิลมันคนเอายานี้มานะ”
    โครม!
    คิลได้ยินดังนั้นก็ยันเจ้าคนปากพล่อยไปหนึ่งที
    “ไอ้ตอแหล! ร่วมมือด้วยกันแท้ๆ”คิลด่า
    “นายสองคนนี่สร้างเรื่องยุ่งตลอดเลยนะ”คาโลหันมาดุ
    “หยุดเลย! ฉันรู้ว่าแกแอบดีใจอยู่ลึกๆคาโล”เฟรินลุกเดินมาหาคาโล”ได้แต่งงานกับฉันในความฝัน...ชอบล่ะสิ”เฟรินทำตาอ้อล้อ”ยอมรับมาเถอะเพื่อน”
    ได้ผล! คาโลเงียบกริบก่อนที่หน้าขาวๆจะขึ้นสีเรื่อ
    “จี้ใจดำอะดิ”คนช่างยั่วแย็บเข้าให้อีกรอบก่อนจะโดนคนถูกยั่วศอกเข้ามาให้ที่ท้องหนึ่งที
    “แล้วแต่นายจะคิด”คาโลตอบก่อนจะไล่ให้ทุกๆคนลงไปข้างล่างให้หมด
    เฟรินหันหน้ามาหาคิลแล้วก็ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
    “อะไรของนาย!”คิลถามหวั่นๆ
    “เรื่องมันไม่จบง่ายๆหรอก”เฟรินบอกขณะที่ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อชุดนอนก่อนจะหยิบขวดแก้วใสๆสองขวดขึ้นมา
    “ยาความฝันนี่แกหลอกใช้ของฉันนี่หว่า!”คิลโวย
    “ก็เออสิวะ...นี่ๆมันมี 2 เรื่องว่ะ...ขวดนี้เรื่อง The beauty of true love ส่วนชวดนี้เรื่อง Part of your world ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาเรื่องไหนดีคืนนี้แกช่วยเลือกหน่อยสิ”เฟรินถาม
    “อืม! เอา  The beauty of true love สิเฮ้ย! ไม่เอา...ไม่เล่นแล้วเว้ย!”คิลตะโกนตอบก่อนที่จะรีบวิ่งหนีออกไปข้างนอกห้องเฟรินรีบวิ่งตาม
    “เฮ้ย! คิลเดี๋ยวก่อนสิวะ”แล้วเฟรินกับคิลก็ออกกำลังกายกันแต่เช้าโดยการวิ่งไล่จับกันรอบป้อมจนเหนื่อยหนักขนาดหมดแรง แล้วก็ต้องไปนอนพักที่ห้องพยาบาลทั้งวัน... (สุดยอด!)
ชาวป้อมอัศวินทุกคนถอนหายใจกันอย่างโล่งอกที่คืนนี้ปลอดภัยจากเงื้อมมือของสองตัวแสบแห่งป้อมอัศวิน ยกเว้นคาโลที่แอบเสียดายอยู่ลึกๆก่อนจะหยิบขวดแก้วใสๆขึ้นมา ในขณะที่ยืนอยู่ที่ลานตะวันเพียงคนเดียว
    “ยาความฝัน...Once upon a dreamคืนนี้เป็นทีฉันล่ะ”คาโลพูดกับตนเองเบาๆก่อนที่จะเริ่มแผนการอย่างอารมณ์ดี
---------------------------------The End (ตอนแรก) ---------------------------------
..
ฮิ้ว!นั่งพิมพ์สดๆเลยนะเนี่ยเสร็จแล้วก็เอามาลง (ตามันลายๆแล้วด้วยความง่วง) ฟิกนี้มีทั้งหมด 4 ตอน ยังไงก็ช่วยกันติดตามด้วยนะ ... แล้วถ้ามีตรงไหนผิดพลาดอะไรก็ติชมกันเข้ามาได้เลยจ้า รับฟังเสมอ... (ว่าแต่งานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา หัวขโมยแห่งบารามอส ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยเนาะ...ใครไปกันวันอาทิตย์ที่ 27 บ้างเอ่ย!)
Nathania: อ่า...Jeremyน้องรักขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าแล้ว
Jeremy  : จริงๆหรอ...กรี๊ด...ด......ด..........ด.............ด (เสียงกรี๊ดดังลั่นบ้านไป 8 หลัง) ปึง! 
Nathania: อ้าว! เดินละเมอชนตู้เย็นอีกม่ายหวายๆ...ไปก่อนละกันเน่อShut down
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  (ไอ้พี่บ้าบังอาจมายุ่งเรื่องของเรา...คือมีเพลงจากในฟิกมาฝากแต่เป็นภาคอังกฤษนะ...ลองเอาไปฝึกร้องกันนะ...เพราะมากๆเลย...เป็นเพลงที่ใช้ร้องในงานวัน Valentine ปีนี้ที่โรงเรียนเราด้วยล่ะ)
A WHOLE NEW WORLD
I can show you the world
Shining, shimmering splendid
Can you tell me now
When did you last let your heart decide?
Oh,I can open your eyes
Take you wonder by wonder
Over,sideways,and under
On a magic carpet ride
A whole new world
A new fantastic point of view
No one to tell us no
Or where to go
Or say we\'re only dreaming
A whole new world
A dazing place
I never knew
But when I\'m way up here
It\'s crystal clear
That now I\'m in a whole new world with you
Unbelievable sights
Indescribable feeling
Soaring,tumbing freewheeling
Through an endless diamond sky
A whole new world
A hundred thousand
things to see
I\'m like a shooting star
I\'ve come so far
I can\'t go back to where, I used to be
A whole new world
With new horizons to pursue
I\'ll chase them anywhere
There\'s time to spare
Let me share this whole new world with you
A whole new world
A new fantastic point of view
No one to tell us no
Or where to go
Or say we\'re only dreaming
A whole new world
(Every turn a surprise)
With new horizons to pursue
(Every moment red-letter)
I\'ll chase them anywhere
There\'s time to spare
Anywhere, there’s time to spare
Let me share this whole new world with you
A Whole new world
That\'s where we\'ll be
A thrilling chase
A wondrous place
For you and me
.........................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น