ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คืนหนาวดอกรักบาน

    ลำดับตอนที่ #8 : #8

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 54


    ในที่สุดรวินก็พาลัดามาถึงระยองจนได้... หากแต่เป็นเวลาตีสี่ของวันใหม่... เขาจอดรถเลียบชายฝั่งทะเลได้ไม่นานนัก ก็หลับผล็อยลงด้วยความอ่อนเพลียเมื่อยล้า....
    “....รวิน คุณช่างดีกับฉันเสียจริง ๆ....” เธอเอ่ยขึ้นเบา ๆ
    ท่าทางเขาดูอ่อนเพลียมากจริง ๆ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเปิดปิดประตูรถ....
     
    ลมข้างนอกพัดแรงเสียจนลัดาต้องยกมือขึ้นสวมกอดอกไว้.... นี่เธอไม่เคยได้สัมผัสอากาศยามเช้าที่ชายทะเลมานานแล้ว.... ตั้งแต่เธอเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ จนกระทั่งได้ทำงานที่ตนรัก....
    “....ออกมายืนตากลมอย่างนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก....”
    เสียงคุ้น ๆ ดังขึ้นข้างหู ก่อนที่เสื้อสูทที่พาดบนแขนเขาจะวางบนไหล่เธอ
    “ขอบคุณค่ะ...”
    รวินมองเธอยิ้ม ๆ จนเธอไม่กล้าสบสายตาด้วย จึงหันไปมองท้องทะเลเบื้องหน้าแทน....
    “...ดาทำให้คุณอดนอนอีกแล้ว...” เธอกล่าวอย่างรู้สึกผิดนิด ๆ
    “เอาอีกแล้ว...ผมบอกแล้วไงว่า ผมเต็มใจ”
    สุ้มเสียงของเขาบ่งบอกถึงความจริงจังอย่างที่เธอสัมผัสได้อีกครั้ง....
     
    ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นจากขอบโพ้นทะเล แสงสีทองเปล่งประกายไปทั่วท้องฟ้าตัดกับท้องทะเล มันช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน...
    “นานแล้วที่ไม่ได้มายืนดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างนี้” ลัดาเอ่ยขึ้น พลางเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ไปเรื่อย
    “ผมก็เหมือนกัน” รวินก้าวเดินตามไปติด ๆ “แต่วันนี้ถือว่าโชคดีมาก”
    ลัดาหันมองเขานิดหนึ่ง นึกว่าสงสัยคำพูดของเขา....
    ‘โชคดี.... เหตุการณ์แบบนี้จะยังโชคดีอีกเหรอ’ เธอคิดในใจ
    “เอ่อ...ผมหมายถึง โชคดีที่ได้มาดูพระอาทิตย์ขึ้นกับคุณน่ะครับ”
    “โชคร้ายล่ะไม่ว่า” 
    เขาหัวเราะเบา ๆ
    “แล้วนี่คุณจะจัดการอย่างไรต่อ?” เขาแกล้งเอ่ยถามขึ้น ขณะที่เธอก้มลงเก็บเปลือกหอยริมชายหาด....
    “ข้ามไปเกาะโน้น” เธอมองไปยังเกาะเบื้องหน้า
    “เกาะเสม็ด - ไปหาบัวแก้ว”
    เธอหันมองเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แววตาและความรู้สึกไม่ใช่อย่างเมื่อกี้
    “รู้สึกว่าคุณจะรู้อะไร ๆ เกี่ยวกับดาแทบทุกเรื่อง” เธอชักตะหงิด ๆ ใจขึ้นบ้างแล้วสิ....
    เขายืนตีสีหน้าไม่ถูก ได้แต่
    “เอ่อ...เอ่อ... ผมก็ฟัง ๆ มาจากพี่หนังล่ะครับ”
    คำพูดของเขา – เธอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จะให้เชื่อหมดได้ไงล่ะ ...ก็เรื่องดอกกุหลาบสีขาวนั่นแหละ... เธอเคยบอกเคยเล่าให้พี่หนังฟังซะทีไหน.... อะไรเขาจะเดาหรือทายใจเธอเก่งขนาดนั้นเชียวหรือ??
    “ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะครับ.”
    เขารีบพูดตัดบททันที และเดินกลับไปที่รถโดยมีอีกฝ่ายเดินตามมาห่าง ๆ
    ..................................
     
    หลังจากหาอาหารมื้อเช้าใส่ท้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว.... รวินก็หาโทรศัพท์ โทรทางไกลไปบอกหนัง ให้ทราบข่าว
    “นั่นแกอยู่ที่ไหนวะ แล้วรถฉันล่ะว่ะ” เสียงปลายสายถามถึงรถมากกว่าห่วงเขาเสียด้วยซ้ำ
    “อยู่ระยองกับคุณดา” 
    “หา...แกไปทำอะไรที่นั่นว่ะ” 
    “ตั้งใจฟังให้ดีนะ” 
    แล้วรวินก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่เขาร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยให้อีกฝ่ายฟัง
    “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย”
    “แต่แกต้องเชื่อ – เพราะมันเป็นเรื่องจริง ....เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะ เหรียญจะหมดแล้ว”
    ยังพูดไม่ทันขาดคำโทรศัพท์ก็ตัดทันที.....
    “ไงคะ – โดนพี่หนังโวยวายใหญ่สิคะ”
    เขายักไหล่เป็นเชิงตอบ....
    ..................................
     
    แดดเริ่มเจิดจ้า บนฟ้ามีก้อนเมฆขาวล่องลอยไปมา ขณะที่เกลียวคลื่นยังคงซัดเข้าหาฝั่งเป็นระลอก ๆ พาเรือลำที่รวินและลัดาให้โคลงเคลงไปมา.... บนเรือมีผู้โดยสารอยู่ไม่ถึงสิบคน เพราะวันนี้ไม่ใช่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ จึงมีคนข้ามฟากไม่มากนัก 
     
    ไม่นานนักเสียงเครื่องยนต์ก็เริ่มทำงาน เชือกที่ผูกคล้องติดกับเสาหลักก็ถูกปลดออก.... ก่อนที่เรือโดยสารขนาดย่อม ๆ จะค่อย ๆ แล่นออกห่างจากท่าเรือบ้านเพ ฝ่าเกลียวคลื่นในท้องทะเล มุ่งสู่จุดหมายปลายทางเบื้องหน้า....
     
    “เป็นอะไรคะ หน้าคุณดูซีดเซียวจัง” ลัดาหันมาถามด้วยความห่วงใย “เมาเรือเหรอคะ?”
    “คงงั้นมั้งครับ”
    “ตายสิ ดาไม่นึกว่าคุณจะเมาเรือ ก็เลยไม่แวะซื้อยามาด้วย”
    “ไม่เป็นไรครับ สักพักก็คงหาย”
    “เอาอย่างนี้นะค่ะ – สูดหายใจลึก ๆ คงจะช่วยให้สบายได้บ้าง”
    เขาทำตามอย่างว่าง่าย ขณะที่สายตาของเธอลอบมองด้วยความเป็นห่วงเป็นใย....
    ..................................
    เจ้าของบ้านหลังนั้นกำลังทำอะไรอยู่คนเดียวหลังบ้าน เมื่อได้ยินเสียงใครมาเคาะประตูบ้าน ก็รีบไปดูและเปิดประตูออก
     
    “ลัดา....” เจ้าของบ้านเรียกชื่อผู้มาเยือนอย่างแปลกใจ ก่อนจะโผเข้ากอดกันและกัน “มาได้ไงนี่... มา ๆ เข้ามาข้างในก่อน”
    เจ้าของบ้านขยับตัวให้ผู้มาเยือนเดินเข้าประตูมา ก่อนจะเดินไปหาน้ำมาให้...ง
    “...ไม่เห็นบอกกันก่อนเลยว่าจะมา... เอานี่จ๊ะ ทานน้ำก่อน” เจ้าของบ้านยื่นขันน้ำส่งให้
    “แล้วนั่น... ใครน่ะ” เจ้าของบ้านสะกิดกระซิบถามถึงชายหนุ่มที่ทอดสายตายืนมองดูท้องทะเลสีครามเบื้องหน้าตรงระเบียงไม้ “แฟนดาเหรอ....”
    “บ้าสิ... เพื่อนย่ะ”
    “ดูฝรั่งจัง”
    “ก็พวกลูกครึ่งนะจ๊ะ”
    เพื่อนสาวพยักหน้าเพยิบ ๆ
    “แล้วจะไม่แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างเหรอย่ะ” บัวแก้วทำท่าค้อนขวัก
    “ไปสิ” แล้วทั้งสองก็เดินไปที่ระเบียงไม้
    “คุณรวินคะ” เขาหันกลับมามองต้นเสียง “นี่บัวแก้ว เพื่อนดาคะ”
    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
    “เช่นกันคะ พูดไทยชัดจัง” ประโยคหลังเธอหันมากระซิบกระซาบกับลัดา “เชิญคุณรวินเข้าไปทานน้ำข้างในก่อนเถอะคะ” แล้วบัวแก้วก็หันกลับมาทำหน้าที่เจ้าของบ้านอีกครั้ง....
    “ครับ เดี๋ยวขอผมยืนสูดอากาศสักหน่อยนะครับ เมื่อกี้นั่งเรือมา ไม่ไหวเลย”
    “ตายจริง – เมาเรือสิท่า” 
    รวินยิ้มแหย ๆ
    “งั้นตามสบายคะ”
    แล้วบัวแก้วกับลัดาก็เดินกลับมานั่งข้างในบ้าน
    “ดาจะมาพักที่นี่สักพักได้หรือเปล่า” ลัดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจอีกฝ่าย
    “ได้สิ... พักนาน ๆ เป็นปีก็ได้... ดีเสียอีกจะได้มีเพื่อนคุย” เจ้าของบ้านยิ้มระรื่น
    “ขอบใจจ๊า” น้ำเสียงลัดาฟังเหมือนพยายามให้แจ่มใส แต่รอยยิ้มนั้นกลับแปลกตาอีกฝ่าย มันดูเศร้า ๆ ยังไงก็ไม่รู้....
    “ดานี่แย่จัง” ลัดาพูดเหมือนรำพันตังเอง “เวลามีเรื่องอะไรก็ต้องนึกถึงแก้วทุกที”
    “ก็ดีแล้วนี่ ลองไม่นึกถึงดูสิ แก้วโกรธดาจริง ๆ ด้วย”
     
    ความจริงแล้วบัวแก้วก็อยากรู้อยากถามลัดาเหมือนกันว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า... ถึงได้มาเยือนโดยไม่บอกกล่าว... แต่ก็เพราะความเป็นเพื่อนกัน ที่รู้และเข้าใจในตัวเพื่อนดี.... บัวแก้วจึงไม่คิดจะถามต่อ เพราะถ้าหากลัดาสบายใจขึ้นเมื่อไหร่ก็จะเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังทันทีเองล่ะ....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×