ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คิดจะต่อหัว...ต้องแลกด้วยชีวิต (อัพ 100%)
ตรีเทพจอดรถอยู่ในลานจอดรถหน้าผับแห่งหนึ่งอยู่นานสองนาน แต่ไม่มีทีท่าว่าจะลงจากรถ ตอนนี้เขากำลังสับสนกับตัวเอง ...การที่เขามาหาฤดีรัตน์คืนนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมนักสำหรับชายหนุ่มที่กำลังแต่งงาน แต่เหตุผลที่เขาตัดสินใจหลังจากตกปากรับคำฤดีรัตน์เมื่อตอนบ่าย ไม่ใช่เพียงเพื่อตัดปัญหากลัวว่าชญานุชจะได้ยิน แต่เขาต้องการจะจบเรื่องราวระหว่างเขากับเธอเสียแต่วันนี้... ครั้นมาถึงที่หมายเขากลับไม่รู้จะเริ่มบอกฤดีรัตน์อย่างไรดี...
ตรีเทพสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อรวบรวมกำลังใจ จังหวะเดียวกันนั้นเขากลับได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจออกเบาๆ อยู่ข้างหู ลมหายใจที่รินรดต้นคอจนเย็นเยือกขนลุกชันอย่างควบคุมไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาดับเครื่องยนต์นานแล้ว วินาทีนี้เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีใครบางคนกำลังนั่งหายใจร่วมกับเขาอยู่ภายในรถ ครั้นจะเปิดประตูวิ่งออกจากรถ มือไม้แข้งขาตอนนี้กลับแข็งทื่อเย็นชาจนขยับเขยื้อนไม่ออกราวกับมีมือของใครมาดึงแขนขาและลำตัวเอาไว้ สิ่งเดียวที่ทำได้ยามนี้คือสวดมนต์ในใจ
..นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต...
..นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต...
ตรีเทพเริ่มท่องบทสวนมนต์พื้นฐานที่พอจะจำได้สวดวนไปวนมาไม่จบสักบท ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่ชายตามองกระจกหลังเสียด้วยซ้ำเพราะเกรงว่าจะเจอเจ้าของลมหายใจนั้น และแล้วตรีเทพก็กลั้นใจหันขวับกลับไปมองยังเบาะหลัง...
...ว่างเปล่า ไม่มีใคร... แต่เสียงลมหายใจนั้นยังคงอยู่...
ทันใดนั้นตรีเทพก็สะดุ้งเฮือก...เมื่อเสียงเคาะกระจกดังขึ้นฉุดเขาหลุดจากความกลัวก่อนลมหายใจปริศนานั้นจะอันตรธานหายไป เขาทะลึ่งพรวดเปิดประตูก้าวออกจากรถอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าตื่นหวาดกลัวบางสิ่งจนเด็กหนุ่มผมสั้นตั้งชี้ที่ยืนอยู่นอกรถพลอยตกใจไปด้วย
“พี่ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” เด็กหนุ่มถาม “ผมเห็นพี่จอดรถตั้งนานแล้ว ไม่เห็นลงสักที”
“ปละ...เปล่า”
ตรีเทพบอกก่อนจะรีบเข้าไปในผับ ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืนเกาหัวแกร็กๆ อย่างไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรของเค้า สงสัยทะเลาะกันแหง่ๆ เดินลิ่วไม่รอพี่ผู้หญิงเลย”
เด็กหนุ่มพูดพำอยู่คนเดียว ก่อนหันมองหญิงสาวในรถ จังหวะนั้นเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นหญิงสาวหายทะลุผ่านตัวรถออกมาโดยไม่เปิดประตู พลางแหกปากร้องลั่นด้วยความตกใจกลัวสุดขีด
“ผะ...ผี...ผีหลอกกกกกกกก..!”
เสียงเพลงในผับกำลังขับบรรเลงท่วงทำนองจังหวะสโลว์หลังจากเปิดเพลงจังหวะเร้าใจหลายเพลงติดต่อกัน บรรดานักท่องราตรียังดูบางตาคงเป็นเพราะยังไม่ดึก ฤดีรัตน์นั่งคอยตรีเทพอยู่ทางด้านในพลางกระดกแก้วเบียร์เข้าปากอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าคอยชายหนุ่มนานแล้ว
นั่นไง... ตรีเทพเดินมาแล้ว... แต่เอ๊ะ!! มากับใคร ทันทีที่เขาเดินมาถึงโต๊ะ เธอกำลังเอ่ยปากถาม แต่ก็ไม่เห็นร่างของหญิงสาวคนนั้นแล้ว...
ฤดีรัตน์ได้แต่อ้าปากค้างเหวอ พลางคิดว่าตัวเองคงดื่มมากไปหน่อยเลยตาลายพร่ามัว
“ทำไมมาช้าจังค่ะเทพ ฤดีรอนานแล้วนะ” ฤดีรัตน์ค่อนว่าแต่ก็ไม่วายชะม้ายชายตาใส่ โอบกอดเอวชายหนุ่มก่อนพานั่งลง
“นัดผมมา มีอะไรหรือเปล่า” ตรีเทพเอ่ยถามขณะที่หญิงสาวซบหน้าแนบอกชายหนุ่ม
“ทำไมคะ เดี๋ยวนี้ต้องมีอะไรด้วยหรือคะ ถึงจะมาหาฤดีได้”
“ถ้าไม่มี งั้นผมจะกลับ” ชายหนุ่มพยายามคลายวงแขนเบี่ยงตัวออกจากหญิงสาว
“อะไรคะ เพิ่งจะมาจะกลับแล้วเหรอ ดื่มอะไรเป็นเพื่อนฤดีก่อนสิ” ฤดีรัตน์พูดพลางไล่นิ้วชี้ไปตามใบหน้าของเขาก่อนจะหยุดตรงริมฝีปาก
“ก็ได้ แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเรานะฤดี” ตรีเทพสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจพูดต่อ “ผมกำลังจะแต่งงาน”
“แต่งงาน!” ฤดีรัตน์แสร้งทำใจเมื่อได้ยิน “เหตุผลนี่ใช่ไหมที่พักหลังเทพไม่มาหาฤดีเลย”
ตรีเทพไม่ตอบแต่ได้นั่งนิ่งเงียบ จิตใจเริ่มอ่อนยวบเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าเริ่มตาแดงเหมือนกำลังจะสะอึกสะอื้น
“เทพใจร้าย... เทพหลอกให้ฤดีรักเทพ”
“ผม ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“งั้นเทพก็อย่าแต่งงานสิ นะๆ ฤดีรักเทพนะๆ”
“ผมตัดสินใจแล้ว ขอโทษนะฤดี” ตรีเทพว่าแล้วก็ตัดสินใจทะลึ่งพรวดลุกขึ้น
“งั้นฤดีขอเป็นเมียน้อยเทพก็ได้”
“ฤดี!” ตรีเทพตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ซึ่งตัวเขาเองไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้คำพูดนี้จากปากผู้หญิงคนนี้
“คุณพูดจริงเหรอ” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“ต่อให้เป็นเมียน้อยฤดีก็ยอม เพราะฤดีรักเทพ”
“คุณนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำตอบแน่ชัด ตรีเทพก็พรวดลุกเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกร้องของหญิงสาว และไม่ได้เห็นใบหน้าอันเกรี้ยวกราดหมายจะเอาเรื่องด้วย
‘...เมื่อฉันไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีใครได้...’
..........
เช้าวันใหม่เขมมิกาสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังลั่น เธอลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูด้วยความงัวเงีย เหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน เธอมองดูคนข้างนอกผ่านตาแมวประตู ทันทีที่มองเห็นเขมมิกาก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง... ตรีเทพ... เขายังไม่ตาย... หญิงสาวรีบเปิดประตูทันที
สีหน้าตรีเทพเศร้าหมอง ปราศจากรอยยิ้ม... ก่อนจะเอามือจับหัวตัวเองแล้วกระชากดึงออกเหมือนถอดหมวดกันน็อก เลือกสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกจากคอกระเซ็นเปื้อนเพดาน ส่งกลิ่นคาวสะอิดสะเอียน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด” เขมมิกากรีดเสียงร้องสุดเสียง
“เขมๆๆๆ”
เสียงของชญานุชดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของเธอ ก่อนภาพทุกอย่างจะดับวูบลง
“เขมๆ ตื่นสิ เขม”
เขมมิกาสะดุ้งเฮือกลืมตาตื่นขึ้น รู้สึกว่าตัวเองกำลังหอบหายใจเหนื่อยอย่างหนัก
“เขมเป็นอะไร เขม!” ชญานุชถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากได้ยินเสียงกรีดร้อง
“ฝัน...เขมฝันร้าย...” เขมมิกาเกือบหลุดปากเล่าความฝัน แต่เมื่อนึกขึ้นได้เธอก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น ขณะที่อีกฝ่ายใจจดใจจ่อรอฟัง “ไม่มีอะไรหรอก แค่ความฝัน”
เมื่อเห็นเขมมิกาไม่ปริปากเล่า ชญานุชก็ไม่คะยั้นคะยอ เพราะรู้ว่าดีว่า ถ้าเพื่อนคนนี้บอกว่าไม่ก็คือไม่
“ไปล้างหน้าล้างตาซะ จะได้สดชื่น”
เขมมิกาเข้าไปล้างหน้าก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ
“มีอะไรนุช!” เขมมิกาเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“มาดูอะไรนี่สิเขม”
“อะไร?”
เขมมิกายื่นหน้าเข้าไปอ่านข้อความบนจอมอนิเตอร์ ซึ่งเป็นเว็บที่ทั้งสองเปิดอ่านเมื่อคืนนี้
“...การจะต่อหัวให้ผู้ที่ไม่มีหัวนั้น จะต้องแลกด้วยชีวิต”
ทันทีเมื่อเขมมิกาอ่านจบ ทั้งสองก็ประสานตากันแววตาหวาดกลัวไม่แพ้กัน
“เขม... หมายความว่าฉันจะต้องตายแทนเทพเหรอ ฉันเป็นคนท่องคาถานั้นคนเดียวฉันจะต้องตายใช่ไหม? ใช่ไหมเขม?”
คำพูดประโยคหลังเล่นทำเอาเขมมิกาสะอึกเฮือกเหมือนมีอะไรมาจุกตรงคอเมื่อรู้ว่าความตายกำลังจะมาทักทายในไม่ช้า ...ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่ท่องคาถานั้น....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น