ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : #3
ลัดาขับรถกลับไปที่สำนักพิมพ์อีกครั้ง ความจริงแล้วเธอไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลับมาอีกหนหรอก เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะสี่โมงเย็นใกล้เวลาจะเลิกงานแล้ว แต่เธอเป็นประเภทที่ไม่ชอบปล่อยให้งานพอกหางหมู หรือไฟลนก้นมากกว่า ชอบเคลียร์งานให้เสร็จ ๆ ไป
บางครั้งยังโดนพี่หนังแซวเลยว่า
“จะรีบไปตาม-ที่ไหน? เดี๋ยวก็ไม่มีอะไรทำหรอก”
คำพูดถ้อยคำออกจะรุนแรง หรือหยาบคายอย่างนี้ เธอไม่สะทกสะท้านหรอก ถ้าเป็นคนอื่นอารมณ์คงฟังคงขุ่น พุ่งโพลง กระโดดต่อยพี่หนังล้มตึงไปแล้ว และอย่าคิดด้วยว่าเธอจะหน้าด้านหรือหนังหนาเกินจะรู้สึกได้ หากแต่เป็นเพราะว่าเธอกับพี่หนังเป็นพี่น้องร่วมสถานบันเดียวกัน คณะเดียวกันมาก่อน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มักจะมีการเล่นหัว เล่นลิ้น เล่นตากันบ่อย ๆ ระหว่างสองคนนี้
แสงสุดท้ายของตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปทีละน้อย ปล่อยให้แสงจันทร์สลัว ๆ เข้ามาแทนที่บ้าง แต่ก็ดูจะบดบังรัศมีแสงไปโดยสิ้นเชิง เมื่อราตรีมาเยือนท้องฟ้าในกรุงเทพฯ ก็สว่างไสว ไปด้วยแสงสีต่าง ๆ ทำให้บดบังความมืด บดบังแสงนวล ๆ ของดวงจันทร์ ต่างกับท้องฟ้าในชนบทที่แสงจันทร์ยังทำหน้าที่ได้เฉกเช่นเคย....
พอค่ำหน่อย รถราบนท้องถนนในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ก็เริ่มหนาแน่นขึ้น ขณะบนทางด่วนยังติดยาวเป็นพรืด จนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นทางด่วนแล้วในขณะนี้ และเป็นความเคยชินของคนกรุงเทพฯเสียงแล้ว ที่ได้เห็นสภาพอย่างนี้ทุกวี่ทุกวัน ที่จะต้องนั่งแกร่ว หรือยืนแกว่งห้อยโหนโตงเตงอยู่บนรถประจำทางเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ตัวลัดาเองก็เช่นกันก็ต้องนั่งแกร่วอยู่ในรถเก๋งของตนเป็นชั่วโมง ๆ จนรู้สึกหงุดหงิด ต้องเปิดเพลงฟังให้ผ่อนคลายอารมณ์บ้าง... ไม่งั้นเป็นบ้าตายแหง ๆ
.
ในขณะเดียวกันชายหนุ่มสองคนกำลังพูดคุย โซ้ยเบียร์กัน....
“ข้าถามแกจริง ๆ เถอะว่ะ ไปรู้จักยายดาได้ไง” คนถาม ถามพลางกระดกแก้วเบียร์เข้าปาก พร้อมหยิบกับแกล้มตามลงไปในคอ
“ก็ไม่ได้รู้จักอะไรมากมายหรอก เพียงแต่เคยติดต่อกันก็เท่านั้น” คนตอบ ตอบเสียงเรียบ
“แล้วเป็นเพื่อนกับยายดาสมัยไหนล่ะ” หนังถามต่อ
“สมัยนี้ล่ะ”
“มันยังไงของแกว่ะ ข้างงไปหมดแล้ว ช่วยเล่าให้ละเอียดทีสิ งงว่ะ” คนถามท่าทางจะงงปวดหัวจริง ๆ เพราะเห็นเกาหัวยิก ๆ
รวินยิ้ม และเล่าเรื่องที่อีกฝ่ายอยากรู้ด้วยเสียงเรียบ....
.
“เรื่องของแกมันเน่าจริง ๆ ว่ะ ยังกะนิยายรักสิบสตางค์น่ะ” หนังพูดปนหัวเราะ “มา- ชนแก้วกันหน่อย”
น้ำสีเหลืองทองถูกรินเข้าปากอย่างง่าย รสชาดมันปาดคอชวนให้ลิ้มลองรสอยู่เสมอ ๆ....
“แล้วทำไมแกไม่บอกยายดาล่ะว่า แกมากรุงเทพฯ ทำไมจะต้องไปปก ๆ ปิด ๆ อะไรด้วย” หนังยังไม่วายถามต่อ
“กะจะมาเซอร์ไพร์สหน่อย”
“อืมก็ดี จะเซอร์ไพร์สหรือกินแห้วว่ะ”
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไงว่ะ.... เธอมีแฟนแล้วหรือว่ะ”
“เท่าที่เห็น ๆ ไม่มีหรอก จะไปมีใครกล้าเป็นแฟนยายดา ตอนสมัยเรียนน่ะ ขณะรุ่นพี่ปี 4 พูดเล่นพูดแซวด้วยนะ ยายดายังด่ากลับมาซะไม่เป็นผู้เป็นคนเลย.... ยังมีอีกนะ เมื่อตอนยายดาอยู่ปี 2 มีหนุ่มวิศวะมาจีบโว้ย!... แต่มันเป็นคนปากปีจอไปหน่อย เลยโดนยายดาต่อยซะปากฉีกปากแหกกลับบ้านแทบไม่ทัน...”
จบประโยค ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับนิ่งอึ้งไป เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำได้ขณะนั้น ท่าทางเธอเท่าที่เขาเห็นกอปรกับถ้อยคำที่ได้อ่านในจดหมายอล้วเธอไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นเลย....
‘ยังไงก็เว้นเราไว้สักคนก็แล้วกัน’ เขาบอกกับตัวเองในใจ ก่อนจะคิดต่อว่า
‘ถ้าเธอมีแฟนแล้วจริง ๆ ล่ะ จะทำไงดี?’
.
ภายในห้องนอนนั้น เครื่องปรับอากาศกำลังหน้าที่กระจายความเย็นทั่วห้อง ขณะที่ลัดาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เมื่อผิวกายมาสัมผัสกับอากาศในห้องที่เย็นฉ่ำก็ชวนให้ขนตั้งชันได้เหมือนกัน
เธอนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกพลันสายตามองไปเห็นกล่องเพลงบนหัวเตียง กล่องที่มาจากแดนไกล มาจากคนละฟากฟ้า เธอไขลานมัน ก่อนจะอดคิดถึงคนให้ไม่ได้....
เธอเปิดลิ้นชักหัวเตียงออก หยิบซองจดหมายแอร์เมล์....ซึ่งเคยอ่านมาแล้วหลายรอบขึ้นมาอ่านใหม่อีกหนในวันนี้ เธอยังคงจำได้ดีถึงวันแรกที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้....
‘...ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนชาวไทยเช่นกันครับ ผมชอบเมืองไทยม๊าก...มาก....’
เกริ่นนำมาก็ดูสุภาพเรียบร้อยดีหรอก....
‘ยิ่งโดยเฉพาะสาวไทยเค้าว่าสวยมาก’
ดูเอาเถอะ... ยังไม่ทันไรก็ส่อเค้าว่าเป็นคนเจ้าชู้เสียแล้ว-เธอนึกค่อนอยู่ในใจ
‘ที่สำคัญอากาศในเมืองไทย มีตั้งสามฤดู นึกอิจฉาจัง’
ไม่เห็นจะน่าอิจฉาเลย... ใครน่ะบอกว่ามีสามฤดู เห็นก็เพียงสองฤดูเท่านั้นเอง ไม่ฤดูร้อน ก็ร้อนมาก...
ท้องฟ้าเบื้องนอกมืดมิดสนิท อากาศรอบตัวเริ่มเย็นจับกาย เธอวางจดหมายฉบับแรกลง แล้วขยับตัวมานั่งผิงหัวเตียง โดยเอาหมอนหนุนหลังไว้ ก่อนจะหยิบซองจดหมายฉบับต่อไปอ่านต่อ....
‘...ฉบับนี้ผมส่งรูปมาให้คุณไว้ดูต่างหน้าด้วย... เผื่อคุณจะได้เก็บไว้แอบคิดถึงกันบ้าง-’
ใครกันอยากจะเก็บไปคิดถึงด้วย- เธอนึกค่อนในใจ
รูปที่นายคนนี้ส่งมา เห็นจะอายุประมาณสักห้าขวบเห็นจะได้ ก็ดูดีหรอกนะ... หลังจากนั้นเธอเองก็ส่งรูปตอนเด็ก ๆ ไปให้เช่นกัน ไม่อยากให้นายคนนี้มาว่าหรอกว่า.... คนไทยชอบเอารัดเอาเปรียบ....
จดหมายฉบับต่อ ๆ ไปถูกกางออก จนมาถึงฉบับสุดท้าย
‘...วีคเอ็นหน้านี้ผมต้องย้ายไปอยู่นิวยอร์ก... ไม่รู้จะมีเวลาเขียนจดหมายมาหาคุณอีกไหม เพราะคงเรียนหนักน่าดู’
และข่าวคราวของเขาทางจดหมายก็ขาดหายไปเลย ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจบ้างเหมือนกัน เธอจด ๆ จ้อง ๆ ปากกาและกระดาษเขียนจดหมายอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่รู้จะส่งไปที่ไหน ในเมื่อเขาย้ายไปอยู่นิวยอร์กแล้ว เธอเลยต้องจำตัดใจเอาว่า.... เขาคงจะตัดความสัมพันธ์กับเธอไปแล้ว แล้วทำไมเธอถึงจะตัดความสัมพันธ์นั้นกับเขาบ้างไม่ได้...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น