ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คิดจะต่อหัว...ต้องแลกด้วยชีวิต (อัพ 80%)
“นุช นุช” เสียงเรียกของเขมมิกาดังลั่นสลับกับเสียงเคาะประตูห้อง เธอยืนเรียกอยู่หน้าห้องเป็นนานสองนานแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เขมมิกานึกสังหรณ์ใจว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีกับชญานุชเพื่อนรัก เมื่อคิดเช่นนั้นเธอจึงลองบิดลูกบิดประตู
ไม่ได้ล็อก...ชญานุชลืมล็อกประตูได้อย่างไร...
เขมมิการีบเปิดประตูห้องเข้าไป สิ่งที่เธอพบก็คือ ร่างของเพื่อนสาวนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นใกล้ๆ โต๊ะรับแขก เธอรีบเข้าไปประคองชญานุชทันที
“นุช นุช”
ชญานุชค่อยๆ เผยอเปลือกตาออกกว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นเขมมิกาจึงโผเข้าสวมกอดอย่างดีใจ
“เกิดอะไรขึ้น!”“ เขมมิกาถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเพื่อนตัวสั่นเทิ้ม
“ช่วยด้วยเขม ช่วยฉันด้วย ฉันกลัว” ชญานุชละล่ำละลักพูดอย่างคนเสียสติ
“แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” เขมมิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบใจเพื่อนสาว
“มันอยู่ในห้อง!”
เขมมิกากวาดสายตามองรอบๆ ห้อง แต่ไม่มีใครสักคน
“ใคร?” เขมมิกาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไม่แน่ใจว่า ‘มัน’ ที่ชญานุชบอกมีตัวตนหรือไม่มี...
“ไม่รู้... มันน่ากลัว...” ชญานุชกุมมือเขมมิกาไว้แน่น พลางกวาดสายตามองรอบห้องอย่างหวาดระแวง “มันน่ากลัวมาก...มันไม่ใช่คน!”
...มันไม่ใช่คน!...
คำพูดประโยคหลังเล่นเอาเขมมิกาถึงกับขวัญเสีย จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกเสียจาก...
“แกตาฝาดหรือเปล่า ไม่เห็นมีใครเลย” ปากก็พูดปลอบใจเพื่อน แต่ในใจกำลังโดนความหวาดกลัวถาโถมจนแทบควบคุมสติไม่อยู่
“จริงๆ นะ”
คำพูดตอกย้ำของชญานุชยิ่งทำให้เขมมิกาหวาดระแวงมากขึ้น แต่ก็ยัง...ทำใจดีสู้ผี...
“แกไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกเอง”
ก็แน่ล่ะ...อย่างไรเธอก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนชญานุชอยู่แล้ว ในเมื่อเขาโทรมาขอร้องเธอ...
“ฉันว่าแกดื่มอะไรอุ่นๆ สักหน่อยดีกว่าจะได้รู้สึกดีขึ้น”
แล้วเขมมิกาก็เดินตรงไปยังห้องครัว ก่อนกลับมาพร้อมกับนมร้อนสองแก้วแล้วยื่นให้ชญานุชที่ยังคงนั่งตัวสั่นอยู่ที่เดิม
“ว่าแต่แกมาหาฉัน มีอะไรหรือเปล่า” ชญานุชเอ่ยถามเมื่อสติสตังกลับเข้าที่
“ก็เทพน่ะสิ โทรหาฉัน...” อารมณ์ชญานุชขุ่นเคืองเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตรีเทพโทรหาเขมมิกา “บอกว่าแกไม่ค่อยสบาย ให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนแกหน่อย ทีแรกฉันก็คิดว่าไม่สบายนิดหน่อย แต่พอมาเห็นแกแล้ว...ฉันว่าแกเป็นเอามากเหมือนกัน” เขมมิกาพูดพลางกุมมือเธอไว้แน่น
“แกเชื่อฉันหรือเปล่า” ชญานุชเลิกคิ้วถาม ขณะที่อีกฝ่ายลังเลเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะยังไม่เห็นกับตา แต่หากสิ่งที่ชญานุชบอกเป็นเรื่องจริง เธอก็ไม่อยากพิสูจน์ให้เห็นกับตาหรอก ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า ...คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี...
“สองสามวันก่อนฉันฝันว่า
” แล้วชญานุชก็เล่าฝันร้ายนั้นให้เขมมิกาฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“เขาว่ากันว่า ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะแก” อีกฝ่ายยิ้มน้อยๆ จับมือเพื่อนสาวไว้แน่นเป็นเชิงปลอบใจ
“แต่มันเป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก ฉันรู้สึกใจไม่ดีเลย สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น?”
“เอาน่าแก คงไม่มีอะไรหรอก แกอาจจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็คิดมากไปเองอย่างที่เทพบอกก็ได้”
นี่ตรีเทพเล่าเรื่องทุกถ้อยคำพูดให้เขมมิกาฟังเหรอ...
“เอาอย่างนี้... เพื่อความสบายใจของแก” ว่าแล้วเขมมิกาก็พาชญานุชมานั่งตรงคอมพิวเตอร์
“อะไรของแก?”
“ลองเสิร์ชหาในกูเกิลดู ว่าฝันแบบนี้หมายถึงอะไร แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร มันน่าจะมีใครโพสต์ข้อมูลเรื่องพวกนี้บ้างล่ะ”
“แกนี่มันเจ้าแม่เทคโนโลยีจริงๆ เลยนะ”
“แกลืมไปแล้วเหรอว่าฉันจบเอกคอม”
“จ้า...แม่คนเก่ง”
แล้วเขมมิกาก็เริ่มเปิดโปรแกรมเบราเซอร์เรียกเว็บไซต์กูเกิลขึ้นมา ก่อนพิมพ์คำว่า “ไม่มีเงาหัว” ลงไปในช่องค้นหาแล้วกดแป้น Enter ไม่นานนักรายการเว็บเพจที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ไม่มีเงาหัว” ก็แสดงขึ้นมามากมายหลายรายการ
“โห จะอ่านอย่างไรหมด” นุชเอ่ยขึ้น
“ก็อ่านเฉพาะที่น่าสนใจล่ะกัน” เขมมิกาว่าก่อนคลิกเมาส์เลื่อนสโครบาร์เริ่มหาเว็บเพจที่น่าสนใจ จนมาสะดุดกับเว็บเพจหนึ่งจึงคลิกเปิดอ่าน
“คนที่ไม่มีเงาหัว หรือเงาหัวไม่มี ถือเป็นลางบอกเหตุที่เกิดภายในตัว เนื่องจากเทวดาประจำตัวหนีไปแล้ว เพราะมีเคราะห์ร้ายแรง ถึงฆาต ชะตาขาดหรือหมดอายุขัย” เมื่ออ่านถึงตรงนี้ทั้งสองก็ประสานตากัน แววตาบ่งบอกถึงความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองเริ่มใจไม่ดีกับสิ่งไม่ดีที่อาจจะเกิดขึ้น “...แสดงว่าจะต้องตายในวันนี้”
“ตาย!!” ชญานุชร้องลั่น “เทพจะต้องตายเหรอเขม?”
“ไม่มั้ง” เขมมิกาเหมือนพูดปลอบใจตัวเองไปด้วย “ใจเย็นๆ อ่านให้จบก่อน
” ว่าแล้วเธอก็อ่านต่อ “...ถ้าเห็นให้รีบแก้อย่าให้ข้ามคืน”
“แก้!...แล้วแก้อย่างไรล่ะ” ชญานุชเอ่ยถามขณะที่เขมมิกาไล่สายตาเพื่อจะอ่านข้อความต่อไป
“ไม่มี... ไม่ได้บอกไว้”
“โธ่เว้ย!!... แล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะ” ชญานุชเริ่มหัวเสีย
“ลองเปิดอ่านเว็บอื่นก่อน มันน่าจะมีบอกวิธีแก้สิ”
“เร็วๆ เขม เค้าบอกอย่าให้ข้ามคืน ก็แสดงว่าอย่าให้เกินเที่ยงคืนนี้”
“กี่ทุ่มแล้ว?” เขมมิกาถามอย่างเป็นกังวลเช่นเดียวกับชญานุชที่กังวลไม่แพ้กัน
ชญานุชหันมองนาฬิกาข้างฝาห้อง “สามทุ่ม”
‘...สามทุ่มแล้ว... มีเวลาเหลืออีกเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น มันต้องมีเว็บไหนที่บอกวิธีแก้สิ’ เขมมิกาคิดในใจ ก่อนเลื่อนเมาส์ไล่คลิกเปิดอ่านเว็บเพจอื่นๆ ต่อไป
“เจอแล้วๆ
” เขมมิกาตะโกนบอกอย่างดีใจจนออกนอกหน้าจนอีกฝ่ายเริ่มชักสีหน้า
“ว่าไง ว่าไง?”
“เมื่อพบคนไม่มีเงาหัว ช่วยได้โดยท่องคาถาต่อหัวให้”
“คาถาต่อหัวให้? แล้วมันว่าอย่างไรล่ะ”
“ในนี้บอกว่า ให้ท่อง...”
ยังไม่ทันจะอ่านต่อ ไฟทั้งห้องก็ดับวูบลง ทุกอย่างในห้องตกอยู่ในความมืดมิด
“เฮ้ย! ไฟดับ มาดับอะไรตอนนี้” เขมมิกาสบถอย่างหัวเสีย
“เขมจะเอาอย่างไรต่อดีล่ะ ยังไม่รู้เลยคาถาว่าอย่างไร?” ชญานุชถาม “จะสี่ทุ่มแล้วเขม ฉันกลัวจะไม่ทัน”
ทันใดนั้นท้องฟ้าข้างนอกก็ส่งเสียงร้องคำราม พร้อมกับสายฟ้าแลบแปลบสาดแสงสว่างวาบเข้ามาในห้อง ก่อให้เกิดเงาหนึ่งบนพื้นห้องตรงประตูริมระเบียง แต่หญิงสาวทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็นเพราะกำลังหัวเสียและใช้ความคิดอยู่...
“แกมันเจ้าแม่เทคโนโลยีนะ คิดสิ จะทำอย่างไรต่อ” ชญานุชเร่งเร้า เมื่อเห็นว่าเข็มนาฬิกายังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“คิดออกแล้ว” ว่าแล้วเขมมิกาก็รีบควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือ
“อะไรของแก?”
“นี่ไง โทรศัพท์...” ว่าแล้วเขมมิกาก็รีบเข้าโหมดเบราเซอร์ เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทันที ก่อนไล่หาเว็บเพจที่ยังอ่านค้างเมื่อครู่
“นี่ไงเจอแล้ว” เขมมิการ้องบอกอย่างดีใจ
“เค้าบอกให้ท่อง สัมปะติจฉามิ ไปเรื่อยๆ จนกว่าเงาหัวจะมาติดเหมือนเดิม”
สิ้นเสียงเขมมิกาโทรศัพท์มือถือเครื่องงามก็ดับวูบลงต่อหน้าต่อตา...
“โอยอะไรกันนักหนา เดี๋ยวไฟดับ เดี๋ยวแบ็ตหมด” ชญานุชโวยวายขึ้น
“เอาน่า อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าให้ท่องอะไร”
“...สัม...สัม...คาถาว่าอย่างไรนะเขม”
“สัมปะติจฉามิ” เขมมิกาจำได้ขึ้นใจ
“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเงาหัวจะมาติดเหมือนเดิม ตอนนี้เทพก็ไม่อยู่”
“แกก็โทรตามกลับมาสิ” เขมมิกาเสนอ
“แล้วจะให้บอกเทพว่าอะไรล่ะ เทพไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก”
“ก็บอกเทพไปสิว่า แกกับฉันกลัว แค่นี้เทพก็รีบกลับมาแล้ว เทพรักแกจะตาย” ประโยคสุดท้ายเขมมิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
หลังจากนั้นโทรศัพท์มือถือก็ถูกกดโทรออกไปหาชายหนุ่มคนรักของชญานุชอยู่นานสองนาน ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“โทรติดไม่นุช” เขมมิกาก็ใจร้อนเป็นห่วงไม่แพ้กัน
“ไม่ติด สงสัยไม่แบ๊ตหมดก็ปิดเครื่อง ทำอย่างไรดีล่ะ?”
“ในเมื่อตามเจ้าตัวไม่ได้ เราก็ท่องคาถานั้นไปเรื่อยๆ จนเลยเที่ยงคืนล่ะกัน จะได้ชัวร์”
“ดีเหมือนกัน”
และแล้วหญิงสาวทั้งสองก็นั่งสงบนิ่งอยู่คนละมุมห้อง ก่อนแข่งกันท่องคาถาต่อหัว ‘สัมปะติจฉามิ’ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น