แบบทดสอบสำหรับผู้ปกครอง
จากการสำรวจ พบว่านักเรียนทุกคนต่างเคยคิดอยากตายมากถึง 90เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนใหญ่คิดตอนเป็นเด็ก และสาเหตุเกิดจากพ่อแม่ทั้งหมด และมีเกือบทั้งหมดรวมทั้งคนที่ไม่เคยคิดอยากตายและอยากตายต่างเคยคิดอยากออกจากบ้าน การที่คนบางคนชอบอ้างว่า การที่เด็กพวกนั้นที่คิดฆ่าตัวตายล้วนเป็นเด็กที่มีปัญหา เด็กที่เราสัมภาษณ์ไม่ใช่เด็กที่มีปัญหาไม่ได้เกี่ยวข้องกับสารเสพติดอย่างแน่นอน เพราะฉันรู้จักพวกเขาดีทุกคน พวกเขานิสัยดี มีผลการเรียนที่ดี ดูภายนอกแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าแต่ละคนล้วนเคยคิดอย่างนั้น ทุกครอบครัวมักคิดว่าครอบครัวเราไม่มีปัญหา แต่ที่จริงแล้วเราต่างมีปัญหากันทั้งนั้น เมื่อเราต่างคิดว่าครอบครัวเรามีความสงบสุขดี แต่ผลสุดท้ายของการไม่เคยหันมามองและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเราก็คือ ลูกของพวกคุณค่ะ พวกเขาบอกว่าตัวเองไม่มีปัญหาครอบครัว แต่ทำไมพวกเขาถึงเคยคิดอยากตายมาแล้วล่ะ ค่ะ และ ไม่แน่ว่าลูกของพวกคุณอาจะเคยคิดอยากตายเช่นกัน........
แบบทดสอบสำหรับผู้ปกครอง ( การที่เรายอมรับว่าเราเป็นอย่างไร จะดีกับตัวลูกของเรามากที่สุด )
1.ลูกๆของท่านเคยเข้ามาปรึกษาปัญหากับท่านบ้างไหม ไม่ว่าเรื่องเพื่อนหรือเรื่องเรียน หรือมาเล่าเรื่องเพื่อนที่โรงเรียน
1. ไม่เคย 2. 1- 3 ครั้ง / 1 สัปดาห์ 3. 4-6 หรือมากกว่านั้น / 1 สัปดาห์
การที่ลูกไม่เคยเข้ามาปรึกษาหรือเล่าเรื่องเพื่อน นั้นสามารถสื่อถึงความใกล้ชิดของคนในครอบครัว การที่ลูกๆไม่กล้าเล่าเรื่องทุกข์ให้พ่อแม่ ฟังเพราะ ในบางครั้ง พวกเขารู้ดีว่าเมื่อพูดออกไปไปก็มักโดนพ่อแม่ต่อว่าอยู่ดี พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่พูด เป็น ดังนั้นเมื่อลูกของท่านทำผิดเราก็ควรที่จะพูดด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ เพราะเมื่อพอไม่พูดพวกเขาก็จะเก็บปัญหาไว้กับตัว ถ้าเขาได้ระบาย บ้าง เขาอาจะได้ตัดสินใจใช้ชีวิตในทางที่มันควรจะ เป็น ไม่คิดฆ่าตัวตาย
2.ท่านเคยเข้าไปถามสารทุกข์สุขดิบของลูกๆของท่านหรือไม่ เช่น ถามว่าเรียนเป็นไงบ้าง เพื่อนเป็นไงบ้าง
1. ไม่เคย 2. 1- 3 ครั้ง / 1 สัปดาห์ 3. 4-6 หรือมากกว่านั้น / 1 สัปดาห์
การที่ท่านหมั่นถามก็แสดงว่าท่านเป็นห่วง แต่นั่นก็หมายถึงการที่ท่านเอาใจใส่เขา ไม่ได้ปล่อยปละละเลย เขาจะมีความสุข เมื่อท่านหมั่นถามเขา เพราะลูกทุกคนล้วนอยากได้รับความใส่ใจจากพ่อแม่
3.ท่านเคยให้ความสำคัญหรือสนใจพี่หรือน้องคนไหนมากกว่ากัน หรือพยายามบอกให้ลูกของท่านพยายามให้เก่งเหมือนพี่หรือน้องหรือคนอื่นๆ หรือปฏิบัติตัวต่อคนไหนคนนึงเป็นพิเศษใช่หรือไม่
1.ใช่ 2.ไม่ใช่
สมมุติว่าท่านชมลูกคนที่เป็นพี่พี่เพราะลูกคนที่เป็นพี่เรียนเก่งพร้อมบอกกับให้ลูกคนที่เป็นน้องดูพี่เป็นตัวอย่าง เมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายแล้วลูกคนที่เป็นพี่ก็จะกลายเป็นเด็กเรียนดีเพราะอยากให้พ่อแม่ชมเขาว่าเขาเรียนเก่ง แต่พอเมื่อเขาเรียนตก เขาอาจจะเครียดจนอยากฆ่าตัวตาย แล้วที่นี้คุณยังอยากชมลูกอยู่อีกไหม ส่วนคนเป็นน้อง เมื่อเขาไม่ได้เรียนเก่งเหมือนพี่ เขาน้อยใจที่พ่อแม่รักพี่มากกว่าเพราะพ่อแม่ชอบชมพี่ แต่ชมกลับไม่เคยชมเขา เขาจึงพยายามหาเพื่อน หาคนรัก เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า ยังมีคนต้องการเขาอยู่ และเมื่อคนรักตีจากเขา เขากลับพบว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าหายไป แล้วเหตุผล
ของการมีชีวิตอยู่ไม่มีแล้ว สิ่งที่เขาจะทำ........ท่านน่าจะพอนึกออก
4.พ่อและแม่หรือ พ่อแม่กับลูกๆของคุณ ทะเลาะกันบ่อยแค่ไหน
1. 0 1 ครั้ง/สัปดาห์ 2. 2 - 4 ครั้ง/สัปดาห์ 3. 5-10 หรือมากกว่านั้น /สัปดาห์
ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันประจำนั้นหมายความว่าเด็กเกิดมาโดยไร้ความรัก ยิ่งครอบครัวอยู่ด้วยความสงบสุข เด็กก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขเพราะรู้ว่าตัวเองเกิดมาเพราะความรัก ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อย ความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกคิดฆ่าตัวตายยิ่งมีสูงมากขึ้น
5.ลูกท่านเคยบ่นหรือพูดเป็นเล่นว่าอยากตายบ้างไหม ( สำหรับข้อนี้ถ้าเคยแสดงว่าลูกท่านอยากตายจริง )
6.ในวันหนึ่งบ่อยแค่ไหนที่ท่านเคยมานั่งคิดถึงผลของการที่ทำต่อลูกบ้างไหม เช่น พี่น้องทำผิดเรื่องเดียวกัน แต่น้องกลับโดนตีแค่คนเดียว ลูกของท่านอาจน้อยใจจนอยากฆ่าตัวตาย
1. 0 ครั้ง 2. 1-2 ครั้ง 3. 3-4 ครั้ง 4. เกือบทุกครั้ง
สำหรับพ่อแม่แล้วควรจะมานั่งครุ่นคิดบ้างว่าเราได้ทำอะไรกับลูกไว้บ้าง แล้วมันจะส่งผลอย่างไร เพราะเด็ก ยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งบอบบางมากขึ้น การกระทำที่เราทำต่อลูกๆ ในบางครั้งเราว่ามันไม่น่าจะส่งผลไรมาก แต่จริงแล้วเด็กอาจจะคิดน้อยใจ จนไม่อยากมีชีวิตอยู่เลยก็เป็นได้ สำหรับข้อนี้เด็กที่เราสอบถามมาทั้งหมดส่วนมากอยากตายเพราะสาเหตุนี้กันทั้งนั้นและมักเกิดขึ้นช่วงเด็ก( ประมาณช่วงชั้นประถม )
7.คุณเคยบอกลูกหรือไม่ว่า คนเราต่างมีคุณค่าอยู่ในตัวและคุณค่านั้นไม่ได้วัดกันที่ความเก่งในด้านๆต่างๆเช่น การเรียน
เคย ไม่เคย
การที่เราฆ่าตัวตายนั้นหมายถึง เรารู้สึกว่าเราไม่มีคุณค่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
การที่เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่านั่นเพราะเราได้รับความรักจากคนอื่นเช่น คนอื่นยกย่องเรา
มีคนชอบเราเยอะ มีคนชมว่าเราสวย เราเก่ง สิ่งเหล่านี้มักทำให้หัวใจเรารู้สึกชุ่มชื้น ดีจังที่มีคนมารักเรา แต่ถ้าวันหนึ่งเรากลับไม่ได้รับความรักนั่นอีก ไม่ว่าด้วยสาเหตุไหน คุณค่าของเขาจึงแปรตามสิ่งแวดล้อม จาก 100 ค่อยๆลด ลดลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นความว่างเปล่า การ สิ่งที่ควรคือการที่ตัวเรารู้สึกว่าจริงๆแล้วเราก็มีคุณค่าอยู่ในตัว และคุณค่านั้นไม่ได้วัดกันที่ความเก่งในด้านๆต่างๆเช่น การเรียนและเด็กทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาสั้นๆคิดว่าตัวเองไร้คุณค่าค่ะ แม้จะเป็นช่วงสั้นๆแต่มันก็บอกได้ว่าพ่อแม่อย่างเราก็ไม่ได้สอนลูกในสิ่งที่ลูกควรจะรู้สึก ( สำหรับข้อนี้ อยากให้พ่อแม่ทุกคนบอกสิ่งนี้แก่ลูกๆค่ะ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะเพราะปัญหาต่างๆเช่น การที่เราชอบการแข่งขันและอื่นๆ ล้วนมาจากสาเหตุที่เราไม่รู้สึกว่าเรามีคุณค่าจริงๆค่ะ )
สิ่งที่เราควรทำต่อไปนี้ไม่ใช่แค่การเห็นปัญหา แต่เป็นการเริ่มที่จะแก้ปัญหาค่ะ แก้ตอนนี้เลยค่ะ ระลึกไว้เสมอเลยนะค่ะว่าการที่เราไม่เคยคิดว่าการกระทำของเราส่งผลต่อลูกแค่ไหน ยิ่งทำให้ลูกของเราใกล้ความตายเข้าไปเรื่อยๆค่ะ ไม่แน่ว่าในใจลูกของคุณตอนนี้ อาจกำลังคิดจะข้ามไปสู่ความตายแล้วก็ได้ค่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น