ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Friend อยาก (ขอ) เบนมาเป็นแฟน

    ลำดับตอนที่ #3 : New Friends

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 61


    B
    E
    R
    L
    I
    N

    New Friends

     

    ตึกๆๆๆ

    เสียงฝีเท้าของใครหลายคนมุ่งหน้ามายังห้องเรียนเด็กประถม ที่ประตูห้องเรียนไม่สามารถทำหน้าที่ให้คนเดินผ่านไปได้เลย ทุกสายตาก็พากันจับจ้องไปที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่ฝ่ายชายเอียงหน้ามองเด็กผู้หญิงที่เอาแต่ก้มหน้างุด

    วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์!!!

    ทั้งสองคนเคยก็เพื่อนกันมาก่อน จนวันนี้เมื่อเด็กชายถูกแฟนบอกเลิกก็มาให้เพื่อนอย่างเด็กหญิงปลอบ แล้วความลับของเด็กหญิงก็แว่วออกไป ว่าเธอชอบเด็กชายคนนี้!!!

    เด็กหญิงกลัวมากว่าเด็กชายจะเมิน แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เด็กชายมองเธอแล้วอมยิ้ม เขาชอบที่เธอเป็นคนใสซื่อแบบนี้เลยขอเธอเป็นแฟน แล้วจากเหตุการณ์นี้แหละที่ทำให้จากเดิมก็ก้มหน้างุดอยู่แล้วเลยยิ่งก้มหนักกว่าเดิมอีก

    “เธอชอบเราเหรอ?”

    >///<

    “เสียดายจัง”

    “????”

    “ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ก็คงเอาดอกไม้มาให้แล้ว”

    -///////-

    “เป็นแฟนกับเรานะ :)

    -///////-

    เมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้นอย่างนั้น ก็พาให้เหล่าไทยมุงฮือฮามากยิ่งขึ้น เรื่องนี้รู้กันทั่ว...

    .

    .
              .

    ในช่วงกลางวันเด็กชายวิ่งไปทั่วจนเจอเด็กหญิง แล้วเขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้ก่อนจะพาเดินไปด้วยกัน

    “นี่ๆ จะพาเราไปไหนเหรอ?”

    “ก็ที่เธอชอบไปไง”

    “???”

    “รีบไปเถอะ”

    เด็กชายจับมือเด็กหญิงแล้วพาวิ่งมาด้วยกันแล้วจบที่ห้องสมุด

    “ที่นี่เหรอ?”

    “ใช่ ก็เธอน่ะชอบมาที่นี่ช่วงพักเที่ยง”

    “...”

    “เราไม่อยากเล่นคนเดียวนะ มันเหงา”

    “...”

    “ถ้าเธอชอบมาที่นี่ เราก็จะมาด้วย”

    “...”

    “มาอยู่ด้วยกันไง :)

    สุดท้ายทุกช่วงพักเที่ยงก็จะพบเด็กคู่หนึ่งมานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน...

    .

    .

    .

    ในช่วงเช้า ที่เด็กทุกคนต่างพากันวิ่งเล่น

    “อ่ะ! เราให้” เด็กชายยิ้มให้เด็กหญิง แล้วเอาบางสิ่งใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของเธอ

    “อะไรเหรอ?”

    “ลองเปิดดูสิ”

    “...” เด็กหญิงหยิบของที่เด็กชายให้ขึ้นมาดู ก่อนจะยิ้มขึ้นมา “แหวนนี่”

    “ใส่ด้วยนะ :)

    แล้วเด็กชายก็สวมแหวนลงบนนิ้วของเธอแล้วยิ้มให้ สร้างความสดใสให้กับทุกคนที่มองมา...

    .

    .

    .

    “เราเลิกกันเถอะ”

    “ทำไมล่ะ?”

    “เธอไม่มีเวลาให้เราเลย”

    “...”

    “เราอยากให้เธอมาเล่นด้วย เธอก็ไม่ยอมมา”

    “...”

    “เราเหงา”

    “เหตุผลแค่นั้นเหรอ?”

    “เราขอโทษ ;(

    “เข้าใจล่ะ ขอบคุณนะ”

    เด็กสาวเดินจากไปทั้งน้ำตา โดยที่ไม่ได้ยินสิ่งสุดท้ายที่เด็กชายบอก

    เรายังเป็นเพื่อนเธอนะ

    เราจะยิ้มให้เธอตลอดไป

    .

    .

    .

    เด็กหญิงเสียใจมาก และจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้เด็กหญิงเปลี่ยนไป เธอไม่ยอมเข้าใกล้ผู้ชายอีกเลยถ้าไม่จำเป็น และถูกแกล้งบ่อยครั้ง เพราะมีผู้ชายมาเข้าหา แต่เธอไม่สนใจ...

    การถูกใครบางคนทำลายความไว้ใจที่มอบให้ มันทำให้เด็กหญิงไม่กล้ามอบมันให้ใครอีก

    เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชาย

    และฝังใจว่าผู้ชายคือสิ่งที่อันตรายที่สุด!

     

     

    ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มจางลงเรื่อยๆ และบิดเบือนไป สิ่งสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นก็มีแค่รอยยิ้มบางๆ ของใครบางคนเท่านั้น...

    .

    .
              .

    .

     

    กริ้ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    .

    .

    .

    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแบบไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆ และการควานหานาฬิกาก็คือปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อหาเจอแล้วก็จับการกดปุ่มปิดตัดความรำคาญ ความงัวเงียเริ่มถามหาเมื่อพยายามตั้งสติจะลุกออกจากที่นอน ยัยจูลคนนี้จึงทำได้แค่ลากสังขารตัวเองไปห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองแบบเอื่อยๆ

    ทำไมฉันต้องตื่นเช้าในวันหยุดด้วยเนี่ย!!!

    ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ แถมพระอาทิตย์ก็ยังขึ้นไม่เต็มดวงด้วยซ้ำ อากาศก็ชื้นจากน้ำค้างที่ลงมาในตอนกลางคืน แล้วยิ่งลมพัดที่มาโดนหน้าอีกเพราะตัวฉันเองชอบเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ไหนจะเสียงนกที่ร้องในยามเช้าแบบนี้ก็ยิ่งทำให้อยากฝังร่างตัวเองกลับไปบนเตียงอีกรอบ อากาศแบบนี้ช่างเหมาะแก่การนอนพักผ่อนอย่างยิ่ง... แต่สุดท้ายความขี้เกียจก็พ่ายแพ้ ในเมื่อตอนนี้ยัยจูลอยู่ในห้องน้ำ ฉันเริ่มล้างหน้าตัวเองแล้วก็สัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ พอมองไปที่กระจกฉันก็เจอกับสิ่งที่ทำให้สงสัยสุดๆ

    มีคราบน้ำตาอยู่บนหน้าฉัน!!!

    แปลว่าเมื่อคืนฉันร้องไห้เหรอ???

     

    สิ่งแปลกๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับฉันตั้งแต่เด็กแล้วนะที่ในบางเช้าฉันจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาแบบนี้ ไอ้ตัวฉันเองก็นึกว่าจะหายกับอาการนี้แล้ว เพราะช่วงสองสามปีที่ผ่านมาฉันก็ไม่ร้องไห้กลางดึกอีก แต่ตอนนี้มันก็กลับมาอีก!! มันเป็นทุกครั้งที่ฉันเห็นภาพเด็กคู่หนึ่งวิ่งเล่นกันและจบลงที่เด็กหญิงร้องให้ ซึ่งเด็กหญิงนั่นมันก็ตัวฉันเอง เชื่อว่าหลายคนน่าจะเดาถูกนะ ฉันเคยมีแฟน แต่มันก็นานมาแล้วจนจำแทบไม่ได้ สิ่งที่ยังหลงเหลือก็มีแค่รอยยิ้มจางๆ เท่านั้น อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่มันก็เกิดขึ้นกับฉันแล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องร้องไห้ ทั้งๆ ที่จำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย แถมไม่มีอะไรมากระตุ้นความรู้สึกแบบนั้นด้วย บางทีก็งงกับตัวเองเหมือนกันนะ

    แต่ก็นะ มันมีสิ่งนึงที่ดูน่าตกใจยิ่งกว่า ก็วันนี้ฉันมีเรียนพิเศษน่ะสิแถมเมื่อคืนก็ดันเล่นเกมเพลิน พอรู้ตัวอีกทีก็ตีสามแล้วทำให้ตื่นสายแบบนี้ เผลอตัวทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลย ให้ตายสิ! ฉันรีบหยิบขนมปังยัดใส่ย่ามใบเล็ก แล้วสวมใส่ไว้ข้างลำตัวก่อนจะติดสปีตไปที่ป้ายรถเมล์ ด้วยความเร็ว 100เมตร/ชั่วโมง(?) เอาเป็นว่าตอนนี้รีบสุดๆ แล้วก็นะทุกครั้งที่รีบมันก็มักจะเป็นแบบนี้ทุกที...

    ฉันสะดุดล้ม

    .

    .

    .

    โอ้ย!!! นี่ฟ้าแกล้งกันใช่มั้ย ถ้าไปสายขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย? แถมหัวเข่าก็ถลอกด้วย นี่มันวันซวยของยัยจูลจริงๆ แถมรถเมล์ฟรีก็มาแล้ว ให้มันได้อย่างนี้ดิ! ท้ายที่สุดก็ลากสังขารตัวเองขึ้นรถเมล์มาจนได้ ทั้งที่ยังไม่ได้จัดแจงอะไรเลย คนก็เยอะชะมัดสภาพนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับผักตบชวาที่พากันแย่งที่ยืนในน้ำน่ะ อึดอัดเว้ยยยย

    แต่ก็ทนไปเพียงแค่ไม่กี่ป้ายจริงๆ ฉันก็ลากสังขารตัวเองลงจากรถเมล์ ไม่ใช่ว่าถึงที่หมายหรอกนะ แต่เสาไฟข้างหน้ามันล้มรถเลยไม่ไป ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ ยัยจูลอยากจะร้องไห้... แต่โชคก็ยังเข้าข้างอยู่บ้างเพราะจากที่นี่ถึงที่เรียนพิเศษสามารถใช้ทางลัดไปได้ (*O*) ด้วยการเดินเข้าไปในซอยที่ถ้าไม่รู้จักดีก็หลงได้ง่ายๆ เลยล่ะ (^^;) ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดูละนะ เสี่ยงมั้ย ใครว่ามันไม่เสี่ยง~

    ฉันค่อยๆ เดินไปตามถนนสายเล็กๆ ที่นี่ออกแนวเงียบนิดหน่อยแต่ก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ อีกนิดเดียวก็จะถึงที่เรียนพิเศษแล้ว (เป็นการไปเรียนพิเศษที่บุกป่าฝ่าดงมาก555) แต่ก็อีกนั่นแหละจู่ๆ ก็มีฝนที่ไหนไม่รู้เทลงมาใส่ฉัน! แต่ไม่นะทำไมมีแต่ฉันที่เปียกล่ะ? พื้นแถวอื่นไม่เห็นมีน้ำสักหยดเลย?

    “ตายแล้วหนู! ป้าขอโทษ”

    “?????” ฉันเงยหน้าหาเจ้าของเสียงทันที แล้วก็เจอป้าคนหนึ่งยืนอยู่บนระเบียงฝั่งฉันพอดี

    “เปียกมากไหมจ้ะ?”

    “ก็นิดนึงอะค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”

    “ป้าต้องเป็นห่วงสิ ซุ่มซ่ามซะขนาดนี้”

    “ซุ่มซ่าม?”

    “ใช่สิจ้ะ”

    “ก็แค่ฝนตกไม่ทั่วฟ้าเองนะคะ?”

    “หนูเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าจ้ะ หรือไม่สบายเหรอ? ตายแล้วฉัน!

    “ป้าคะ ใจเย็นๆ หนูไม่ได้ป่วยสักหน่อย” ทำไมฉันมายืนเถียงใครก็ไม่รู้ตรงนี้ด้วยเนี่ย

    “ตอนนี้ไม่มีฝนนะ ที่หนูโดนน่ะน้ำที่ป้ารดต้นไม้ต่างหาก! แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง”

    TUT” ซวยของแท้เลยตัวฉัน...

    “หนูจะขึ้นมาเปลี่ยนชุดที่ห้องป้ามั้ย? ปล่อยไว้อย่างนั้นมันจะหนาวเอานา...”

    “ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ดีกว่าหนูรีบ”

    “อ่า... งั้นก็ไปดีมาดีนะจ้ะ~

    “ค่า---” ซวยกว่านี้มีอีกมั้ย?

    ตอนนี้ก็ถึงที่เรียนพิเศษแล้ว  แถมเหลือเวลาด้วยยังไงก็ขอดูสภาพตัวเองหน่อยเถอะ! ฉันชะโงกหน้ามองกระจกที่วางไว้ข้างระเบียงทางเดิน แล้วก็เห็นสภาพตัวเอง! นี่มันซอมบี้ตกน้ำชัดๆ  ลองนึกภาพตามดูสิ ผู้หญิงที่เปียกทั้งตัว หัวยุ่งๆ หน้าซีดๆ ตาก็คล้ำ ขาก็ถลอก แถมมีเลือดเปรอะที่ปลายกางเกงด้วย ดูไม่ได้เลยตัวฉัน!!! ฉันหัวหมุนนิดๆ กับสภาพตัวเองเลยรีบวิ่งไปขอกล่องปฐมพยาบาลจากร้านขายของชำแถวนั้น แต่ก็ดันโดนไล่ออกมาซะงั้น ไม่บอกก็น่าจะรู้นะว่าเพราะอะไร...

    เขานึกว่าเป็นคนบ้า!!!!

    สุดท้ายก็จบลงที่ห้องน้ำ เข้ามาจัดสภาพตัวเองอย่างน้อยก็ให้ดูดีกว่าที่เป็นอยู่ก็พอ ส่วนเสื้อก็คงต้องรอไปสักพักฉันจะไม่ยอมเข้าห้องแอร์ทั้งสภาพนี้แน่นอน (ขืนเข้าไปได้เป็นหวัดแน่ อีกอย่างตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะเริ่มเรียน) ว่าแล้วก็ขอหยิบขนมปังมากินสักหน่อย หิวจนจะกินช้างเข้าไปได้ทั้งตัวแล้ว...

    แกรกๆๆๆ

    แกรกๆๆๆ

    เสียงอะไรน่ะ? เหมือนเสียงคนเดินเลย คงไม่มีอะไรหรอกเขาคงมาเข้าห้องน้ำเหมือนเราแหละ...

    แกรกๆๆๆๆ

    แกรกๆๆๆๆ

    เอิ่ม.... ฉันว่าตอนฉันเข้ามาก็มีห้องว่างอยู่นะ ทำไมไม่เข้าไปทำธุระสักที แถมทำเสียงดังอยู่ได้ ว่าแล้วก็ขอสอดส่องหน่อยเถอะ ฉันค่อยๆ ก้มตัวลงจนถึงช่องว่างของประตูกับพื้นแล้วสอดสายตามองออกไป แต่ก็ไม่เห็นอะไรเสียงนั่นก็หายไปด้วย...

    แกรกๆๆๆๆ

    เห้ย! นี่ฉันอยู่ในนิยายสยองขวัญหรือนิยายวัยใสกันแน่เนี่ย? เริ่มกลัวแล้วนะนี่ฉันยังซวยไม่พอหรือไง?

    แกรกๆๆๆๆ

    ในตอนนี้ฉันเริ่มระแวงนิดๆ แต่ว่าก็ดูไปดูให้เห็นชัดๆ อีกทีเถอะมันคาใจแล้วก้มตัวลงไปกับพื้นอีกครั้ง คราวนี้เอามือปิดตาด้วย ตามปกติฉากนี้ในนิยายสยองขวัญตัวเอกจะต้องเจอกับวิญญาณใช่มั้ย? บอกที ว่าฉันจะต้องกับอะไร แง~~~ ฉันค่อยขยับความกว้างระหว่างนิ้วออกทีละนิดแล้วมองออกไปด้วยใจสั่นๆ แล้วฉันก็เห็น

    !!!

    !!!

    !!!

    ฉันเห็นรองเท้าผู้ชาย!!! เน้นอีกทีว่าผู้ชาย!! พระเจ้าช่วยกล้วยทอดเคยเห็นแต่ผู้หญิงเข้าห้องน้ำผิดแต่เดี๋ยวนี้มันอะไร โลกหมุนเร็วเกินไปจนยัยจูลคนนี้ตามไม่ทันแล้ว TOT

    สูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้สติไปหมดแล้วต้องตั้งสติสิ! ฉันรีบเปิดประตูออกไปพร้อมกับยกกระเป๋าสะพายขึ้นสุดมือพยายามจะฟาดเข้าใส่คนโรคจิต(?) แบบเต็มแรงแล้วกระทืบเข้าไปด้วย ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายบ้าคนไหนมาทำร้ายผู้หญิงร่วมโลกเดียวกับฉัน!! (หนูจูลถามคนอื่นหรือยังว่าเขาอยากให้ช่วยไหม?)

    “โอ้ย!! มันเจ็บนะ”

    “เจ็บสิดี ไอ้โรคจิตไปตายซะ!!!

    “นี่หาเธอว่าใครโรคจิตกัน ยัยเตี้ย”

    “นายไง หา???” ฉันลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดเชิงด่าของอีกฝ่ายที่ฟังดูคุ้นหูซะเหลือเกิน แล้วก็พบว่าคนโรคจิตที่ตัวเองมโนขึ้นมานั้น ก็คือไวท์นั่นเอง...

    “มีสติแล้วเหรอ? ยัยเตี้ยบ้า”

    “นายมาทำอะไรในนี้เนี่ย?”

    “ก็ตามเธอมาเนี่ยแหละ”

    “ตามฉัน???”

    “เออดิ สภาพยังกับลูกหมาตกน้ำ...”

    “แล้วไง”

    “เอานี่ไป” หมอนั่นโยนถุงสีขาวมาให้ พอเปิดดูก็พบว่ามียากับผ้าพันแผลอยู่

    “ขอบใจนะ”

    “อะ...อืม”

    “หมดธุระแล้วก็ออกไปได้แล้ว”

    “นี่เธอพูดกับผู้พระคุณอย่างนี้เหรอ ยัยเตี้ย”

    “หรือนายอยากเป็นคนโรคจิตจริงๆ ถ้ามีคนมาเห็นน่ะ”

    “เออ อย่าลืมความดีของฉันในครั้งนี้ล่ะ!

    “รู้แล้วน่า...” แล้วเรื่องนี้ก็บอกยัยจูลคนนี้ว่าควรมีสติมากกว่านี้ ถ้าอีตาโรคจิตที่ถูกทุบเมื่อกี้ไม่ใช่ไวท์คนที่ซวยคือตัวฉันเอง และอีกอย่างก็คืออีตาบ้านั่นเรียนพิเศษที่เดียวกับฉัน โดยที่ไม่มียัยเมลมาคอยคุ้มกันให้... ซวยที่สุดเลย! พอฉันธุระจัดการตัวเองเสร็จก็เดินไปเข้าห้องเรียนอย่างเอื่อยๆ ที่นั่งถูกใครต่อใครจองเต็มไปหมด ฉันพยายามแหวกทางไปจนเจอที่ว่าง แต่พอนั่งลงแล้วเงยหน้ามาเจอคนข้างๆ ก็รู้เลยว่าคิดผิดอีกแล้ว เจออีกแล้ว... หมอนี่เป็นเจ้ากรรมนายเวรฉันหรือไงตามมาหลอกมาหลอนไม่เลิกเลย

    “หวัดดี :)” หมอนั่นพูด

    “ดี”

    “แผลเป็นไงบ้าง?”

    “ก็ทำความสะอาดแล้ว”

    “เจ็บมั้ย?”

    “ไม่”

    “แล้วไปทำอีท่าไหนถึงเป็นแบบนี้?”

    “ไม่ใช่เรื่องของนาย -.,-”

    “เออ แล้วเรื่องที่ฉันฝากไว้เมื่อวันศุกร์เธอคิดหรือยัง?”

    “คิดแล้ว”

    “ว่าไง”

    “ฉันจะตอบเรื่องนี้วันจันทร์”

    “แต่ฉันอยากรู้ตอนนี้”

    “ไม่บอก...” ฉันพูดออกไปเท่านั้นเพราะครูสอนเข้ามาแล้ว การเรียนดำเนินต่อไปแต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีใครมากวน ไวท์ชอบพูดงึมงำคนเดียวบางทีก็คุยกับเพื่อนจนเสียงดัง หนำซ้ำครูยังไม่ตักเตือนอะไรแถมเข้าไปร่วมวงด้วย ฉันไม่เข้าใจหมอนี่มีอะไรดีเนี่ย? ทุกคนถึงได้เข้าหานัก นิสัย หน้าตา ฐานะ? แต่ถึงจะมองในด้านไหนมันก็ไม่มีอะไรเข้าตาฉันสักอย่าง ทำไมเมลถึงได้คลั่งเขานักนะ เมื่อเรียนจบคอร์สฉันก็รีบสาวเท้าออกไปทันที แต่ดันมีมือหนึ่งมาฉุดเอาไว้ ซึ่งถึงต่อให้ฉันไม่หันไปมองก็รู้ว่าเป็นฝีมือใครเลยออกปากไป

    “อะไรอีกล่ะ”

    “คำตอบ”

    “ก็บอกว่าวันจันทร์”

    “อย่าเล่นตัวสิ”

    “ใครเล่นตัว”

    “เธอไง”
            “ฉันเปล่าสักหน่อย”

    “งั้นก็บอกมาดิ”

    “นายนี่มัน... เอาล่ะฉันจะบอกก็ได้ถือซะว่าตอบแทนที่นายซื้อยาให้ละกัน”

    “จริงดิ!

    “อืม”

    “งั้นบอกมาเลย รอฟังอยู่”

    “ตกลง...”

     

    วันวานผ่านไป วันใหม่ก็เข้ามาวันนี้คือวันจันทร์ ที่นักเรียนหญิงมอปลายชื่นชอบเพราะมีเรียนแค่ครึ่งวัน ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะพวกผู้ชายเรียนรักษาดินแดนช่วงบ่ายพวกเราเลยได้รับอานิสงส์ไปด้วย โชคดีจริงแต่ก็นั่นแหละ ความจริงวันนี้เป็นวันที่ฉันควรจะให้คำตอบกับไวท์แต่ตอนวันเสาร์หมอนั่นก็เอาแต่ทวงคำตอบจนสุดท้ายฉันยอมตอบตกลงไป ไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันคิดอะไรถึงได้ตอบไปแบบนั้นน่ะ หมอนั่นต้องเข้ามาป่วนสมองฉันจนทำงานผิดปกติแน่เลย คือมันแปลกนะการขอเป็นเพื่อนแบบนี้ เดินมากระชากแขนแล้วบอกว่านี่ เธอเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ!’ มันเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แถมคนบอกก็ดันเป็นคนที่ไม่ถูกชะตาสุดๆ แล้วตัวฉันก็ดันบ้าจี้ตอบตกลงไปแล้วด้วย TOT

    “เฮลโล มายเฟรนด์” เสียงสดใสของยัยเมลดังมากรอกหูค่ะ

    “อรุณสวัสดิ์”

    “ทำไมแกทำหน้าหงอยเป็นหมาอกหักเลยอะ เป็นอะไร?”

    “แกไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหนเนี่ย แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย”

    “ก็เห็นอยู่ว่าแกเดินซึมเศร้า ปล่อยออร่าความหดหู่จนคนรู้กันทั่ว”

    “คิดไปเองแล้ว”

    “ฉันจะไม่เซ้าซี้ก็ได้ เพราะฉันมีข่าวดีมาบอก”

    “ข่าวดี?”

    “ใช่ ข่าวดีก็คือฉันรู้ตัวพี่รหัสแกแล้ว!!!

    “ใครอะ?”

    “ตอนพักเที่ยงแกได้รู้แน่ เพื่อนรัก5555” ยัยเมลนี่แหล่งข่าวสารดีจริงๆ ฉันนับถือเลยเรื่องตามหาข้าวของหรือแม้แต่ข่าววงในยัยเมลรู้ทุกเรื่อง ฉันก็เคยคิดนะบนโลกนี้มีข่าวอะไรที่ยัยนี่ไม่รู้บ้างนะ น่ากลัวจริงๆ

    กิ่งก่องงงงงงง

    เสียงออดดังเตือนให้ไปเข้าแถว ฉันเลยลากเพื่อนไปเข้าแถวแต่มันก็มีเรื่องอีกจนได้ เมื่อมีคนบ้าทำหน้าระรื่นมายืนข้างฉันจนยัยเมลแซวไม่หยุด ฉันละอยากจะเอาหัวโขกกับพื้นวันละหลายรอบ แต่ก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมาบ้างที่วันนี้ไวท์ไม่ได้ก่อกวนฉันเลยแต่แค่มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นไม่น่าเชื่อว่าหมอนั่นจะทำตัวปกติก็เป็นด้วย แล้วเช้านี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนมาถึงช่วงเที่ยง ยัยเมลเร่งเร้าให้ฉันรีบทานข้าวให้เสร็จซึ่งมันผิดปกติมากเพราะยัยเมลมักจะทานข้าวช้ากว่าฉันเสมอแถมชอบนั่งคุยเล่นกับกลุ่มเพื่อนจนเกือบหมดเวลา แต่วันนี้ยัยนี่ทานข้าวเสร็จก่อนฉันอีกแถมไม่อยู่เม้ากับเดอะแกงค์อีก ทันทีที่ทานข้าวเสร็จฉันก็โดนยัยเมลลากตัวขึ้นห้องเรียนทันที

    “แกจะรีบไปไหนเนี่ย?”

    “ไปไขพี่รหัสแกไง”

    “แล้วพี่แกอ่ะแค่เคยเจอไม่ใช่เหรอ? ยังไม่ได้ไขเหมือนกันหนิ”

    “ใครบอก ดูนี่...” แล้วยัยเมลก็หยิบไม้เซียมซีที่มีเลขของสายรหัสขึ้นมาจากกระเป๋าอวดให้ฉันดู

    “แกนี่ไม่รอกันเลยนะ”

    “ก็ถึงจะพาแกไปไขไง แล้วก็นะไม้นี่ฉันก็ไม่ได้ไปไขเองด้วย”

    “หมายความว่าไง?”

    “ก็เมื่อเช้าฉันเจอพี่เขาอ่ะ แล้วพี่ก็ให้ไม้มาเลยไม่โดนทำโทษอะไรด้วย~

    “ขี้โกงชะมัด!!!

    “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็ยังไม่รู้ชื่อพี่เขาเลยนะ”

    “แกยังโชคดีนะ อย่างน้อยก็ไม่โดนลงโทษแล้วแต่ฉันนี่ดิ ไม่รู้ทั้งชื่อแล้วก็ไม่มีไม้ด้วย”

    “เดี๋ยวแกก็จะได้ไม้แล้ว ถ้าแกไปกับฉัน”

    “แกพาฉันไปเนี่ย รู้จักพี่เขาแล้วเหรอ?”

    “ขอบอกเลยนะฉันพอจำหน้าพี่เขาได้ ส่วนชื่อน่ะพี่เขาชื่อ...”

    “ชื่อ.....”

    “เซต!!!” คนบ้าอะไรชื่อเป็นหมวดวิชาคณิตศาสตร์ได้ใจมาก นี่ฉันควรจะเชื่อข่าวที่ได้จากยัยเมลดีไหม? ระหว่างที่คิดก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมด้วยสภาพเหนื่อยมากๆ แต่ก็ยังสาดคำถามมา

    “น้องห้อง11 ใช่ปะครับ?”

    “ใช่ค่ะ” ยัยเมลตอบ

    “งั้น ฝากของจากพี่รหัสด้วยนะครับ”

    “ได้ค่ะ”

    “ไปล่ะครับน้อง ทานกันให้สนุกนะ”

    “เดี๋ยวค่ะพี่”

    “ตอนนี้พี่เซตขึ้นมาหรือยังอะคะ?”

    “เซตเหรอ? น่าจะขึ้นมาแล้วนะ ถ้ายังไงก็เดินสุ่มถามทั่วห้องไปเลย”

    “อ๋อ ขอบคุณมากนะคะ” ยัยเมลตอบพี่เขาไปอย่างนั้น แล้วก็หันมาสนใจกับถุงขนมต่อฉันเลยถามออกไป

    “แกจะไปจริงดิ?”

    “แน่นอน ทำไมถามอย่างนี้ละนี่มันผลประโยชน์แกนะ”

    “ก็ฉันกลัวว่าถ้ามันไม่ใช่ เราจะหน้าแตกกันทั้งคู่เลยนะ”

    “ไม่หรอกน่าสายข่าวฉันดี อีกอย่างแกได้ขนมจากพี่รหัสด้วยแหละ!” เมลพูดอย่างนั้นก่อนจะยื่นห่อขนมอันหนึ่งมาให้ฉัน มันเป็นขนมป๊อกกี้กับชาเขียวที่ยังเย็นอยู่แล้วก็มีโพสอิทแปะเอาไว้ด้วย

     

    To  N’Joule

              กินให้อร่อยนะน้อง555

    ใบ้ว่าชื่อพี่เป็นภาษาอังกฤษ

    มีความหมายด้วย

                      From P’178

     

     

    “เป็นไงแก มีความเป็นไปได้ปะ?” ยัยเมลพูดขึ้น

    “สูงเลยล่ะ”

    “งั้น... พร้อมหรือยัง?”

    “เต็มร้อยเลย!!!

    “งั้นก็ไปกัน” ยัยเมลจับมือฉันไว้แล้วพากันเดินไปห้องพี่รหัสบริเวณด้านหลัง แล้วยัยเมลก็ดันฉันไปหาพี่กลุ่มหนึ่งที่นั่งเล่นมือถือกันอย่างเมามัน ฉันเลยรวบรวมความกล้าถามออกไป

    “พี่คะ รู้จักพี่เซตปะคะ?”

    “ก็คนนี้ไง” พี่คนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับชี้มาที่พี่คนที่นั่งใกล้กับฉัน คำที่คิดขึ้นมาแวบแรกคือ หยิ่งให้ตายสิคนบ้าอะไรมีน้องมาขอไขสายรหัสก็ยังเอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ แถมกางเกงที่โคตรสั้นนี้อีกอะ จะเอาไปอ่อยผู้ชายแถวไหนคะ? แล้วไหนกันที่เขาร่ำลือกันว่าหล่อนักหนายัยจูลคนนี้หาไม่เจอ! เอาเป็นว่ารีบทำให้มันจบสักทีเถอะ

    “พี่ใช่พี่รหัส 178 ปะคะ” 

    “....”

    “....”

    “....”

    “เอ่อ..”

    “ใช่ครับ” พี่ตรงหน้าพูดขึ้นพร้อมกับละสายตามามองด้วยหางตา (คือไอ้วิธีการารมองแบบนี้เนี่ยมันน่าตบนะคะเคยมีคนบอกมั้ย) ก็นะถึงต่อให้ฉันจะทายพี่รหัสถูกก็เถอะค่ะ แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองหน้าแตกมากเพราะพี่เขาทำท่าแบบเฉยชาโคตรๆ ใช้วิธีตอบแบบขอไปทีแล้วก็หันไปสนใจมือถือต่อ คือพี่คะเป็นโรคติดโซเชียลหรือยังไงกัน! ชักจะหมดความอดทนละนะ(หงุดหงิดแล้วพาล)

    “งั้นหนูขอไม้ด้วยค่ะ”

    “ลืมเอามา...”

    “หา!!!

    “น้องมาเอาวันหลังแล้วกันนะครับ” พี่ที่นั่งข้างรีบพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นท่าทางที่ก้าวร้าวของฉัน คือฉันรู้ตัวนะว่าไม่ควรทำตัวแบบนั้นใส่ผู้ใหญ่นะ แต่มันเกินจะทนแล้วคนอะไรทำตัวเหมือนคนอื่นไม่มีตัวตนน่ะ คือที่เมินฉันนี่พอทนนะแต่ไม่พกไม้มานี่ดิจะทำโทษอะไรก็ไม่ว่า แต่นี่ไม่ให้ แม่มเอ้ย!!! ยัยจูลในตอนนี้เลยรีบลากฉันออกมาก่อนที่อาจจะมีมะนาวสักลูกไปประดับไว้บนเหม่งของพี่รหัสฉันถ้าปล่อยให้ฉันออกมาเอง

    ประเภทคนที่ฉันเกลียดมากที่สุดรองจากพวกหน้าไหว้หลังหลอกก็คือพวก หยิ่ง’!

    ทำไม! ทำไมฉันถึงมีพี่รหัสแบบนี้!!!

    ซวยชะมัดเลย!!!

    ___________________________________________________________________

    -คุยกันท้ายเรื่องกับเจนหนู-        

    การตามหาพี่ว่ายากแล้ว การขอไม้ยากกว่าอีก55555 เป็นคนชอบแกล้งตัวละครค่ะ หนูจูลเป็นคนใสๆ โกรธใครไม่เป็น(จริงๆ นะ) ตอนต่อไปมารอดูความพยายามของหนูจูลกันว่ากว่าจะได้ไม้มาจะโดนอะไรอีกบ้าง เตรียมตัวฮากันได้เลยค่ะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่สัปดาห์ที่แล้วหายไปเลยคือไรต์เตรียมตัวเตรียมเอกสารในการยื่น TCAS รอบสามมาค่ะ วุ่นวายมากนี่ก็นั่งลุ้นนานอยู่กว่าจะสมัครได้พึ่งเคลียร์ตัวเองเสร็จเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี้เองค่ะ เจนหนูก็ขอโทษคนอ่านด้วยนะคะที่ไม่ได้มาอัพ หลังจากนี้ก็จะพยายามมีวินัยกับตัวเองให้มากขึ้นเพราะตอนที่กะว่าจะสำรองไว้เผื่อตัวเองเขียนต่อไม่ออกหมดแล้ว ฮาๆๆ หลังจากนี้ก็แต่งรายสัปดาห์เลยค่ะอาจมีคำผิดเพราะเราอาจเบลอไปบ้างฝากเตือนด้วยนะคะ ยัไงก็รออ่านตอนต่อไปกันด้วยน้า ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×