เหตุเกิด...ณ.ที่เรียนพิเศษ - เหตุเกิด...ณ.ที่เรียนพิเศษ นิยาย เหตุเกิด...ณ.ที่เรียนพิเศษ : Dek-D.com - Writer

    เหตุเกิด...ณ.ที่เรียนพิเศษ

    ผู้เข้าชมรวม

    193

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    193

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 พ.ค. 52 / 11:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                                          เหตุเกิด..ณ.ที่เรียนพิเศษ
                                                                                    by  jemenids


      คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหม....
       
      เคยจริงจังกับความรักที่ฉาบฉวยแบบนี้หรือเปล่า...

      อยากไปถึงฟ้าจัง
      ไม่เห็นยาก ก็ขึ้นเครื่องบินไปซิ
       

      ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความฝันแปลกๆ ที่ฝันอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝันถึงเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายสองคนกำลังโต้เถียงกันด้วยเรื่อง
      ไปถึงฟ้า
       
      วันนี้เป็นวันที่ฉันจะต้องไปเรียนพิเศษวันแรก รู้สึกขี้เกียจหน่อยๆ..ไม่สิ..เยอะเลยแหละ
      ถ้าไม่ติดว่าจะเอนท์ คงไม่ต้องมานั่งบ้าเรียนขนาดนี้หรอก
         
      บรรยากาศภายในที่เรียนพิเศษสุดแสนจะวุ่นวาย แต่ก็ธรรมดาในความรู้สึกของคนที่เรียนจนเจนจัดไปเสียแล้ว นักเรียนหลายคนเริ่มทยอยกันออกมาจากห้อง เป็นสัญญาณให้รู้ว่า การเรียนคอร์สใหม่จะเริ่มต้นในไม่ช้า
      ฉันเข้าไปรอครูตู้ (ครูตู้ : ครูที่อยู่ในโทรทัศน์) อยู่ไม่นาน เครื่องเล่นชั้นดีก็ทำงาน การเรียนเป็นไปด้วยเรื่องมีสาระอย่างเต็มที่จนหนังตาแทบปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไอคนข้างๆฉันก็ไม่วายหลับไปแล้วเรียบร้อย เป็นผู้หญิงอีกต่างหาก
      ทันทีที่ครูตู้พูดจบ ก็ได้เวลาที่ฉันรอคอยมานานแสนนาน นั่นคือ กลับบ้านที่แสนรัก
       


      อยากไปถึงฟ้าจัง
      ไม่เห็นยาก ก็ขึ้นเครื่องบินไปซิ
      ขึ้นแล้ว แต่ไม่เคยจับฟ้าได้เลย
      นั่นเพราะเธออยู่ในเครื่องบินต่างหาก
       
      เอาอีกแล้ว ฝันแบบเดิมอีกแล้ว เหมือนฝันประหลาดนี่จะค่อยๆคลายปมของมันออกมาเรื่อยๆเสียเอง วันนี้กิจวัตรของฉันก็เหมือนเดิม คือการ ไปเรียนพิเศษ
       

      “อะ” เด็กผู้หญิงที่นั่งข้างๆฉันยื่นลูกอมให้
      “ไม่เป็นไร กินไปเถอะ” ฉันปฏิเสธตามมารยาท
      “อื้ออ” ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะไม่ยอม ถึงได้ยังยัดเยียดให้ฉันกินเหมือนเดิม
      “ขอบคุณ” ฉันบอก แล้วรับลูกอมมา
       
      หลายวันผ่านไปที่เราได้รู้จักกัน เราก็เริ่มคุยกันมากขึ้น จนถึงขั้น เรียกได้ว่า สนิท
      และหลายวันที่ผ่านมานั้น ฉันก็ได้สะดุด ผู้ชายอยู่คนหนึ่ง เขาคนนั้นหน้าตา สำหรับฉัน ถือว่าดีทีเดียว ถึงแม้ในห้องที่เรียนนั้น จะมีผู้ชายที่หน้าตาหล่ออยู่เยอะก็จริง แต่ไม่รู้ทำไม ฉันถึงได้สะดุดแค่ผู้ชายคนนั้นแค่คนเดียว ความรู้สึกที่ได้เห็น คือ มัน ขัดใจ
       


      อยากไปถึงฟ้าจัง
      ไม่เห็นยาก ก็ขึ้นเครื่องบินไปซิ
      ขึ้นแล้ว แต่ไม่เคยจับฟ้าได้เลย
      นั่นเพราะเธออยู่ในเครื่องบินต่างหาก
      ไม่ใช่นะ เครื่องบินที่ฉันขึ้นเปิดหน้าต่างได้
      จริงเหรอ ฉันอยากขึ้นบ้างจัง
      อืม แล้วไว้จะบอกพ่อให้ว่านายอยากขึ้น
      ดูเหมือนความฝันที่ฉันไม่ได้ฝันมาหลายวัน มันจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง บทสนทนาของเด็กสองคนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด วงจรชีวิตแบบเดิมๆกลับมาอีกครั้ง นั่นคือ ตื่นนอน เพื่อ ไปเรียนพิเศษ
       
      ไม่รู้ว่าฉันคิดเข้าข้างตัวเองมากไปรึเปล่า แต่เหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะมองมาที่ฉันอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ซิ พอฉันหันไปทีไร ก็เป็นอันต้องสบตากับนายคนนั้น แทบจะทุกครั้งไป ฉันเริ่มสนใจและสังเกต นายคนนั้นทุกวัน ทุกวัน และทุกวัน อย่างไม่รู้ตัว
       
      ดีใจ...ที่ได้เจอหน้า
      สุขใจ....ที่ได้มอง
      และ ยิ้ม’…เป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว
       

      ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฉันเริ่ม
      ชอบนายคนนั้น มากขึ้นทุกที
       

      นายคนนั้นดูเหมือนจะให้ความหวังฉันอยู่ลางๆ ฉันรู้สึกเหมือน นายนั่นชอบมองหาฉัน พอเจอก็จะยิ้ม ซื้อของตามฉัน ตอนกลับบ้านก็ชอบมายืนข้างๆ
       

      แต่ทั้งหมดนั่น....ฉันคงคิดไปเองฝ่ายเดียว
      ทำไมน่ะเหรอ...
      ก็เพราะ....
      นายคนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้ามาทักฉันเลยน่ะซิ
      จะไม่เข้ามาทักกันใช่มั๊ยนั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดเสมอระหว่างรอรถกลับบ้าน
      แค่เดินเข้ามามันยากนักรึไง
      อย่ามาให้ความหวังกันนักซิ
      มันเจ็บนะ
       
       

      อยากไปถึงฟ้าจัง
      ไม่เห็นยาก ก็ขึ้นเครื่องบินไปซิ
      ขึ้นแล้ว แต่ไม่เคยจับฟ้าได้เลย
      นั่นเพราะเธออยู่ในเครื่องบินต่างหาก
      ไม่ใช่นะ เครื่องบินที่ฉันขึ้นเปิดหน้าต่างได้
      จริงเหรอ ฉันอยากขึ้นบ้างจัง
      อืม แล้วไว้จะบอกพ่อให้ว่านายอยากขึ้น
      งั้น แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยจับฟ้าได้ล่ะ
      ไม่รู้ซิ พอขึ้นไปเรื่อยๆนะ ก็รู้สึกเหมือนจะถึง อีกนิด จะถึงแล้ว แต่ก็ไม่เคยถึง ยื่นมือออกไปก็เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่าที่รู้สึกได้ ใกล้แต่ก็เหมือนไกล
      งั้น ฉันจะบอกความลับให้เธอรู้เรื่องนึงนะ
      อะไรเหรอ..

      บทสนทนาที่ขาดตอนนั้น ทำให้ฉันรู้ว่ามันยังมีต่อ แต่ก็คงจะใกล้ถึงบทสรุปแล้ว เหมือนกับวันนี้ที่เป็นวันสุดท้ายของการปิดคอร์สเรียน...นั่นหมายความถึง..

      ...การลาจาก...
       

      บทเรียนก็ยังคงเต็มไปด้วยความน่าเบื่อเช่นทุกครั้งไป แต่ก็ยังดีที่ไอเพื่อนข้างๆนี่ยังพอจะชวนคุยให้หายง่วงไปบ้าง ไม่งั้น สาบานได้ว่า ฉันคงหลับคาโต๊ะเรียนไปแล้ว
      เข็มหน้าปัดนาฬิกาชี้เลขที่บ่งบอกว่าหมดเวลาแล้วสำหรับการเรียนในวันนี้ พร้อมๆกับม้วนเทปที่ปิดลง
       

      อีกแล้ว

      รู้สึกเหมือนนายนั่นมองมาที่ฉันอีกแล้ว...
       

      ฉันลุกจากโต๊ะ จะเดินออกไปที่ประตู ก็เห็นนายคนนั้นยืนอยู่นานแล้ว แต่ก็ยังไม่เดินออกไปเสียที อาจเป็นเพราะ คนเดินออกไปเยอะ..แต่ก็ยังหวังว่า

      รอฉัน

      และทันทีที่ฉันเดินผ่านนายคนนั้นออกไปที่ประตู นายนั่นก็เดินตามหลังฉันออกไปติดๆ

      บังเอิญ 

      ความรู้สึกในใจที่ขัดแย้งขึ้นมาเตือนว่า
      ...อย่าหวังอะไรลมๆแล้งๆ...
       

      ป้ายรถเมล์ที่เก่า กับเพื่อนคนเก่า ฉันยืนล่ำลามันอยู่นานสองนาน แต่สายตาแทบจะไม่ได้มองที่มันเลย เพราะในใจตอนนี้ จุดโฟกัสของฉันมีอยู่จุดเดียว คือ
      ผู้ชายคนนั้น
      ไม่นานนัก รถเพื่อนก็มาก่อน ตอนนี้จึงเหลือฉันอยู่คนเดียว
      วันสุดท้ายแล้วนะ จะไม่ทักกันจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย’ ความหวังอันน้อยนิด กลับมาตอกย้ำหัวใจอีกครั้ง เมื่อปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านอยู่ลำพัง
       

      อีกแล้ว
      ...สบตากันอีกแล้ว...
      คราวนี้หลายรอบเหลือเกิน
       

      พลันทุกความคิดเป็นอันต้องหยุดลง เมื่อรถสายที่นายนั่นขึ้น มาจอดเทียบท่า นายคนนั้นเดินผ่านฉันไปขึ้นรถ โดยไม่มองกลับมาอีกเลย   ปากฉันขยับน้อยๆเป็นคำลาพร้อมกับหัวใจที่เริ่มมีไอของความเศร้าเข้าปกคลุม

      “บ๊ายบาย”
       
       
      ระหว่างนั่งรถกลับบ้านใจฉันคิดถึงแต่เรื่องของนายคนนั้นตลอด คิดว่าถ้านายนั่นเข้ามาทักฉันจริงๆ จะทำอย่างไร จะพูดอะไร
      คิดว่า...แค่ได้คุย ได้เป็นเพื่อนกันก็ยังดี

      แต่ก็แย้งว่า....

      ถ้าไม่ได้เป็นคนรัก...ก็อย่ามารู้จักกันเลยจะดีกว่า
       

      ...อย่ามาเจอกันตั้งแต่แรก ดีที่สุด....
       

      ถึงแม้คอร์สนี้จะปิดไปแล้ว แต่ฉันลงคอร์สต่อไว้อีก จึงเริ่มมีความหวังที่จะได้เจอกันอีกครั้ง
       
      ฉันไม่รู้ว่า...ฉัน หลง’ หรือ รัก นายคนนั้น
      ฉันไม่รู้ว่า...ฉันควรจะ ชอบต่อไป หรือ ตัดใจ
      ฉันไม่รู้จริงๆ สำหรับตอนนี้ ว่าควจจะทำอย่างไร
      ...มันสับสนไปหมด...
       

      ..คิดไปคิดมา...
      ฉันอาจแค่หลง
       

      ใช่....หลงหัวปักหัวปำ

      แต่อีกไม่นานหรอก...ก็คงจะลืม..
       

      ฉันตัดสินใจอีกครั้ง โดยการใช้สิ่งที่เรียกว่า..พรหมลิขิต
       
      ...ฉันเป็นคนเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตนะ...
      ...แต่พรหมลิขิตนั่น ไม่เคยทำให้ฉันเชื่อเลยซักครั้ง...
      ...แต่ครั้งนี้ ฉันอยากเสี่ยงดูอีกซักที...
       

      ฉันคิดไว้ว่า ถ้าคอร์สต่อไปที่ฉันจะเรียนนี้ ได้เจอนายคนนั้น ฉันจะชอบเขาต่อไป แต่ถ้าไม่เจอ..นั่นหมายความว่า..ฟ้า...อยากให้ฉัน..ตัดใจ
       

      ตอนนี้ฉันกำลังเตรียมตัวที่จะไปเรียนพิเศษ หัวใจเต้นรัวอีกครั้งอย่างมีความหวัง ฉันเข้าไปนั่งในห้องรอครูตู้สอน นักเรียนเริ่มทยอยกันเข้ามาในห้อง ฉันมองหาคนแล้วคนเล่าก็ยังไม่มีวี่แววของนายคนนั้น

      ไม่ใช่
      นี่ก็ไม่ใช่

      ทำไมฉันจะจำหน้าของนายคนนั้นไม่ได้...ฉันจำได้ติดตาเลยแหละ
      ไม่ใช่แค่ใบหน้า...แต่เป็นทุกอย่าง..ทุกอย่าง...ที่เป็นนายคนนั้น
       
      จนคนสุดท้ายที่เข้ามาในห้อง และครูตู้เริ่มสาธยายบทเรียนอันมีสาระขึ้นอีกครั้ง
      สรุปว่า..ฉันต้องตัดใจ
      ตัดใจจริงๆซินะ...
      ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น
      ฉันยิ้มอย่างสมเพช กับความหวังที่ไม่น่าจะเป็นจริงอยู่แล้วของตัวเอง
       
      นายคนนั้นยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้ว่า
       

      ...พรหมลิขิตไม่ได้มีไว้สำหรับฉัน...
      เป็นความจริงที่ฉันก็รู้ดี....รู้มานานแล้ว
       

      ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันคิดว่านายมองฉัน
      ขอบคุณ...ที่อย่างน้อย นายก็เคยทำให้ฉันมีความสุข และเจ็บ ไปพร้อมๆกัน
      ขอบคุณ...ที่วันสุดท้ายนั่น นายทำให้ฉันคิดว่า นายรอฉัน
      และขอบคุณ...ที่นายเป็นคนก้าวออกไปจากชีวิตฉันก่อน
                      ...ก้าวออกไปจากหัวใจของฉัน ด้วยตัวของนายเอง
       

      บางที...
      การที่นายคนนั้น เดินไปขึ้นรถก่อนฉัน

      ...ฟ้าอาจจะบอกใบ้ว่า...ให้ฉันตัดใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็เป็นได้...
       

      เดี๋ยวก็คง...ลืม
       

      บทสนทนาของเด็กทั้งสองคน เมื่อคืนนี้ แล่นเข้าสู่สมองของฉัน เหมือนจะตอกย้ำความจริงอันน่าเจ็บปวดนี้
      บทสนทนา...ที่จบได้แสนจะเหมาะเจาะ
       
       

      อยากไปถึงฟ้าจัง
      ไม่เห็นยาก ก็ขึ้นเครื่องบินไปซิ
      ขึ้นแล้ว แต่ไม่เคยจับฟ้าได้เลย
      นั่นเพราะเธออยู่ในเครื่องบินต่างหาก
      ไม่ใช่นะ เครื่องบินที่ฉันขึ้นเปิดหน้าต่างได้
      จริงเหรอ ฉันอยากขึ้นบ้างจัง
      อืม แล้วไว้จะบอกพ่อให้ว่านายอยากขึ้น
      งั้น แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยจับฟ้าได้ล่ะ
      ไม่รู้ซิ พอขึ้นไปเรื่อยๆนะ ก็รู้สึกเหมือนจะถึง อีกนิด จะถึงแล้ว แต่ก็ไม่เคยถึง ยื่นมือออกไปก็เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่าที่รู้สึกได้ ใกล้แต่ก็เหมือนไกล
      งั้น ฉันจะบอกความลับให้เธอรู้เรื่องนึงนะ
      อะไรเหรอ..
      แม่ฉันเคยบอกว่า ฟ้าที่เราเห็นอยู่ทุกวัน เป็นอากาศธาตุน่ะซิ
      มิน่า ฉันถึงมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ เพราะมันเป็นอากาศนี่เองเนาะ
      .
      .
      ...ใช่...
       
      ก็เหมือน ความรักของฉันที่มีให้นายคนนั้น
      ...ยิ่งไขว่คว้า ทะยานเข้าใกล้เท่าไหร่ ก็ไม่เคยถึง จะเว้นระยะห่างไว้เพียงนิดเสมอ แต่ก็เป็นเพียงนิดที่แสนไกล   เพราะเป็นเพียงนิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด....
       

      ...ใกล้แต่ก็เหมือนไกล...
       

      เพราะมันมองไม่เห็น
      เพราะมันจับต้องไม่ได้
      และเพราะมันเป็นเพียงแค่...อากาศาตุ
       


      ...ไม่ใช่...
       
      เพราะมันไม่เคยมีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก...
      ถึงทำให้มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้
       
      และเพราะมันไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง....มันถึงได้
       
      ...ว่างเปล่า...
       
       
                                +++THE END+++

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×