ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~///Love Story ภารกิจลับ ฉบับ XXX\\\~

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 52


    ~Love  Story  ภารกิจลับ ฉบับ XXX~

    by  Jemenids

     


    ตอนที่ 1


    ‘ปา  ปาจำไว้นะ......’


    “ปา  ปา  ปาลูก ตื่นได้แล้ว”
    “อืม เดี๋ยวซิแม่ อีกแปบนึง”    ‘จำอะไรอ่ะ’
    “เอ๊ะ ลูกคนนี้นี่มันยังไงกัน ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ”
    “แม่คะ อีกแปบเดียวจริงๆน่า”   ‘แม่อย่าเพิ่งขัดซิ’
    “เรานัดกะหญิงเขาไว้ไม่ใช่หรอ ป่านนี้เค้ารอเราเหงือกญาณแล้วมั้งลูก”
    ‘ยัยหญิง’  ชื่อศักสิทธิ์ที่ทำให้ชั้นต้องกระโดดลุกออกจากเตียง
    “แม่นี่กี่โมงแล้ว”  ฉันตะโกนถามแม่ก่อนปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง
    “ตี 5 จ๊ะลูกรัก” เสียงแม่ตอบเรียบๆกลับมา
     
    - - - - - - - - - เงียบ - - - - - - - - - - - - - - - -

    ฉันค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออก แล้วชะเง้อมองผู้เป็นมารดาที่ฉันรักสุดหัวใจ ซึ่งบัดนี้คุณท่านกำลังยืนยิ้มอย่างพอใจ เนื่องด้วยแกล้งลูกสาวสุดที่รักสำเร็จอย่างงดงาม ~ ชิ
    “ตีห้า  แม่จะปลุกหนูทำเพื่ออออ  นี่มันวันเสาร์-อาทิตย์นะคะคุณแม่ขา แล้วหนูก็นัดกะยัยหญิงไว้ตั้งบ่าย 2  บ่าย 2 น่ะคะ คุณแม่ บ่าย 2 ” ฉันเริ่มโวยวายทันที
    “ก็เราชอบนัดอะไรไว้แล้วไปเลดทุกที แม่เลยต้องปลุกก่อนเวลา”
    “ ก่อนเวลา!! ” ฉันค้อน ‘ก่อนเวลาของคุณแม่เธอช่าง....’
    “ใช่จ๊ะลูกรัก ลูกจะต้องตื่นขึ้นมาทำงานคฤหาสน์ให้เรียบร้อย ฝึกชงชา จัดดอกไม้ เปียโน ศิลปะการป้องกันตัว.....” และก่อนที่คุณท่านจะร่ายตารางงานอันยาวเหยียดนั่นจบ ฉันก็ขัดขึ้นก่อน
    “แม่บ้านก็มี ไปแย่งงานเขาทำ ทำไมคะ  อีกอย่างวิชาพวกนี้เขาไม่เรียนกันวันเสาร์-อาทิตย์นะคะคุณแม่  คุณแม่เข้าใจมั๊ยคะ ว่า เสาร์-อาทิตย์ หมายถึงวันอะไร หมายถึงวันหยุดอ่ะคะคุณแม่ขา วันหยุดอ่ะคะ”
    “เสียนิสัย ดีแต่ให้แม่บ้านทำให้จนเคยตัว  ฉันจ้างไว้ก็แค่ให้ดูแลบางส่วน อีกบางส่วนเราต้องหัดทำเองบ้าง เข้าใจมั๊ย  อ๋อ แล้วก็ คุณลูกสาวค่ะ ลูกคงเข้าใจอะไรผิด  วันเสาร์-อาทิตย์เนี่ย เป็นวันหยุดทั่วไปตามราชการจริง แต่ที่นี่ ใครคือกฎหมายสูงสุดจ๊ะ  ลูกรัก” และแล้ว....แม่ท่านก็....ยิ้มเหี้ยม!!!


    ‘ซวย’ คำแรกที่ผลุดขึ้นมาในสมองฉัน  ดันไปกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้วมั๊ยล่ะ
    "ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบทำตามตารางนี่ให้เสร็จ จะได้ไปหาหญิงเขาได้ทัน  แต่จะทันมั๊ยนั้น  มันก็ขึ้นอยู่กับตัวลูกเองแล้วล่ะนะ” แม่วางกระดาษที่ดูคล้ายกับสาส์นลงอาญานักโทษในหนังจีนไว้บนโซฟาของฉัน แล้วก็เดินจากไป
    ฉันปิดประตูห้องน้ำแล้วเร่งทำธุระส่วนตัวทันที

     

    ไม่มีใครกล้าต่อกรและไม่มีใครอยากที่จะต่อกรด้วย กับ กฎหมายสูงสุดของคฤหาสน์หลังนี้  เธอคือ คุณหญิงจรัสฟ้า พราวสวรรค์  เพราะรู้ซึ้งเสียยิ่งกว่าซึ้ง และรู้ดีเสียยิ่งกว่าดี ถึงผลที่จะได้รับกลับมา  เธอมีลูกสาวคนเดียว นามว่า คุณหนูประกายดาว พราวสวรรค์ ก็คือฉันเองนั่นแหละ  ประสบการณ์ที่ทำให้ฉันไม่กล้าแหยมกับคนคนนี้อีกเลยนะหรือ ฮึ ก็ไม่มีอะไรมาก  แค่ประสบการณ์ ที่จำฝังใจเท่านั้นเอง ...


    ตอนฉันอายุประมาณ 11 ขวบล่ะมั้ง ฉันทะเลาะกับคุณท่านเรื่องไร้สาระซักอย่างจำไม่ได้
    บทลงโทษนะหรือ เธอด่าฉันยับ 1 อาทิตย์เต็ม ไม่มีซ้ำคำ ไม่มีพัก หักค่าขนมไปเกินครึ่ง และร้ายที่สุด เธอขังฉันไว้ในห้องกับน้องแมลงสาป 1 ต่อ 10 น่ะซิ พอออกมาได้ ฉันแทบเป็นบ้า สั่นเหมือนเจ้าเข้า ต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล 1 เดือนเต็มๆ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันยอมศิโรราบต่อกฎหมายสูงสุดฉบับนี้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ

     

    เข็มหน้าปัดนาฬิกาชี้เลข 1 บอกเวลาบ่ายโมงตรง อันเป็นเวลาสมควรแก่การเดินทางไปหายัยหญิงซักที
    เพียงแต่ว่าตอนนี้ ....ฉันยังเรียนไม่จบเลยซักวิชาน่ะซิ  อย่างงี้มันแกล้งกันชัดๆเลย ให้ตายซิ

    “คุณหนูค่ะ ช่วยมีสมาธิในการเรียนหน่อย   แล้วนั่น......ว๊ายย ตายแล้ว  จัดดอกไม้หรือปลูกป่าคะนั่น  ทำไมดินมันถึงได้ล้นออกมามากมายขนาดนั้นล่ะคะ  คุณหนูนี่ช่างไม่มีศิลปะเอาซะเลยนะคะ.........” 

     ‘เฮอะ ใครมันจะมานั่งบ้า เสียบดอกไม้ทีละดอกทีละดอกกันล่ะ  เสียบไปเหอะ นั่งเสียบทั้งวันก็ไม่เสร็จหรอกนั่นน่ะ  พวกเข้าวัยทองนี่ชอบทำอะไรอืดอาด เสียเวลาชะมัด’


    “อ่อนแอ  ลุกขึ้นมา  แค่นี้ก็ล้มซะแล้วรึ  แล้วอย่างนี้จะมาปกป้องตระกูลพราวสวรรค์ได้ยังไง  เสียชื่อเสียงของตระกูลหมด เอ้า.. เลิกอู้ได้แล้ว  ลุกขึ้นมา ” จบจากจัดดอกไม้ฉันก็ต้องมาเรียนศิลปะการป้องกันตัว  ‘ชิ  ปกป้อง ปกป้อง แล้วบอดี้การ์ดที่มีไว้ทำไมกันคะ เดินเล่นในสวนรึไง’

     

    “โอเคค่ะ ดี อย่างนั้นแหละคะ หายใจเข้าลึกๆ  อ่าหายใจออกช้าๆ ช้าๆ ช้า...”

    อืม......ฉัน....ชอบวิชานี้จัง

    “คุณหนู!!!  หลับในชม.เดี๊ยนอีกแล้วนะฮะ  เดี๊ยนไม่ยอมจริงๆด้วย  เดี๊ยนจะเอาเรื่องไปฟ้องคุณท่าน  ว่าคุณหนูกล้าท้าทายเดี๊ยน  ไม่เห็นหัวเดี๊ยนที่เป็นครูสอนเลย  เดี๊ยนทนไม่ไหวแล้ว  เดี๊ยนจะลาออก...” ขอถอนคำพูด ฉันโคตรเกลียดเลยวิชานี้   อีกอย่าง ออกไปเลยเจ๊ ออกไปเลยยย  รอให้ออกตั้งนานแระ ไม่ง้อ    อ่ะ  สงสัยล่ะซิ ว่าวิชาอะไร ความจริงมันคือ...โยคะ เพียงแต่ว่าเมื่อกี้ฝึกแค่ก่อนปฏิบัติ และมักจะจบด้วยการที่เจ๊แกวิ่งไปฟ้องแม่ฉันทุกที ฉันเลยยังไม่เคยฝึกโยคะเลยซักครั้ง - -"

     “คุณหนูครับต่อไป เรียนเปียโน นะครับ” พี่ทัต อ่อ ไม่ต้องใส่ใจ  พี่แกไม่หล่อ  พี่แกเป็นผู้ดูแลฉัน  เป็นสารพัดอย่าง ตั้งแต่ผู้จัดการยันเบ๊  แต่ที่สำคัญ เป็นคนของคุณแม่  และที่สำคัญกว่า......อีกกี่วิชา ตูจะเรียนจบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ~


    กว่าฉันจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ ก็ปาเข้าไปตั้ง 5 ชม. ยัยหญิงมันคงกลับบ้านไปแล้วมั้งเนี่ย
    แต่ ไปหามันหน่อยเผื่อมันรอ  แต่ถ้ารอมันก็โง่เต็มทนแล้ว
    มันนัดฉันไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

     

     

    ณ. ร้านอาหาร

    “สวัสดีคะ  เชิญค่ะ ” เจ๊พนักงานหน้าร้านต้อนรับอย่างอบอุ่น ฉันเลยโค้งงามๆให้แกไปทีหนึ่ง
    “จองไว้รึเปล่าค่ะ” เจ๊พนักงานคนเก่าถาม
    “โต๊ะ  7 ค่ะ” ฉันตอบ
    “อ๋อ  เชิญทางนี้เลยค่ะ” ขณะที่เจ๊กำลังพาฉันไปนั่งที่โต๊ะเบอร์ 7 ฉันได้สังเกตเห็นว่า  โต๊ะเบอร์ 7 นั่น มันไม่ใช่.......ยัยหญิงนี่นา
    “เอ่อ พี่คะ โต๊ะนั่นไม่ใช่เพื่อนหนูอ่ะคะ  สงสัยมันคงจะกลับบ้านไปแล้ว” ฉันรีบทักไว้ก่อนที่เจ๊จะเดินไปถึง
    “อ๋อ งั้นเชิญโต๊ะอื่นได้ค่ะ”
    “เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ  คือว่า หนูกลับเลยดีกว่า”
    “งั้น โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” เจ๊ยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
    และก่อนที่ฉันจะเดินออกจากร้านไปนั้น

    “ยัยปาปาปาปาปาปาปาปาปา” ก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อฉันดังลั่นร้าน
    ฉันหันกลับไปมองที่มาของเสียง  มันดังมาจากโต๊ะเบอร์ 7 แถมเจ้าของเสียงยังโบกไม้โบกมือเรียกฉันระริกระรี้  อย่างไม่รู้จักอายใคร  และที่น่าแปลกคือ ไอเจ้าของเสียงนั้นฉันคิดว่าฉัน.....ไม่รู้จักมัน
    คนเริ่มมองกันใหญ่ แต่ที่ฉันสังเกตได้  ทำไมสาวๆหลายคนทำหน้าผิดหวังกันจัง ???
    ฉันตัดสินใจเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามมัน
    “มาช้าชะมัด” แน่ะ  มันพูดยังกับฉันนัดกะมันไว้อย่างงั้นแหละ  ฉันนัดกะยัยหญิงย่ะ
    เอ๊ะ ‘ยัยหญิง’
    ใช่ ฉันมั่นใจว่าฉันนัดกะยัยหญิงไว้  ซึ่งมันเป็น ‘ผู้หญิง’ และเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน  พอขึ้นมัธยม มันก็ย้ายตามทางบ้านไปฝรั่งเศส  และเพิ่งจะกลับมาอยู่ข้างคฤหาสน์ฉัน (คฤหาสน์เก่ามัน) เมื่อ 2 วันก่อน  แม่ของพวกเราเห็นว่าไม่ได้เจอกันนานเลยนัดให้พวกเราเจอกันที่นี่  แต่บัดนี้ ไอคนที่นั่งตรงหน้าฉันนี้......มันคือใคร ??????

    ฉันนั่งพิจารณามันอยู่ซักพัก  จะว่าไป มันก็มีเค้าหน้าคล้ายยัยหญิงอยู่ไม่น้อย แต่.... ผมสีชาซอยสั้นตั้งเป็นทรง  นัยน์ตาดำขลับ  สูง  ขาว  ดวงหน้าติดจะหวานนิดๆ ประเมินผลในใจออกมาคือ.......................

    หล่อขั้นเทพ โฮกกกกกๆๆ  และที่สำคัญมันเป็น  ‘ผู้ชาย’!!!!!!!!!!!
    “ปาอ่ะ  จำชั้นไม่ได้หรอ” มันพูดเสียงกระเทยแดกนิดๆ   เท่านั้นแหละฉันจำต้องเอามือกุมขมับ เนื่องด้วยรับสภาพเสียงและอิริยาบถของมันที่ขัดแย้งกับใบหน้าอันหล่อเหลาโดยสิ้นเชิงของมันไม่ได้......เฮ้อ  พระผู้เป็นเจ้าลูกคงทำกรรมไว้เยอะซินะ

    “ยัยหญิง??” ฉันพูดได้ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เพราะไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่
    “ก็ใช่น่ะซิย่ะ  แกเห็นว่าชั้นเป็นใคร”
    ‘แกถามชั้นจริงเหรอ  ฉันไม่อยากจะตอบหรอกนะว่าฉันเห็นแกเป็นใคร’
    “แกแปลงเพศมา!!!” ฉันถามอย่างตกใจ
    “จะบ้าหรอ  ฉันเป็นชายโดยกำเนิดโว้ยยยยย”
    เท่านั้นแหละ ฉันเอ๋ออออออออออออออออออออออ ไปเลยค่ะ
    เท่าที่ฉันจำความได้  ตั้งแต่ ช่วงเวลาที่ฉันได้อยู่กับมันตั้งแต่เกิดยันประถม  มันใส่กระโปรง  ทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู  อ่อนหวาน เรียบร้อย พูดคะพูดขา มาตลอด  แล้วมาวันนี้  มันบอกว่ามันเป็น ‘ชาย’ ฉันควรจะช็อคตายให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีมั๊ยเนี่ย  นี่ฉันโดนมันแหกตามาตลอด 17 ปีเลย หรอเนี่ย !!!
    “แล้วที่ผ่านมาล่ะ” ใช่ ฉันอยากได้ความกระจ่างเป็นอย่างมาก
    “ที่ผ่านมา........อ๋อ ที่ฉันใส่กระโปรง อ่ะหรอ” ฉันไม่ตอบ พยักหน้ารัวทันที
    “พอดีว่านั่นเป็นวิธีแก้เคล็ดของแม่ฉันน่ะ  ตอนตั้งท้องฉัน แม่ไปดูหมอมา  หมอดูทักแม่ว่า ถ้าลูกเป็นชายจะมีเคราะห์ จนอายุ 12  แม่ฉันตกใจมาก  หมอเลยบอกวิธีแก้เคล็ดให้  ก็คือ ให้ลูกทำตัวเป็นผู้หญิงซะ  เรื่องมันก็เป็นอย่างงี้แหละ”
    “แต่ไม่เห็นแกเคยบอกฉัน”
    “แกไม่ถามฉันเองต่างหาก”
    ‘หึ  ก็แกเนียนซะขนาดนั้น  ใครจะไปติดใจสงสัยล่ะ’
     “เฮอะๆ  ช่างเหอะ  แล้วแกจะมาอยู่ที่ไทยเลยใช่ป่ะ”
    “อือ  เข้าโรงเรียนเดียวกะแกด้วย  ฉันจะไปเจอพี่โย  อ๊ายตายแล้วเขิลลลล”
    ‘อีนี่  ไม่เจอกัน 4 ปี กระแดะขึ้นเป็นกองเชียวนะ’
    อ๊ะ  สงสัยล่ะซิคะ ว่าพี่โยคือใคร  พี่โยก็คือ...สุดหล่อ  สุดเพอร์เฟ็กแมน  หล่อ  รวย  เรียนเยี่ยม  กีฬายอด  ที่ยัยหญิงมันชื่นชอบตั้งแต่สมัยอนุบาลยันประถม ก่อนมันจากไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ก็ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตาย เนื่องด้วยจากพี่โย  โดยมิได้เห็นหัวเพื่อนเลิฟมันที่ยืนปลอบอยู่ข้างกายเลยแม้แต่น้อย
    “เค้าคงเอาแกหรอก”
    “เอาไม่เอา เดี๋ยวแกก็รู้” มันย้อนซะอย่างมั่นใจ
    “เฮ้ย!! แกเป็นผู้ชายนะเว้ย”
    “แล้วไงย่ะ  เพื่อพี่โย  ฉันทำได้  อ๊ายยยย พูดแล้วเขิลลล”
    ‘เฮ้ออ  อีนี่ท่าจะบ้า  ฉันล่ะเหนื่อยจริงๆมีเพื่อนเยี่ยงมันเนี่ย’
    “อ่อ  ยัยปา ฉันเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วนะ  แกเลิกเรียกหญิงซะที”
    “แล้วจะให้ฉันเรียกแกว่าอะไร” ฉันถามเซงๆๆ
    “ชาย”
    “หาาา”
    “ก็เรียก ชาย ไง”
    “แกเปลี่ยนชื่อเป็นชาย”
    “ถะ ถะ  ถูกต้องนะคร้าบบ”
    “แล้วชื่อจริง อ่า ฉันว่าฉันพอจะเดาได้นะ แต่ก่อนแกชื่อสมหญิง ชื่อจริงแกก็คงเป็น สมชาย อ่ะดิ”
    “เชยไป  ชาตรี ตะหาก”
    ‘โห  ของแกไม่เชยเลยนะยะ’
    “ฉันรับไม่ได้” ฉันส่ายหน้ารัว
    “เฮ้ย  แล้วแกจะเรียกฉันว่าหญิง ทั้งที่ฉันเป็นผู้ชายต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนหรอห๊ะยัยปา”
    “เออ” ฉันตอบอย่างชัดเจน แบบไม่ต้องมีรีเพลย์
    “ยัยปา  แกจะทำให้ฉันอับอายหรอ  ฉันไม่ใช่เพื่อนเลิฟแกแล้วรึไง” มันอ้อน ดัดเสียง + เมคหน้า น่าสงสารเต็มสตรีม  แต่สำหรับฉัน ‘ชวนถีบ’
    “เฮอะ  แกอย่ามาอ้อนซะให้ยากเลย  แล้วก็เลิกทำหน้าอุบาทว์ๆแบบนั้นได้แล้ว เดี๋ยวคนแถวนี้เขาจะตกใจกัน  คิดว่าฉันนั่งคุยอยู่กะ ชะนีกลายพันธุ์”
    “อ๊ายยย ยัยปา ไม่เจอกัน 4 ปี แกไม่เคยแปรงฟันเลยใช่มั๊ย  มิน่าปากแกถึงได้เหม็นเน่าซากหมาตายขนาดนี้” มันด่าฉันกลับค่ะ ทุกท่าน
    ด่ากลับน่ะไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าอันหล่อเหลาของมัน  ทำให้ฉันคิดว่า ฉันเพิ่งเคยเจอผู้ชายหล่อขั้นเทพด่ากลับซะยับขนาดนี้เป็นครั้งแรก  ฉันคงจะไม่ช็อคขนาดนี้
    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    .
    .
    .
    “เฮ้ย ปา แกเป็นไร” มันคงเห็นฉันนิ่งไปนานเลยเรียกล่ะมั้ง
    “ห๊ะ เปล่าๆๆ” ฉันจำต้องตั้งสติครั้งใหญ่โดยด่วน
    “อะไร ถึงกับช็อคเลยหรอ แค่หยอกเองน่า  ฮ่าๆๆๆๆ” มันยิ้มอย่างอารมณ์ดี อยู่คนเดียว
    “แค่หยอก” ฉันบูดบอกบุญไม่รับทันที
    “ก็แกหาว่าฉันเป็นชะนีกลายพันธุ์ก่อนเองนี่”
    “เออ ฉันผิด  แต่ความจริงก็ไม่ได้ช็อคเรื่องนั้นหรอก”
    “อ้าว แล้วแกช็อคเรื่องไหนอ่ะ”
    ‘ก็เรื่องที่โดนผู้ชายหล่อลากอย่างแกด่ายังไงล่ะ  ฉันรับไม่ด้ายยยยยยยยยยยยย’
    “ช่างมันเหอะ” ฉันรีบปัดๆไปทันที
    “อะไรอ่ะ ต้องมีอะไรแน่เลยใช่มะ” แน่ะ มันยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
    “ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง  ไปๆกลับกันได้แล้ว”
    “ปา แกปิดฉันไม่มิดหรอก บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” มันยังมีความพยายาม เห็นทีฉันคงต้องงัดไม้เด็ดสุดท้ายขึ้นมาใช้
    “ถ้าแกยังถามฉันอยู่ ฉันจะไม่ให้แกดูรูปตอนพี่โยเปลือย!!!” ฉันตัดบทอย่างเป็นผู้ชนะ 
    เท่านั้นแหละ อีบ้านี่มันทำฉันอับอายโดยมิรู้จะเอาหน้าแทรกส่วนไหนของแผ่นดินหนีดี  เนื่องด้วยมันกรี๊ดดดด ซะลั่นร้าน  อย่างไม่อายใคร พร้อมกับตามติดฉันเป็นตังเม ฉันคงต้องยอมรับความหน้าด้านหน้าทนของมันจริงๆ  แล้วสรุปมันหรือฉันชนะกันแน่เนี่ย
     แต่ ฉันว่าฉันได้คำตอบบางอย่างแล้วล่ะ  ว่าทำไมสาวๆทั้งหลายถึงทำหน้าผิดหวังกันระนาว
    ฉันคิดไว้ว่า

    1.พวกชีคงเห็นฉันเป็นแฟนกะยัยหญิง  ก็นะอย่างน้อยหน้าตามันก็ขายออก

    2.พวกชีคงไม่คาดคิดว่า ยัยหญิง จะเป็น ‘กระเทย’

    3.สิ่งที่พวกชีคาดไม่ถึงอีกกย่างหนึ่งก็คือ  มันจะหน้าหนาอย่างกะเอาหน้าไปโบกปูนก่อตึกขนาดนี้น่ะซิ

     

    และฉัน....ขอตัดข้อแรกออก โดยสิ้นเชิง //////

     

     

     

     

    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอจ๊ะลูกรัก” แม่ถามฉันหลังจากที่ฉันไปส่งกระเทยหล่อที่อยู่ข้างคฤหาสน์ฉันมา    ‘ดูแม่จะยิ้มระรื่นเป็นพิเศษนะ’
    “ค่ะ”
    “เจอหญิง เอ๊ย หนูชายแล้ว เป็นไงบ้างจ๊ะ”
    แม่เรียกมันว่าอะไรนะ ‘หนูชาย’ งั้นเหรอ เฮอะๆ ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง
    “อยากตาย” ถูกเผงเลย  นั่นเป็นความรู้สึกจริงๆของฉันหลังจากไปพบไอกระเทยหล่อมา
    “ต๊าย  ลูกสาวแม่  แพ้คนอย่างหนูชายซะแล้วเหรอเนี่ย โฮะๆๆๆ”
    อ๋อ  งั้นก็สรุปว่าฉันแพ้มันจริงๆสิเนี่ย
    “แม่รู้ว่ามันเป็นผู้ชาย” ฉันถามคำถามที่คาใจมานาน
    “ก็ต้องรู้ซิ”
    “แต่ แม่ไม่เห็นเคยบอกหนู”
    “อ้าว แม่ก็เห็นว่าเราเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก  ก็นึกว่าจะรู้อยู่แล้วซะอีก”
    “แล้วแม่รู้ได้ไง”
    “เอ๊ะ ลูกคนนี้  โง่หรือแกล้งโง่ กันแน่เนี่ย”
    “อ้าว ทำไมอ่ะคะ”
    “นี่สรุป ลูกโง่จริงๆ”
    “ก็คนมันไม่รู้นี่แม่”
    “แม่หนูชายกับแม่เป็นเพื่อนสนิทกัน  แล้วแม่จะไม่รู้ได้ยังไง”
    “เออ เนาะ แหะๆๆ” เกตเลยทีนี้
    “แต่เรานี่ก็แปลกนะ เล่นด้วยกันมาก็ตั้ง 10 กว่าปี แต่กลับไม่รู้ว่าหนูชายเป็นผู้ชาย  แม่ว่าลูกก็โง่เข้าขั้นเลยนะเนี่ย  โฮะๆๆๆ”
    “ค่ะ” ฉันรับเซงๆ แล้วก็เดินสะบัดก้นขึ้นไปบนห้องนอน
    “ปา รีบๆนอนล่ะ  พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า  พาหนูชายไปโรงเรียนวันแรก” เสียงแม่ตะโกนไล่หลังมาฉันมา  ทำเอาเท้าฉันหยุดชะงักโดยอัตโนมัติทันที
    “หาาาาา”
    “เข้าใจมั๊ย” แม่ถามย้ำ
    “ก็ให้มันไปเองซิแม่  เบนซ์สปอตมันก็มี”
    “เข้าใจคำว่าวันแรกมั๊ยลูกรัก  หนูชายเขาจะไปรู้ทางได้ยังไงกัน”
    “ในใบสมัครเข้าก็มีแผนที่นี่แม่”
    “หนูชายไม่ได้สมัครเข้านะจ๊ะ”
    “ห๊ะ มันไม่ได้สมัคร แล้วมันเข้ามาเรียนได้ไง”
    “ความลับ” แม่ฉันตอบยิ้มๆ
    มีหรือ คนอย่างฉันจะไม่รู้  เข้าโรงเรียนดังกลางคันแบบนี้  เส้นแม่แหง  ความจริงแม่ฉันก็ไม่ได้ใหญ่มาจากไหน  ก็แค่เป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ที่ทั่วโลกพากันจับตามองเท่านั้นเอง  แถมยังควบตำแหน่งอธิการบดี กระทรวงศึกษาธิการด้วยน่ะซิ
    “ฉันรู้หรอกน่าแม่  เส้นแม่ล่ะซิ”
    “อ้าว สมองเราก็ไม่ได้มีแต่ขี้เลื่อยนี่นา  เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าต้องพาเราไปหาหมอผ่าเอาขี้เลื่อยออกซะแล้วนะเนี่ย  กะลังจะโทรนัดหมออยู่พอดีเชียว”
    “ค่ะ เหน็บกันให้เต็มที่เลยค่ะ” แม่ยิ้มอย่างพอใจ
    “ถ้าเข้าใจแล้ว ยังไงๆ เราก็ต้องไปส่งหนูชาย เข้าใจมั๊ย”
    “ขอปฏิเสธ”
    “แล้วลูกจะให้หนูชายไปยังไง”
    “ก็ไปกับแม่ซิ”
    “แม่มีธุระ”
    “ งั้นก็ให้มันไปเองซิ  หนูไม่เชื่อหรอกว่าระดับตระกูล สิงห์หบดี จะไปโรงเรียนเองไม่เป็น”
    “ไม่รู้ล่ะ ยังไงๆเราก็ต้องไปส่งหนูชาย”
    “ม่ายยยยยยย” ฉันค้านเสียงแข็ง
    “ยัยปา หนูชายเขาไม่ใช่เพื่อนรักของลูกแล้วหรอ” แม่เริ่มใช้ไม้อ่อน
    “ก็ใช่อยู่”
    “งั้นทำไมไปส่งเขาไม่ได้ล่ะลูก”
    “อยู่กับมันแล้วอยากตาย ไปส่งไม่ได้ เดี๋ยวจะฆ่าตัวตายก่อนได้ไปส่งมัน”  ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆนะ
    “อะไรกัน เรื่องแค่นี้เองเหรอ  งั้นแม่จะบอกอะไรเราให้นะ  ถ้าลูกไม่ไปส่งหนูชายพรุ่งนี้ ลูกก็ได้ตายอยู่ดี”
    ‘เฮือก’ ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมากะทันหัน  บรรยากาศชักจะมาคุขึ้นเรื่อยๆ  แต่ที่สำคัญกว่า ทำไมนะ รู้สึกเหมือนแม่..... ยิ้มเหี้ยม!!!
    “ก็ได้ๆ พรุ่งนี้เดี๋ยวหนูไปส่งมันเอง” ยังไงก็ต้องรักษาชีวิตไว้ก่อนล่ะ  อย่างน้อยอยู่กับมันก็อายุยืนกว่าอยู่กับแม่คนนี้ล่ะว้า 
    พูดจบ  ฉันก็พาขาสั่นๆของฉันก้าวขึ้นห้องทันที
    “ดีมากจ๊ะ ลูกรัก” แม่พูดทิ้งท้ายอย่างพอใจ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×