ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic2PM:TK] ChocoNiLa มนต์รักเบเกอรี่

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter: 4 การปาดหน้าเค้ก

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 58








    ถึงแม้ว่าจะเป็นรูปตัดต่อแต่ก็ฟินดี!!!

     



    ChocoNila มนต์รักเบเกอรี่

    Chapter: 4 การปาดหน้าเค้ก

     

     

    เอาอีกแล้ว! เหยื่อแบบนี้อีกแล้ว! ทำไมเขาจะต้องมาเกี่ยวพันกับพวกคดีข่มขืนด้วยเนี่ย  ตำรวจหนุ่มซึลลองกำลังพินิจพิจารณาคนตรงหน้าที่พึ่งเจอหน้ากันเมื่อตอนบ่ายที่ร้านเบเกอรี่และก็เจอกันอีกเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วที่พงหญ้าข้างทาง ยังดีที่เขาไปเดินตรวจเวรแถวนั้นพอดีที่ไอ้หื่นกามมันยังไม่ได้ลงมือร่างบาง

    ตอนนี้คนหน้าหวานก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่มีสติสตางอีกต่างหาก เรียกก็ไม่หัน ถามก็ไม่ตอบ สายตาเหม่อลอยอย่างเดียว  เนื้อตัวมอมแมมดูไม่ได้ ผมที่ไม่เป็นทรงยุ่งเหยิงไปหมด คอปกเสื้อที่ถูกแหวกเปิดจนทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไร ผิวขาวมีแต่รอยแดงที่ไอ้หื่นกามมันทำเอาไว้ ข้อมือขาวก็มีรอยนิ้วมือกำแน่นจนช้ำ

    “ผู้กองครับ เอาดีครับ” ลูกน้องของซึลลองยื่นแก้วกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลมายืนถามว่าจะเอายังไงดีกับร่างบางที่ตั้งแต่มาที่สถานีก็เอาแต่นั่งเงียบจนให้ปากคำไม่ได้

              “อืมมมม….”ซึลลองยืนคิด

              “เอาจิตแพทย์มาเลยดีไหมครับผู้กอง”

              “ไปเอาโทรศัพท์มาก่อน”

              “หือ!?

              “ฉันบอกให้ไปเอาโทรศัพท์ที่ตัวพ่อหน้าหวานมา ต้องโทรหาใครสักคนให้มารับกลับบ้านก่อน สภาพแบบนี้ให้ปากคำไม่ไหวหรอก” ซึลลองสั่งลูกน้องอย่างว่าง่าย ลูกน้องเดินเข้าล้วงกระเป๋าเสื้อของคนตัวขาว ตอนแรกคนตัวขาวก็ตกใจแต่ก็ยังไม่มีสติพอที่จะต่อว่าใคร

              “นี่ครับ” ลูกน้องยื่นมือถือมาให้ แล้วสั่งให้ลูกน้องคนเดิมไปยืนเฝ้าคนตัวขาวไว้



     

     

     

    ออดดดด!~~~~

              ร่างหนาที่กำลังทอดไข่เจียวแสนอร่อยซึ่งเป็นการทำอาหารมื้อแรกในคอนโดหรูของเขา แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียออดหน้าห้องจนต้องรีบวางมือไปเปิดประตู ทันทีที่เปิดห้องก็พบคนที่ไม่อยากเจอ

              “พี่มาทำไม!” แทคยอนพร้อมถุงจากร้านซุปเปอร์มาเก็ตเต็มมือเดินเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะแล้ววางของทั้งหมดลงบนโต๊ะรับแขก

              “ฉันก็แค่มาดูความเรียบร้อย ว่าแกไม่ได้ซุกเมียไว้ในห้อง” แทคยอนมองซ้ายมองขวาหาร่างบางเผื่อไอ้น้องชายตัวดีเอาร่างบางนั่นมาอยู่ด้วยกัน หากเป็นเช่นนั้นเขาไม่ยอมแน่

              “ผมว่าคนที่ทำแบบนั้นน่าจะเป็นพี่มากกว่า” ชานซองเถียง

              “นี่จะคุยกันดีๆไม่ได้สักวันเลยสิน่ะ”

              “พี่เริ่มก่อน!” ให้ตายเถอะ ชานซองเป็นน้องเขาจริงหรือเปล่าเนี่ยเถียงคำไม่ตกฟากตั้งแต่เกิดยันโตเลยสินะ

              “เออๆ ช่างมันเถอะแต่ไอ้กลิ่นไหม้ในห้องครัวอ่ะไปดูก่อนไหม!” ชานซองทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่มไหม้จากในครัวตามที่พี่ชายตนบอกก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องครัวทันที แทคยอนส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา

             

    ครืดดดดดด!~~  ครืดดดดดด!~~  ครืดดดดดด!~~ 

     

              แทคยอนหันไปมองโทรศัพท์มือถือของน้องชายตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก มันกำลังสั่นแทบจะทำให้โต๊ะพัง เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆโทรศัพท์เพื่อดูว่าใครโทรมาจะได้เรียกน้องชายตัวดีมารับ แต่ชื่อคอลลิ่งทำให้เขาหยุดความคิดนั้นลง

              คุนนี่

              แทคยอนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันควัน ในตอนแรกเขายังไม่พูดออกไปเพราะอยากจะรู้ว่าร่างบางโทรมาหาน้องชายเขาทำไมในเวลาดึกดื่นเช่นนี้

              (เอ่อนั่นคุณชานซองหรือเปล่าครับ)

              “” แทคยอนแปลกใจเล็กน้อยที่ปลายสายเป็นเสียงเข้มและยังถามอีกว่าใช่น้องชายเขาหรือเปล่า

              (ฮัลโหล เฮ้ ฟังอยู่ไหมครับ)

              “เอ่อๆ ครับผมชานซอง” แทคยอนสวมรอย

              (เอ่อ งั้นผมขอคุณช่วยรบกวนมารับเพื่อนเอ่อ..คุณนิชคุณ หรเวชกุล น่ะครับที่สถานีxxหน่อยนะครับ)

              “เกิดอะไรขึ้นครับ” แทคยอนย่นคิ้วเข้าหากันเกิดอะไรขึ้นทำไมร่างบางนั่นถึงได้ไปอยู่ในสถานีตำรวจในแวลาแบบนี้

              (เอ่อ มีเหตุคุกคามน่ะครับ ช่วยมารับด้วยนะครับ)

              “เอ่อ ได้ครับ” แทคยอนมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างแปลกใจแต่ก็ต้องรีบวางมันลงที่เดิมเพราะชานซองถือจานข้าวพร้อมไข่เจียวไหม้ๆออกมาจากห้องครัว

              “ฉันไปก่อนนะ!” แทคยอนรีบบอกลาแล้ววิ่งออกไปจากห้องแทบจะทันที

              “อะไรของเขาว่ะ จะมาก็มา จะไปก็ไป!” ชานซองมองอย่างงุนงง




     

     

     

              ชายร่างสูงโปร่งผิวสีแทนกับสูตรสีขาวสะอาดตัดสีผิวเขาได้อย่างดีกำลังเดินลงจากรถสปอร์ตคันหรูไปยังประตูสถานีตำรวจ ทันทีที่ร่างสูงโปร่งเปิดประตูเข้าไป ทุกสายตากำลังจ้องมองมาที่เขา

              “มีอะไรให้รับใช้ครับ” เสียงตำรวจหนุ่มที่นั่งเฝ้าเวรอยู่หน้าเคาน์เตอร์เอ่ยถาม

              “ผมมารับคน”

              “ใครละครับที่นี่โรงพักนะคุณ คนเยอะแยะ หรือเห็นเป็นอย่างอื่น” ตำรวจเอ่ยกวนๆ เพราะความง่วงเต็มทนที่จะต้องมาเข้าเวรดึกๆแบบนี้

              “นิคคุณ นิชคุณ หรเวชกุลอะไรนั่นน่ะ!” แทคยอนเอ่ยชื่อเต็มที่เขาพอจะจำได้หลังจากที่อ่านประวัติของร่างบางที่ลูกน้องของเขาเอามาให้

              “อ่อ! คนนั้นน่ะหรอ” ตำรวจชี้ไปยังร่างบางที่ฟุบหลับที่โต๊ะมุมโรงพัก

              “

              “เอ่อแล้วคุณเป็นอะไรกับเหยื่อครับ” ตำรวจหนุ่มถาม แทคยอนทำหน้างุนงงกับคำว่า เหยื่อ

              “หืม!?

              “ผมถามว่าคุณเป็นอะไรกับพ่อหนุ่มหน้าหวานนั่น” ตำรวจเริ่มอารมณ์เสีย

              “เอ่อพี่ พี่ชายมมั้ง” แทคยอนตอบอย่างกระดากปาก

              “อ่าๆ ช่วยเซ็นตรงนี้ด้วยผมจะได้เอาไปให้ผู้กองดูว่ามีคนมารับเขาแล้ว” ตำรวจหนุ่มยื่นกระดาษบางอย่างมาให้แทคยอนเซ็นเพื่อจะได้เอาตัวร่างบางกลับไปไว้เป็นหลักฐาน

              “คราวหน้าคราวหลังก็อย่าให้น้องชายคุณมาเดินในที่เปลี่ยวๆแบบนั้นคนเดียวนะครับคุณ ดูแลดีๆหน่อย นี่ถ้าผู้กองซึลลองไม่ได้ไปตรวจความเรียบร้อยแถวนั้น น้องชายคุณเสร็จไอ้หื่นกามนั่นไปแล้ว” ขณะที่แทคยอนกำลังเซ็นตำรวจหนุ่มก็กล่าวเตือนเขาแล้วก็ชี้ไปที่ชายคนหนึ่งนั่งหลับอยู่ในห้องขังหลังเคาน์เตอร์

              “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” แทคยอนถาม

              “อ่าวผู้กองไม่ได้บอกเหรอ อ่า….น้องชายคุณเกือบโดนไอ้บ้านั่นข่มขืนน่ะ แต่ผู้กองเขาไปช่วยไว้ได้ทันดีน่ะยังไม่ถลำลึก อ่อพรุ่งนี้เขาต้องมาให้ปากคำด้วยล่ะ น้องชายคุณเอาแต่นั่งเหม่อไม่มีสติเลยตั้งแต่มาที่สถานีเลยให้ปากคำไม่ได้ ก่อนหน้าที่คุณจะมาถึงมีจิตแพทย์มาให้คำแนะนำแล้วให้กินยานอนหลับน่ะ” ตำรวจหนุ่มพูดเพียงเท่านั้น แทคยอนรู้สึกตัวชาแล้วใจหายวาบ ร่างบางเกือบโดนข่มขืนงั้นเหรอ แทคยอนเดินปรี่ตรงไปที่ร่างบางฟุบหลับอยู่แล้วจัดการดึงแขนบางขึ้นเขย่าให้รู้สึกตัว

              “ตื่น! นิคคุณ!

              “ตื่นเส้!” ต่อให้เขาจะเขย่าสักร้อยรอบร่างบางก็ไม่ตื่นหรอกเพราะว่าฤทธิ์ยานอนหลับอะไรนั่น

              “ลุกเส้!” แทคยอนบ่นจนนาสุดท้ายก่อนจะอุ้มร่างบางในท่าเจ้าสาวแล้วออกจากโรงพักไปที่รถด้วยความยากลำบาก พอจัดการนำร่างบางมาในรถเรียบร้อยแล้วเขาเดินขึ้นไปบนรถอีกฟากหนึ่งหันไปมองร่างบางที่มีแต่รอยแดงเต็มไปหมดแถมข้อมือก็มีรอยช้ำอีก มันช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาสำหรับเขา

     





     

     

     

     

              ตอนแรกแทคยอนคิดอยู่นานว่าจะพาร่างบางหรือชื่อเรียกใหม่ที่เขาพึ่งคิดมาใหม่สดร้อนๆเมื่อกี้นี้ว่าภาระ ไปไว้ที่ไหนดี เพราะบ้านของเจ้าภาระเขาก็ไม่เคยรู้จัก จนสุดท้ายเขาก็ขับรถมาที่บ้านของตัวเอง

              “อ่าว คุณนิคคุณนี่ค่ะ!” ป้ามินจีรีบวิ่งมาที่รถทันทีเมื่อแทคยอนมาจอดหน้าบ้านก่อนจะเปิดประตูรถก็พบว่ามีนิคคุณอยู่ในรถด้วย แทคยอนไม่ได้ตอบอะไรแล้วเดินไปอีกฟากของรถเพื่ออุ้มร่างบางขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านทันที แทคยอนหันซ้ายหันขวาว่าเขาควรจะเอาร่างบางไปไว้ที่ไหนดี

              “ห้องชานซองเหรอ! ไม่เอา!   ห้องพ่อ!ไม่ดี!  เห้อ!” สุดท้ายเขาก็อุ้มไปไว้ที่ห้องตัวเอง บนเตียงของตัวเอง แทคยอนจัดวางร่างบางอย่างแรงอย่าเรียกว่าวางเลยเรียกว่าโยนจะดีกว่า เขายืนมองร่างบางอย่างเหยียดๆ

              “ไอ้ชานซองแกชอบไปได้ไงว่ะ!” แทคยอนบ่นแล้วเดินออกไป เขาไม่อยากนอนร่วมเตียงกับคนแบบนี้ คนที่จะมาหลอกหลวงปลอกลอกครอบครัวเขา

     

     

             

             

     

              แสงแดดยามเช้าสอดส่องทะลุม่านหนาสีฟ้าเข้ามาในห้องนอนกระทบกับเปลือกตาบางที่หลับใหลอยู่ต้องเปิดออก

              “อือ” เสียงอิดโรยพยายามขยับตัวแต่ก็ต้องร้องเจ็บปวดเพราะร่างกายระบมไปหมดมีแต่รอยฟกช้ำ แต่กระนั้นเขาก็ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยที่หันซ้ายหันขวามองไปรอบห้อง

              “ที่นี่ที่ไหนกัน!?” ร่างบางงงเป็นไก่ตาแตกแต่ศิลปะการตกแต่งห้องหรือบ้านแบบนี้เขาช่างคุ้นเคยจริงๆ หวังว่าจะไม่ใช่บ้านหลังนั้น สักพักก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมด้วยหญิงวัยกลางคนที่เขารู้จัก

              “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะค่ะคุณนิคคุณป้าเตรียมชุดไว้ให้แล้ว” ร่างบางมองเอ๋อๆ เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆด้วยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของชานซอง ป้ามินจีเห็นร่างบางนิ่งไปเลยเข้าไปยืนจ้องหน้า

              “ลุกไหวรึเปล่าค่ะ”

              “อะ เอ่อ ครับ”

              “ไปอาบน้ำเถอะค่ะเนื้อตัวมอมแมมไปหมด คุณแทคยอนรอทานอาหารเช้าอยู่ค่ะ”

              “ห่ะ!” ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะไปอาบน้ำแต่ประโยคสุดท้ายที่ป้ามินจีพูดนี่สิทำเขาสะดุด

              “...?....”

              “คุณแทคยอนเขารอผมทำไมครับ แล้วใครพาผมมาที่นี่” หวังว่าคงจะไม่ใช่แทคยอนนะ

              “ก็คุณแทคยอนพาคุณนิคคุณมานะสิคะ ไปค่ะจะได้ทานอาหารเช้า” ป้ามินจีรีบตัดบทดันหลังบางให้เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับมาจัดเตียงให้เรียบร้อย

     

              ร่างบางยืนกอดผ้าเช็ดตัวแน่นในห้องน้ำมองซ้ายมองขวาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ เขาจำได้แค่เขาโดนฉุดไปอยู่ในพงหญ้าพร้อมกับไอ้โรคจิตที่คร่อมเขาอยู่หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย  ร่างบางกำลังเหม่อมองเงาที่สะท้อนกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำเผยให้เห็นตัวเองที่เนื้อตัวมอมแมมกับคอปกเสื้อที่ถูกกระฉาก  ร่างบางมองตัวเองอย่างเวทนา

              “ฉันเกลียดนาย”

     

     

     

     

              ร่างบางเดินมาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คขาสั้นที่ไม่คุ้นชินเพราะส่วนใหญ่เขาจะใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยืนสะมากกว่า  ร่างบางรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยแต่ก็ยอมใส่แล้วเดินมาที่ห้องอาหารที่มีร่างสูงแกร่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะกับสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์  อาหารที่ถูกจัดวางข้างๆกันถ้าให้เดาคงจะเป็นของเขา  ร่างบางเดินไปใกล้ๆร่างสูงแล้วโค้งให้

              “พอจะบอกผมได้ไหมครับผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” แทคยอนมองอย่างตกใจเล็กๆ

              “นั่งลง!” นิคคุณทำท่าทีลังเลว่าจะนั่งดีหรือไม่ “นั่งสิ!” จนสุดท้ายนิคคุณก็นั่งลงพร้อมกับเสียงที่กระแทกกระทั้นของอีกคนให้ทานอาหารตรงหน้า

              “มีคนโทรให้ไปรับแค่นั้นละ!” ระหว่างที่ทานอาหารเงียบๆ แทคยอนก็ตอบออกมา

              “แล้ววว.....”

              “ไม่มีอะไร! เลิกพูดมากสักที!” นิคคุณกำลังจะถามต่อว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ต้องเงียบปากลง เขาตักอาหารเข้าปากเพียงไม่กี่คำก็ขอตัวลุกขึ้น

              “จะไปไหน!

              “กลับบ้านครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ ขอบคุณครับ~” นิคคุณโค้งให้แทคยอนอีกครั้งแต่ถูกมือหนาบีบเข้าที่ข้อมือบาง

              “นายต้องไปให้ปากคำ!

              “ครับ”

              “ฉันจะไปด้วย!

              “เห!~” นิคคุณตกใจหนักเข้าไปใหญ่ที่คนอย่างแทคยอนคนที่เกลียดเขาเข้าไส้จะไปไหนมาไหนกับเขาเนี่ยนะ

              “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าคนง่ายๆ อย่างนายจะให้ปากคำว่าไงหลังจากโดนข่มขืน!

              “...” เอาอีกแล้วคำพูดจาที่ดูถูก ร่างบางยืนนิ่งเงียบ เขาโดนข่มขืนจริงๆนะเหรอ แทคยอนกระตุกยิ้มพอใจแล้วเดินนำเขาไปที่รถทันที ฉันจะบั่นทอนจิตใจนายไปอย่างนี้ล่ะ เหอะ!’

     

     

     

     

     

               

              ที่สถานีตำรวจซึ่งมีคนจ๊อกแจ๊กจอแจมากมายมันทำให้เขาหงุดหงิด อ๊คแทคยอน ตั้งแต่เกิดมาเขาก็เคยมาที่สถานีตำรวจก็เมื่อคืนนั่นแหละเพราะใครล่ะ! เพราะคนหน้าหวานซ่อนพิษตรงหน้าเขานี่ละ

              “ผมนิชคุณ หรเวชกุล มาให้ปากคำน่ะครับ” ร่างบางกำลังคุยกับตำรวจที่เคาน์เตอร์

              “อ่อ รอสักครู่นะครับ” ตำรวจที่เคาน์เตอร์เหมือนจะโทรเรียกใครสักคนออกมา  ร่างบางเห็นดังนั้นเขาเลยหันไปหาแทคยอนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

              “ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง” ระหว่างที่ร่างบางบอกแทคยอนก็มีตำรวจนายหนึ่งมาพอดี

     

              “สวัสดีครับคุณนิคคุณ ผมซึลลองเจ้าของคดี” นายตำรวจหนุ่มทักทายร่างบางแล้วเชิญร่างบางไปด้านในของสถานี

              ซึลลองเดินนำร่างบางเข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่ค่อนข้างมืดและเงียบสนิท และมีตำรวจอีกนายหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ ซึลลองเชิญให้ร่างบางนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามที่ซึลลองและตำรวจอีกคนนั่งอยู่

              “สวัสดีครับผมชองจินอุน ลูกน้องคนนี้เอง หิหิ” ตำรวจที่หน้าตาน่ารักๆแนะนำตัวเองพร้อมกับชี้ไปทางซึลลองว่าเป็นเจ้านายเขา

              “อย่าพูดมากน่าจ่า เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” แล้วซึลลองก็เริ่มพูดประเด็นต่างๆมากมาย แล้วก็ให้เขาเล่าเรื่องที่เขาจำได้ให้มากที่สุดโดยมีจินอุนคอยพิมพ์ทุกตัวอักษรที่เขาเล่า


             

     

              “ขอบคุณที่มาให้ปากคำในวันนี้ ^^” หลังจากให้ปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้วซึลลองเดินออกมาส่งเขาข้างนอก นิคคุณมีสีหน้าที่ผ่อนคลายมากขึ้นที่เมื่อสักครู่นี้ซึลลองบอกเขาว่าเจ้าโรคจิตนั่นไมได้ทำอะไรเขาเลยซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าเขาไม่ได้โดนข่มขืนเพราะซึลลองเป็นคนช่วยเขาไว้ได้ทัน

              “ครับ ผมก็ต้องขอบคุณที่มาช่วยผมไว้ถ้าไม่ได้คุณซึลลองผมแย่แน่ๆ...เอ~ว่าแต่ คุณซึลลองใช่คนที่มาซื้อเค้กที่ร้านผมวันนั้นรึเปล่าครับ” ร่างบางจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนเคยเห็นนายตำรวจหนุ่มที่ไหน ซึลลองพยักหน้าว่าใช่

              “ครับผมเอง เค้กอร่อยมากเลยนะครับไว้ผมจะแวะไปอีก^^” ซึลลองเดินมาส่งจนถึงตรงเคาน์เตอร์

              “ขอบคุณครับ^^” นิคคุณกล่าวขอบคุณอีกรอบแล้วหันไปอีกทางเพราะว่าเขาเห็นใครบางคนที่คาดไม่ถึง

              “คุณแทคยอน!!!” ใช่แล้วเขาเห็นแทคยอนนั่งอยู่ตรงม้านั่งฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ในสถานีกับหน้าตาเฉพาะตัว

              “...” แทคยอนมอง

              “ทำไมยังอยู่ที่นี่ล่ะครับ!” นิคคุณตกใจถามออกไป

              “รอนาย!

              “...” ใช่เขานิ่งเงียบหงายเงิบเลยทีเดียว รอนาย!’ เขาได้ยินอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม

              “เอ่อ นี่น่ะเหรอครับคุณชานซอง!” ซึลลองยืนมองอยู่นานจึงถามขึ้น เขาคิดว่าแทคยอนคือชานซองที่เขาโทรไปหาว่าให้มารับร่างบางเมื่อคืน

              “ไม่ใช่ครับๆๆ!” นิคคุณรีบปฏิเสธ ซึลลองทำหน้างงๆ

              “ผมอ๊คแทคยอน พี่ชายชานซอง เมื่อคืนผมมารับเอง!

              “อ่อ! ผมอิมซึลลองเจ้าของคดีของคุณนิคคุณน่ะครับ” นิคคุณมองสลับไปมาระหว่างแทคยอนและซึลลอง มีอะไรที่เขาพลาดไปอย่างนั้นเหรอ!

              “ไป!” แทคยอนจับแขนบางแล้วลากออกไปจากสถานีอย่างแรง

     






     

              “ปล่อยเถอะครับผมเจ็บ!” นิคคุณร้องอิดออดที่แทคยอนกระชากเขาออกมาจากสถานีแบบนี้

              “จะไปไหนต่อ!” แทคยอนยอมปล่อยมือออกแล้วถาม

              “ที่ร้านครับ” แทคยอนยิ้มพอใจ

              “ดี! ฉันจะได้ไปเล่าเรื่องนี้ให้น้องชายสุดที่รักฟังว่านายมันคาวแค่ไหน!” แทคยอนพูดขึ้นก่อนจะเดินไปฝั่งคนขับแต่ถูกมือบางเกาะเข้าที่แขน

              “อย่า! อย่าบอกชานซองนะครับ!~” นิคคุณเกาะแขนแกร่งพูดจาอ้อนวอนไม่ให้อีกคนบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชานซองรับรู้

              “โอ๊ะโอ่!~ ทำไมล่ะ~” การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้แทคยอนพอใจ

              “นะครับ อย่าบอกชานซองเลยน่ะครับ!” นิคคุณขอร้อง หากชานซองรู้เรื่องนี้ชานซองจะต้องติดเขาแจแน่ๆ เขาไม่อยากให้ชานซองคิดเรื่องระหว่างเขากับชานซองมากไปกว่านี้

              “ได้! แต่.....”

              “...”

              “นายต้องทำตามที่ฉันสั่งหนึ่งเรื่อง!” แทคยอนออกอุบาย

              “เรื่องอะไร!?

              “...” แทคยอนไม่ได้ตอบแต่เขาทำหน้าเหมือนผิดหวังกับคำถามของร่างบางแล้วสะบัดแขนบางออกแล้วเปิดประตูรถ

              “ก็ได้! ตกลง! ผมยอม” จนแล้วจนรอดนิคคุณก็ต้องยอมแทคยอนผู้นี้

              “ฮะ! ดีมากฉันจะไม่บอก ขึ้นรถสิฉันจะไปส่ง!” แทคยอนหัวเราะดีใจแล้วเขาก็สั่งให้ร่างบางเข้ามานั่งมนรถก่อนจะขับรถออกไปแล่นมุ่งหน้าไปที่ร้านเบเกอรี่

     

     



     

     

              ร่างหนาในชุดพนักงานร้านเบเกอรี่เต็มยศกำลังกดสายโทรหาใครบางคนที่ยังไม่โผล่หัวมาที่ร้านสักทีแล้วพอโทรไปก็ไม่ยอมรับสายสักสายเดียว ร่างหนาดูเป็นกังวลที่สุดไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า

              “เห่ย! อย่ามัวแต่โทรครับคุณเพื่อนมาช่วยเสิร์ฟก่อน!!!” อูยองใครคราบชุดเชฟมือทองแต่ดันต้องมาถือจานเค้กพะลุงพะลังไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่กำลังจะล้นร้านเพราะพนักงานเสิร์ฟสองคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ชานซองถอนหายใจหงุดหงิดก่อนจะวางโทรศัพท์ในมือลงแล้วไปช่วยอังอังเสิร์ฟ

     

              สักพักใหญ่ลูกค้าในร้านก็เริ่มจางตาลง และไม่วายที่อูยองจะบ่นแว๊ดๆแจ๊ดๆไปมาหลังร้านเพราะงานล้นมือ ไหนจะเค้กที่กำลังจะหมดตู้กับเครื่องดื่มที่ทำไม่ทันลูกค้าสั่ง  ส่วนชานซองก็หาโอกาสทุกโอกาสที่ว่างกดโทรหาอีกคน  ไม่ว่าจะโทรไปหาเท่าไรเจ้าตัวก็ไม่รู้จักรับทำเขากระวนกระวายใจเป็นที่สุด ไม่นานรถสปอร์ตหรูสีดำเงาคุ้นตาก็มาจอดที่หน้าร้าน ชานซองยืนมองอยู่ที่เคาน์เตอร์อย่างไม่วางตา แล้วสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  ร่างบางที่เขาโทรตามมาทั้งวันลงมาจากรถคันนั้น รถของพี่ชายเขา เป็นไปไม่ได้!

              ร่างบางยืนรอให้รถคันนั้นหายลับตาไปก่อนจะเดินเข้ามาในร้านอย่างรีบๆ เจอร่างหนาที่ยืนถือโทรศัพท์อยู่ในมือ นัยน์ตาฉายแววสงสัย

              “ไปไหนมา!” แทนที่จะเป็นเสียงของชานซองแต่เป็นเสียงของอูยองที่เดินออกมาจากครัวแทน

              “เอ่อ มีธุระนิดหน่อยนะ โทษทีนะที่ไม่ได้โทรบอก” นิคคุณยืนเอามือเกาท้ายทอยแก้เก้อ

    นิคคุณน่ารักขนาดนี้ใครมันจะไปโกรธลงละ

             

    “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป!” อูยองไล่นิคคุณไปโดยที่ชานซองไม่ได้พูดอะไรเลย 

              “แล้วไอ้พ่อหน้ายาวนั่นไปไหน! ชานซองโทรตามดิ๊!” อูยองสั่ง

              “โทรเองสิวะ!” ชานซองหันมามองเคืองๆ แล้วหายเข้าไปที่หลังร้าน เข้าไปที่ห้องล็อกเกอร์ที่มีร่างบางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ชานซองยืนมองเพื่อนตัวเองกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไร นิคคุณเองก็ไม่ได้เขินอะไรเพราะเป็นเรื่องปกติ ชานซองยืนมองเสื้อผ้าที่แปลกตาบนเรือนร่างของนิคคุณ ปกตินิคคุณไม่ได้มีรสนิยมแต่งตัวแบบนี้เขารู้ดี และที่สำคัญก็คือกางเกงสแล็คขาสั้นนั่นทำไมเขาจะจำไม่ได้ว่าพี่ชายเขาชอบที่จะใส่เสื้อผ้าพวกนี้ในวันหยุดพักผ่อน ชานซองเดินเข้าไปใกล้กับร่างบางที่ยืนอยู่ตรงล็อกเกอร์

              “ทำไมมากับเขา!?” ชานซองถาม นิคคุณนิ่งเงียบยิ่งทำให้ชานซองหงุดหงิด

              “นายคิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่านั่นรถพี่ฉัน นิคคุณ!” ชานซองเค้นคำถามโดยเดินเข้าไปแนบชิดกับร่างบางมากขึ้นจนแผ่นหลังบางชนกับตู้ล็อกเกอร์อย่างไม่ทันตั้งตัว

              “กะ ก็แค่บังเอิญเจอ” นิคคุณตอบติดขัด

    ให้ตายสิทำไมเขาโกหกไม่เก่งแบบนี้นะ

     

    ปึง!!!    

    “โกหก! พี่ชายฉันเกลียดนายอย่างกับอะไร เขาจะรับนายมาส่งรึไง!” ชานซองเถียงพร้อมกับกำหมัดแน่นทุบที่ตู้ล็อกเกอร์อย่างแรง

              “นายอยากได้คำตอบอะไรจากฉันกันชานซอง!” นิคคุณเถียงกลับ

              “...”

              “นายก็รู้นี่ว่าเขาเกลียดฉัน ฉันกับเขาคงไม่ได้มีอะไรหรอก!” นิคคุณผลักอกของชานซองสุดแรงแล้วแทรกตัวเดินออกไปทิ้งคำพูดแทงใจดำไว้ 

    จริงสิ หมอนั่นเกลียดนิคคุณอย่างกับอะไร...นี่เราคิดอะไรเนี่ย!

     

     

     

     

              “เดือดร้อนจริง!” ร่างเล็กเอ่ยบ่นอุบอิบในห้องครัว เขากำลังกดเบอร์ที่ถูกแปะไว้ที่บอร์ดพนักงานกดโทรออกหาอีกคนที่ไม่ยอมมาทำงาน

     

    สายแรกไม่รับ……

             

    “ฮึ่ย!~ อีกสายไม่รับพ่อจะถีบหน้าหงายแน่!” อูยองบ่นรอบสองก่อนจะกดโทรออกอีกครั้ง รอไม่นานปลายสายก็กดรับเขาสักที

              “ไอ้หน้ายาว! มาทำงานสักทีสิ!!!!” เสียงดังแปดหลอดถูกโถมเข้าไปในสายโทรศัพท์ คนฟังไม่หูบอดก็หูดับแน่ๆ แต่เสียงตอบกลับมาทำเขาแปลกใจเล็กน้อย

              (นายเป็นใคร! แล้วเรียกใครว่าไอ้หน้ายาวย่ะ!!!) เสียงของหญิงสาวที่ตอบกลับมาจากปลายสายแปดหลอดไม่แพ้กัน

     

    ที่ไม่มาทำงานเนี่ย~ นอนกกเมียอยู่สินะไอ้หน้ายาว.....หึ!~

     

              “เป็นเมียหลวง! แล้วเธอล่ะเป็นเมียน้อยใช่ไหม! บอกไอ้คนที่นอนข้างๆมาทำงานด้วย ลาก่อนนังเมียน้อย!!” และเขาก็กดตัดสายทันทีเพราะรู้ว่าปลายสายจะตอบอะไร

     

     

     

     

              “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!~~~” เสียงกรี๊ดดังลั่นทำอีกคนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นแล้วรีบอุดหูทั้งสองข้างที่เกือบบอด หญิงสาวที่กำลังหน้าแดงโกรธจัดควันออกหูฉุยๆ

              “อะไรเนี่ย!” เจ้าของโทรศัพท์เห็นอีกคนถือโทรศัพท์เขาอยู่แล้วเอ่ยถาม หญิงสาวข้างกายเอามือบิดที่หูของเขาสุดแรง

              “โอ๊ยยยยย!!!~ เห่ยๆๆๆ อะไรเนี่ย บิดพี่ทำไม!!” มินจุนร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วเอามือเขายันหน้าหญิงสาวไว้

              “ก็อิตาเนี่ย! เนี่ยๆๆๆ! มันเป็นใครกล้าดียังไงมาน้องห๊า!!~” หญิงสาวเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งใส่หน้าพี่ชายตัวเอง ใช่แล้วหญิงสาวที่กดรับสายเป็นน้องสาวสายเลือดเดียวกันกับเจ้าของโทรศัพท์ มินจุนกดดูโทรศัพท์ว่าใครกันที่โทรมาเมื่อกี้นี้ก่อนจะยกยิ้มหัวเราะในลำคอ

              “มันบอกว่าน้องเป็นเมียน้อยพี่อ่ะ! แล้วมันก็บอกว่ามันเป็นเมียหลวง! อะไรกันเนี่ย!!! พี่มีเมียตั้งแต่เมื่อไร! น้องไม่ชอบ น้องไม่ชอบคนนี้!!!” น้องสาวสุดที่รักของเขาโวยวายใหญ่แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดแม้แต่น้อยในทางกลับกันเขาพอใจสุดๆ

              “มินจองน้องพี่อย่าหงุดหงิดไปเลยนะค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการเองค่ะ”

     

     


     

     

              เสียงเครื่องอบที่ดังเตือนอีกคนว่าตอนนี้ขนมที่อบในตู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว  ร่างเล็กในชุดเชฟกำลังสวมถุงมือแล้วไปหยิบถาดขนมอบออกมาวางไว้บนที่โต๊ะโล่งโดยมีตระแกรงลองอีกชั้นหนึ่ง ร่างเล็กจัดการถอดถุงมือออกแล้วเอื้อมมือไปหยิบขนมสูตรใหม่ขึ้นมาชิม

              “ร้อนนนน!!!~” ยังไม่ทันได้หยิบแค่แตะก็สะดุ้งโหยงๆ 

     

     

    ร่างสูงที่ค่อยๆย่องเดินเข้ามาในห้องครัวนัยน์ตาฉายแววความโรคจิตและหื่นกามเต็มกำลัง เขากำลังเดินย่องไปทางด้านหลังของร่างเล็กในห้องครัวแล้วก็...

     

    หมับ!~

              จับตูดเต็มมือ!

     

    เพี๊ยะ!!!~

             

              “...” คนโดนตบ

              “...” คนตบ

              “ตบทำไมอ่าเมียจ๋า!~~~” มินจุนเอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ หลังจากโดนมือเล็กๆนั่นตบเข้าอย่างจังที่แก้มของเขา

              “...”

              “ผัวจ๋าแค่อยากจะเย้าแหย่เองนะค่ะ เมียจ๋า!~

              “ใครเมียแก!!!” เสียงนิ่งขรึมดังของร่างเล็กฟังแล้วน่ารักชะมัดจากใจมินจุนเลย

              “ใครน๊า~ ที่บอกว่าเป็นเมียหลวง....เอ~

    ไอ้แววตากับสีหน้าของไอ้หน้ายาวมันช่างน่าเอาเท้าน้อยๆของร่างเล็กยันสักทีสองที

     

              “ย๊ากก!!~” ไม่ขาดคำ ร่างเล็กเต็มยกขาและเท้าเล็กๆ ยกยันหน้าแต่ถูกอีกคนคว้าขาได้ทันแล้วเอาหน้ายาวๆโผล่เหนือขาขึ้นมา

              “ไม่เอา~ ไม่ดี~ นี่ผัวนะจ๊ะ!~

              “ไอ้!!!

    แล้วสองคนก็ไล่ตีกันทั่วร้าน

     

    นี่ดีนะที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าสักคน ไม่อย่างนั้นลูกค้าต้องไม่เข้ามาอีกสักสามชาติเพราะไอ้ด้งมันหยิบมีดอีโต้จากไหนมาไม่ทราบคว้าไล่ฟันคนที่เขาเรียกว่า รุ่นพี่ อันน่านับถือทั่วทั้งร้านโดยที่เขาเองหรือนิคคุณก็ไม่คิดจะห้าม เพราะอะไรน่ะเหรอ....เดี๋ยวโดนลูกหลง ฮ่า!~

              “คุณ” ชานซองยืนชงกาแฟดื่มเองตรงเคาน์เตอร์เรียกชื่ออีกคนกำลังยืนตรงกระจกหน้าร้านมองบรรยากาศข้างนอกที่มีฝนโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน

              “หืม~

              “ขอโทษ”

              “อืม!~” นิคคุณหันไปหาอีกคนแล้วยิ้มรับ เพราะเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรจะให้เรียกง่ายๆก็หลีกเลี่ยงทำเป็นอารมณ์เสียเท่านั้นเอง ต้องโทษตัวเองที่เป็นคนโกหกไม่เป็น         

             

              “อ๊า!!~ ไอ้ชานช่วยด้วยยยยยยยยยย~~” เสียงโหยหวนของรุ่นพี่ดังมาจากหลังร้านเพราะโดนอีกคนคว้าผมทั้งหัวแล้วกระชากเต็มแรง ชานซองและนิคคุณหัวเราะกันเกลียว

     

     

     

     

     

              วันนี้อีกวันที่ชานซองจะต้องพลาดการไปส่งร่างบางที่บ้านเพราะอาจารย์ที่มหาลัยโทรนัดเรียกด่วนเลยต้องกลับก่อนปิดร้าน  แต่ก่อนออกไปตกปากรับคำอย่างดีกับมินจุนรุ่นพี่ ว่าจะเป็นอาสาไปส่งนิคคุณแทน  ส่วนเชฟมือทองก็ต้องกลับก่อนเนื่องจากมีปัญหาวุ่นๆที่มหาลัยก็ไม่แปลกเพราะแต่ละคนก็จะจบการศึกษากันแล้วย่อมยุ่งวุ่นๆเป็นธรรมดา

              “สามทุ่มครึ่งแล้ว~ ฝนยังไม่หยุดเลย เฮ้อ~” ว่าแล้วคนแก่กว่าก็คว้าบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสูบเพราะในร้านไม่มีลูกค้าสักรายแล้วก็คงจะไม่มีเข้ามาแล้วล่ะ

              “ระวังเป็นมะเร็งนะครับ” เสียงหวานเตือน

              “พี่ถึกจะตาย” ร่างบางยิ้มแล้วเตรียมเก็บร้านตามปกติ

              “ที่โรงแรมพอจะมีตำแหน่งว่างไหมครับ” ร่างบางเอ่ยถามอีกคนที่กำลังพ่นควันเหม็นๆออกมาจากปาก

              “อืมม ไม่แน่ใจน่ะต้องไปดูก่อน  ทำไม!จะไปทำงานกับพี่เหรอ” ร่างบางพยักหน้าแทนคำตอบ

              “ทำไมล่ะที่นี่สบายดีออก งานที่โรงแรมมันเหนื่อยนะ” เจ้าตัวก็ยังมิพ่นควันจนอีกคนเบ้หน้าใส่แล้วเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์เพื่อเก็บบัญชีต่างๆ

              “ผมอยากทำงานที่อื่นระหว่างรองานที่สมัครนะครับ” ร่างบางตอบอ่อยๆ มีหรือรุ่นพี่คนสนิทคนนี้จะดูไม่ออกว่าร่างบางรุ่นน้องสุดที่รักคิดอะไร

              “บอกมันไปตรงๆสิ เดี๋ยวมันก็เลิกยุ่งเองแหละ” นิคคุณก้มหน้ารับชะตากรรม

     

    ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าพ่อหนุ่มหน้าหวานน้องรักคนนี้คิดจะหนีหน้าไอ้หมีหื่นกามนั่น เขารู้มาตลอดว่าไอ้ชานซองรุ่นร้องอีกคนจะรู้สึกอย่างไรกับนิคคุณ นิคคุณผู้น่ารัก อ่อนหวาน อ่อนโยน ใจดี หาที่ติมิได้ ใครบ้างจะไม่หลงรัก ขนาดเขาเองตอนที่เรียนอยู่ด้วยกันยังคิดว่าจะจีบเลยแต่โดนไอ้ชานซองขวางสะก่อน

             

     

     

              “พี่ไม่ต้องส่งผมหรอก ผมกลับเองได้ ฝนหยุดตกแล้ว” หลังจากเก็บร้านเรียบร้อยแล้วมินจุนจะไปส่งเขาที่บ้านโดยรถส่วนตัวเขาแอบไปจอดไว้อีกมุมตึกหนึ่ง

              “อ่า ไม่ได้ๆๆๆ พี่รับปากมันไว้แล้วถ้ามันรู้พี่ตายอย่างเขียด!

              “ไม่ดีกว่าครับ บ้านผมใกล้แค่นี้เอง รุ่นพี่กลับพักเถอะครับ~” ร่างบางโค้งขอบคุณแล้วก็ไม่ยอมกลับกับอีกคน จนอีกคนใจอ่อนแล้วทิ้งร่างบางไว้คนเดียวที่หน้าร้าน ร่างบางจัดการล็อกประตูหน้าร้านเรียบร้อยก่อนจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ เพราะเข็ดกับการเดินในที่เปลี่ยวแล้วจริงๆ แต่แทนที่จะเป็นรถเมล์มาจอดกลับเป็นรถสปอร์ตหรูสีดำที่เขาเคยขึ้นมาเมื่อเช้านี้

              “ขึ้นมา!” เสียงเข้มออกคำสั่งให้ร่างบางที่ยืนอยู่ขึ้นมา

              “ขึ้นมาสิ! รักษาสัญญาหน่อย ภาระ!” เสียงเข้มออกคำสั่งอีกครั้งแต่คราวนี้ร่างบางยอมขึ้นรถแต่โดยดีเพราะคำว่า รักษาสัญญา จะเป็นสัญญาอะไรไปไม่ได้นอกจากสัญญาเมื่อเช้านี้

     

     

              “ผมชื่อนิคคุณนะครับ ไม่ใช่ภาระ!” ภายในรถเงียบงันระหว่างทางที่ร่างบางไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าของรถจะพาเขาไปไหน

              “ไม่จำเป็นหรอก! นายไม่ใช่คนสำคัญ!

     

    ไงล่ะนิคคุณโดนอีกดอกแล้วไหม...ไม่เคยจำเลย

     

              “จะพาผมไปไหนครับ” ร่างบางเอ่ยถาม

              “กลับบ้าน! ไม่ต้องถามฉันรู้ทาง!” ใช่นิคคุณกำลังจะเอ่ยปากถามแต่เอาเป็นว่าเจ้าของรถตอบเสร็จสรรพเพราะเขาไปสืบข้อมูลมาแล้ว

              “ฉันมาทวงสัญญาด้วย!” ระหว่างที่รอไฟแดงแทคยอนหันหน้ามาหาร่างบางอย่างเอาเรื่อง เหมือนกับว่าชาตินี้ฉันจะต้องได้ผลประโยชน์ถ้าไม่ได้ร่างบางต้องตายแน่

              “...”

              “เลิกยุ่งกับน้องชายฉันสะ! หายไปได้เลยยิ่งดี! ทำได้ใช่ไหม!

     

    เสียงเข้มเน้นตรงว่า หายไปได้ยิ่งดี  ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้เกลียดเขาเข้าไส้เลยสิน่ะ แต่ขอโทษผมเป็นคนไม่ใช่ผี ที่จะวาบไปวาบมา

             

              “ไม่ได้ครับ” คำตอบที่รับรองได้เลยว่าร่างบางตอบโดยไม่ต้องกลั่นกรองผ่านสมองเลยสักวิเดียว

              “ทำไม!” แล้วก็มีคำถามที่ไวกว่าสมองถามเสียงดัง อย่าเรียกว่าถามเลยตวาดดีๆนี่เอง

              “ผมกับชานซองรู้จักกันมานาน และเราก็เป็นเพื่อนสนิทกันจะมาแยกกันเพียงเพราะพี่เกลียดผมคงจะไม่ได้หรอกครับ” สิ่งที่ร่างบางพูดออกไปมันคือความจริง ไม่รู้ว่าอีกคนจะฟังเขารึเปล่า

              “เพื่อนสนิท!? อย่ามาเรียกฉันว่าพี่!

              “...” เสียงเข้มตอกกลับด้วยความโมโห เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ว่าแทคยอนคนนี้ไม่ได้ฟังเจตนาที่เขาพูดสักนิดเอาแต่จับผิดเขาต่างหาก

              “ทำไม่ได้ก็ลงไป! ฉันจะมาทวงทีหลัง! ลงไปเส้!!!” ร่างบางจะทำอะไรได้เล่านอกจากลงจากรถท่ามกลางรถอีกมากมายที่จอดเรียงรายรอสัญญาณเต็มไปหมด พอปิดประตูเท่านั้นแหละ สัญญาณไฟก็ขึ้นสีเขียวกลั่นแกล้งเขาทันที รถที่จอดรอสัญญาณไฟต่างกุลีกุจอขับออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงบีบแตรดังแล้วดังอีกเพื่อไล่เขาให้พ้นทางถนน แล้วเจ้ากรรมฝนที่หยุดตกมาพักนึงแล้วกลับตกโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน

              “ฉันเกลียดนาย”

     

     

     


     

     

    สามีภรรยา ฮิ๊ววว~~~  ผัวจ๋าเมียจ๋า~

     

    รัก รัก รัก รัก แทคคุณ =_=+++

     

             

             

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×