คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #75 : [Moment] เมื่อสุมิเระเข้าโรงพยาบาล
เมื่อสุมิเระเข้าโรงพยาบาล
24 สิงหาคม 2014
14.25 น.
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในย่านมินาโตะ
(Sumire’s Part)
ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ด...
“อื้อ~” ฉันซึ่งอยู่ในชุดนอนคนไข้สีฟ้าค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่มีสีขาวล้วน ได้กลิ่นแอลกอฮอล์เต็มไปหมด และพอยกมือข้างซ้ายขึ้นมาก็พบว่ามีสายน้ำเกลือเจาะไว้อยู่ แล้วก็เหมือนมีคนอยู่ในห้องประมาณสองคนอีกด้วย
เสียงแบบนี้? ถุงน้ำเกลือ? สายระโยงระยางแบบนี้? นี่ฉันกำลังอยู่ในโรงพยาบาลสินะ...
ฉันจำได้ว่าหลังจากคอนเสิร์ตจบ ฉันก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็หน้ามืดต่อหน้าทุกคนลงไป...แต่เอ๊ะ? ใครพาฉันมาที่นี่กันนะ
“ตื่นแล้วเหรอครับพี่สาว...” มิตสึโอะทักฉัน
“อืม...ตื่นแล้ว” ฉันทำหน้างัวเงียใส่มิตสึโอะ
“เป็นยังไงบ้าง ไหวไหม” มิตสึโอะถามฉัน
“ยังปวดหัวอยู่เลย ปวดมากเลยด้วย” ฉันพูดพร้อมลูบหัวของตัวเอง “ผู้หญิงผมทองที่ยืนอยู่ข้างๆนายคือใครอ่ะ”
“อ๊ะ ผู้หญิงผมทองคนนี้ชื่อเซกินะครับ เป็นสตาฟของ SL5” มิตสึโอะแนะนำ ‘เซกิ’ หนึ่งในสตาฟของรายการให้รู้จัก
“สวัสดีค่ะ” ฉันก้มหัวให้เซกิอย่างสุภาพ
“ดีจ้า~” เซกิยกมือระดับไหล่และทักฉันด้วยน้ำเสียงสดใส
“มิตสึโอะ... เซกิซัง... ทั้งสองคนมาเยี่ยมฉันนานรึยัง หรือว่าเพิ่งมา” ฉันทักทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงอย่างเหนื่อยๆ
“มิตคุงน่ะมาเยี่ยมเธอตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ มาพร้อมกับคาเรนและอาโออิ แล้วทั้งสองก็กลับไปแล้ว ส่วนฉันก็เพิ่งมาได้สักชั่วโมงหนึ่งแล้วล่ะ” พูดจบเซกิก็ยื่นโพสต์อิทสีเหลืองสอบใบมาให้ฉันด้วย “นี่ข้อความจากสองคนนั้น ลองอ่านดูนะ”
‘ฉันรู้สึกใจไม่ดีเลยที่เห็นน้องสาวสุดที่รักมาล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้ ดูแลสุขภาพกายและจิตใจให้ดีด้วย ยังไงก็หายไวๆนะซูจัง♥ - คาเรน’
‘หายไวๆนะที่รัก เลิฟยู จุ๊บ♥ - อาโออิ’
“ขอบคุณนะทั้งสองคน...” ฉันยิ้มมุมปากให้กับโพสต์อิทของคาเรนกับอาโออิ “ว่าแต่ เซกิซังเป็นคนพาฉันมาที่นี่เหรอ”
“ใช่แล้วจ้ะ สตาฟคนอื่นๆด้วย รู้ไหม ตอนที่คิโนะจังเห็นเธอหน้ามืดลงไปน่ะ เจ้าตัวถึงกับร้องไห้อย่างหนักเลยนะ แล้วเธอก็รีบขึ้นรถตู้ทันที โดยฟูกะก็รีบขึ้นรถตู้ตามเธอด้วย” เซกิถอนหายใจก่อนที่จะพูดต่อ “แล้วก็นะ ตอนที่สตาฟมาส่งเธอที่โรงพยาบาลน่ะ โทโมมิซังกับโคตะคุงก็รีบมาที่นี่ทันทีอีกด้วย”
คิโนะจัง? มิ้นท์สินะ
มิ้นท์...เธอร้องไห้หนักขนาดนั้นเลยเหรอ
ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกแย่นะมิ้นท์...
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันทำตาโตใส่เซกิ
“จ้ะ” เซกิตอบฉันด้วยเพียงแค่คำสั้นๆ
“พี่ครับ...” มิตสึโอะจับมือซ้ายของฉัน “ตอนที่ผมรู้ว่าพี่หมดสติล้มลงไปน่ะ ผมเองก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันนะ”
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันป่วย” ฉันถามมิตสึโอะ
“ก็ผมอยู่หน้าคอนไงครับ แล้วอยู่ดีๆก็มีรถพยาบาลด้วย ผมก็สงสัย เอ๊ะ มีใครป่วยหรือเปล่า ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น ผมก็เลยถามสตาฟซังว่า คนที่นอนอยู่นี่ใครเหรอครับ สตาฟซังก็เลยตอบกลับผมว่า พี่สาวนายเองแหละ ผมก็อึ้งไปนิดหน่อย ใช่พี่สุมิเระจริงๆเหรอ อืม...ผมรู้ครับว่าคอนเสิร์ตในวีคนี้คือเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ไม่ต้องเครียดจนต้องล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลแบบนี้เลยนี่ คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ผมเป็นห่วง...รู้ไหม”
ขอบคุณนะมิตสึโอะ...นายทำให้อาการปวดหัวของฉันทุเลาลงมากเลยนะ
ก็จริงอย่างที่มิตสึโอะบอกอ่ะนะ วีคนี้เป็นโจทย์เพลงเปลี่ยนแปลงตัวเอง ได้ร้องเพลงที่ไม่ใช่แนวที่ตนเองถนัดก็ต้องเครียดกันบ้างล่ะ
“อ๋อ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง” ฉันพูด
“เออนี่ ทั้งสองคน ฉันขอตัวก่อนนะ” เซกิลุกขึ้นยืน
“ไปดีมาดีนะเซกิซัง ขอบคุณที่มาส่งฉันนะ” ฉันโบกมือให้เซกิ
“จ้า~ หายไวๆด้วยนะซูจัง ทุกคนรอเธออยู่” จากนั้นเซกิก็เดินมาจุ๊บหน้าผากของฉันอย่างอ่อนโยน
มิตสึโอะเองก็โบกมือให้เซกิด้วย
“โชคดีนะครับเซกิซัง”
“มิตสึโอะ” ฉันจับมือซ้ายของเขา
มือของหมอนี่นุ่มอย่างกับนมช็อกโกแลตเลยนะจะบอกให้!
“นายพอรู้ไหมว่าฉันเป็นอะไร ทำไมฉันถึงปวดหัวมากขนาดนี้ล่ะ...” ฉันพูดพร้อมจับหัวของตัวเองอีกครั้ง
นี่ฉันปวดหัวมากจริงๆนะ เหมือนมีใครเอาก้อนหินมาแบกไว้บนหัวยังไงอย่างนั้นเลย แถมยังปวดตาข้างซ้ายอีก
อันที่จริงฉันก็รู้สึกปวดหัวมาตั้งแต่ตอนที่โชว์เมื่อคืนแล้วล่ะ ตรงท่อน ‘Lady Marmalade~~~’ ตอนท้ายๆที่ขึ้นเสียงสูงน่ะ ทำฉันปวดหัวจี๊ดกลางคอนเสิร์ตเลย แต่ฉันก็สามารถแสดงโชว์จนจบได้ พอลงไปหลังเวทีแล้วฉันก็หลับไปสักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลย แล้วอาการก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่พวกเราจะกลับบ้านนี่แหละ
“ถ้าผมบอกว่าพี่เป็นอะไร พี่จะยอมรับได้หรือเปล่า”
“ยอมรับได้อยู่แล้วล่ะ”
บอกมาเลยว่ามิตสึโอะว่าฉันเป็นอะไร ฉันอยากรู้จริงๆนะ
“พี่น่ะเป็น...” มิตสึโอะยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเสียก่อน
ก๊อก! ก๊อก!
และผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดพยาบาลสีขาวสะอาดตาพร้อมอาหารประมาณสองสามอย่างและยาเม็ดสองถุงเล็กก็เดินเข้ามาในห้องพอดี
“ซูจังฟื้นแล้วเหรอ อาการเป็นอย่างไรบ้าง” พอคุณพยาบาลวางอาหารและยาบนที่วางของสีครีม (คงจะประมาณนี้แหละ ก็ฉันไม่เคยนอนในโรงพยาบาลนี่นา) เสร็จ ก็ถามอาการของฉันอย่างอ่อนโยนด้วย
คุณพยาบาลคนนี้น่ารักมากๆเลยนะ หน้าก็เด็ก อายุก็ไม่น่าจะถึงยี่สิบห้าปี แถมเรียกฉันอย่างสนิทสนมอีก เรียกฉันว่าซูจังด้วย เขิน~
“อาการของฉัน...” ฉันยังพูดไม่จบ มิตสึโอะก็มาแย่งพูดเสียก่อน
“ถ้าเทียบกับเมื่อเช้า อาการของพี่สุมิเระก็ถือว่าดีขึ้นตามลำดับแล้วล่ะครับเอริกะซัง แต่ตอนที่เจ้าตัวฟื้นขึ้นมา พี่เขาก็ยังบอกว่าปวดหัวมากอยู่” มิตสึโอะบรรยายอาการปวดหัวของฉันให้ ‘เอริกะ’ ฟัง
“อื้ม...ยินดีด้วยนะ ที่อาการดีขึ้น ซูจังรู้อะไรไหม เมื่อคืนที่ผ่านมา ตอนที่เธอเป็นลมน่ะ ได้ออกอากาศผ่านยูทูปด้วยนะ เพราะเมื่อคืนนี่แหละทำให้แฟนๆรู้ว่าเธอป่วย” เอริกะยิ้มแบบเศร้าๆใส่ฉัน
ห๊ะ? ตอนที่ฉันเป็นลมก็ถูกออกอากาศผ่านช่องยูทูปของ Singing Ladies ด้วยเหรอเนี่ย
“จริงเหรอคะ” ฉันทำตาโตใส่เอริกะ
“จริงสิ มีแฮชแท็กผ่านทวิตเตอร์ด้วยนะ” จากนั้นเอริกะก็เปิดทวิตเตอร์ผ่านไอโฟนของเธอ
‘#GetWellSoonSuuchan’
ฉันรู้สึกเขินเบาๆกับแฮชแท็กนี้ พอเอริกะกดเข้าไปดูก็มีทวิตให้กำลังใจฉันเพียบเลย ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะที่เป็นห่วง
“ผมเชื่อว่าถ้าพี่สุมิเระเห็นแท็กนี้แล้วจะรู้สึกดีขึ้นแน่นอนครับ” พอมิตสึโอะพูดจบ เขาก็เม้มปากแบบน่ารัก (และหมั่นเขี้ยว) พร้อมชูกำปั้นข้างซ้ายเพื่อเป็นกำลังใจให้ฉันด้วย
“รู้สึกดีอยู่แล้วแหละ” ฉันยิ้มน้อยๆให้กับทั้งสองคน
“อ๊ะ...” เอริกะทำตาโตเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกได้บางอย่าง “ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ฉันชื่อโฮชิโนะ เอริกะนะ เรียกว่าเอริกะเฉยๆก็ได้ เป็นพยาบาลของที่นี่จ้ะ ฉันน่ะ ไม่ได้เป็นแค่พยาบาลอย่างเดียวนะ แต่เป็นหมอควบคู่ไปด้วย”
“เอริกะซังควบสองอาชีพเลยเหรอเนี่ย สุดยอดจริงๆ” ฉันยกนิ้วโป้งให้เอริกะ
“แน่นอนสิ แต่ฉันทำงานด้านพยาบาลมากกว่านะ จริงๆน่ะ ฉันอยากเป็นหมอ แต่หมอเรียนหนักมาก ก็เลยตัดสินใจเลือกที่จะเรียนทางด้านพยาบาลดีกว่า แม้งานจะหนักพอๆกันก็เถอะ” เอริกะยิ้ม “จะบอกอะไรให้นะ ฉันน่ะรู้จักกับอายะด้วยแหละ”
“อายะ? ไซโต้ อายะที่เป็นพี่ใหญ่ของ SL5 เหรอคะเอริกะซัง” ฉันถามเอริกะ
“ใช่แล้วจ้า”
“แล้วเอริกะซังกับอายะซังรู้จักกันได้อย่างไรครับ หรือว่าอายะซังเรียนคณะเดียวกับคุณ?” มิตสึโอะก็ถามเอริกะบ้าง
“ไม่ใช่แล้วล่ะมิตคุง อายะเรียนศิลปกรรมศาสตร์ ส่วนฉันเรียนพยาบาล ที่เราสองคนรู้จักกันได้เพราะ...โชคชะตามั้ง” พอเอริกะพูดจบ เธอก็บิดตัวเล็กน้อยด้วย
ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ยว่าอายะกับเอริกะก็รู้จักกันด้วย บุคลิกของสองคนนี้ต่างกันสุดๆไปเลย อายะจะดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ดูหยิ่งนิดๆ ส่วนเอริกะก็จะเป็นคนเรียบร้อย ใจดี มีความเป็นจิตอาสาสูง
“สรุปว่าเอริกะซังสนิทกับอายะซังมาตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันใช่ไหม” ฉันถามเอริกะ
“ใช่จ้า อย่างที่บอกแหละ มันเป็นโชคชะตาที่ฉันได้เจอกับอายะจริงๆ ยัยนั่นน่ะนิสัยดีมากๆเลยนะ เฟรนด์ลี่ด้วย แม้ภายนอกจะดูร้ายๆ หยิ่งๆก็ตามที ฮ่าๆ” เอริกะตอบฉัน
ตอนแรกฉันก็คิดเหมือนเอริกะ ตอนที่ฉันเห็นอายะครั้งแรก ฉันถึงกับไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป เพราะลักษณะท่าทางของพี่แกจะดูนิสัยไม่ดีมาก แต่พอได้รู้จักกัน ทำให้ฉันมองอายะในแง่ดีมากขึ้นเลยล่ะ
“เอริกะซัง” ฉันเรียกเอริกะด้วยน้ำเสียงอย่างจริงจัง
“มีอะไรจ๊ะ?” เอริกะหันมามองฉันด้วยงงๆ
“เอริกะซังพอจะรู้ไหมว่าฉันเป็นอะไร”
“ซูจัง...” พอเอริกะเห็นฉันทำหน้ากังวลใจ เธอก็ลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยนทันที “เธอป่วยเป็นไมเกรนนะ”
มะ...ไมเกรน? นี่ฉันป่วยเป็นโรคไมเกรนอย่างงั้นเหรอ?
ฉันคิดเอาไว้ไม่ผิดเลย อาการปวดหัวมากๆข้างเดียวพร้อมปวดตาแบบนี้ ไมเกรนแน่นอน!
ฉันเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้เหมือนกันนะ แต่ส่วนมากคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ไม่มีการรักษาให้หายขาดนี่ นี่อย่าบอกนะว่า...
“แต่เธอไม่ต้องห่วงนะ โรคนี้มีทางรักษาให้หายแน่นอน แค่นอนพักผ่อนเยอะๆ อย่าเครียด และหลีกเลี่ยงอาหารที่จะไปกระตุ้นอาการให้มันกำเริบขึ้นมาอีก อย่างเช่น ของหวาน พวกคาเฟอีน อาหารแปรรูปอย่างไส้กรอก ประมาณนี้” เอริกะอธิบายวิธีการรักษาไมเกรนให้หายขาดให้ฉันและมิตสึโอะฟัง
เฮ้อ ค่อยสบายใจหน่อย สรุปว่าแค่นอนเยอะๆและอย่าเครียดสินะ
“ขะ...ของหวานด้วยเหรอ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเสียดาย “จะให้ฉันหยุดกินของหวานอย่างถาวรเลยเหรอเอริกะซัง ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“จะ...ใจเย็นๆนะซูจัง ฉันไม่ได้จะให้เธอหยุดกินของหวานอย่างถาวรสักหน่อย” เอริกะจับไหล่ทั้งสองข้างของฉัน “ของหวานน่ะกินได้ แต่กินให้น้อยลง”
“ค่อยยังชั่ว~” ฉันเอามือทาบอก
เฮ้อ นึกว่าจะไม่ได้กินของหวานอย่างถาวรซะแล้ว...
“ฉันเห็นซูจังตอนซ้อมด้วยนะ เห็นเธอหน้ามืดเป็นลมบ่อยมาก” เอริกะมองฉันอย่างเป็นกังวล “ยังไงก็ดูแลสุขภาพให้ดีๆด้วยนะ แล้วก็หายไวๆนะ สาวๆ SL5 คิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้ว ส่วนตัวฉันเองขอตัวไปดูแลคนไข้คนอื่นก่อนนะ ฝากบอกอายะด้วยนะว่าคิดถึง♥“ จากนั้นเธอก็ทำมือรูปหัวใจใส่ฉันและมิตสึโอะด้วย
เอริกะออกจากห้องนี้ไปแล้ว...
ฉันรู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ร่างกายของฉันอ่อนเพลียอย่างมากถึงมากที่สุด เหมือนตาจะพร่ามัวด้วย แขนขาของฉันก็รู้สึกชาไปหมด...
“มิตสึโอะ ฉันนอนก่อนนะ ฉันเพลียมากจริงๆ ถ้ามีใครไลน์มาหาฉัน นายก็ช่วยตอบแทนฉันไปก่อนละกัน“ พูดจบฉันก็ล้มตัวนอนลงแล้วหลับตาไปในทันที
อย่าเพิ่งมีใครมาเยี่ยมฉันในตอนนี้นะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะทำอะไรทั้งนั้นล่ะ
16.10 น.
ก๊อก! ก๊อก!
หลังจากที่ฉันและมิตสึโอะ (ที่เผลอหลับและจับมือข้างซ้ายของฉันที่เจาะน้ำเกลือไว้อยู่นั้นตั้งแต่ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้) นอนหลับไปสักพักก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงเคาะประตูจากใครคนหนึ่งอย่างงัวเงียแบบบอกไม่ถูก
แต่อาการก็เริ่มดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้วล่ะนะ จากที่ฟื้นขึ้นมาตอนแรกๆนั้นปวดหัวแบบสุดๆไปเลย
“มิตสึโอะไปเปิดประตูให้หน่อย” ฉันสั่งให้มิตสึโอะไปเปิดประตูขณะที่ตัวฉันกำลังนอนอยู่บนเตียง
ก๊อก! ก๊อก!
“เปิดประตูให้หน่อย” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่เคาะประตูอยู่หน้าห้องก็ดังขึ้นมา
จากนั้นมิตสึโอะก็เปิดประตูให้ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง
และผู้หญิงคนนั้นที่เดินเข้ามาในห้องก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เพื่อนสนิทของฉันเองแหละ
“ซูจัง มิตจัง สวัสดีจ้า~” โยชิโนะเดินเข้ามาในห้องพร้อมอาหารและผลไม้ประมาณสี่ถุงใหญ่ทักทายพวกเราสองคนด้วยน้ำเสียงอันสดใส
อ๊ะ! ขอแนะนำเพื่อนของฉันให้ทุกคนรู้จักกันนะคะ เธอคนนี้มีชื่อว่า ‘ฮิบิกิ โยชิโนะ’ ค่ะ (จะเรียกว่า ‘โยชิกิ’ หรือ ‘โยชิโนยะ’ ก็ได้ไม่ว่ากัน ฮ่าๆ) ฉันสนิทกับเธอมาตั้งแต่มัธยมต้นปีที่หนึ่งแล้วล่ะ เธอเป็นคนที่เฟรนด์ลี่มากๆเลยนะ เฟรนด์ลี่จนบ้า ฮ่าๆ
จุดเด่นของโยชิโนะก็คือ มีหน้าตาที่เหมือน ไอบะ มาซากิ วงอาราชิอย่างไปกับโคลนนิ่งมาอย่างมาก (ถ้าฉันคือร่างโคลนนิ่งของซากุไร โช เธอก็คือร่างโคลนนิ่งของไอบะ มาซากิเช่นนั้น ฮ่าๆ) มีนิสัยที่ขี้เล่น มองโลกในแง่ดีสม่ำเสมอ แต่เธอก็ยังมีความหลังกับ ‘สายน้ำเกลือ’ ที่จำฝังใจอย่างไม่มีวันลืม...
นอกจากนั้น โยชิโนะก็ยังมีความสูงมากถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตรเชียวนะ! สูงยาวเข่าดีแบบนี้ไปเป็นนางแบบได้สบายเลย หน้าก็เก๋ด้วย (แต่ในสายตาฉัน เธอคือ ‘นางแบบสติเฟื่อง’ นะ ฮ่าๆ)
“สวัสดีครับโยชิโนะซัง~” มิตสึโอะโบกมือทักทายโยชิโนะด้วยน้ำเสียงอันสดใส
พอจบคำทักทายของมิตสึโอะปุ๊บ โยชิโนะก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วยทันที
“เป็นยังไงบ้างเนี่ย” โยชิโนะจับมือซ้ายพร้อมลูบหัวของฉันอย่างเอ็นดู
“แก ฉันเป็นไมเกรนอ่ะ” ฉันตอบโยชิโนะไปตามความจริง
“ไมเกรน!?” โยชิโนะทำหน้าตกใจ “เฮ้ย โรคนี้มันร้ายแรงมากๆเลยนะเนี่ย”
“เออดิ” ฉันทำหน้าอมทุกข์ใส่โยชิโนะ
โยชิโนะถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ
“ก็แกมัวแต่เครียดแบบนี้ไง ไมเกรนถึงได้ถามหาเนี่ย”
“แกอย่าตอกย้ำกันดิ” ฉันก็ยังทำหน้าเครียดต่อไป
“ตอกย้ำกันที่ไหนล่ะ แต่ช่วงนี้แกก็ชอบทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้เป็นประจำเลย อย่าเครียดเลย โชว์ก็จบลงไปแล้วแกจะเครียดอะไรอีก เฮ้อ...” โยชิโนะถอนหายใจ
“แต่ตอนนี้อาการก็เริ่มดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้วล่ะ” ฉันยิ้มบางๆ
“ก็ดีแล้วนี่” โยชิโนะยิ้ม “เออนี่ ฉันซื้อแอปเปิ้ลมาให้แกหลายๆลูกเลยนะ กินผักผลไม้เยอะๆ จะได้หายป่วย” จากนั้นเธอก็ขยี้หัวของฉันด้วย
โยชิโนะเนี่ย เป็นคนที่ชอบเทคแคร์คนอื่นแบบสุดโต่งตลอดเลย มีใครป่วยก็เริ่มวิตกกังวลแล้วล่ะ
“อื้ม ขอบคุณนะสำหรับแอปเปิ้ล” ฉันรับแอปเปิ้ลสีเขียวจากมือของโยชิโนะมากิน
“เห็นแกอารมณ์ดีแล้วฉันก็มีความสุขแล้วล่ะ” โยชิโนะยิ้ม
จากนั้นสายตาของโยชิโนะก็เหลือบมองไปที่สายน้ำเกลือบนมือซ้ายของฉันพอดี
“แก...” โยชิโนะทำหน้าเศร้า
อ้าว อยู่ดีๆโยชิโนะก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมาซะอย่างงั้น เป็นอะไรของเธอกันเนี่ย
“มีอะไรเหรอ” ฉันถามพร้อมกินแอปเปิ้ลไปพลางๆ
“เวลาที่แกเจาะน้ำเกลือ แกรู้สึกเจ็บบ้างรึเปล่า” โยชิโนะถามฉันด้วยน้ำเสียงอย่างเศร้าๆ
“ก็ไม่เจ็บนะ ฉันไม่ได้รู้สึกเลยว่าเจ็บหรือไม่เจ็บ ก็ฉันหมดสติไปนี่นา ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย”
“เอ่อ ลืมไปว่าแกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงหมดสติลงไปนี่นา ถึงว่าสิเวลาเจาะน้ำเกลือแล้วไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ตอนถอดออกนี่ก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ตอนที่ฉันโดนถอดสายน้ำเกลือนะ ถึงกับกริ๊ดลั่นห้องกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ” โยชิโนะกลับมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง
ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ยัยนี่มีความหลังกับสายน้ำเกลือ เธอเล่าให้ฉันฟังว่าตอนที่เจาะสายน้ำเกลือเข้าไป เธอรู้สึกเจ็บมาก ตอนถอดออกก็ไม่ต่างกัน จากนั้นเธอก็ทำตัวสุขภาพให้แข็งแรงสม่ำเสมอ จะได้ไม่ต้องมานอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอีก
“จริงเหรอ” ฉันสงสัย
“เออ ตอนแกจะถอดสายน้ำเกลือก็คงจะรู้สึกเจ็บเหมือนฉันนั่นแหละ” โยชิโนะยิ้มบางๆให้ฉัน
“แล้วคิดยังไงถึงมาเยี่ยมฉันในเวลานี้เนี่ย” ฉันถามโยชิโนะ
“เอ๊ะ ยัยนี่ ถามอะไรแปลกๆ” โยชิโนะส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อ “เมื่อวานฉันไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ต SL5 ที่นิปปอนบูโดกันมาหรอกนะ แต่ดูที่บ้านแทน พอคอนเสิร์ตจบก็หลับเลย แล้ววันนี้ก็เจอกับแฮชแท็กเกี่ยวกับแกในทวิตเตอร์พอดี ฉันก็เลยไปถามโทโมะซังในไลน์ว่าเกิดอะไรขึ้นกันซูจัง โทโมะซังก็เลยไลน์กลับมาว่าแกอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่ฉันรู้นะ ฉันโคตรช็อคเลยอ่ะ ฉันกังวลมากและกลัวว่าแกจะเป็นโรคร้ายแรง แล้วที่ฉันมาเวลานี้ เพราะว่าฉันว่างและฉันเป็นห่วงแกมาก และที่ฉันซื้อพวกแอปเปิ้ลมาเนี่ย เพราะฉันรู้ว่าแกชอบกินแอปเปิ้ลนะก็เลยซื้อมา ซื้อเผื่อมิตจังด้วย รู้ไหม แกทำให้ทุกคนเป็นห่วงแกมาก ตอนนี้บ้าน SL5 ก็ดูเงียบจนผิดปกติ มิ้นท์จัง เอ่อ ไม่สิ ทุกคนก็ยังไม่หายนอยด์เรื่องแก เรื่องทั้งหมดนี้เพราะเกิดขึ้นจากแกคนเดียวนะ”
วันนี้บ้าน SL5 เงียบมากเลยเหรอ...
ปกติแล้วทุกวันอาทิตย์ในเวลานี้พวกเราก็จะเตรียมตัวดูรีรันคอนเสิร์ตในวันเสาร์แล้วนะ หรือบางคนก็นั่งเล่นกันอยู่
“แน่ะ! ทำหน้าเครียดอีกแล้ว ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเครียด! อารมณ์ดีหน่อยสิ ยิ้มสิยิ้มมมม” พอโยชิโนะเห็นฉันทำหน้าตึงเครียดอีกขึ้น เธอก็ดึงแก้มยุ้ยๆทั้งสองข้างของฉันอย่างเอ็นดู
อ่ะ! ฉันยิ้มก็ได้! เฮ้อ ยัยเพื่อนบ้าเอ๊ย...
“ดีมาก~” โยชิโนะปรบมือเมื่อเห็นฉันยิ้มแล้ว “โชว์ของแกในเมื่อคืนที่ผ่านมา สุดยอดไปเลย! ไม่คิดเลยนะว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นแกในลุคนี้ด้วย เซ็กซี่มากกกกกก” จากนั้นเธอก็ทำหน้าฟินใส่ฉันด้วย
“ใช่ๆ เมื่อวานนี้พี่สุมิเระสวยมากเลยนะ ตอนที่พี่ปรากฏตัวบนเวทีในลุคแบบนั้นน่ะ ผมอึ้งไปเลย” มิตสึโอะที่นั่งเล่นเกมบนไอโฟนแบบเงียบๆไปนานก็ออกผสมโรงกับเขาบ้าง
ฉันเองก็ยิ้มบางๆให้กับมิตสึโอะด้วย น้องชายใครก็ไม่รู้บ้ายอจริงๆ
“แกไม่ดีใจเหรอ ฟีดแบ็กของแกดีมากเลยนะ มีแต่คนชมว่าเซ็กซี่อย่างนั้น น่ารักอย่างนี้” โยชิโนะจับไหล่ข้างขวาของฉัน
“ก็ดีใจนะ” ฉันตอบกลับแบบส่งๆพร้อมเอามือซ้ายของตัวเองปัดมือของโยชิโนะออกจากไหล่ขวาของตัวเอง
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูจากข้างนอกพอดี
ก๊อก! ก๊อก!
“เดี๋ยวฉันเข้าไปนะ” เสียงใสๆผสมกับห้าวนิดๆที่คุ้นเคยส่งสัญญาณให้ว่ากำลังจะเข้าไปในห้องแล้ว และเสียงนี้ก็ไม่ใช่เสียงของใครอื่น นานะนั่นเอง
นานะมากับใครเนี่ย มิจิโกะ? เคนอิจิ พี่ชายของเธอ? หรือมาเยี่ยมฉันคนเดียวหว่า?
และเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆด้วย! นานะเดินเข้ามาในห้องกับมิจิโกะพร้อมถือกล่องอาหารมาสามกล่องด้วย
“ซูจัง เป็นยังไงบ้างเนี่ย” นานะเดินเข้ามาใกล้ที่เตียงผู้ป่วย
“กะ..ก็ดีมากขึ้นเรื่อยๆแล้วล่ะ” ฉันยิ้มบางๆให้กับนานะ
นานะกับมิจิโกะก็ลงทุนมาเยี่ยมฉันถึงโรงพยาบาลแล้ว นี่ถ้ามิ้นท์มาอีกคนก็จะครบแก๊ง Mission G Project พอดีเลยนะ
ฉันเองก็อยากเจอมิ้นท์ ไม่สิ! อยากเจอทุกคนมากๆเลยนะ
ฉันเองก็รู้สึกได้ว่าทุกคนก็อยากเจอฉันเหมือนกัน...
“มิตคุงหวัดดี” มิจิโกะยกมือซ้ายระดับอกทักทายมิตสึโอะก่อนจะเดินมาตรงที่เตียงผู้ป่วย
มิตสึโอะหันหน้ามายิ้มให้มิจิโกะด้วย
“เป็นยังไงบ้าง” มิจิโกะกุมมือซ้ายของฉันอย่างอ่อนโยน
“ก็ดีไปตามลำดับอ่ะนะ ทุกคนไม่ต้องห่วง” ฉันยิ้มบางๆ
“ว่าแต่ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนี้คือใครอ่ะ” นานะชี้ไปที่โยชิโนะที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ
“อ้อ! คนนี้เพื่อนของฉันเอง ชื่อโยชิโนะ เรียกสั้นๆว่าโยชิก็ได้” ฉันชี้ไปที่โยชิโนะเพื่อแนะนำให้นานะกับมิจิโกะฟัง
“หวัดดีจ้า~” โยชิโนะยิ้มให้นานะกับมิจิโกะ
“อ่า...หวัดดีๆ” นานะทักทายโยชิโนะแบบงงๆ
“โยชิซัง สวัสดีค่ะ” มิจิโกะโค้งตัวให้โยชิโนะ
“มารยาทดีเสมอต้นเสมอปลายเลยนะมิตจี้” โยชิโนะเอามือเรียวยาวของเธอลูบหัวมิจิโกะอย่างเอ็นดู
“ฉันก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะโยชิซัง จะว่าไปแล้วพี่ก็หน้าเหมือนไอบะมากๆเลยนะเนี่ย” มิจิโกะยิ้ม
โยชิโนะยิ้มให้มิจิโกะเป็นการตอบกลับก่อนที่จะพูดต่อ
“ฮ่าๆๆๆๆ” มิตจี้ก็พูดถูกนะ ถ้ายัยนี่คือร่างโคลนนิ่งของพี่โช ฉันก็คือร่างโคลนนิ่งของไอบะเช่นนั้น” โยชิโนะชี้มาที่ฉัน
อ๊ะ! ฉันลืมบอกไปอย่างนึง เรื่องที่ฉันมีเพื่อนสนิทอย่างโยชิโนะนั้น ทุกคนในบ้านยังไม่รู้เรื่องนี้นะ ถ้าฉันได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ฉันจะเล่าเรื่องของยัยนี่ให้ทุกคนฟังเอง ฉันสัญญา! (ยูมิเตรียมตัวฟินได้เลย ฮ่าๆ)
“หูยยยย” มิจิโกะกับนานะอิจฉาตาร้อนกับเพื่อนสนิทของฉัน
“มีเพื่อนแซ่บขนาดนี้ทำไมไม่บอกกันก่อน~!” นานะเอามือซ้ายของเธอมาตีไหล่ซ้ายของฉันอย่างรุนแรง ทำเอาอาการชาของฉันกลับมากำเริบอีกครั้ง
แปร๊บ!
“โอ๊ยยยยยย” ฉันจับไหล่ซ้ายของตัวเองพร้อมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยนานะ ฉันเจ็บและชาไปทั้งซีกซ้ายหมดแล้วนะ!
“ซูจัง ฉันขอโทษ” นานะทำหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนที่จะเข้ามากอดฉัน “เมื่อกี้ฉันมือหนักไปหน่อย ไม่ว่ากันใช่ไหม...” เธอก็ลูบไหล่ซ้ายของฉันอย่างเบาๆด้วย
“มันกำเริบอีกแล้ว...” ฉันพูดเบาๆ
“ห้ะ!? อะไรกำเริบอ่ะ” นานะตกใจ
“อาการชาทั้งซีกซ้ายของฉันมันกลับมากำเริบอีกครั้งน่ะสิ เพราะเธอมาตีไหล่ฉันแท้ๆเลยนานะเอ๊ย!” ฉันขึ้นเสียงใส่นานะ
มันเจ็บจริงๆนะ
“เฮ้ย แล้วเป็นอะไรมากไหม” นานะทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าฉัน
พอฉันเห็นนานะคุกเข่าต่อหน้าตัวเองแล้ว ทำไมน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยเนี่ย
“มันทั้งเจ็บทั้งชามากๆเลยน่ะสิ” ฉันพูดพร้อมจับไหล่ซ้ายของตัวเองไปด้วย
“ไม่ร้องไห้ดิ” โยชิโนะโผเข้ามากอดฉันด้วยความอ่อนโยน
“ให้อภัยฉันเถอะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” นานะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันไม่โกรธเธอหรอกนะนานะ และฉันก็ไม่เอาความเธอด้วย” ฉันพยายามเอามือซ้ายของตัวเองไปลูบหัวนานะ
“ไม่โกรธฉันจริงๆใช่ไหม” นานะพูดเหมือนรอความหวังจากฉัน
“อื้ม! ฉันไม่โกรธเธอจริงๆนะ” ฉันยืนยันคำตอบว่าตัวเองไม่ได้โกรธนานะจริงๆ
“อ๊ะ! โชว์ของสุมิเระซังมาแล้ว~” มิจิโกะเรียกทุกคนให้หันไปดูรีรันโชว์ของฉันในทีวี
ว่าแต่ มิตสึโอะมันไปเปิดทีวีตั้งแต่ตอนไหน ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย
ฉันเห็นทั้งเจ็ดคนที่อยู่ในบ้าน (รวมโทโมมิด้วย) กำลังดูรีรันคอนเสิร์ตสัปดาห์ที่เจ็ดอย่างไม่สบายใจ ซึ่งขณะนี้ก็ถึงคิวโชว์ของฉันแล้ว
พวกเธอ...ดูคอนเสิร์ตให้สนุกเหมือนทุกๆสัปดาห์สิ
“สวยมากกก” นานะอึ้งเมื่อเห็นโชว์ของฉันในทีวี
“อืมหืม...” มิตสึโอะอึ้งพร้อมเอามือขวาปิดปากของตัวเอง “ตอนที่ผมเห็นพี่สาวตัวเองในลุคนี้ ผมจำไม่ได้เลยนะเนี่ย”
“เมื่อวานฉันก็จำสุมิเระซังไม่ได้ แต่พอถึงท่อนแร็ปเท่านั้นแหละ จำได้เลย” มิจิโกะพูด
“ฉันก็จำไม่ได้ เมื่อวานนี้นึกว่าทาง SL5 เขาจ้างมิลค์กี้มาเป็นเกสต์ให้ซะอีก ที่ไหนได้ ซูจังสุดสวยของฉันนี่เอง~” โยชิโนะพูดติดตลกพร้อมเข้ามากอดคอฉัน
แหม่...แต่ละคน
เมื่อวานฉันก็ยังอึ้งกับตัวเองเลย ว่าทำไมตัวเองดูสวยเซ็กซี่ขนาดนี้!? นี่มันไม่ใช่แนวของฉันเลยนะเนี่ย งานนี้ต้องขอบคุณสไตล์ลิสต์ด้วยที่แต่งตัว แต่งหน้าให้ฉันแบบจัดเต็มขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆนะ
“เอ่อ สุมิเระซัง ฉันขอถามอะไรอย่างนึง” มิจิโกะถามฉัน
“ว่ามา”
มิจิโกะคงถามเรื่องหน้าอกของฉันชัวร์ๆเลย
“เมื่อวานพี่ดันหน้าอกรึเปล่า ทำไมเนินอกชัดเจนขนาดนั้น”
นั่นไง! มิจิโกะถามคำถามแบบนี้จริงๆด้วย แต่ที่ตรงนี้มีมิตสึโอะนั่งอยู่ด้วยนะยะ! จะถามอะไรก็ไม่เกรงใจมันเล้ยยยย
“กะ...ก็ ก็ดันนิดหน่อยน่ะ” ฉันตอบมิจิโกะพร้อมแอบอมยิ้มไปด้วย
ที่ฉันอมยิ้มน่ะไม่ใช่อะไรหรอก ฉันเขินเว้ย!
“หูยยยยย” ทั้งสามสาวพร้อมใจกันมองที่หน้าอกของฉันด้วยความตะลึง
“เอ่อ พวกเธอ เกรงใจน้องฉันบ้าง น้องฉันมันเป็นผู้ชายนะ” ฉันชี้ไปที่มิตสึโอะ
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงมิตจังจะหื่น แต่ก็หื่นอย่างมีสตินะ เจ้าตัวไม่คิดจะหื่นใส่พี่ตัวเองหรอก จริงมั้ยจ๊ะมิตจัง” โยชิโนะหันไปมองมิตสึโอะ
“คะ...ครับ แฮะๆ” มิตสึโอะอมยิ้มให้โยชิโนะ
“ดันซะ แหม่... นมจะหกแล้วแม่คู๊ณณณณ” นานะแซวฉัน
“ไม่หกหรอก ฉันเซฟมาอย่างดี” ฉันก็พูดกับนานะอย่างติดตลกด้วย
โชว์ของฉันจบลงไปแล้ว...
ฉันเองก็รู้สึกพอใจกับโชว์นี้นะ แม้จะทำให้เครียดตลอดเวลาเลยก็ตาม อืม...โอเค! ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยถนัดแนวเซ็กซี่เท่าไหร่ แต่ฟีดแบ็กดีขนาดนี้ฉันก็ภูมิใจมากพอแล้วล่ะนะ!
โดยปกติการดูรีรันคอนเสิร์ตในแต่ละสัปดาห์นั้น จะตัดในส่วนที่กรรมการคอมเม้นท์ออก แล้วให้เจ้าของโชว์บอกความรู้สึกที่ได้ดูรีรันนี้ไป และทุกคนก็ช่วยกันวิจารณ์ว่าโชว์นั้นดีหรือไม่ บลาๆๆ
แต่ก็ยังอดขำตัวเองในเพลงผ้าเช็ดหน้าไม่ได้จริงๆ จริตเวเนสุดๆอ่ะ ฮ่าๆๆๆ (มิ้นท์น่ารักนะ แต่ฉันนี่สิ ดัดจริตจริงจริ๊ง~)
“เอาจริงๆนะ ถ้าเทียบกับผ้าเช็ดหน้าแล้ว โชว์ Lady Marmalade ในวีคเจ็ดนี้ของแกโอเคกว่า ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่เก๊ก ผ้าเช็ดหน้ายังเก๊กอยู่บ้าง” โยชิโนะวิจารณ์โชว์ของฉัน
ก็ถูกอย่างที่โยชิโนะพูดไว้อ่ะนะ ในเพลงผ้าเช็ดหน้าฉันยังดูเกร็งๆอยู่บ้าง ก็ท่อนแร็ปในเพลงนั้นอ่ะ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นหรือเกาหลีน่ะสิ แต่เป็นภาษาไทย ซึ่งยากมากกก
“เออนี่ ซูจัง เมื่อวานฟีดแบ็กของเธอพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเลยนะ! เมื่อวานในแท็ก SL5 พูดถึงเธอเต็มไปหมดเลย” นานะยิ้ม
“เห็นแล้ว” ฉันยิ้มให้นานะ “ฟีดแบ็กดีขนาดนี้ ก็ต้องดีใจสิ”
“น่านนนนน ยิ้มแล้วๆๆ” ทั้งสามสาวทำหน้าเบิกบานใจเมื่อเห็นฉันยิ้มอย่างเต็มใจแล้ว
“ดีมากกก” โยชิโนะยกนิ้วโป้งให้ฉัน “กลับมาเป็นซูจังคนเดิมแล้ว อย่าเครียดอีกนะที่รัก~”
“ถ้าพี่สุมิเระอารมณ์ดีแบบนี้แล้ว ผมเชื่อว่าพี่แกจะได้กลับบ้านในวันอังคารไม่ก็วันพุธแน่ๆเลย ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะที่มาช่วยทำให้พี่สาวผมอารมณ์ดีขึ้น” มิตสึโอะขอบคุณทั้งสามสาว
ถ้าทุกคนในบ้านตอนนี้รู้ว่าฉันอารมณ์ดีแล้ว ทุกคนคงจะอารมณ์ดีมากกว่าฉันเพิ่มขึ้นสองเท่าแน่ๆ (โดยเฉพาะมิ้นท์)
“งั้นมากินข้าวกันเถอะ ฉันกับมิตจี้ช่วยกันซื้อเบนโตะมาหลายกล่องเลยนะ กลัวจะไม่อิ่มกัน” นานะชวนทุกคนมากินข้าว
จากนั้นพวกเราทุกคนก็นั่งกินข้าวกันอย่างมีความสุข
ขอบคุณโยชิโนะ นานะ และมิจิโกะมากๆเลยนะที่ทำให้ฉันกลับมาอารมณ์ดีขึ้น มิตสึโอะก็ด้วย
18.45 น.
เป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าๆที่โยชิโนะ นานะ และมิจิโกะมาเยี่ยมและพูดคุยกับพวกเราสองคน และทั้งสามคนก็กลับไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้วนี่เอง
ขณะนี้ในห้องก็เหลืออยู่เพียงแค่สองคนคือฉันกับมิตสึโอะสินะ...
“พี่สุมิเระ” มิตสึโอะเรียกฉัน
“หืม?” ฉันหันไปมองเขา
“ตอนนี้พี่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว อาการดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม” เขากลับมาถามอาการของฉันอีกครั้ง
“ดีมากขึ้นเรื่อยๆแล้วล่ะ พอสามคนนั้นเข้ามาเยี่ยมแล้วก็ทำให้พี่รู้สึกดีขึ้น” ฉันยิ้ม
“อื้ม! ดีแล้วล่ะที่อาการดีขึ้น ทำใจให้สบาย ไม่เครียด ไม่คิดมากแล้วนะคร้าบ~” มิตสึโอะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียงผู้ป่วย แล้วเขาก็เอามือขวามากอดคอฉัน
มือนายทำไมอุ่นจังเลย...
“คิก...รู้แล้วน่า” ฉันอมยิ้มให้กับใบหน้าทะเล้นๆของมิตสึโอะ “นายเองก็ทำให้พี่รู้สึกอุ่นใจเหมือนกันนะ...แดน”
ฮ่าๆๆ นายคงคิดไม่ถึงล่ะซี้~ เมื่อฉันเรียกนายด้วยชื่อเล่นที่มิ้นท์สถาปนาขึ้นมาอย่าง ‘แดน’ ด้วยเนี่ย~
“พี่นี่ล่ะก็...” มิตสึโอะหันหน้าไปทางซ้ายด้วยความเขินอาย ไปไม่เป็นเลยใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ “เรียกผมว่ามิตสึโอะเหมือนเดิมเถอะ ชื่อนี้มันไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ ถ้าออกจากปากของพี่สุมิเระน่ะ แต่ถ้าคนเรียกเป็นมิ้นท์จังหรืออายะซังก็ว่าไปอย่าง”
“แน่ะๆๆ เขินใหญ่เลย~” ฉันเอานิ้วชี้ไปหยิกลักยิ้มของเขาเบาๆ
“เปล่าเขินนะพี่~” ปากบอกว่าไม่ได้เขิน แต่ท่าทางของนายนี่มันอาการของคนที่กำลัง ‘เขิน’ อยู่ชัดๆ!
ทันใดนั้นเอง เหมือนตัวฉันกำลังนึกถึง ‘เรื่องนั้น’ ของมิตสึโอะได้ขึ้นมาเรื่องหนึ่งพอดีเลยด้วย
ใช่! เรื่องนั้นก็คือตอนที่หมอนี่ป่วยเป็นไข้หวัด 2009 จนต้องไปนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลยังไงล่ะ!
“มิตสึโอะ อยู่ดีๆฉันก็นึกถึงเรื่องนั้นของนายได้พอดีเลย” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอย่างปกติ
“เรื่องอะไรเหรอพี่” มิตสึโอะงงกับคำพูดของฉัน
“นายจำตอนที่ตัวนายเองป่วยเป็นไข้หวัด 2009 ได้ใช่ไหม” ฉันทวนความจำให้เขา
“จะ...จำได้สิ ทำไมอยู่ดีๆพี่ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ”
“นั่นสินะ” ฉันหันไปมองสายน้ำเกลือที่เจาะบนไว้มือซ้ายของตัวเอง “เหตุการณ์ในวันนี้เหมือนจะเป็น ‘เดจาวู’ เลยล่ะ...”
“หืม? เดจาวูยังไงอ่ะพี่”
“ก็ตอนนั้นอ่ะ ตอนที่พี่รู้ว่านายป่วยหนัก พี่ถึงกับร้องไห้ฟูมฟายวิ่งตรงเข้าไปเยี่ยมนายที่โรงพยาบาลทันทีเลยล่ะ ก็ยังดีนะที่นายไม่ได้ป่วยหนักอะไรมากมาย แค่ตัวร้อนและไข้ขึ้นสูงเฉยๆ พอมาตอนนี้ กลับเป็นพี่ซะเองที่มานอนอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วนายก็มาเยี่ยมฉันด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนพี่ นี่มัน...เดจาวูชัดๆเลยเนอะ” จากนั้นฉันก็ทอดสายตามองไปที่หน้าต่างอีกด้วย
“อ๋อ~ ผมจำเหตุการณ์นั้นได้ละ” มิตสึโอะที่เพิ่งนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นออกก็ร้องอ๋อทันที “ตอนนั้นพี่ก็เช็ดตัวให้ผมด้วยนะ”
“ใช่ ตอนนั้นพี่น่ะ...อุ๊บ!!” ฉันยังพูดไม่ทันจบ อยู่ดีๆฉันก็เหมือนรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
“เฮ้ย!! พี่เป็นอะไรมากไหม เดี๋ยวผมพาพี่ไปเข้าห้องน้ำเอง” มิตสึโอะอึ้งเมื่อเห็นฉันที่กำลังจะอาเจียน จากนั้นเขาก็ลากร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของฉันไปที่ห้องน้ำทันที
พอมิตสึโอะลากฉันไปที่ห้องน้ำ ฉันก็อาเจียนออกมาทันทีทันใด
“ไม่เป็นไรนะพี่...” มิตสึโอะลูบหลังฉันเบาๆ “ที่พี่อ้วกออกมาหมดแบบนี้เป็นเพราะว่าอาหารที่นานะกับมิตจี้เอามาให้แน่ๆเลย”
“ฉันก็ว่า...อย่างนั้นแหละ...” ฉันพูดดูน้ำเสียงที่ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยและดูเหมือนพะอืดพะอมด้วย “ทำไมรู้สึก... พะอืดพะอมแบบนี้นะ...”
“ทำใจดีๆไว้นะพี่...” มิตสึโอะยังคงลูบหลังฉันเบาๆเหมือนเดิม และเขาก็มองฉันด้วยความห่วงใยอีกด้วย “ป่ะ เดี๋ยวผมพาพี่กลับไปที่เตียงนะ” จากนั้นเขาก็เอาแขนข้างขวาของฉันไปกอดคอด้วย
โยชิโนะ นานะ มิจิโกะ.. อาหารที่พวกเธอเอามาให้ฉันน่ะ ฉันอ้วกออกมาหมดเลย ขอโทษจริงๆนะ
หลังจากที่มิตสึโอะพาฉันขึ้นบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ฉันเหมือนรู้สึกว่าตัวเองเวียนหัวมากยังไงไม่รู้สิ...
“อึก...อยู่ดีๆอาการก็กำเริบขึ้นมาอีกแล้วอ่ะ” ฉันเอาหลังมือมาลูบหน้าผากของตัวเอง
“มานี่ เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้” มิตสึโอะดึงแขนซ้ายของฉันเพื่อที่จะให้เขาเช็ดตัวให้
“ขอบใจนะไอ้น้อง” ฉันยิ้มบางๆให้เขา
จากนั้นเขาก็ค่อยๆบรรจงเช็ดตัวให้ฉัน
“เหตุการณ์นี้มันเดจาวูอย่างที่พี่บอกไว้จริงๆนี่แหละ ตอนที่ผมป่วย พี่ก็เช็ดตัวให้ผม พอมาคราวนี้พี่ป่วย ผมก็เช็ดตัวให้พี่บ้าง เป็นไงบ้างครับเนี่ย อาการดีขึ้นยัง” มิตสึโอะถามฉันระหว่างที่เขาเช็ดตัวให้ฉันด้วย
“อืม...ก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึง” ฉันตอบเขาในขณะที่เปลือกตาของฉันกำลังจะปิดลงไปทุกที
“พี่นอนไปก่อนก็ได้ ถ้าโทโมะซังหรือสาวๆ SL5 ไลน์มาเดี๋ยวผมจะปลุกพี่ให้ พักผ่อนเยอะๆนะครับพี่สาวที่น่ารักของผม♥” จากนั้นมิตสึโอะก็จับมือซ้ายของฉันด้วยความอบอุ่น
“อื้ม” ฉันยิ้มให้มิตสึโอะก่อนที่จะหลับตาลงไป
ฉันขอสัญญากับทุกคนไว้ ณ ที่นี้เลยว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่เครียดจัดจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว มีเรื่องไม่สบายใจอะไรฉันก็จะบอกทุกคน ฉันจะทำให้ทุกคนสบายใจ ไม่ต้องห่วงนะ อีกสองสามวันฉันก็คงจะได้กลับบ้านแล้วล่ะ รออีกหน่อยนะทุกคน♥
(Sumire’s Part : End)
Comment:
แต่งโมเม้นท์นี้เสร็จแล้วววววว >_____<
เป็นโมเม้นท์ที่แต่งยากมากๆเลยล่ะ เพราะว่าคริสเองก็ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลมาก่อน (จริงๆก็เคยไป แต่แค่ไปเยี่ยมญาติ ไม่ได้เป็นผู้ป่วยซะเอง) ต้องฟังเพลงเศร้าบิ๊วอารมณ์ไปด้วย 555
น่าสงสารซูจังจริงๆ... แต่ยังไงเธอก็ได้บทเรียนจากครั้งนี้มาเยอะพอสมควรนะ
อย่าลืมนะซูจัง ถ้าเธอเครียด ทุกคนก็จะเครียดไปพร้อมๆกับเธอนะ :(
แต่จะว่าไปแล้ววีค Change Myself นี่ เป็นวีคอาถรรพ์จริงๆ ซีซั่น 4 มิยะ (มิยาโกะ) ก็ป่วย (อาการของเธอคือไอเป็นเลือดนะถ้าจำไม่ผิด) แต่เธอก็ไม่ได้ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบซูจัง
ถ้า SL6 มีโจทย์เพลงแบบนี้อีก อย่าให้มีคนป่วยอีกนะ คริสขอร้อง T^T
ความคิดเห็น