ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    。SILVER LINING 。 chanbaek | exo

    ลำดับตอนที่ #3 : 02

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 57


    (c)                      Chess theme

    02



                รหัสพวกนี้จะมีอยู่สองกรณี

    อยู่บนตัวร่างของโคลนนิ่งกับอยู่บนตัวของคนที่จะมาเป็นอวัยวะให้ร่างโคลนนิ่งนั้น

     

     

     

     .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “บีจำวันเกิดตัวเองไม่ได้หรอ”

     

    “วันเกิด.. ?”

     

    “จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร งั้นสมมติว่าเกิดวันเดียวกับฉันแล้วกัน”

     

    “แล้วนายน้อยชาร์ลเกิดวันไหนหรอครับ”

     

    “วันนี้ไง”

     

     

     

    เพราะวันนี้เป็นวันเกิดนายน้อยชาร์ล บีถึงได้ออกมานอกคฤหาสน์อีกครั้ง เด็กน้อยถูกอีกคนจับให้ใส่เสื้อสี่ชั้นเนื่องจากตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูหนาว ถึงวันนี้หิมะจะตกไม่หนักแต่บีเพิ่งจะหายป่วย ชานยอลจึงต้องเซฟเรื่องความอบอุ่นของร่างกายคนป่วยง่ายเพื่อไม่ให้ไข้ตีกลับอีก แถมหมวกไหมพรหมสีน้ำเงินสดใสที่สวมอยู่บนหัวยิ่งเพิ่มความน่ารักให้อีกคนอีกเท่าตัว

     

     

    น่ารักน่าฟัดขนาดนี้ย่อมตกเป็นเป้าสายตาเป็นธรรมดา

     

     

                    อยากจะเดินจับมือแต่เพราะถุงมือที่ใส่อยู่ค่อนข้างหนาจึงทำให้จับไม่ถนัด ชานยอลจึงจับมือเล็กข้างซ้ายขึ้นมาแล้วถอดถุงมือข้างนั้นออก บีเงยหน้ามองอีกคนอย่างงุนงงก่อนความรู้สึกอุ่นวาบยามฝ่ามือของทั้งคู่สัมผัสโดนกันภายใต้ถุงมือข้างนั้นทำให้ใบหน้าเล็กเห่อร้อนขึ้นมาทันที

     

    “ทำอย่างนี้นายน้อยไม่อึดอัดหรอครับ”   เด็กน้อยเอ่ยถามขึ้นเพราะเห็นว่าเมื่อมือของตนเข้าไปอยู่ในถุงมือของอีกคนทำให้ภายใต้ถุงมือข้างนั้นคับแคบจนแทบจะกระดิกนิ้วไม่ได้

     

    “ไม่หรอก มือบีเล็กนิดเดียวเอง อีกอย่างจับมือในถุงมือเดียวกันแบบนี้อุ่นกว่าอีก บีไม่รู้สึกอย่างนั้นหรอ”  บีไม่ได้ตอบคำถามกลับแต่เอาหน้าตัวเองไปซบกับลำแขนอีกคนแล้วถูไปมาเพื่อระบายความเขินอาย

     

    “บีอยากกินเค้กมั๊ยหรืออยากเดินเล่นก่อน”

     

    “เค้ก?  บีกินได้หรอ?” 

     

    “แล้วใครเค้าห้ามบีกินล่ะ”

     

    “ก็วันนี้วันเกิดนายน้อยชาร์ล คนที่กินเค้กก็ต้องเป็นนายน้อยชาร์ลสิครับ”  เด็กน้อยคงจะเห็นจากทีวีว่าวันเกิดมักจะเฉลิมฉลองกันด้วยเค้กและคงเข้าใจว่าคนที่มีสิทธิ์กินก็มีเพียงแค่เจ้าของวันเกิดเพียงคนเดียว.. บีจะใสซื่อไปถึงไหนกันนะ

     

    “ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าให้บีเกิดวันเดียวกันฉันน่ะ.. เราไปหาเค้กกินกันเถอะ”

     

     

     

     

    ..

     

     

     

     

    “ถ้านายน้อยเป่าเทียนพวกนี้ดับ นายน้อยก็จะอายุ 18 แล้วใช่มั๊ยครับ”

     

    “ฉัน 18 ส่วนนายก็ 14 ..  งั้นเรามาอธิฐานแล้วเป่าพร้อมกันนะ จะได้โตขึ้นพร้อมกัน” 

     

    ร่างเล็กพยักหน้าแล้วหลับตาอธิฐานตามที่นายน้อยบอก ส่วนคนบอกได้แต่ยืนอมยิ้มมองดูคนที่ตั้งใจหลับตาอธิฐาน เอเดน ชาร์ล ชานยอลได้แต่คิดอยู่ในใจว่าหากวันนึงที่ต้องแยกจากกัน บีจะใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงที่ไม่มีเขาคอยดูแลได้ไหมนะ โลกที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมจนไม่น่าอยู่ สังคมที่อยู่ได้เพราะเม็ดเงิน ความดีความถูกต้องที่ไม่สามารถเอาชนะคนชั่วที่ใช้เงินซื้อทุกอย่างในชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นมา

     

     

    ฟู่ ~

     

    “สุขสันต์วันเกิดนะบี”  

     

     

     

    หลังจากปากเล็กๆนั่นเป่าลมใส่เทียนบนเค้กจนดับไปทั้งหมด กำลังจะอ้าปากบอกสุขสันต์วันเกิดและอวยพรนายน้อยของตน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกลับโดนอีกคนบอกตัดหน้าเสียก่อน และที่แปลกใจที่สุดคงเป็นความเย็นจากวัตถุบางอย่างที่สัมผัสกับลำคอ มองผ่านกระจกของร้านถึงได้เห็นว่าเป็นจี้รูปตัว B

     

    “ปีนี้เอาตัว B ไปก่อน ปีหน้าค่อยเอา C นะ”

     

    “นายน้อยซื้อให้บีทำไม”

     

    “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ บีไม่อยากได้หรอ”

     

    “เปล่าครับ แต่....”  น้ำเสียงอ้อมแอ้มเหมือนไม่กล้าพูดแถมก้มหน้าจนคางแทบชิดคอทำให้ชานยอลต้องหมุนตัวอีกคนพร้อมจับคางเชยหน้าขึ้นมาให้เผชิญหน้ากับตน  “แต่บีเป็นแค่เด็กที่นายน้อยชาร์ลเก็บมาเลี้ยง ไม่สมควรได้ของที่มีค่าจากเจ้านายหรอกครับ”

     

    “ซื่อบื้อ”  โดนดีดหน้าผากไปเบาๆหนึ่งที บีน้อยเลยยอมเงยหน้าขึ้นมองอีกคน  “ฉันปล่อยให้นายดูทีวีเยอะเกินไปแล้วแน่ๆ สั่งให้งดดูทีวีสักอาทิตย์ดีไหมนะ”

     

    “นายน้อยชาร์ลอย่าใจร้ายสิ ไม่ให้บีดูทีวีบีก็ไม่มีอะไรทำแล้วนะ”

     

    “ไม่ต้องมาทำหน้ายู่เหมือนลูกหมาเลย บีคนซื่อบื้อ”   ชานยอลอดที่จะบีบจมูกรั้นนั่นไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้  “ฉันให้เพราะอยากให้ แล้วอีกอย่างฉันไม่ใช่เจ้านายหรือเจ้าชีวิตของนาย”

     

     

     

    “บีคือคนสำคัญของฉัน จำไว้”

     

     

     

     

     

     

     

    ..

     

     

     

     

                   

    พอจัดการของหวานจนแน่นท้องแล้ว ชานยอลก็พาบีมาเดินเล่นตามย่านร้านค้าบอกว่าอยากได้เสื้อผ้าสักตัวสองตัว แต่พอจะซื้อจริงๆกลายเป็นเสื้อไซต์เล็กของอีกคนแทน แค่ตัวสองตัวบีก็เกรงใจจะแย่แล้วใครจะคิดว่านายน้อยจะบ้าซื้อเกือบสิบตัวแล้วมันไม่ใช่แค่เสื้อผ้ายังมีรองเท้า หมวก ผ้าพันคอ ถุงเท้า ตุ๊กตานู้นนี่นั่นอีกเยอะแยะจนบีต้องแกล้งงอแงยืนกระทืบเท้าแล้วบอกว่าเมื่อยขาแล้วเหนื่อยแล้วไม่อยากไปไหนแล้ว นายน้อยถึงยอมหยุดซื้อของพวกนั้นให้   

     

    “งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำให้ บีนั่งรออยู่นี่แปปนึงนะ ฉันโทรเรียกคนขับรถให้มารับแล้วอีกเดี๋ยวก็คงมา”

     

    “นายน้อยชาร์ลรีบไปรีบมานะครับ”  มือใหญ่ยกขึ้นลูบผมอีกคนเบาๆก่อนจะรีบวิ่งหาร้านค้าเพื่อหาซื้อน้ำเปล่ามาให้คนตัวเล็กแก้กระหาย

     

     

    คนตัวเล็กนั่งมองผู้คนที่เดินสวนกันไปมาในเมืองใหญ่แบบนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเรื่องโชคดีแค่ไหนที่ตัวเองได้เจอกับนายน้อยชาร์ล ถ้าวันนั้นนายน้อยชาร์ลไม่มาเจอเขาในตรอกแคบๆนั่นคงได้ป่วยตายคาตรอกที่ไม่มีใครสนใจนั่นไปแล้ว

     

     

                    “คุณหนูเล็ก!   กำลังนั่งคิดอะไรอยู่เพลินๆก็รับรู้ได้ถึงมือคู่แปลกที่มาจับไหล่ของตนทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งตกใจจนลุกขึ้นจากที่นั่งและแทบก้าวเท้าวิ่งหนี แต่มือของคนแปลกหน้าที่เร็วกว่านั้นจับไหล่เล็กไว้แน่น แรงบีบไหล่ของอีกคนทำเอาสองเท้าไม่สามารถวิ่งไปไหนได้

     

                    “ใช่คุณหนูเล็กจริงๆด้วย คุณหนูหายไปไหนมา ผมเป็นห่วงแทบแย่ แล้วคุณหนูใหญ่ไปไหนล่ะครับ”  

     

    “บีไม่รู้จักคุณ ปล่อยบีเถอะครับ”

     

    “คุณหนูพูดอะไร? ทำไมเราจะไม่รู้จักกัน เราเล่นอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ถึงช่วงปีสองปีให้หลังจะไม่ค่อยได้เจอกันก็เถอะ” คนตัวเล็กค่อยๆขืนตัวเองออกจากการจับกุม แต่อีกฝ่ายก็ยังคงจับเขาไว้แน่น “เมื่อสองเดือนที่แล้วทุกคนในคฤหาสน์ถึงได้รู้ว่าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูเล็กหายไป...”

     

    “คุณหนูใหญ่คือใคร.. จำไม่ได้ ไม่รู้จัก ฮึก..”  อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบีบที่หัวแรงๆจนปวดหัวไปหมดจนห้ามน้ำตาแห่งความเจ็บปวดไว้ไม่อยู่

     

    “คุณหนูใหญ่ก็คุณแบคโฮ พี่แท้ๆของคุณหนูเล็กไง”

     

    “มะ ไม่.. บีจำไม่ได้ บีไม่รู้จัก”  ยิ่งได้ยินชื่อแบคโฮยิ่งรู้สึกปวดหัวหนักกว่าเดิมจนแทบคุมสติตัวเองไม่ได้แล้ว

     

    “บีอะไรกัน คุณหนูเล็กชื่อแบคฮย....”  “บี !!”  คนตัวเล็กถูกกระชากออกจากการเกาะกุมของชายแปลกหน้าเข้าสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคย

     

    “คนรู้จักของบีหรอ”  กระซิบถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “ไม่รู้ บีไม่รู้จัก ฮึก... บีจำไม่ได้ จำอะไรไม่ได้ ฮื่ออออ”

     

    “คุณหนูไม่ได้ชื่อบี คุณหนูชื่อแบคฮยอน!

     

    “ไม่ใช่!! ไม่ได้ชื่อแบคฮยอน ใช้ชื่อนี้ไม่ได้... ต้องชื่อบี”  สองมือที่กุมหัวจิกผมตัวเองจนแน่น สองขาไร้เรี่ยวแรงจนแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้นถ้าไม่ได้แขนของใครอีกคนมารองรับไว้เสียก่อน

     

    “บีใจเย็นๆนะ จำไม่ได้ก็ไม่ต้องนึก หยุดได้แล้ว”

     

    “ฮึกกก ปวดหัว บีปวดหัว นายน้อยชาร์ลช่วยบีด้วย ฮื่ออออออ”  

     

    “บี !!

     

    เด็กน้อยในอ้อมกอดหวีดร้องเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนจะสลบไป ชานยอลอุ้มคนหมดสติขึ้นมาแนบอกเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เห็นรถสีดำคันคุ้นตาจอดเทียบฟุตบาทพอดี ไม่รอช้าขายาวรีบสาวเท้าไปยังรถคันนั้นทันทีและก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้นนัยน์ตาคมก็ไม่ลืมที่จะมองไปยังใบหน้าของคนแปลกหน้าอีกครั้งเพื่อจดจำรายละเอียดเท่าที่จะจำได้

     

     

     


     

     



     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     


     

     

     

     

    ห้องมืด

    การทดลอง

    สารเคมี

    น้ำสีเงิน

    ใครอีกคนที่หน้าตาเหมือนกับเขา

     

     
     

     

     

    เฮือกกกก !!

     

     

    “บี....”

     

     

     
     

    เสียงเรียกอันอบอุ่นที่ดังอยู่ข้างๆทำเอาคนฝันร้ายจนสะดุ้งตื่นรีบหันไปมองพอเห็นเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยนอนอยู่ข้างๆก็โผเข้ากอดทันที มือใหญ่ของอีกคนยกขึ้นลูบหัวเชิงปลอบแล้วกดหัวเล็กให้แนบกับอกของตน

     

    “อยู่กับฉันไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”  ยกมือเช็ดหยาดเหงื่อที่ซึมตามไรผมเพราะฝันร้ายเมื่อครู่ออกให้ “ยังปวดหัวอยู่มั๊ย” บีไม่ได้ตอบแบบออกเสียงเพียงแต่ส่ายหน้าช้าๆให้อีกคนรู้ ถึงชานยอลอยากจะถามว่าเมื่อกี๊ฝันอะไรถึงได้สะดุ้งตื่นตอนตีสามอย่างนี้แค่ไหนก็ต้องเก็บคำถามเหล่านั้นไว้ในใจเพราะไม่อยากให้คนในอ้อมกอดต้องนึกถึงมันแล้วขวัญเสียไปมากกว่านี้แล้ว

     

    “ไม่ต้องกลัว หลับซะนะ”  กระซิบข้างหูพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม ลูบเรือนผมนิ่มไปมาเพื่อเป็นการกล่อมให้เข้าสู่นิทราอันปราศจากฝันร้าย

     

     

     

     

    นายน้อยชาร์ลได้แต่ปฏิญาณกับตัวเองว่าต่อจากนี้จะปกป้องดูแลและทำทุกอย่างให้เด็กคนนี้อยู่กับเขาตลอดไป

     

    โดยที่ไม่ทันได้นึกเลยว่า..

     

    คำว่าตลอดไปมันไม่เคยมีอยู่จริงในโลกใบนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    “ฉันต้องไปเข้าค่ายของโรงเรียนอาทิตย์นึง ช่วงที่ฉันไม่อยู่บีไปอยู่กับคุณหมอเควินนะ”

     

    เช้าวันหยุดวันนึงที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นเฉดเช่นเมื่อวาน นายน้อยชาร์ลที่ปลุกเขาด้วยการระดมจูบไปทั่วตัวเหมือนทุกๆเช้าได้เอ่ยประโยคนึงออกมาซึ่งทำให้บีค่อนข้างงงอยู่เล็กๆว่าการที่นายน้อยต้องไปเข้าค่ายแล้วไม่อยู่คฤหาสน์จะต้องให้เขาไปอยู่ที่อื่นทำไมในเมื่ออยู่ที่นี่เหมือนเดิมก็ได้

     

    “ทำไมบีอยู่ที่นี่ไม่ได้ ทำไมบีต้องไปรบกวนคุณหมอเควินด้วย”

     

    “บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นถึงจะเป็นคนของคฤหาสน์ก็เถอะ”

     

    “ก็มีคุณป้าลอรีนที่นายน้อยบอกว่ายกเว้นไว้คนนึงนี่”  คุณป้าลอรีนคือคนเก่าคนแก่ที่รับใช้คฤหาสน์หลังนี้มานาน เป็นคนเดียวที่นายน้อยชาร์ลอนุญาตให้นำอาหารมาเสิร์ฟบีถึงในห้องนอนได้และยังอนุญาตให้พาบีไปเดินเล่นวิ่งเล่นในสวนได้ถ้าบีอยากไปแต่มีข้อแม้ว่าได้แค่วันละหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น

     

    “คุณป้าลอรีนท่านอายุมากแล้ว ถึงฉันจะไว้ใจให้คุณป้าอยู่กับนายได้แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคุณป้าคงช่วยอะไรบีไม่ทันแน่ๆ”  ดึงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นจากเตียงและเดินตามไปยังห้องน้ำ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่นายน้อยไม่ต้องไปเรียนแบบนี้จะเป็นทุกครั้งที่ต้องโดนอีกคนจับลากเข้าห้องน้ำให้มาอาบน้ำพร้อมกัน

     

     

    ก็ตั้งแต่ที่นายน้อยถูหลังให้บีคราวนั้น หลังจากวันนั้นนายน้อยก็ไม่ปล่อยให้บีอาบน้ำคนเดียวอีกเลย

     

     

    หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายน้อยชาร์ลก็ช่วยคนตัวเล็กจัดกระเป๋าเสื้อผ้าที่จะไปค้างบ้านคุณหมอเควิน จัดไปจัดมาบีก็คิดว่ายกตู้เสื้อผ้าไปด้วยมันอาจจะง่ายกว่าการมานั่งพับเสื้อผ้าที่ถูกเลือกมามากมายแบบนี้ลงกระเป๋านะ

     

    “บีต้องไปอยู่กับคุณหมอเควินวันนี้เลยหรอครับนายน้อยชาร์ล”

     

    “อื้ม ไปวันนี้เลย แต่วันนี้ฉันก็ไปนอนค้างเป็นเพื่อนบีด้วยไง กลัวบีนอนไม่หลับ”  ก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้คนตัวเล็กก่อนจะยืนขึ้นแล้วหอมแก้มยุ้ยให้ชื่นใจหนึ่งฟอดใหญ่  “เพราะฉันเองไม่ได้นอนกอดบีก็คงนอนไม่หลับเหมือนกัน” 

     

     

    รถยนต์คันสีดำขับเคลื่อนออกมาจากคฤหาสน์หรูไปยังชานเมืองที่ค่อนข้างห่างจากความวุ่นวายภายในเมืองใหญ่ บ้านสองชั้นหลังไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตมากนักประจักษ์ในสายตาของร่างเล็ก ทันที่ที่ตัวรถขับผ่านเข้าไปในรั้วและจอดสนิทอยู่หน้าประตูบ้าน ชายร่างสูงที่อายุราวๆยี่สิบต้นๆก็ออกมายืนต้อนรับพร้อมกับใบหน้าอันยิ้มแย้ม

     

    “ยินดีต้องรับนะบี”

     

    “สวัสดีครับคุณหมอเควิน”

     

    อาจจะสงสัยว่าบีเป็นถึงคนของนายน้อยชาร์ลแต่ทำไมคุณหมอเควินถึงเรียกแค่บีเฉยๆ เพราะก่อนหน้านั้นคุณหมอเควินเรียกบีว่านายน้อยบี คุณหนูบี คุณบี แต่คนตัวเล็กก็ทำหน้าบูดใส่แถมไม่ขานรับอีกตังหาก บีบอกแล้วไงว่าให้เรียกแค่บีเฉยๆ ริมฝีปากเล็กเอ่ยบอกเขากลับมาเพียงเท่านั้น ด้วยความสงสัยจึงทำให้คุณหมอถามเด็กน้อยกลับไปอีกว่าทำไมถึงให้เรียกแค่บีเฉยๆในเมื่อตัวเองเป็นถึงคนของนายน้อยชาร์ล แล้วคนตัวเล็กก็ตอบกลับมาว่า แล้วมีเหตุผลอะไรที่บีจะต้องยกตัวเองให้ไปเทียบเท่ากับนายน้อยล่ะครับ

     

    เพียงเท่านั้นเควินก็ยอมให้เด็กน้อยคนนี้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของนายน้อยชาร์ลโดยไม่ตะขิดตะขวงอะไรอีกเลย

     

    ถ้าเป็นแค่หมอเขาก็คงไม่วุ่นวายกับชีวิตนายน้อยชาร์ลขนาดนี้หรอกแต่เพราะมีตำแหน่งลูกน้องคนสนิทและพี่ชายที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กพ่วงมาด้วยนี่สิถึงต้องเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องส่วนตัวของเด็กคนนี้ให้เข้าที่เข้าทางเสียหน่อย

     

    “ได้ข่าวว่าจือเทากลับมาลอนดอนแล้วหรอ”

     

    “อื้ม โรงเรียนที่จีนปิดเทอมแล้วน่ะ เจ้าเด็กนั่นเลยงอแงจะกลับมาวิ่งเล่นลอนดอนให้ได้”

     

    “แล้วอยู่ไหนซะล่ะ”

     

    “เห็นถือสเก็ตบอร์ดวิ่งไปไหนแล้วไม่รู้”

     

     

     

     

     

    ผลั่กกก !! 

     

    ตุ๊บบบ !!

     

    โครมมมม !!

     

     

     

     

    พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงดังเกิดขึ้นทางด้านสวนหย่อมเล็กๆข้างบ้าน ผู้ใหญ่สองคนรีบหันไปทางต้นเสียงทันที นายน้อยชาร์ลนึกเป็นห่วงคนตัวเล็กที่เห็นผีเสื้อบินผ่านแล้ววิ่งไล่ตามผีเสื้อไปเมื่อครู่เกรงว่าวิ่งชนอะไรเข้าจนเกิดเสียงดังลั่นบริเวณขนาดนั้น แต่พอวิ่งไปถึงที่เกิดเหตุก็ต้องแอบยืนขำในใจกับภาพตรงหน้าที่เห็น

     

     

    “ลุกออกไปสักทีสิ ฉันเจ็บเห็นมั๊ย!

     

    “อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวคุณผีเสื้อบินหนี”

     

     

                    เด็กน้อยตัวเล็กในปกครองของนายน้อยชาร์ลนั่งทับอยู่บนตัวเด็กหนุ่มที่ตัวโตกว่าเด็กน้อยของเขาเล็กน้อย เด็กนั่นอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยน่าดูเสียเท่าไหร่เพราะนอนทับแปลงดอกไม้แถมรอบตัวยังมีกระถางต้นไม้ต้นเล็กๆที่กลิ้งหล่นระเกะระกะอยู่รอบๆตัว สเก็ตบอร์ดของเจ้าก็คว่ำอยู่ใกล้ๆ ที่น่าตลกก็คงจะเป็นฝูงผีเสื้อสี่ห้าตัวที่บินวนอยู่รอบๆหัวเด็กหน้าจีนนั่น

     

     

                    เพราะผีเสื้อในฤดูหนาวหายากน่ะสิ บีถึงได้สนอกสนใจขนาดนั้น

     

     

     

     

     

    .

    .

     

    TBC

    #ฟิคซวลน

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×