เจ้าหญิงไดอาน่า

เนื้อเรื่อง

         เจ้าหญิงไดอาน่าประสูติในตระกูลสเปนเซอร์  ขุนนางอังกฤษ ระดับ 1 และ 2 ที่มีตำนานการต่อสู้  บรรพบุรุษของตระกูลสเปนเซอร์สามารถขึ้นมาเจริญเฟื่องฟูได้จนถึงศตวรรษที่ 15 โดยดำเนินธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์จนร่ำรวย  บ่อยครั้งที่นำเงินมาสนับสนุนราชวงศ์อังกฤษเพื่อช่วยเหลือประเทศ  จนได้เป็นขุนนางชั้นสูง  ราชองครักษ์จำนวนมากมาจากตระกูลสเปนเซอร์รวมถึงพระชนกของเจ้าหญิงไดอาน่าหรือ  “เอิร์ล  สเปนเซอร์”  ก็เคยรับใช้สมเด็จพระราชินีมาแล้ว
         บรรพบุรุษของราชวงศ์วินด์เซอร์ของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธ เป็นชาวเยอรมัน  เพราะฉะนั้นตอนที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงอภิเษกกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์  ประชาชนชาวอังกฤษจึงดีใจมาก  โดยเชื่อกันว่า “ลูกสาวขุนนางชั้นสูงของอังกฤษได้เข้ามาเป็นพระชายาของเชื้อพระวงศ์ผู้มีเชื้อสายเยอรมัน”  ซึ่งก็ถือเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าหญิงไดอาน่าได้รับความนิยมจากคนทั่วไป
         เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่าทรงให้กำเนิดเจ้าชายวิลเลียม  พระองค์ทรงละเมิดต่อประเพณีดั้งเดิมของราชวงศ์อังกฤษ ด้วยการเลี้ยงพระโอรสด้วยพระองค์เอง  ทั้งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่าต่างเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของแม่นม  ทั้งสองพระองค์จึงไม่รู้จักความรัก ความอบอุ่นของผู้เป็นพ่อแม่  ดังนั้นเจ้าหญิงจึงไม่ต้องการให้พระโอรสต้องตกอยู่ในความรู้สึกเช่นเดียวกัน
         ทว่าเจ้าหญิงไดอาน่าก็ไม่ได้ทรงเป็นเพียงแม่ที่ดีเท่านั้น  หากพระองค์ยังจูงพระหัตถ์เจ้าชายทั้งสองพระองค์ออกจากวังในฉลองพระองค์แบบสามัญชน  เพื่อเสด็จเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยหนักและคนจน  เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อน  ผู้ป่วยโรคเอดส์  และบรรดาคนไร้ที่อยู่ทั้งหลาย
          ตอนที่ทรงพาเจ้าชายวิลเลียมเสด็จเยี่ยมผู้ติดเชื้อเอดส์  พระองค์ถูกกดดันว่าจะทำให้รัชทายาทติดโรคร้ายนั้น  แต่ตอนนี้เจ้าหญิงไดอาน่าก็ทรงพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่ทุกคนพูดนั้นไม่เป็นความจริง
          การไปให้กำลังใจผู้ป่วย  คนยากจน  หรือคนที่สังคมไม่ยอมรับนั้น  ถือเป็นการศึกษาที่มีประโยชน์สำหรับเจ้าชายน้อยที่จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของอังกฤษในอนาคต  เจ้าหญิงจะทรงมีความสุขมากแค่ไหนที่พระโอรสของพระองค์  ผู้ที่จะทรงเป็นกษัตริย์ในอนาคตจะมีประสบการณ์อย่างที่เด็กธรรมดาไม่เคยมี
         เจ้าหญิงไดอาน่าเสด็จเยี่ยมเด็กหญิงวัย 7 ขวบที่ป่วยเป็นโรคหัวใจอย่างหนักถึง 12 ครั้ง  พระองค์ทรงรับสั่งว่า  “มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้าง  เช่น  ซักผ้า  ถ้าเอาไปไว้ที่ข้างพระราชวังเคนซิงตัน  ฉันจะซักเอาไว้ให้”  นอกจากนี้บางครั้งพระองค์ยังทรงนั่งกุมมือเด็กที่ติดเชื้อเอดส์อีกด้วย