ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Fic exo} Belong to you : Krisyeol

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 :: Who?

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.16K
      6
      5 พ.ค. 57



    6

      Who?


              

                
    ดวงตาหวานมองตามแผ่นหลังเล็กแสนคุ้นเคยอย่างต้องการคว้ามันมากอดไว้ในอ้อมแขน สองขาก็วิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ

                   

                ผู้หญิงคนสำคัญ

                ผู้หญิงที่เขายอมตายแทนได้เสมอ

                ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า... แม่

                   

                    ชานยอลไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอต้องวิ่งหนีเขาแบบนี้ ใบหน้าใสเปียกปอนไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลย้อยไปตามขมับบาง เหนื่อยล้าจนไม่อยากจะวิ่งต่อไป ภายในใจเศร้าหมองจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร การวิ่งไปคว้าความรักที่กำลังวิ่งหนีเราไป ต่อให้พยายามแค่ไหนสุดท้ายมันก็สูญเปล่า เพราะเขาเลือกที่จะลาจาก ความพยายามทั้งหมดก็คงเป็นเพียงแค่ฝุ่นในอากาศ... เบาบางจนเกือบมองไม่เห็นและสุดท้ายก็ปลิวหายไปอย่างไร้ค่า

                    "แม่.. ได้โปรด อย่าวิ่งหนีผมอีกเลย แม่ครับ.. ฮึก! ผะ..ผมรักแม่นะครับ" เอื้อมมือไปตรงหน้าหวังคว้าที่สุดของหัวใจเอาไว้ ดวงตาใสเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาจากความรู้สึก

                    "หยุดวิ่งตามฉันสักที ชีวิตแกมันแย่ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน" คำพูดเสียดสีจากคนเป็นแม่ดั่งขวากหนามแหลมคมพุ่งตรงปักลงทั่วทั้งหัวใจที่บอบช้ำของชานยอล น้ำตาที่เอ่อคลอไหลตกลงจากดวงตากลมพาดผ่านพวงแก้มแดงซ่านจากความเหนื่อยหอบ

                   

                ยิ่งกว่าทรมาน หนักกว่าเจ็บปวด ที่สุดของการบอบช้ำ ด้านชาไปแล้วทั้งดวงใจ...

     

                หน้าหวานวิ่งช้าลง ช้าลง และช้าลงเรื่อยๆ ความรู้สึกที่มีถาโถมเข้ามาผสมกับความเหนื่อยล้าทางร่างกายฉุดรั้งทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับโลกทั้งใบมืดสนิท ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่มีแม้แต่กำลังใจ หัวใจก็แตกสลายไปแล้วพร้อมๆกับความรู้สึก ในที่สุด ชานยอลก็หยุดวิ่ง ย่อตัวลงสูดลมหายใจเข้าปอด ปาดเช็ดเหงื่อที่เกาะพราวเต็มใบหน้า เพราะเหนื่อยจนวิ่งต่อไปไม่ไหว อ่อนล้าเกินกว่าจะไขว่คว้าทุกสิ่ง

                    แต่แล้วมารดาก็หันหลังเดินกลับมามองลูกชายเพียงคนเดียวของเธออีกครั้ง ใบหน้าของหญิงแก่ชราไร้ซึ่งความอ่อนล้าจากการวิ่งหนี ไม่มีแม้เหงื่อสักหยด มีเพียงหยาดน้ำใสก่อตัวอยู่ในดวงตา หน้าหวานหยัดยืนขึ้นด้วยหัวใจที่ยังมีหวัง โถมตัวคว้ามารดาเข้ามากอดเต็มอ้อมแขน

                    "ฮึก!.. แม่จะกลับมาอยู่กับผมแล้วใช่มั้ย มะ..ไม่วิ่งหนีผมแล้วนะครับ" เสียงทุ้มของลูกชายเอ่ยบอกพร้อมการสะอื้นไห้จากการปล่อยน้ำตาไหลรินไปกับการหวังว่าเธอจะกลับมายืนอยู่ตรงนี้... ที่เดิม

                    "เหนื่อยแล้วใช่มั้ยชานยอล... งั้นฟังฉันนะ" คนเป็นแม่เงียบไปแต่ก็ปล่อยให้ลูกชายกอดเธอไว้เช่นนั้น

                    "ชีวิตแกมันแย่.. แย่ที่มีแม่อย่างฉัน แกเกิดมาจากความผิดพลาดเพราะอาชีพใช้ร่างกายหากิน ฉันไม่ได้อยากมีแก มีลูกก็เหมือนมีตัวถ่วงของชีวิต ...แต่สุดท้ายฉันก็ปล่อยให้แกเกิดมาโดยที่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม แกรู้มั้ยว่ามันลำบากแค่ไหนที่มีแก ฉันต้องอุ้มท้องโตๆตั้งเกือบปี ไหนจะต้องคอยมาให้นมเด็กวุ่นวายอย่างแก แหกปากร้องน่ารำคาญ หลายครั้งที่ฉันอยากจะทิ้งแกให้หายไปจากชีวิตฉันซะ แต่... ก็ทำไม่ได้ มันบ้ามากเลยที่เฝ้าดูความผิดพลาดของตัวเองตั้งแต่เล็กจนโตถึงขนาดนี้ ตลอดชีวิตแกอาจจะเคยได้ยินฉันขอแต่เงินจากแก แต่วันนี้ไม่มีอีกแล้วและคำพูดนี้ที่ฉันไม่เคยบอกแกเลยสักครั้ง..." คำพูดทุกอย่างเงียบไปก่อนคนเป็นแม่จะดันตัวออกจากอ้อมกอดอุ่นของลูกชาย ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตามากมายมองตามเธอด้วยความไม่เข้าใจ นี่เป็นครั้งแรกและอาจะเป็นครั้งเดียวที่เธอยอมพูดอะไรแบบนี้ มารดายกมืออันเหี่ยวย่นขึ้นปาดน้ำใสที่ใกล้จะล่วงหล่นจากดวงตาออก ไม่อยากให้ใครตรงนี้เห็นความอ่อนแอแม้แต่เพียงหยดเดียวก่อนจะค่อยๆเอ่ยคำพูดสุดท้าย...

                    "นี่จะเป็นคำขอสุดท้ายของฉัน.... ขอ.. ให้แกมีชีวิตที่ดีขึ้นและขอให้ลืมว่าชีวิตแกเคยมีแม่อย่างฉัน... ชานยอล.. ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะว่า... แม่รักแกนะ" สิ้นสุดคำพูดทุกอย่างคนเป็นแม่ก็หันหลังค่อยๆเดินจากไป สมองของชานยอลตอนนี้มีแต่ความสับสน คำถามตีกันวุ่นวายไปหมด เขาไม่อยากมองดูแม่เดินจากไปแบบนี้ แต่ขาเจ้ากรรมก็ไม่ยอมทำตามหน้าที่ไม่ว่าจะพยายามก้าวไปข้างหน้าสักแค่ไหนแต่มันก็ยังนิ่งสนิทราวกับมีโซ่เส้นหนาล่ามตรึงเขาไว้ให้หยุดอยู่เพียงแค่ตรงนี้ ดวงตาใสเหม่อมองตามผู้หญิงที่เป็นทั้งชีวิตของเขาค่อยๆก้าวเดินไปอย่างไม่หันกลับมา

                    "ฮึก!.. ฮือออ แม่ มะ.. แม่ครับ อย่าจากผมไป ได้โปรดอย่าเดินหนีผมไปแบบนี้ ฮืออ..." เอ่ยปากร่ำร้อง อ้อนวอนขออย่างสุดชีวิต น้ำตามากมายไหลรินล่วงหล่นอาบแก้มใสและหยดลงบนพื้น มองเห็นรอบข้างมีแต่ความมืดมิดเหลือเพียงแค่เขาและแม่ที่หยุดสองขาไว้ในระยะที่เกือบจะไกลเกินสายตามองเห็น เสียงร้องไห้ของชานยอลดังก้องฝาดเฝื่อนทุกอณูของความรู้สึก ดวงตาหวานที่แสดงความเว้าวอนแดงกล่ำเกินจะบรรยาย

                   

                   แต่แล้วฉับพลันของดวงตาหวานก็เหลือบไปเห็นบุคคลหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับปืนสั้นในมือใหญ่จ่อเล็งไปทางแม่ของเขา ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบ หุ่นที่สมบูรณ์แบบ และใบหน้าคมที่ลอยเด่นชัดในห้วงความคิดของชานยอล

                    "พี่คริส..." ดวงตากลมเบิกกว้างกับภาพตรงหน้า เอ่ยเรียกชื่อคนมาใหม่ด้วยเสียงที่แผ่วเบา บางทีม่านตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใสอาจทำให้มองผิดไป ชานยอลยกมือขึ้นมาเช็ดทุกหยดน้ำตาให้หมดไป แต่ภาพตรงหน้าก็ยังคงเป็นเช่นเดิม... คริสยืนถือปืนเล็งไปที่แม่ของเขา

                    "ยะ.. อย่านะ อย่ายิงนะพี่คริส" หน้าหวานเอ่ยบอกด้วยหัวใจที่เต้นสั่นระรัวด้วยความกลัว ต้องไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ทำไมพี่คริสต้องทำแบบนี้ด้วย ชานยอลขยุ้มผมตัวเองอย่างไร้ทางออก เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย คริสหันหน้ามามองผู้ชายที่ทำได้เพียงร่ำไห้และขอร้องอย่าให้ฆ่าแม่ของเขา ใบหน้าคมยกยิ้มบางที่แสนอ่อนโยนให้หน้าหวานก่อนนิ้วเรียวจะค่อยๆเกี่ยวไกปืนและ....

                   

                    ปัง!

                   

                    เสียงลั่นไกปืนดังสนั่น ภาพทุกภาพอยู่ในสายตาของชานยอลทั้งหมด ใครคนหนึ่งล้มลงกับพื้นและนอนแน่นิ่งราวกับไร้ความรู้สึก แต่คนที่ล้มลงไปกลับไม่ใช่แม่ของเขา!!

                    "พี่คริส!!!" ชานยอลตะโกนร้องเรียกผู้ชายที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาด้วยความเจ็บปวด พยายามแล้วที่จะก้าวขาออกไปแต่ก็ไร้ประโยชน์ แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆที่เขาได้รู้จักกันแต่กลับเสียใจจนเหมือนจะขาดใจอยู่ตรงนี้

                    ชานยอลมั่นใจว่าคริสไม่ได้ยิงแม่ของเขา และคริสก็ไม่ได้ยิงตัวเอง มีผู้ชายร่างโปร่ง หุ่นที่ดูคุ้นตาราวกับว่าเขาโหยหายมาทั้งชีวิตอยู่ในมุมมืดยกปืนขึ้นมายิงคริสก่อนที่หน้าคมจะลั่นไกปืนใส่แม่ของเขา ทุกอย่างรวดเร็วเสียจนน่าใจหาย ชายปริศนาค่อยๆก้าวขาออกมาจากมุมมืด เล็งกระบอกปืนมาที่คริสหวังต้องการจะยิงซ้ำ

                    "นาย... มะ..ไม่วันชนะฉัน จำเอาไว้ อึก!" เสียงของคริสดังขึ้นเอ่ยบอกกับชายปริศนาอย่างทรมาน แต่กระบอกปืนก็จ่อเข้าที่จุดตายอย่างหัวใจนิ้วจะเกี่ยวรอลั่นไกปืน

                    เขาคนนั้น ผู้ชายคนนั้น...

                    "นาย ไม่!... อย่ายิงเขา อย่านะ! ไม่!!!!!"

                   

                    ปัง!!

     

                   

     

                    "ม่ายยยยยยยยยยย!!!!"   

           "ไม่จริง ฮึก! ฮืออ... พี่คริส" ร่างโปร่งสะอื้นไห้อย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ภาพที่เห็นเหมือนจะทำให้ขาดใจอยู่รอมร่อ ชานยอลเอาแต่ปิดหน้าปิดตาร้องไห้ ไม่ลืมหูลืมตา ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสนิทจนปรากฏเสียงที่แสนคุ้นเคย

                    "ชานยอล..." เสียงทุ้มแบบนี้มัน.. หน้าหวานเงยขึ้นสบตากับใบหน้าคมในความฝัน
                    "เป็นอะไร? ร้องไห้ทำไมครับ ฝันร้ายหรอ" ไม่ทันได้เอ่ยปากตอบคำถามของหน้าคม ชานยอลก็โผตัวเข้ากอดผู้ชายตรงหน้าราวกับว่าสูญเสียเขาไปแล้วจริงๆ น้ำตาใสเอ่อล้นดวงตาหวานจนชื้นแฉะ
                    "พี่คริส ฮือ... พี่คริสจริงๆด้วย" เสียงร่ำไห้ของหน้าหวานดังระงม คริสจึงยกมือขึ้นลูบหลังหวังปลอบเด็กขี้แง
                    "ใจเย็นๆนะ มันก็แค่ฝันร้าย" น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าล่วงหล่นใส่ไหล่แกร่งจนเปียกชื้น ทำให้ร่างสูงรู้สึกห่วงใยหน้าหวานจนต้องพูดให้ชานยอลรู้สึกดีมากขึ้น มือหนายกขึ้นมาลูบกลุ่มผมนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความอ่อนโยน

                    ฉับพลันหน้าหวานก็นึกถึงคนสำคัญที่หลงลืมไป ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงเขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหน...

                    "แม่.. พี่คริสแม่ผมอยู่ไหน ช่วยแม่ผมด้วย" ชานยอลลุกลี้ลุกลนเข้าเขย่าไหล่แกร่งของผู้ชายตรงหน้าจนร่างสูงสั่นไหว
                    "ฉันไม่รู้ ฉัน.. เห็นนายแค่คนเดียว ตอนนี้ฉันจะไม่ถามว่านายหนีอะไรมา เพราะคิดว่านายควรจะพักผ่อน.. ให้มากกว่านี้" คริสเน้นย้ำในประโยคสุดท้ายและหันหลังเดินไปยังประตูไม่อยากจะรบกวนเวลาพัก ผ่อนของคนป่วย สภาพร่างกายของชานยอลไม่ดีนัก เขาถูกยิงที่ต้นขาด้านขวาแต่โชคดีที่โดนแค่ถากๆจึงไม่เป็นอะไรมากนัก รวมถึงการทำงานอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานานจนทำให้ร่างกายอ่อนล้า ระบบภายในจึงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ คริสรู้ว่าชานยอลต้องผ่านความยากลำบากมากมายจึงต้องการให้หน้าหวานได้หยุด พักเสียบ้าง
                    "ไม่ ผมเป็นห่วงแม่ ผมจะไปหาแม่ โอ้ย!!" แต่ด้วยความดื้อดึงของชานยอลนั้นมีมาก เขาลุกพรวดพราดออกจากเตียงโดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างกายตัวเองนั้นบอบช้ำแค่ไหน แล้วความเจ็บที่ต้นขาด้านขวาก็แล่นพล่านจนร่างโปร่งทรุดนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง
                    "ถ้าดื้อนักก็ไปเลย แต่ไปเองนะ ฉันไม่ไปส่ง" คริสถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้นของหน้าหวานก่อนจะเดินมาหยุดลงตรงหน้าร่างโปร่ง
                    "แต่..." ชานยอลงึกงักไม่กล้าเถียงอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าร่างสูงพูดจริงและร่างกายเขาเองก็ไม่ไหวจริงๆ
                    "ชานยอล... อะไรที่สำคัญกับนายก็สำคัญสำหรับฉันเหมือนกัน" คริสทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป ชานยอลไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นเท่าไหร่นัก แต่รู้สึกชื้นใจขึ้นมาว่าแม่เขาจะต้องปลอดภัย เขาเชื่อว่าคริสจะต้องตามหาแม่ของเขาอย่างแน่นอน

     


    ..........-- Belong to you--..........


     

                    ในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีของย่านการค้า เสียงคุยจ้อกแจ้กดังระงมไปทั่ว ผู้คนมากหน้าหลายตากำลังจับจ่ายใช้สอยข้าวของกันตามต้องการ ร่างสูงสง่าก้าวขาเดินไปตามทางแคบของถนนที่มีผู้คนอยู่ข้างทางต่างกับอีกร่างที่กำลังวิ่งอย่างเหนื่อยหอบเข้ามาจากทางตรงกันข้าม ดวงตาคมเหม่อมองออกไปบริเวณรอบๆอย่างไม่จับจ้องสิ่งใดเช่นเดียวกับดวงตาหวานที่พร่ามัวจนภาพตรงหน้าเลื่อนลอย และท้ายที่สุดคนที่วิ่งก็ชนเข้ากับอกแกร่งของคนที่เดิน คริสเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อสายตาจับจ้องมองใบหน้าหวานที่ชุ่มไปด้วยเหงื่ออีกทั้งร่างกายที่ปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงก็ทำให้หัวใจหล่นวูบ

                    "ชานยอล!!" กว่าที่หน้าคมจะ  ตั้งสติได้ ร่างโปร่งก็ไม่ได้สติในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว...

                   

                    ในวันนั้นถ้าคริสไม่ได้ไปทำงานแถวย่านวุ่นวายนั่นชานยอลจะเป็นยังไง? คริสไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน้าหวานทั้งสิ้น สภาพของร่างโปร่งในยามที่วาดแขนโอบพร้อมเอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่มีความหวังแม้จะแหบพร่าจนเกือบจะไม่ได้ยินเขาก็พอจะรู้สึกได้ว่าคนหมดหนทางสู้รู้สึกดีแค่ไหน แต่นั้น ณ ตอนนั้นอารมณ์ของหน้าคมเดือดจนทะลุปรอทไปแล้ว เขาโมโหมากกับสภาพของชานยอล ใบหน้าหวานซีดเซียวราวกับขาดอากาศ เลือดสีแดงสดไหลเต็มขาเรียว หน้าหวานวิ่งมาชนเขาด้วยขาที่บาดเจ็บขนาดนี้ได้ยังไง? และเกิดอะไรขึ้นกับชานยอล? นั่นคือสิ่งที่คริสอยากรู้ที่สุด แต่ที่รู้ๆ

                   

                ใครที่ทำร้ายคนของฉัน มันไม่ตายดีแน่!...  

     

                    บอดี้การ์ดหลายคนต่างจะเข้ามาช่วยหอบร่างของชานยอลแต่ร่างสูงกลับส่ายหัวและอุ้มร่างอันสลบไสลด้วยสองแขนแกร่งของตัวเอง วางร่างที่แสนหลงใหลไว้ข้างเบาะคนขับอย่างทะนุถนอม ในตอนนี้เขาก็คงทำได้เพียงแค่ดูแลจนกว่าชานยอลจะฟื้นขึ้นมาตอบคำถามที่ค้างคาใจนี้ แต่เมื่อได้รับรู้อาการจากหมอที่จ้างมาประจำบ้านแล้วก็ต้องเก็บคำถามไว้ปล่อยให้ร่างโปร่งได้พักผ่อนไปอีกสักพัก คริสรู้สึกแย่ไม่น้อยที่ชานยอลต้องมาเจออะไรแบบนี้ ตอนที่นั่งมองร่างโปร่งขณะหลับใหลฝันร้ายยังตามมาหลอกหลอนจนหน้าหวานละเหมอออกมาอย่างหวาดกลัว แปลกใจเล็กน้อยที่ในคำพูดนั้นมีชื่อเขาอยู่ด้วย แม้แต่ตอนสะดุ้งตื่นน้ำตาก็ยังล่วงหล่นออกมาให้เห็น คริสมองใบหน้าหวานที่เอาแต่ร่ำร้องด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด

                   

                พอแล้ว... หยุดร้องได้มั้ย?

                น้ำตาของนายเหมือนจะบีบหัวใจของฉันให้แตกสลายไปเลยรู้มั้ย ชานยอล...

     

                เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงกับการพักผ่อนที่ยาวนาน ชานยอลไม่ฝันร้ายอีกแล้ว แต่ความรู้สึกก็ยังคงเศร้าหมองไม่ต่างไปจากเดิม ท้องฟ้าที่มืดสนิทด้านนอกทำให้สองขาเรียวหอบร่างที่บาดเจ็บลงมาตามบันไดยาวและนั่นทำให้คริสบ่นใส่หน้าหวานหูแทบแฉะ

                    "ผมไม่ได้เป็นอะไรมากซะหน่อย" ชานยอลเอ่ยเถียงร่างสูงที่พยุงเขามานั่งยังโต๊ะทานอาหารสุดหรู

                    "ขานายเจ็บอยู่ ถ้าตกบันไดขึ้นมาจะทำยังไง อยากเดินขาเดียวไปตลอดชีวิตหรอ" มันดูตลกนักที่ผู้ชายหน้าคมมาดเท่มานั่งบ่นเหมือนคุณแม่วัยสี่สิบแบบนี้ แต่ก็ทำให้รู้สึกดีไม่น้อยที่เพราะมันแสดงถึงความเป็นห่วง ชานยอลนั่งมองการกระทำของคริสแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ ร่างสูงเห็นเช่นนั้นจึงหยุดพูดก่อนจะหันไปสั่งแม่บ้านร่างอวบให้จัดอาหารมาให้คนป่วยที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาตอนนี้

                    "พี่คริส คือ... แม่ผมละ" ความห่วงคนเป็นมารดายังคงวนเวียนอยู่ในใจของหน้าหวาน คำพูดที่คริสทิ้งไว้ให้มันไม่ได้ชัดเจนขนาดที่จะทำให้อยู่เฉยๆได้ ตาคมเชยมองดวงหน้าใสที่ฉายความวิตกกังวลออกมาอย่างชัดเจน

                    "ฉันให้คนออกตามหาแล้วละ ไม่ต้องเป็นห่วง" เพราะไม่อยากให้ชานยอลต้องเครียดจึงต้องบอกไปแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับแม่ของหน้าหวาน แต่การตามหาใครสักคนโดยไม่เคยเห็นหน้าตา ไม่มีรูป ไม่รู้แหล่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

                    "ก่อนที่จะสลบไปผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผู้ชายตรงหน้าคนนั้นเป็นพี่จริงๆรึป่าว ได้แต่คิดในใจว่าถ้าเป็นพี่จริงๆก็คงดี ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผม สัญญาว่าจะรบกวนไม่นาน ถ้าผมหาที่อยู่ใหม่ได้เมื่อไหร่จะรีบย้ายออกทันที" ชานยอลยกยิ้มบางให้คนที่นั่งตรงข้ามกับเขา คริสมองกลับมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เดาไม่ออกเลยว่ารู้สึกเช่นไร

                    "ชานยอล... นายไม่อยากอยู่กับฉันหรอ รังเกียจฉันใช่มั้ย" ไม่รู้ว่ารู้สึกเช่นไรแต่ก็ไม่ได้อยากให้รู้สึกเช่นนี้ หน้าหวานแทบสำลักข้าวต้มที่เพิ่งตักเข้าปากไป ที่เขาพูดไม่ได้อยากให้คริสรู้สึกไม่ดีอย่างนี้

                    "ไม่ใช่นะครับ ผมเคยไม่อยากรบกวนน่ะ ผมเกรงใจ ต้องลำบากหาให้กินแถมยังต้องลำบากหาที่นอนให้อีก ความจริงพี่แค่พาผมไปโรงพยาบาลก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว แต่นี่..."    

                    "นายคิดว่าคนที่เหลือกินเหลือใช้ มีบ้านหลังใหญ่โตแต่อยู่คนเดียวอย่างฉันมันลำบากนักหรอชานยอล" น้ำเสียงทุ้มที่ราบเรียบผสมความรู้สึกขัดใจเล็กน้อยเอ่ยสวนคำพูดของหน้าหวานขึ้นมา

                    "แต่ว่าผม..."

                    "อีกอย่าง... ถ้าฉันตามหาแม่นายเจอแล้วจะบอกนายได้ยังไง นายจะตามหาเองมั้ยละชานยอล" คริสเงียบไป หน้าหวานรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากจะต้องตามหาแม่เขาด้วยตัวเอง หน้าคมช้อนตากลับมามองร่างโปร่งอีกครั้งก่อนจะเอ่ยคำพูดที่แฝงความรู้สึกไว้อย่างชัดเจน

                    "ถ้าบอกว่าไม่รู้จะขอบคุณหรือตอบแทนยังไง.... ช่วยอยู่กับฉันได้มั้ย อยู่ที่นี่กับฉัน..." มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อยที่จะรั้งชีวิตใครคนหนึ่งไว้กับเรา คริสไม่เคยขอให้ใครอยู่กับเขา เคยแต่บอกให้ใครต่อใครหายลับไปจากโลกนี้ แต่ไม่ใช่กับชานยอล เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร แค่อยากมีหน้าหวานวนเวียนอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากกอด อยากจูบ ถึงแม้จะไม่รู้มันคืออะไร แต่ค่อนข้างมั่นใจว่ามันยังไม่ใช่ความรัก มันเป็นช่วงเวลาที่สั้นเกินกว่าที่จะใช้คำที่มีความหมายขนาดนั้น

                    "พี่คริส... คือผมไม่คิดว่าจะทำได้" ชานยอลหลุบหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสำคัญขนาดนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกันนั่นคือความจริง

                    "นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันอยากได้ยิน เอาไว้หาแม่นายเจอเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกที" คริสทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกมาอย่างหัวเสีย ไม่บ่อยนักที่จะมีคนขัดเขาแบบนี้ ยิ่งเป็นคำขอแบบนั้นแล้วด้วย เขาไม่คิดว่าจะมีคนกล้าปฏิเสธผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างเช่นเขา ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงมากมายที่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคริส เขาไม่อยากให้ชานยอลเครียดแต่คำตอบที่ได้ฟังก็ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเหมือนกัน

                   

                    ร่างสูงผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อควบคุมอารมณ์ให้ใจเย็นมากขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาชานยอลที่ทานข้าวเสร็จแล้ว เขาพยุงร่างโปร่งมานั่งที่โซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัน

                    "นายยังเจ็บแผลอยู่รึป่าว?" คริสเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการกลับไปพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่าชานยอลเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

                    "ก็นิดหน่อยครับ" หน้าหวานยิ้มแห้งๆและยกมือขึ้นมาลูบหน้าขาตัวเองอย่างประหม่า ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อจากนี้เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าคมรู้สึกยังไง

                    "บอกได้มั้ยว่านายหนีอะไรมา?" คำถามที่ค้างคาใจคริสมานานถูกเอ่ยออกไปในที่สุดและคงจะเก็บต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว รู้เร็วจะได้จัดการเร็ว...

                   

                    ความไว้ใจทำให้ชานยอลยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้คริสฟังอย่างละเอียดในเมื่อตอนนี้เขาเลือกที่จะฝากชีวิตไว้กับหน้าคมจึงไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องปกปิดเรื่องนี้ไว้และมันก็ไม่ใช่ความลับจนไม่สามารถบอกใครได้ คริสนั่งฟังทุกอย่างที่หน้าหวานเอ่ยบอกอย่างตั้งใจ เขาพยักหน้ารับเป็นช่วงๆ ภายในใจร้อนรุ่มกับการถูกทำร้ายของหน้าหวาน อยากเป่าหัวคนพวกนั้นด้วยมือของเขาเอง โดยเฉพาะคนที่ทำให้ขาเรียวสวยเป็นแผลเป็นเช่นนี้

                    "นายพอจะรู้มั้ยว่าใครเป็นเจ้าหนี้?" คริสพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ให้อาระวาดด้วยความโมโหเพราะตอนนี้เขาอยากจับปืนสุดๆเลยละ                 

                    "ไม่ครับ แม่ผมเป็นคนไปยืม ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย" หน้าหวานส่ายหัวไปมา มองดูหน้าคมที่เขาพอจะจับความรู้สึกได้ว่าโมโหอย่างมาก ก็ดูมือใหญ่ที่กำหมัดแน่นนั่นสิ ชานยอลยกมือขึ้นมาจับกำปั้นแน่นของอีกคนหวังปลอบให้ใจเย็นลง เขาไม่อยากให้คริสต้องไปทำร้ายใครอีก

                    "ฝานฝาน!" แต่แล้วเสียงใสของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นขัดการสนทนาของทั้งสอง ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยหวานราวกับผู้หญิงขัดกับร่างกายที่ดูมาดแมนเหมือนกับผู้ชายทั่วๆไป

                    "อ้าวกลับมาแล้วหรอ" คริสลุกขึ้นก่อนจะเดินไปยืนข้างๆบุคคลมาใหม่ที่หน้าหวานทำได้เพียงไม่เข้าใจ ไหนบอกว่าอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว?

                    "ใครอ่ะ?" คนหน้าสวยเสมองมาทางชานยอล เอ่ยถามเสียงดังอย่างไม่คิดจะปกปิด

                    "ลู่หานนี่ชานยอลนะและชานยอลนี่ลู่หานลูกเพื่อนพ่อฉันเอง" คริสแนะนำทั้งสองให้รู้จักกันตามมารยาท

                    "เหอะ! ลูกเพื่อนพ่อหรอ..." ลู่หานเบ้ปากใส่กับสถานะที่คริสมอบให้ ไม่ได้อยากเป็นมากกว่านั้นหรอกนะแต่แลดูอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะมีความสำคัญกับคริสซะเหลือเกิน

                    "ลู่หานอย่าเสียมารยาทนะ" หน้าคมติเตือนก่อนที่คนหน้าสวยจะแผลงฤทธิ์ไปมากกว่านี้ ถึงแม้จะบอกว่ามาหาเมียแต่ผู้ชายคนเนี้ยร้ายกาจเป็นไหนๆ ผู้หญิงที่ติดพันคริสส่วนใหญ่หนีไปก็เพราะผู้ชายหน้าสวยอย่างลู่หานนี่แหละ

                    "เป็นอะไรกับเก้อหรอถึงจะต้องมีมารยาทด้วย?" คนหน้าสวยเอ่ยถามกวนๆเล่นเอาคริสกัดฟันกรอดอย่างเหลืออด อุตส่าห์เลี่ยงไม่บอกแล้วนะว่าชานยอลอยู่ในสถานะไหนเพราะเขาเองก็ระบุความสัมพันธ์ของหน้าหวานไม่ถูกเหมือนกัน เป็นคนรักก็ไม่ใช่ เป็นน้องก็ไม่เชิง

                    "เป็นคนรู้จักน่ะ ไม่ต้องมีมารยาทก็ได้ ถ้าคุณเป็นคนไม่มีมารยาทโดยพื้นฐานอยู่แล้ว" หน้าหวานที่นั่งเงียบปล่อยให้คนหน้าสวยผยองใส่ได้ไม่นานก็ตอกกลับ ชานยอลไม่ใช่คนยอมคนหรือยอมถูกเอาเปรียบ ถึงแม้จะเติบโตมาในสังคมชั้นล่างแต่ก็ถูกสั่งสอนมาให้รู้จักกับมารยาทในสังคมไม่ต่างจากคนอื่นๆ คริสดูอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดของหน้าหวาน ทั้งสถานะที่อีกคนระบุไว้เพียงแค่นั้นและความร้ายกาจที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก

                    "พอดีว่าเลือกมีมารยาทกับคนที่สมควรมีมารยาทด้วยน่ะ อย่างนายเป็นแค่คนรู้จักคงไม่จำเป็นต้องลดตัวไปทำแบบนั้น" แม้ลู่หานจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ความหมายมันแฝงไปด้วยการดูถูกเหยียดยาม คริสหันมองชานยอลที่ยังคงนิ่งราวกับรับมือเรื่องพวกนี้มาอย่างนับไม่ถ้วน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเช่นนั้น

                    "ขอบคุณที่ไม่เอานิสัยแย่ๆของคุณลงมาเปรอะเปื้อนชีวิตของผม" หน้าหวานยิ้มร้ายอย่างที่หน้าคมไม่เคยได้เห็น ร่างสูงไม่คิดเลยว่าชานยอลจะร้ายได้ขนาดนี้ แปลกใจแต่ก็ชอบใจ อย่างน้อยก็ดูจะรับมือกับคนหน้าสวยที่ร้ายเหมือนกันได้ดี ลู่หานชักสีหน้ากับคำตอบที่ได้เล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติ

                    "ฝานฝานไปรู้จักกับคนพันธ์นี้ได้ยังไง นิสัยแย่สุดๆ" คนหน้าสวยเดินเข้าไปคล้องแขนร่างสูงเพื่อต้องการยั่วอารมณ์หน้าหวานให้โกรธ คริสรู้สึกเหมือนอยู่กลางดงของหญิงสาวที่กำลังฟาดฟันกันด้วยคำพูดจิกกัดก็ไม่ปาน เฮ้อ~

     

                    ดูเหมือนว่าชีวิตของผมจะไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้วละ
                     :'\

    .....................................................................................................................

    Talk with me

     

    เอาแล้วลู่หานคนแมนเราแผลงฤทธิ์ละ อืม... จริงๆแล้วนางเป็นคนแบบนี้

    รักเมียแต่มาสะดิ้งกับเฮียอีกที 555555 มันจะไม่แมนก็ตรงนี้ -..-

    ใครบอกพี่คริสเราร้าย? ไม่นะไม่ พี่คริสคนดีสามีไรท์(?)เอง อุอิ้

    เอาจริงๆแล้วเราเมนชานยอลแหละ แต่แต่งให้นางลำบากลำบนเหลือเกิน 5555

    ตอนหน้าๆก็มาตามดูกันต่อไปว่าผู้ชายปริศนาในความฝันน่ะเป็นใคร สปอยล์อ่ะเธอวว์

    รักคนเมนท์นะ ขอบคุณที่ให้กำลังใจจ้า ^^

     ...แต่ติดแท็กกันบ้างสิ นี่บ้านไม่เล่นทวิตกันหรอ???

    #ฟิคของคุณ !!  แปะไว้บนหน้าผากเลยนะ ฮริ้งงง

    เจอกันตอนหน้า กราบสวัสดี 





    B ♔ W
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×