ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Fic exo} Belong to you : Krisyeol

    ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 22 :: The End

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.17K
      6
      3 พ.ย. 58





    22

    The End

     

     

    “แต่เสียใจด้วยนะ ..ไคไม่อยากได้คำขอโทษ”   

     

    จงอินก็แค่อยากจะอยู่ในสายตาของชานยอลบ้าง ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าหัวใจของอีกคนเลือกใครทั้งๆที่พยายามแทบตายแต่สุดท้ายในความคิดของปาร์คชานยอลก็ยังมีแต่อู๋อี้ฝาน ในอดีตเขาอาจจะเคยเป็นคนไม่ดีที่ทิ้งชานยอลไป ตอนนี้เขากำลังแก้ตัว ชานยอลเปิดโอกาสให้แต่ไม่เคยเปิดใจเลย

    ตอนแรกเขาอยากจะยิงคนที่ชานยอลรักให้ตายๆไปเหมือนกับที่มันเคยสั่งให้เขาไปทำกับคนอื่นๆ แต่ภาพชานยอลเดินมารับกระสุนปืนแทนไอ้ห่านั่นแล้วเขานึกอยากจะหันปืนกลับมาระเบิดหัวตัวเองเสียจริง

     

    “อย่ายิงนะไค” ดวงตากลมอ้อนวอนซะจนเขานึกหงุดหงิด

    “เลือกไคสิ” ชานยอลชะงักไปก่อนสีหน้าลำบากใจจะฉายขึ้นหลังจากนั้น หึ.. เขาพูดทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขามันก็แค่คนแพ้

    “...ยอลทำไม่ได้” ชัดเจน.. ทุกอย่างมันชัดเจนแล้วว่ายังไงชานยอลก็ไม่เลือกเขา จงอินเปลี่ยนเป้าหมาย เล็งกระบอกปืนหันกลับมาที่ศีรษะของตัวเอง

    “ไคทนเห็นยอลกับมันต่อไปไม่ได้แล้วเหมือนกัน”

    “ไม่! ยะ..อย่านะไค” ชานยอลเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ถ้าต้องเห็นอีกคนเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาเพราะเขา ชานยอลเองคงจะเสียใจไม่น้อยเช่นกัน

    จงอินยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่เดาอารมณ์ไม่ได้ทำให้ชานยอลนึกกลัว เขาขอแค่อย่าลั่นไก อย่าคิดทำอะไรที่มันต้องเกิดการสูญเสียเลย

     

    “โธ่เว้ยย!!” กระบอกปืนสีดำขลับถูกเขวี้ยงทิ้งไปอย่างแรง จงอินสบถด้วยความโมโห เขาไม่ได้คิดว่าจะทำร้ายใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในกระบอกปืนไม่มีลูกกระสุนด้วยซ้ำ

     

    เขาก็แค่เกลียดที่เดินผ่านมาได้ยินถ้อยคำคืนดีของทั้งสองคน

    แค่เกลียดที่คนที่ชานยอลเลือกไม่ใช่เขา

    แค่เกลียดอู๋อี้ฝาน เกลียดที่ตัวเองเป็นคนแพ้

    จงอินก็แค่คนพาล..

     

     
     

     

    ------------------ Belong to you ----------------

     

     

     

                    ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ค่อยๆย่างก้าวขึ้นเตียงอย่างระมัดระวังไม่ให้รบกวนอีกคนที่ยังคงนอนหลับอยู่ คริสหันตะแคงนอนมองเด็กน้อยขี้เซาของเขาเพียงไม่นานดวงตากลมก็ค่อยๆเปิดขึ้น ชานยอลกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับแสงก่อนจะเจอกับใบหน้าคมเป็นสิ่งแรก ทั้งสองส่งยิ้มบางๆให้กัน มือใหญ่เอื้อมไปลูบผมนุ่มอย่างอ่อนโยน

     

                    “ไคล่ะ...” หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานชานยอลเองก็ยังไม่สบายใจ จงอินเดินหนีไปดื้อๆหลังจากขว้างปืนทิ้ง แต่เมื่อเช้าก็มีลูกน้องมาตามให้คริสลงไปคุยกับมือขวาคนสนิท ชานยอลที่ไม่ได้มีส่วนร่วมจึงได้แต่นอนรอเฉยๆเท่านั้น

                    “ไปแล้ว จงอินมาลาออกแล้วก็ออกไปแล้ว” คริสตอบพร้อมกับลูบแก้มใส เขาไม่นึกโกรธที่อีกคนดูเป็นห่วงเป็นใยจงอินมากขนาดนี้ ที่ผ่านมาเขาเจอหนักกว่านี้เสียอีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าชานยอลเลือกเขา

                    “ไปไหน?” คิ้วสวยขมวดเป็นปม

                    “ไม่รู้สิ ไม่ได้บอกไว้ เขาคงไม่อยากให้ใครรู้” นิ้วยาวไล้ไปตามกลีบปากอิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

                    “ก่อนจะไปอย่างน้อยก็น่าจะลากันบ้าง..” ปากเล็กเบะคว่ำงอแงเหมือนเด็กๆ

                    “จงอินคงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่” ...ในที่ที่จะไม่มีอะไรมาทำร้ายจิตใจเขาได้


     

     เมื่อเช้าคริสลงไปคุยกับจงอินในสถานะเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ไม่ใช่ลูกน้อง จงอินเพียงแค่มาขอลาออก ไม่มีคำด่า ไม่มีคำขอโทษหรือขอบคุณ พวกเขาแค่สบตากันครู่หนึ่งก่อนจงอินจะเดินออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่คริสสัมผัสได้คือจงอินก็แค่ผู้ชายอกหักที่ต้องการจะหลบไปพักทำใจเพราะในดวงตาคู่นั้นมันไม่มีความโกรธ มีแต่ความเสียใจ อี้ฝานเชื่อว่าคนเก่งๆอย่างงจงอิน สักวันจะต้องกลับมายืนอย่างโดดเด่นได้เหมือนเดิม เขาก็ได้แต่ขอให้เพื่อนสนิทเจอคนดีๆและความรักดีๆ  

     

    “ไปอาบน้ำเถอะ วันนี้เรามีแขก” หน้าคมว่าพร้อมกับโน้มไปฟัดแก้มขาวให้หายหมั่นเขี้ยวก่อนจะปล่อยให้ร่างโปร่งวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป ไม่เป็นไรหรอก เขายังมีเวลาฟัดเด็กน้อยอีกทั้งชีวิต

     
     

     

     

     

    เสียงจ้อกแจ้กจอแจด้านล่างเป็นสิ่งผิดปกติวิสัยสำหรับบ้านหลังนี้เป็นอย่างมาก ปาร์คชานยอลที่กำลังเดินลงมาจากด้านบนรู้สึกแปลกๆแต่เพราะคริสบอกว่าวันนี้มีแขกเลยไม่ได้คิดอะไร ทันทีที่เขาเดินลงมาชั้นล่าง ใบหน้าสวยที่เปล่งประกายออร่าพร้อมผู้ชายน่ารัก ตาชั้นเดียวกับริมฝีปากบางเฉียบ ชานยอลได้แต่กระพริบตาปริบๆ

     

    “สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะปาร์คชานยอล” นี่คงเป็นแขกที่พี่คริสพูดถึงสินะ ตอนแรกชานยอลเองก็แปลกใจที่จู่ๆคนหน้าสวยก็หายไปจากบ้านทั้งๆที่เมื่อก่อนจะอยู่คอยหาเรื่องกันแท้ๆ

    “สวัสดีลู่หาน” ร่างสูงเดินเข้ามาห้ามทัพทั้งสองที่ดูเหมือนกำลังฟาดฟันกันด้วยสายตา แขนแกร่งวาดโอบเอวคอดรั้งเข้ามาชิดตัว  

    “สองคนนี้เมื่อไหร่จะสงบศึกกันสักที ลู่หานก็มีแฟนไปแล้วนะ อ้อ.. นี่มินซอกนะชานยอล เป็นแฟนของลู่หาน” คริสผายมือไปยังผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างลู่หาน อ่า.. น่ารักชะมัด ทั้งสองเอ่ยทักกันตามมารยาทก่อนทั้งหมดจะพากันไปนั่งในห้องรับแขก

    “ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วนะเก้อ นี่มาอย่างสันติ” ลู่หานยิ้มทะเล้นก่อนจะเดินมายืนตรงหน้าชานยอลแล้วยื่นมือออกมา คนหน้าหวานได้แต่มองอย่างงงๆ

    “มาจับมือสงบศึกกันหน่อยสิ” ชานยอลยิ้มน้อยๆก่อนจะลุกขึ้นมาเชคแฮนด์กับลู่หานแต่แล้วจู่ๆมือขาวนั่นก็ดึงร่างโปร่งเข้าไปชิดพร้อมกับขโมยหอมแก้มขาวอย่างรวดเร็ว ชานยอลที่ตั้งตัวไม่ทันได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ

    “หู้ววว ความนิ่มนี้ ถึงว่าเก้อถึงไปไหนไม่รอด แต่ความหอมเทียบจ๊อกไม่ติดเลย” มือขาวเอื้อมมาบีบแก้มนุ่มนิ่มนั่นอีกครั้งก่อนจะเดินไปนั่งที่เดิม คริสที่เห็นคนรักยังคนยืนนิ่งอยู่จึงดึงมือให้อีกคนล้มลงนั่งตามเดิมแล้วฝังจมูกบนแก้มข้างเดียวกับที่ลู่หานฉกฉวยไป

    “อย่ามาทับรอยฉันนะเว้ย ลู่หานมันก็เป็นแบนี้แหละ หายตกใจรึยัง หืม?” หน้าหวานพยักรับช้าๆ ดวงตากลมมองสองคนตรงหน้าที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน มินซอกไม่โกรธลู่หานเลยแหะ..

    “มินซอกไม่โกรธลู่หานเลยหรอ?” หน้าคมถามเหมือนรู้ใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

    “ไม่หรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง ดีซะอีกที่ลู่หานไม่มีอะไรคาใจกับคุณชานยอลแล้ว ผมก็สบายใจไปด้วย ตราบใดที่ยังเป็นแค่คนในครอบครัวผมก็ไม่โกรธหรอกครับ แค่หอมแก้มเอง” ซิ่วหมิ่นยังคงยิ้มและขำตลอดเวลาที่พูด แต่ความหมายในประโยคมีมากมายไปหมด นี่สินะถึงคุมไอ้ตัวแสบอยู่ ขนาดหน้ากวางๆนั่นถูไถออดอ้อนซะขนาดนั้นก็ยังไม่ใจอ่อนแถมยังดูรำคาญอีก นี่ถ้าชานยอลอ้อนคริสแบบนั้นมีหวังลุกไม่ขึ้นไปหลายวัน... อ่อ จะใช้ให้ลุกนั่งน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก..

    “หิวแล้ววววว” คนแมนตะโกนประท้วงเพราะน้ำย่อยกำลังเล่นงานกระเพาะเขาอยู่ ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันในการเข้าครัวไปเตรียมของที่ซื้อมาเพื่อปาร์ตี้บาร์บีคิวกันในเย็นนี้


     

    นี่สินะ ความสุขที่รอมาตลอด

    ไม่มีความลับ ไม่มีความหลอกลวง ไม่มีการบังคับ

    และไม่มีอะไรที่มากไปกว่า 1 คู่ 2 คน

    อู๋อี้ฝานได้สัมผัสความสุขจริงๆก็วันนี้..

    มีความสุขชะมัดเลย  

     

     


     

    ------------------ Belong to you ----------------

     

     

     

    บรรยากาศวันนี้อึมครึมเกินกว่าจะออกไปไหน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆที่บดบังแสงแดดอุ่นจากดวงอาทิตย์ อากาศเริ่มหนาวเย็นจนนึกอยากหยิบเสื้อกันหนาวที่แช่ค้างอยู่ในตู้ออกมาใส่ รายการโทรทัศน์ที่เปิดอยู่รายงานข่าวพยากรณ์อากาศว่าวันนี้จะเริ่มเข้าฤดูหนาวเป็นวันแรก หลายคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้น ชื่นชอบ หรืออาจจะน่าเบื่อ แต่สำหรับร่างสูงผิวสีแทนแล้ว วันนี้มันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง..

     

    จงอินลุกขึ้นจากโซฟาตัวเก่ง เดินไปหยิบถุงอาหารสำหรับสุนัขมาเทใส่ถาดให้กับมงกู สุนัขพันธุ์พุดเดิลสีน้ำตาลเข้มที่กำลังวิ่งแจ่นมาหาเขาด้วยความดีอกดีใจ มือใหญ่ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู นั่งมองสัตว์เลี้ยงสุดรักจัดการกับอาหารในถาดอย่างใจเย็น ตาคมมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีลมเย็นพัดผ่านจนผ้าม่านขยับเขยื่อน เสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระดิ่งบ้านข้างๆดังขึ้นพร้อมๆกัน ทุกอย่างดูเรียบง่าย ไม่วุ่นวาย เขาชอบความสงบของที่นี่

     

    จงอินย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งนอกเมือง บ้านสไตล์โมเดิร์นที่มีเฟอร์นิเจอร์และสีของบ้านเพียงแค่ไม่กี่สี คือ ขาว ดำ เทา น้ำตาล มันเป็นลักษณะเด่นที่ทำให้เขาเลือกที่นี่ แต่พอมาอยู่ก็พบว่ามันสบายใจอย่างประหลาด คงเพราะว่ามันเงียบสงบ หลีกหนีจากความวุ่นวายของสังคมเมือง ตัวเขาเองก็มีอิสระ ไม่ต้องข่มขู่คน ฆ่าคน หรือเจอคนที่เขาไม่อยากเจอ..

     

    ผ่านมาสองอาทิตย์กว่าอะไรๆมันก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ เขาก็แค่พยายามนึกถึงแต่ปัจจุบัน ใช้ชีวิตเรื่อยๆตามที่ใจอยากทำ ขอแค่มีความสุขหรือแค่ไม่ทุกข์มันก็เพียงพอแล้ว มงกูที่กินอาหารในถาดจนพร่องไปเยอะหันกลับมานั่งบนตักของเจ้าของ จงอินยิ้มน้อยๆ หยอกล้อกับเพื่อนสนิทตัวใหม่ของเขา

     

     


    ติ๊งต่อง~

     

     

    คิ้วเข้มขมวดเป็นปมด้วยความแปลกใจ มีคนมาหาเขาหรอ? ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักเขาเลยเนี่ยนะ น่าแปลก.. ร่างสีแทนลุกขึ้นเดินไปส่องดูที่หน้าต่างปรากฏผู้ชายตัวเล็กหลังรั้วสีขาวที่กำลังยืนชะเง้อมองเข้ามาในบ้านของเขาพร้อมกับของอะไรบางอย่างในมือ เมื่อสังเหตเห็นว่าไม่น่ามีพิษภัยอะไรเขาจึงเปิดประตูเดินออกไปยังรั้วหน้าบ้าน

     

    “มีอะไรรึเปล่าครับ?” จงอินเอ่ยถามพร้อมกวาดสายตาสำรวจบุคคลตรงหน้าอย่างไม่เห็นอีกคนสังเกตเห็น

    “สวัสดีครับ พอดีผมเป็นเพื่อนข้างบ้านของคุณ เห็นคุณเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เลยทำขนมมาให้น่ะ” ริมฝีปากรูปหัวใจฉีกยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตมองมาที่เขาอย่างเป็นมิตร มือขาวยื่นจานบลูเบอร์รี่ชีสเค้กมาให้ตรงหน้า จงอินจึงรับไว้เป็นมารยาท แต่มันก็แอบดูน่ากินไม่น้อยเลยล่ะ

    “ขอบคุณครับ” เขาโค้งให้ร่างเล็กตรงหน้าน้อยๆพร้อมรอยยิ้ม

    “ความจริงผมเห็นคุณตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาแล้วนะ ว่าจะทำขนมมาให้ตั้งหลายครั้งแต่บ้านคุณเงียบซะจนผมคิดว่าไม่มีใครอยู่เลยกลัวจะมาเก้อ พอดีวันนี้เห็นเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้เลยลองเอามาให้ดู” จงอินมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วทั้งๆที่ลุคดูน่าจะเป็นคนเก็บตัวเสียมากกว่า เสื้อผ้าสีดำทั้งชุดที่อีกคนสวมใส่ทำให้เขาคิดเช่นนั้น

    “อย่างงี้ผมจะเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ทุกวันเลย จะได้กินเค้กที่คุณทำ” ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลองชิมแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงคิดว่ามันต้องอร่อยแน่ๆก็ไม่รู้ ก็คงเหมือนกับคนทำ ต้องลองก่อนถึงจะรู้ว่าอร่อยรึป่าว แต่หน้าตาน่ากินมากเลยนะ..

    “คุณยังไม่ได้ทานเลย มันอาจจะไม่อร่อยถูกปากคุณก็ได้นะ”

    “แค่ได้กลิ่นผมก็คิดว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ เอ่อ.. คุณเข้ามาคุยกันในบ้านก่อนมั้ยครับ?” พอเห็นร่างเล็กลูบแขนปอยๆคงเพราะอากาศที่เริ่มเย็นจงอินเลยเอ่ยปากชวน

    “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมอบทาร์ตไข่เอาไว้ ตอนนี้มันคงกำลังได้ที่พอดี ไว้คราวหน้านะครับ เดี๋ยวผมเอาทาร์ตไข่มาให้คุณลองชิมด้วย” กลิ่นหอมๆในแต่ละวันที่เขาได้กลิ่นคงมาจากบ้านข้างๆนี่สินะ ขนาดคนตัวเล็กตรงหน้ายังมีกินเบเกอรี่ติดตัวมาเลย

    “ได้เสมอครับ เดี๋ยวผมเป็นหนูทดลองให้เอง” กลีบปากรูปหัวใจยกยิ้มครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเป็นธรรมชาติ อาจจะยิ้มแก้เก้อหรือตามมารยาทแต่สำหรับจงอิน เขามองว่ามันน่ารักดี ..เจ้าของรอยยิ้มน่ะ

    “เอ่อ.. ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ?” ตากลมๆนั่นมองใบหน้าคมเข้มหวังคำตอบที่ตัวเองถาม

    “จะ...ไคครับ ผมชื่อไค” จงอินเกือบบอกชื่อจริงๆของเขาออกไป แต่เขาอยากให้คนตรงหน้าเรียกเขาว่าไคมากกว่า เผื่อว่าวันนึงมันจะกลายเป็นชื่อที่ได้ยินแล้วจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

    “แล้วคุณล่ะครับ?” ตาคมจ้องลึกเข้าไปในตากลมอย่างชื่นชอบ เขารู้สึกว่ามันน่าค้นหา คนตรงหน้ามีอะไรให้น่าสนใจไม่น้อยนอกจากหน้าตาที่น่ารักและรอยยิ้มหวานนั่นแล้ว จงอินอยากรู้จักผู้ชายคนนี้มากขึ้น...



     

     

    “ผมคยองซูครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

     

     

     


     

    ------------------ Belong to you ----------------

     

     

     


                    ผืนทรายสีขาวสะอาดตากับผืนน้ำที่เป็นประกายระยิบระยับยามแสงอาทิตย์ตกกระทบ ลมเย็นพัดกลิ่นของทะเลวันนี้ให้ความสดชื่นไม่เท่าความหอมของดอกไม้จากซุ้ม เสียงบทสทนาดังเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสายจากผู้คนระรานตาในชุดสีอ่อน บ้างฟ้า ชมพูพาสเทล ครีม ไปจนถึงสีขาว บรรยากาศวันนี้ดีเหลือเกิน ดีเหมือนงานที่กำลังดำเนินไปอย่างราบเรียบ

     

                   

    งานแต่งงาน

     


     

                    “ฝานฝานทำไมใส่ชุดอะไรก็หล่ออ่ะ ไม่ยุติธรรมเลย” รู้งี้ปล่อยให้ทะเลาะกับชานยอลนานๆก็ดี คนหน้าสวยยู่ปากด้วยความหมั่นไส้ พออิ่มเอมความสุขทีหล่อขึ้นกว่าตอนแรกที่ว่าหล่อแล้วซะอีก แต่ช่างเถอะ ไม่มีใครหล่อเท่าลู่หานคนแมนคนนี้ไปได้หรอก!

                    “ฉันหล่อก็ไม่สำคัญเท่าเจ้าสาวฉันสวยหรอก” คนหน้าคมหัวเราะเบา ผู้ชายสองคนที่กำลังเดินมาหายิ้มให้พวกเขา แต่คริสเห็นเพียงผู้ชายตัวสูงร่างบางกำลังฉีกยิ้มที่เขาคิดว่ามันหวานจนเคลิ้มมาให้ เมียใครก็ไม่รู้โคตรน่ารักเลย!

                    “ทำไมทำหน้าแบบนั้น?” คนหน้าหวานทักอี้ฝานที่กำลังทำหน้าแปลกๆเหมือนละเมอเพ้อฝันอะไรสักอย่างแอบดูเจ้าเล่ห์หน่อยๆด้วย ชานยอลรู้สึกว่ามันอันตราย ยิ่งเป็นอู๋อี้ฝานยิ่งอันตราย!

                    “เลิกอ้อนเป็นแมวสักทีเถอะหน่าลู่หาน” คนน่ารักกระตุกไหล่ไล่คนแมนที่เอาคางมาเกยแล้วก็ถูไปถูมาเพื่ออ้อนเขา มินซอกอยากจะบ้าตายกับความงุ้งงิ้งของลู่หาน หน้าหวานอย่างกับบาร์บี้แถมขี้อ้อนสุดๆแต่ปากก็บอกว่าแมนๆ โถ่.. ยอมเชื่อเพราะเป็นเมียหรอกนะ ไม่งั้นจะไปอัพซิกแพคแน่ๆ!   

     

     


     

    งานแต่งงานของทั้งสองคู่

    ลู่หาน คิมมินซอก และ อู๋อี้ฝาน ปาร์คชานยอล

     

     


     

    แหวนทองคำขาวผิวเรียบด้านในสลักตัวอักษร KY เอาไว้กำลังจะถูกสวมใส่ให้กับปาร์คชานยอล ใจของคริสเต้นสั่นระรั่วด้วยความตื่นเต้น เหตุการณ์เรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกหลั่งไหลเข้ามาราวกับหนังที่กรอกลับไป..

    ปาร์คชานยอลสำหรับผมก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดาคนนึงที่ผมมีความรู้สึกพิเศษด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า มันไม่ใช่ความรักจนกระทั่งผมเริ่มสืบประวัติเขา อยากเจอหน้าเขา สร้างแผนการบ้าๆเพื่อให้ได้เขามา หรือแม้กระทั่งทนเห็นเขาเป็นของคนอื่นเพราะไม่อยากเสียเขาไป ผมไม่เคยสนใจเลยว่าอดีตเขาจะเคยเป็นใครหรือเป็นอะไร ผมแค่รู้สึกว่าเขาพิเศษและผมเองก็ไม่รู้จะไปหาคนแบบนี้ที่ไหนบนโลกอีกแล้ว  ...เพราะปาร์คชานยอลมีแค่คนเดียว จนถึงตอนนี้ผมจึงเรียกเขาว่าความรัก...

     


     

    ปาร์คชานยอลมองแหวนทองคำขาวผิวเรียบที่ด้านในสลักตัวอักษร KY เอาไว้กำลังจะถูกสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้างของตนด้วยหัวใจที่เต้นแรง รู้สึกเห่อร้อนไปทั่วแก้มขาวเดาว่าตอนนี้มันคงขึ้นสีแดงไปหมด เขาส่งยิ้มหวานไปให้กับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า...

    อู๋อี้ฝานสำหรับผมเขาคือผู้ชายที่พิเศษที่สุดในโลก ผมไม่รู้ว่าหัวใจของเขาทำด้วยหินผารึป่าวถึงสามารถทนกับความเจ็บปวดได้ขนาดนี้ ตอนแรกเขาก็แค่ผู้ชายที่มาใช้บริการกับโฮสต์คนนึง ผู้ชายตัวสูง ใบหน้าและดวงตาคมเข้ม ผมหลงใหลมันมาก มากเสียจนจะเป็นจะตายเมื่อเขาหายไปนานๆ แต่ตอนนี้ยามที่เห็นคนตรงหน้าทำให้ผมอยากจะขอโทษเขาเป็นล้านๆรอบกับความผิดพลาดที่ผมได้ทำร้ายจิตใจเขาลงไป แต่เพราะว่าอู๋อี้ฝานไม่อยากได้ยินคำขอโทษ ผมเลยได้แต่บอกว่าผมรักเขาแค่ไหน...

     

     


     

    ส่วนอีกคู่ที่สวมแหวนให้กันเสร็จเรียบร้อยไปแล้วและกำลังจะจุมพิตแห่งงรักเพราะโดนเพื่อนยั่วยุ ลู่หานกับคิมมินซอก..

    มินซอกน่ะหรอ.. ผมว่าเขาเหมือนกาแฟเพราะผมชอบ แค่นั้นแหละครับ ผมชอบเขามากจนมันกลายเป็นความรัก ไม่ว่าผมจะต้องตามตื้อเขาไปอีกนานแค่ไหนผมก็จะทำ เหตุผลก็แค่ผมรักเขา ไม่มีอะไรมากกว่านั้นครับ...

     

    ลู่หานหรอ.. ตุ้ดครับ หน้าหวานขนาดนั้นแต่คิดมาจีบผม ตามตื้อจนน่ารำคาญ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนให้ไอ้หน้าหวานๆนั่นแหละครับ ผมแค่รู้สึกว่าคนๆนี้จะดูแลผมได้ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามเพราะตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ความดีของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน ตรงนี้ล่ะครับที่ทำให้ผมตกหลุมรัก...

     

     


     

    แหวนแต่งงานบนนิ้วนางของซ้ายของทั้งสี่คนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าพวกเขาเป็นของกันและกัน เป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันนับจากวันนี้ไปจนแก่เฒ่า และจะเป็นของกันและกันจวบจนสิ้นลมหายใจ

     

     

    เพราะตอนนี้ ..

     

    ปาร์คชานยอลเป็นของอู๋อี้ฝาน

     

    และ

     

    อู๋อี้ฝานเป็นของปาร์คชานยอล

     

    ตลอดไป

     

     

     
     

    ...........................................................................................................


     

    สวัสดีค่ะ

    เราจะไม่บอกหรอกว่าเราชื่อยีนส์ เป็นไรท์เตอร์เรื่องนี้มาปีกว่าๆแล้ว

    เราอยู่กันมานานใช่เล่นนะ ใจหายจังเลย

    ตอนนี้กัปตันพาผู้โดยสารทุกท่านมาถึงท่าอากาศยานโดยสวัสดิภาพแล้วนะคะ

    ขอขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา

    หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมเดินทางกันอีก

    ทางสายการบินเตรียมเปิดเที่ยวบินใหม่แล้วนะคะ อย่าลืมไปติดตามกันล่ะ

    รายละเอียดจะเอามาบอกในสเปเชียลอีกทีเนาะ

    สำหรับฟิคเรื่องนี้คือพล็อตเรื่องตอนแรกไม่ใช่แบบนี้เลย สารภาพว่าตั้งใจจะแต่งให้ไม่จบแฮปปี้

    แต่เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน พล็อตฟิคเราก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นกัน

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากนะคะที่อยู่ข้างๆกันมาจนถึงตรงนี้

    ไม่ว่าจะเป็นแบบออกนาม ไม่ออกนาม หรือนักอ่านเงาก็ตาม

    เราขอบคุณมากจริงๆ

     

    แต่ !!!!!!!!

     

    ไหนๆก็ตอนสุดท้ายแล้วนะ ใครที่แอบหลบซ่อนเราอยู่เผยตัวตนออกมาเถอะ!

    ให้เราได้รู้จักกันหน่อย ในทั้งหมด 22 ตอนอ่ะ

    เราขอให้แค่คอมเมนต์ตอนนี้เท่านั้นเอง คงไม่หนักหนาเกินไปใช่มั้ย..

    เมนต์แค่ ไรทเตอร์สวยมากก็เป็นกำลังใจให้เรามากแล้วอ่ะจริงๆ

    สุดท้ายนี้หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องคอมเมนต์บอกเราไว้

    แล้วเราจะมาตอบคำถามให้แน่นอน!

    ส่วนใครที่หวังไคเซไว้นะคะ เราเอานุ้งฮุนมาทิ้งโบ้มแล้วก็หายไปค่ะ 55555

    ไปจริงๆแล้วนะ ;(

     



    อย่าลืมคอมเมนต์ให้เรานะ นักอ่านเงา

    เราจะรอ..

    เมนต์เถอะ .. อยากอ่าน

     

     


    รักทุกคนเพราะทุกคนน่าร้ากกกก

     

    จุ๊บนะ


     

    #ฟิคของคุณ

     










     


    T H E M E
    ◈ B L & W H ◈
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×