ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Fic exo} Belong to you : Krisyeol

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 :: Confuse

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 831
      2
      18 ธ.ค. 57



    11

    Confuse

     

                ผ่านไปหลายต่อหลายวันกับช่วงเวลาแห่งความสุขราวกับความฝัน เราต่างเรียนรู้กันและกัน สัมผัสแสนอบอุ่นนั่นเข้ามาเติมเต็มทุกช่องว่างของความรู้สึก รอยยิ้มหวานจุดขึ้นทุกครั้งที่สองสายตาประสาน ดวงตาคมทำให้ดวงตากลมหยีลงช้าๆจนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าหัวใจดวงน้อยกำลังไหวหวั่นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชานยอลนึกอยากจะหยุดเวลานี้ไว้เสียจริง ยามที่สองมือเราประสานเข้าหากันแนบสนิท ยามที่คุณประทับริมฝีปากลงมอบจูบแสนหวาน ผมอยากจะลืมตาดูสีหน้าคมนั่นจังว่าจะรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆนุ่มเหมือนผมบ้างไหม แต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่หลับตารับทุกความรู้สึกที่คุณส่งผ่านมาเพียงแค่นั้น

               

                มีอิทธิพลกับหัวใจของผมมากไปแล้ว...

               

                    ผมอยากมีคุณอยู่ตรงนี้ จับมือกันให้นานกว่านี้ บดเบียดช่วงชิงความหอมหวานของกลีบปากพร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆพองโต อยากลืมตาแล้วเจอคุณอยู่ข้างๆหลังจากนั้นเราค่อยใช้เวลาที่เหลือทั้งวันกับกิจกรรมอย่างอื่น ...ที่มีแค่เรา

     

                    แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ได้ชื่อว่าความฝัน สักวันเราก็ต้องตื่น...

     

     

     

    --------------- Belong to you ---------------

     

     

                    เสียงน้ำตกในสวนข้างบ้านดังก้องอยู่ในโสตประสาต เช่นเดียวกับสายน้ำในลำธารที่ยังคงไหลวนเวียนไปเรื่อยๆ ถูกสูบขึ้นสู่น้ำตกแล้วไหลลงมายังลำธารด้านล่างเป็นวงจร คงไม่ต่างอะไรกับลมหายใจของชานยอลที่ถูกสูดเข้าไปแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้ไม่ใช่วันแห่งความสุข ไม่ได้แสนหวานเหมือนที่ผ่านมา ในเมื่อจูบแรกในยามเช้ามันจากไปพร้อมๆกับคนที่ควรจะอยู่ข้างกายเขา

     

                    คริสหายไป... การตื่นมาแล้วไม่รู้สึกถึงไออุ่นที่โอบกอดให้เขาอุ่นใจมันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย แม้จะแอบหวังน้อยๆว่าอาจจะตื่นก่อนแต่พอตามหาทั่วบ้านแล้วกลับไม่พบแม้แต่เงา ไม่มีแม้แต่คำบอกกล่าวหรือโน้ตเล็กๆที่จะไม่ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจเช่นนี้ ก็แค่น้อยใจนิดหน่อยที่ต้องไปรู้จากคนอื่น

                    "ไค... ไม่สิ จงอิน นายเห็นพี่คริสมั้ย?" คนถูกถามหันหน้ามาหาร่างโปร่งก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลม คนผิวแทนเงียบไปชั่วขณะก่อนจะตอบออกมา และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่อยากรู้จากปากคนอื่น เพราะเขาไม่เห็นคนงานคนอื่นเลยนอกจากจงอินที่คริสมอบหมายให้เป็นคนดูแลเขา ...ทำไมไม่เป็นคนอื่นกันนะ

                    "เขาไปทำงาน" จงอินไม่ละสายตาออกไปไหนนอกจากดวงตาคู่สวยนั่น มีบางอย่างที่เขาอยากได้ยินมากกว่าคำถามถึงคนอื่นแบบนั้น สรรพนามที่เพิ่มระยะห่างเขาก็ไม่อยากได้ยินมัน ชานยอลพยักหน้ารับแล้วหลบสายตาคมที่เต็มไปด้วยความรู้สึก เขาหวั่นไหว... แน่นอนว่าความทรงจำมันอบอวลไปด้วยความรู้สึก ทั้งรัก ทั้งเจ็บปวด และชานยอลไม่เคยลืม

                    "ขอบใจ ..งั้นฉันไปก่อนนะ" ขาเรียวเตรียมจะก้าวออกไปจากกลิ่นอายของความทรงจำแต่แล้วมือหนาก็คว้าข้อแขนเขาเอาไว้เสียก่อน

     

                   

                    ได้โปรด.. อย่าทำให้ฉันกลับไปรู้สึกแบบนั้นอีกเลย

     

     

                    "อยู่คุยกันก่อนได้มั้ย" มันไม่ใช่ประโยคคำถามหากแต่เป็นการขอร้องด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ความทรงจำกำลังขอร้องให้ชานยอลหันกลับมาอีกสักครั้ง

                    "ขอละ แค่คุยอย่างเดียวก็ได้" แม้ชานยอลจะไม่ได้หันไปมองหน้าอีกคนแต่น้ำเสียงขอร้องแบบนั้นเขาไม่เคยได้ยินจากปากของจงอินเลยสักครั้ง ทำไมถึงต้องยอมทำขนาดนี้เพื่อคนที่นายทิ้งไปด้วย..

                    หน้าหวานหลับตาลงพร้อมถอนหายใจให้กับความพ่ายแพ้ของตัวเอง พ่ายแพ้ให้กับคิมจงอิน

                    "ก็ได้" ขาเรียวถอยมาสัมผัสกับกลิ่นอายของความทรงจำที่ฟลุ้งไปด้วยกลิ่นความรู้สึกอีกครั้ง เขาก็ได้แต่หวังว่าหัวใจเจ้ากรรมจะแข็งแรงพอที่จะไม่หวั่นไหวกับความคิดถึงที่สุดในชีวิตของเขา

                    "ขอบคุณครับ" จงอินยิ้มบางเลื่อนมือมากุมมือขาวเอาไว้ราวกับต้องการจะทำลายกำแพงหัวใจระหว่างเรา เขาก็แค่อยากให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเมื่อในอดีต ตอนที่เราเคยรักกัน...

                   

                    ทั้งสองนั่งคุยกันที่ม้านั่งในสวนข้างบ้าน เสียงน้ำตกและธารน้ำไหลช่วยกลบเสียงพูดคุยได้อย่างเงียบเชียบ บทสนทนาส่วนใหญ่เป็นเรื่องสารทุกข์สุขดิบทั่วไป ชานยอลไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่จงอินทำอย่างนี้เพื่ออะไรแต่ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเมื่อก่อน เริ่มสนิทใจ.. มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ เราก็แค่คุยกันธรรมดา

                    ชานยอลไม่ได้ทำผิดอะไรใช่มั้ย?

                    แต่ทำไมเหมือนหัวใจจะไม่ยอมทำตาม ยิ่งนานก็ยิ่งเหมือนว่าทุกอย่างกำลังละลายหายไป กำแพงน้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจเขากำลังค่อยๆละลายด้วยฝีมือของคิมจงอิน

                    เขาควรจะจดจำความเจ็บปวดทุกอย่างก่อนหน้านี้ได้แม่นยำไม่ใช่หรอ?

                    แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ชานยอลเหมือนจะกลายเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อม ยิ่งไปกว่านั้น..ชานยอลกำลังพยายามลืมว่าจงอินเคยทำให้เขาจมอยู่กับความทุกข์แสนทรมานนั่นมานานแค่ไหนเพียงแค่เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยประโยคง่ายๆกลับทำให้เวลาทำใจที่ผ่านมานั้นไร้ประโยชน์ บอกเขาทีว่ากำลังก้าวเข้าไปสัมผัสกับความเจ็บปวดนั่น

                    ทำไมกัน ทำไมเขาถึงลืมมันได้ง่ายดายขนาดนี้...

     

                    "ยอลคิดดีแล้วหรอที่เข้ามาอยู่ที่นี่ ...กับเขา" จงอินเอ่ยเสียงแผ่วในวลีสุดท้าย สรรพนามที่ปากไม่อยากพูด เขาคนนั้น.. อู๋อี้ฝาน เจ้านายของเขา

                    "แล้วทำไมมันถึงจะไม่ดี?" ชานยอลหันไปถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

                    "ก็เปล่า ไคแค่แปลกใจว่าคนที่เขาเลือกทำไมถึงเป็นผู้ชาย ทำไมถึงเป็นปาร์คชานยอล" ประโยคที่ออกจะดูไม่เกี่ยวข้องกับคำถามแรกยิ่งทำให้หน้าหวานสงสัยเข้าไปใหญ่ แล้วทำไมถึงจะเป็นเขาไม่ได้ ชานยอลไม่ดีตรงไหนหรอ..

                    "เพราะยอลไม่คู่ควรกับเขาสินะ.." ไม่หวังจะได้ยินคำตอบที่ดีกว่านี้หรอก เพราะรู้ตัวว่าตัวเองมาจากตรงไหน บางทีมันอาจจะเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้คนตรงหน้านี้ทิ้งเขาไปก็ได้

                    "ไม่ใช่เพราะไม่คู่ควรหรือเพราะยอลไม่ดีหรอกนะ แต่เพราะว่า... ยอลเป็นของไค.." ร่างโปร่งนิ่งไปและไม่มีสีหน้าแสดงความรู้สึกใดๆออกมาให้เห็น แม้ภายในหัวใจจะมีน้ำตาไหลรินเป็นสายแล้วก็ตาม ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำให้เจ็บช้ำ ยอมได้ยินว่าเขาไม่คู่ควรยังจะดีเสียกว่า

                    "เราอยากขอโอกาสแก้ตัว ไคไม่อยากอยู่โดยไม่มียอลอีกแล้ว" น้ำเสียงหนักแน่นแต่อ้อนวอนเสียจนใจอันบอบช้ำหล่นวูบ เขาเดาไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าอีกคนทำแบบนี้เพื่ออะไร หากเพราะความรัก ประโยคเมื่อกี้คงไม่เหมาะสมกับคนที่เป็นคนทิ้งให้เขาเจ็บช้ำเพียงลำพัง ปล่อยให้ชานยอลวนเวียนอยู่กับคำถามว่า 'เขาทำผิดอะไร' 'ทิ้งกันไปทำไม' มาเนิ่นนานจน ณ จุดหนึ่งที่เขาทำใจได้ ...แล้วคนที่ทำให้เขาเจ็บเจียนตายก็กลับมา

                    แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็ยังคงต้องใช้ความพยายามมหาศาลที่จะไม่ทำให้สมองกับหัวใจทำงานสวนทางกัน ใจที่ไม่เคยหลาบจำ มันบอกกับตัวเองซ้ำๆว่ายังคงรักคนใจร้ายตรงนี้มากมายเพียงใด ในขณะที่สมองพยายามจดจำทุกอย่างที่อีกคนทำ ความหลังที่แสนทรมาน หยดน้ำตาไม่รู้กี่แสนหยดที่หลั่งออกมาเพื่อล้างความทรงจำ ความเจ็บปวดนั้นชานยอลจำมันได้ดี

     

                    "แล้วทำไมตอนที่ทิ้งไปไม่คิดบ้างว่าเราจะอยู่ได้มั้ยถ้าไม่มีไค" วูบหนึ่งของตากลมที่สั่นไหวถูกแทนที่ด้วยความแข็งกร้าว เพราะตอนนี้เขาจะไม่ยอมให้หัวใจทำงานเกินหน้าที่ของสมองไปอีกแล้ว ชานยอลเดินออกมาจากสวนข้างบ้าน ทิ้งไคให้มองตามอย่างไม่เข้าใจ

                    ขอโทษนะครับ ...แต่ ตอนนี้ ผมไม่เหลือโอกาสดีๆให้คุณแล้วจริงๆ  

     

     

     

    --------------- Belong to you ---------------

     

     

     

                    "ชานยอล!!" ร่างหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในห้องแคบ ตะโกนเรียกใครบางคนด้วยความร้อนรนหลังจากได้รับโทรศัพท์ว่าคนรักของคนตนถูกทำร้าย เขาตระกองกอดร่างขาวที่สั่นเทาจากความหวาดกลัวไว้แน่น

                    "ไค .. ฮึก.. ยอลกลัว พวกมัน.. ฮึก..พวกมัน.. ฮือออ" คนในอ้อมกอดร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษา มือขาวก็เอาแต่กำเสื้อเขาไว้จนยับยู่ยี่ เปลือกตาบางบวมช้ำ ดวงตาสวยที่เคยสดใสแดงก่ำเสียจนน่าใจหาย อะไรกันที่พรากเด็กผู้ชายน่ารักและรอยยิ้มแสนหวานให้หายไปได้ขนาดนี้

                    "ไม่เป็นครับ ยอลไม่ต้องกลัวนะ ไคอยู่ตรงนี้ ...ไคของยอลอยู่ตรงนี้แล้วครับ" ชายผิวคล้ำทำได้เพียงกอดร่างคนรักให้แน่นพอที่จะทำให้อีกคนหายหวาดกลัวกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เพิ่งเจอมาเพราะแค่เห็นร่างขาวมีรอยบอบช้ำและแผลถลอกในบางที่ก็ทำให้เขาแทบคลั่ง ยิ่งมาได้เห็นน้ำตา ได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยความหวาดผวาเช่นนี้ราวกับหัวใจเขาจะแหลกสลายเสียให้ได้

     

                    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงกว่าชานยอลจะกลับมามีสติพอที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อีกคนได้ฟัง การถูกทำร้ายจากเจ้าหนี้ ถูกหมัดหนักๆชกเข้าที่แก้มใสและท้องขาวก่อนจะมีหลายเท้าเข้ามากระทืบให้ร่างทั้งร่างบอบช้ำ รู้สึกเหมือนกระดูกจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่นั่นก็เป็นแค่การตักเตือน วันนั้นทำให้ชานยอลรู้ว่าชีวิตเขาไม่สงบสุขอีกต่อไป การถูกตามล่า หลบหนีสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมและบางครั้งเขาเกือบจะไม่มีลมหายใจอยู่มาจนถึงตอนนี้ ชีวิตที่แสนโหดร้าย

                   

                    มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขามีความสุขได้ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต...

                    คิมจงอิน

     

                    ผู้ชายคนหนึ่งที่คอยดูแลเขาไม่ว่าชะตาชีวิตจะต่ำลงแค่ไหนก็ยังคงมีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นราวกับยาชุบชีวิตให้เขาก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง ร่างสองร่างที่ก่ายกอดถ่ายถอดความรู้สึกให้กันและกัน ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นชานยอลจะได้ยินเพียงประโยคหนึ่งดังก้องไปทั่วทั้งหัวใจเหมือนกับมีปุยนุ่นสีขาวโอบอุ้มใจอันเหน็บหนาวให้อุ่นพอที่จะเต้นต่อไปได้ แค่เพียงประโยคเดียวเท่านั้น...

                   

                    "ไม่ต้องกลัวนะ ไคของชานยอลอยู่ตรงนี้แล้วครับ"

     

                    ชานยอลยังจำมันได้ดี ทั้งอ้อมกอดอุ่นๆและความรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้ฟัง

                    ยังจำได้..

                    จำได้ดีจนถึงทุกวันนี้...

     

                   

                    น้ำสีใสไหลตกจากหางตาลงบนหมอนช้าๆ ความร้อนผ่าวจากดวงตาทำให้คนที่กำลังนอนปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่านรู้ตัวว่ากำลังเสียน้ำตาให้กับคนใจร้ายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาคงฝืนปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมาปั้นหน้าว่าตัวเองเข้มแข็งไม่ได้จริงๆ เพราะเขากำลังคิดถึงช่วงเวลานั้นอย่างสุดหัวใจ

                    คิดถึงคำพูด

                    คิดถึงอ้อมกอด

                    คิดถึงเหลือเกิน...

     

                    ชานยอลกำลังเคว้ง บ้านทั้งหลังเงียบเหงาจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ตากลมจ้องมองฝ้าเพดานด้วยความว่างเปล่าในสมองมีภาพความทรงปะปนกับความรู้สึกตีกันจนวุ่นวายไปหมด มีใครบางคนกลับเข้ามาในขณะที่คนหนึ่งหายไป...

                    ผ่านไป 5 วันแล้วที่เจ้าของบ้านไม่กลับมา ไร้การติดต่อ ไม่มีข่าวคราวที่คนภายในบ้านจะปริปากบอกแม้สักคำ ชานยอลไม่มีโทรศัพท์หรือถึงจะมีเขาก็ไม่มีเบอร์ของคริสอยู่ดี ไม่รู้ว่าจะดูงี่เง่าไปไหมถ้าเขาจะรู้สึกน้อยใจเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะมีสิทธิ์พอไหมที่จะรับรู้ว่าอีกคนหายไปไหน และก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องร้องไห้เพราะคิดถึงอีกคนแบบนี้ ชานยอลรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้ง คิดจะมาก็มา คิดจะหายไปก็ไม่มีแม้แต่คำลา เพราะเขาไม่มีที่ไป ไม่มีญาติที่ไหน ในเวลาที่เจ้าของบ้านไม่อยู่แบบนี้หน้าหวานก็ทำได้แค่อยู่ในบ้านที่มีกลิ่นอายของคริสแต่ทุกวันเขากลับใช้ชีวิตอยู่กับคิมจงอิน เพราะได้รับมอบหมายให้ดูแล ไม่ว่าชานยอลจะทำอะไรจึงมีจงอินอยู่ด้วยทุกที่ กินข้าว นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือแม้แต่เวลานอน จงอินก็จะนอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่นด้านนอกห้องนอนของเขา

                    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายิ่งนานวันชานยอลก็ยิ่งใจอ่อน เราเริ่มจุดยิ้มให้กันวันละนิด เริ่มพูดคุยกันเหมือนเมื่อก่อน เริ่มรู้สึกในสิ่งที่ไม่ควรรู้สึก บางครั้งชานยอลก็เกลียดตัวเองที่ปล่อยให้ผู้ชายสองคนเข้ามาปั่นป่วนในสมอง และที่สำคัญ... เข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจ แต่เขาเองก็ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดี เพราะถูกปล่อยให้มีการใช้เวลาร่วมกัน แล้วคนที่พร้อมจะหวั่นไหวกับความทรงจำอย่างเขา... บางที แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้เขาอ่อนแอขนาดนี้อาจะเป็นเพราะเขากำลังสับสนอยู่ก็เป็นได้      

                   

                    หนึ่งคนที่ยังไม่แน่ชัดกับความรู้สึก แต่มีสิทธิ์ครอบครองได้

                    กับอีก หนึ่งคนที่ความรู้สึกชัดเจน แต่กลับแสดงออกไม่ได้แม้แต่รู้จักกัน

     

                 แล้ว.. ในขณะที่หนึ่งคนกำลังหายไป ชานยอลควรจะรู้สึกอย่างไรกับคนที่เหลือ

                    บางที จิตใต้สำนึกที่ว่าผิด อาจไม่ได้ช่วยให้เขาไม่ทำในสิ่งที่หัวใจต้องการก็เป็นได้

     

     

    ...........................................................................................................

    #ฟิคของคุณ ค่ะ

    ยอมรับว่าพยายามอย่างมากที่จะแต่งตอนนี้ให้คนอ่านอิน แต่เรารู้สึกว่าทำไม่สำเร็จอ่ะ

    รึป่าว? 5555555 แต่งเอง อ่านเอง มันรู้สึกเฉยๆมาก

    ยังไงก็คอมเมนต์บอกเราหน่อยนะว่ารู้สึกยังไงกันบ้าง

    ตอนนี้มาเร็วกว่าปกตินะ ต้องขอบคุณนักอ่านผู้น่ารักที่มาเติมแรงขับเคลื่อนให้เรา

    เวลาอ่านคอมเมนต์หรือมีฟีดแบ็คกลับมาแล้วมันชื่นใจจริงๆ

    *ก้มกราบท่าเบญจางคประดิษฐ์*

    ต่อจากนี้มันจะเป็นเนื้อๆแล้ว แบบเข้มข้นสุดอ่ะ รอติดตามกันนะ

    ป.ล.เราเปลี่ยนหน้าฟิคใหม่นะอยากให้เข้าไปดูเพราะอาจทำให้คุณเปลี่ยนความคิดที่มีต่อฟิคเราไปเลย :)

     


    ป.ล.2 ขอบคุณผู้สนับสนุนใจบุญที่อุตส่าห์นั่งแหกตาทำโปสฟิคให้ จะขอมอบของตอบแทนด้วยการให้ทำปกฟิคให้ด้วยอีกทีค่ะ ขอบคุณ ฮริ้งง






    B ♔ W

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×