คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 :: 2 YOU
9
2 YOU
มีคนบอกเอาไว้ว่า อดีตก็คืออดีต เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้
ดั่งเช่นความทรงจำ
แต่ถ้าหากวันหนึ่งความทรงจำหวนกลับมายืนอยู่ตรงหน้า
คุณจะคว้ามันเอาไว้ไหม?
1 เดือนผ่านไป
ดวงตากลมฉ่ำน้ำตาใสตามแบบฉบับของปาร์คชานยอลกำลังทอดมองไปยังธารน้ำตกด้านหน้าด้วยความว่างเปล่า แต่ในสมองกลับมาเรื่องราวมากมายให้คิดไม่ตกในแต่ละวัน เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วตั้งแต่วันนั้นที่เขาเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ มันอาจจะดูแปลกไปสักหน่อยกับสถานะ แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านคงไม่ปล่อยเขาออกไปจากชายคาแห่งนี้ง่ายๆ คนงานในบ้านต่างก็ให้ความเคารพเขาตามสถานะที่คริสมอบให้ ยกเว้นก็แต่เพียงผู้ชายใจร้ายคนนั้น...
"คิดอะไรอยู่ครับ?" ท่อนแขนแกร่งสวมกอดเอวบางจากด้านหลัง ใบหน้าคมเกยคางลงบนลาดไหล่คุ้นชิน แต่คริสไม่เคยเบื่อที่จะกอดคนหน้าหวานคนนี้เลย
"เรื่องแม่ผม... ไปถึงไหนแล้วครับ?" ตอบในสิ่งที่สวนทางกับความคิดแต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ชานยอลคิดมากทุกวัน ผ่านมาก็นานแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เขาไม่รู้ว่าแม่เป็นยังไง อยู่ที่ไหน สบายดีรึเปล่า ไม่เคยรู้เลย
"ฉันให้เพื่อนที่มีเส้นมีสายช่วยตามอีกแรงแล้วละ ถ้าโชคดีก็คงจะพบเร็วๆนี้ แต่ถ้าโชคร้ายก็อยากให้นายช่วยทำใจไว้บ้าง" ฝ่ามือใหญ่ลูบผมปลอบใจอีกคนอย่างอ่อนโยน แต่กลับไม่ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนรู้สึกดีขึ้นเลย นี่เขาจะเสียแม่ไปจริงๆใช่ไหม..
"ถ้าหาแม่ไม่เจอจริงๆให้ผมออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะครับ ในเมื่อมันก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับผมแล้ว จะได้ไม่เป็นภาระให้คุณด้วย"
"....."
"ครับ... ก็ได้ ผมอยู่ที่นี่ก็ได้" ไม่ว่ากี่ครั้งที่ชานยอลพูดแบบนี้ก็มักจะได้ความเงียบตอบกลับมา แล้วคนที่อยู่ในอำนาจอย่างเขาจะไปต่อกรอะไรกับคนที่มีบุญคุณขนาดนี้ได้นอกจากยอมเชื่อฟังเสียดีๆ
"นายอยู่ที่นี่ในฐานะเมียฉัน ทำไมจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องแล้ว"
"แต่นั่นมันก็... เอ่อ.. " กลีบปากสวยเม้มแน่นไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิดออกไปเพราะกลัวจะไม่เข้าหูอีกคน
"มันทำไม หืม?" คริสคลายอ้อมกอดก่อนจะเดินมาตรงหน้าค้นหาคำตอบจากดวงตาคู่สวย
"ผมก็แค่คิดว่าคุณควรจะได้เจอผู้หญิงที่ดี แต่งงานและสร้างครอบครัวอย่างที่ผู้ชายคนอื่นควรจะมี ไม่ใช่ภรรยาที่เป็นผู้ชายอย่างผม" ปากอิ่มเอ่ยออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ดวงตากลับแสดงความจริงจังอย่างเต็มเปี่ยมมันทำให้คนที่เห็นอย่างคริสกรอกตาแล้วเสมองไปทางอื่น เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่คำพูดจากคนตรงหน้าทำให้เขาไม่พอใจ ทำไมชอบมาคิดแทนว่าเขาจะรู้สึกแบบนั้นแบบนี้ หน้าคมได้แต่เงียบแล้วจ้องมองใบหน้าแสนหวานที่เขาชอบนักชอบหนาด้วยความอ่อนใจก่อนจะเดินออกไปเพราะไม่อยากพูดอะไรให้ทำร้ายจิตใจคนตรงหน้าอีก
ชานยอลมองตามแผ่นหลังกว้างที่หายเข้าไปในบ้านอย่างไม่เข้าใจ คริสไม่เคยตอบคำถามหรือให้คำตอบอะไรที่ชัดเจนกับเขาเลยนอกจากความเงียบและดวงตาคมที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวแบบนั้น แล้วสุดท้ายเขาก็จะกลับมาปฏิบัติกับชานยอลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คำถามก็ยังไม่มีคำตอบอยู่เหมือนเดิม
ชานยอลรู้แค่เพียงว่า... เขาเป็นของคริส
เป็นสิ่งของที่มีเจ้าของคืออู๋อี้ฟาน
ไม่มีการต่อรอง ไม่มีการคัดค้าน มีแต่จำยอมและเชื่อฟังอย่างไร้เงื่อนไขใดๆ
-------------------- Belong to you -------------------
ท้องฟ้าคืนนี้ดูมืดมิดกว่าทุกวัน ส่งผลให้ดวงดาวเปล่งประกายอย่างเต็มที่ แย่งกันส่องแสงให้คนเห็นความสวยงามของตน ชานยอลเองก็เป็นอีกคนที่ได้เสพความงามเหล่านั้นผ่านบานหน้าต่างในห้องนอน ในแต่ละวันหน้าหวานไม่เคยได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งๆนอนๆ ทอดสายตามองนั่นนี่อย่างล่องลอย ไม่เคยได้ออกไปไหน ได้เพียงแค่รอคอยเจ้าของราวกับตัวเองเป็นเพียงแค่สิ่งของหรือสัตว์เลี้ยง คริสทำให้ชานยอลรู้สึกแบบนั้น ดั่งเช่นตอนนี้...
"ชานยอลอ่า" เสียงฝีเท้าคุ้นเคยดังขึ้นก่อนเสียงเคาะประตูจะดังตามมาในเวลาเดิมของทุกวัน ขาเรียวลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูปรากฏร่างสูงสง่าผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าผู้เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้
"ความจริงแล้วคุณไม่ต้องมาอาบน้ำให้ผมแล้วก็ได้นะครับ ตอนนี้ขาผมก็หายจนเกือบจะเป็นปกติ อาบน้ำเองได้สบายๆเลย" ใบหน้าหวานเผยยิ้มบางให้แต่หน้าคมกลับเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วจูงมือขาวเดินเข้าห้องน้ำราวกับไม่ได้ยินอะไร ใบหน้านิ่งๆแบบนั้นไม่เคยอ่านความรู้สึกอะไรออกเลย มีแต่เรื่องอย่างว่าเรื่องเดียวแหละที่คริสไม่เคยจะเก็บอาการอยู่เลย โดยเฉพาะกับชานยอล
เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกเป็นจุดๆจากสายน้ำที่กระเซ็นมาโดน เนื้อผ้าแฉะแนบกับแผ่นอกแกร่งจนมองทะลุเห็นผิวกายด้านใน แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับร่างโปร่งที่กายเปลือยเปล่านั่งนิ่งปล่อยให้อีกคนลูบไล้ชำระร่างกายให้อย่างว่าง่าย ไร้บทสนทนา มีเพียงความเงียบระหว่างเรา ชานยอลมองตามการกระทำของหน้าคม ส่งสายตาอ่อนไหวเหมือนเด็กน้อยที่กระทำความผิดและอยากให้อีกคนยกโทษ แต่ก็ไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย ดวงตาคมไม่มีความสั่นไหว ไม่มีอารมณ์ใดๆสื่อออกมาเหมือนทุกๆวัน
"คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?" หน้าหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัย รู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของอีกคน คริสถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะนั่งยองลงข้างๆร่างขาว ค่อยๆไล้มือใหญ่ไปตามเรียวขาสวยที่เปียกปอนไปด้วยหยดน้ำ หยุดสัมผัสรอยแผลที่เริ่มตกสะเก็ด ลูบมันเบาๆก่อนจะโน้มหน้าลงมากดจูบบนผิวกายเนียนข้างรอยแผลอย่างอ่อนโยน
"ขอโทษนะ" เสียงทุ้มเปล่งแทรกความเงียบขึ้นมาหลังจากที่ปล่อยให้หน้าหวานอึดอัดใจอยู่นาน แต่ประโยคก็ดูเหมือนจะทำให้ชานยอลแปลกใจไม่น้อย
"ขอโทษ... ที่ละเลย ขอโทษที่ไม่ดูแล ขอโทษที่ทิ้งให้นายอยู่บ้านคนเดียว" คริสซบหน้าลงกับต้นขาขาวเอ่ยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา ชานยอลเป็นคนที่เขาแคร์มากกว่าใครๆ และคริสเองก็รู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ระหว่างที่เขาออกไปทำงาน จงอินเล่าให้ฟังเสมอว่าชานยอลได้แต่เดินไปเดินมา นั่งเล่นที่น้ำตกในสวนข้างบ้านคนเดียวบ้าง นอนอ่านหนังสือที่โซฟาบ้าง บ้านหลังนี้มันใหญ่จนดูเงียบเหงาเกินไปสำหรับการอยู่คนเดียว คริสเองก็สัมผัสได้ถึงระยะห่างของความสัมพันธ์ไม่ต่างกัน ถ้าเขาไม่ออกไปทำงานแต่เช้าและกลับเข้ามาบ้านเย็นๆแบบนี้คงมีเวลาพาคนสำคัญของเขาไปทำนั่นทำนี่ ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ได้มีเวลาที่ใช้ร่วมกันมากกว่านี้
"ผมไม่สมควรได้รับอะไรแบบนั้นจากคุณอยู่แล้วละครับ แค่คุณมาดูแลห่วงใยผมขนาดนี้ก็มากเกินไปอยู่แล้ว" ชานยอลยื่นมือไปลูบผมสีน้ำตาลเข้มด้วยความสับสน หัวใจเขากำลังหวั่นไหวจากความอ่อนโยนที่อีกคนมอบให้ หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเอาแต่นั่งโทษว่ามันเป็นความผิดของร่างสูงที่ไม่เคยให้ความใส่ใจกับเขาแต่เพียงแค่คริสมารับผิดเพียงเล็กน้อยกลับทำให้ชานยอลลืมความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ไปเสียหมดสิ้น ไม่มีอะไรที่ยุติธรรมเลยในเรื่องของความรู้สึก
"เลิกพูดแบบนั้นกับสิ่งที่ฉันอยากจะทำให้นายได้ไหม นายไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันคิดอะไร หรือฉันอยากจะทำอะไร" ฝ่ามือใหญ่เอื้อมขึ้นมาประคองใบหน้าหวานเอาไว้ ตาคมทอดมองส่วนประกอบแสนลงตัวที่ปั้นให้ใบหน้าชายตรงหน้าหวานหยดราวกับหญิงสาวในฝันของเขา
"แต่ว่าคุณ.... อื้อ" คริสไม่ปล่อยให้ชานยอลได้พูดอะไรออกไป ริมฝีปากหยักประกบกอบโกยลมหายใจอีกคนอย่างฉวยโอกาส ฟันขาวขบหยอกล้อกลีบปากบางจนรู้สึกแสบ ลิ้นร้อนกวาดชิมความหวานอย่างหิวโหย เขาไม่ได้จูบชานยอลแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ... แต่ได้คิดแล้วกดจูบแนบดูดดื่มมากขึ้นให้สมแก่ใจก่อนจะค่อยๆถอนออกเมื่อคิดได้ว่านี่แค่มาลงโทษเด็กน้อยที่ทำผิดแค่นั้น
"ฉันเคยบอกให้นายเรียกฉันว่าอะไรชานยอล?" ดวงตากลมกระพรือปริบนึกถึงครั้งแรกที่เราเจอกัน ครั้งนั้นที่คริสเคยขอให้ชานยอลใช้สรรพนามนี้เรียกเขา
"พะ.. พี่คริส.." ชานยอลหลุบตาลงเมื่อนึกถึงเหตุผลที่คริสเคยบอกไว้
"แล้วนายใช้คำว่า 'คุณ' มาสร้างความเหินห่างระหว่างความสัมพันธ์ของเราทำไม" นิ้วยาวเกลี่ยพวงแก้มใสหยอกล้อเพราะดูเด็กน้อยตรงหน้าจะเริ่มรู้สึกผิดซะแล้ว
"ผมขอโทษ" หน้าคมจุดยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาอยากฟัง ถือว่าการมาง้อครั้งนี้คอมพลีทแล้วนะ คริสได้ขอโทษชานยอลและได้ยินคำขอโทษจากเด็กน้อยของเขา
"ไม่เป็นไรครับ" ร่างสูงยืดตัวขึ้นกดจูบบนหน้าผากใสด้วยความหมั่นเขี้ยวเด็กแก้มกลมก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างขาวล่อสายตาเอาไว้เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันล่อแหลมเสียเหลือเกิน
"แล้วก็ไม่ต้องคิดเกรงใจฉันหรอกนะชานยอลเพราะทุกอย่างที่ฉันทำให้นาย ฉันไม่ได้ทำให้ฟรีๆ" ยิ้มร้ายข้างมุมปากถูกยกขึ้นช้าๆ มันหมดเวลาของคนป่วยแล้ว เขาก็ควรที่จะได้รับสิ่งตอบแทนที่ดูแลหน้าหวานมาไม่ใช่หรอ?
"นายจะต้องตอบแทนฉันด้วยการเป็นเมียที่ดี..." ทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนร่างสูงจะเดินออกไป เมื่อหน้าหวานคิดสิ่งที่คริสต้องการจะสื่อได้พลันใบหน้าใสก็เห่อร้อนขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เล่นดูแลกันซะดีขนาดนี้แล้วเขาจะต้องเป็นเมียที่ดีขนาดไหนกันเนี่ย!
เหนื่อยตายกันพอดีเถอะปาร์คชานยอล!
-------------------- Belong to you -------------------
แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องสีสะอาดตา อากาศด้านนอกเย็นสบาย สายลมพัดพลิ้วกับแสงสวยสดใสในวันอากาศดีเช่นนี้ ใบหน้าหวานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับกระจกหลายต่อหลายครั้ง วันนี้ชานยอลอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเป็นวันแรกที่จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาหลังจากที่อุดอู้อยู่ในบ้านหลังนี้มาเป็นเดือน มือขาวหยิบเสื้อเชิ้ตยีนส์สีซีดตัวใหญ่ขึ้นมาสวมก่อนจะก้มลงค่อยๆติดกระดุมขึ้นมาทีละเม็ดแต่แล้วจู่ๆก็ถูกแรงเข้าสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว คนหน้าหวานสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา เงาในกระจกตรงหน้าสะท้อนภาพใบหน้าคมคลอเคลียอยู่ที่ท้ายทอยขาว
"พี่คริสเข้ามาเงียบๆผมตกใจหมดเลย" ชานยอลย่นคอหนีสัมผัสจั๊กจี๋ของอีกคนพร้อมมือเรียวฟาดลงบนท่อนแขนแกร่งที่คล้องเอวบางอยู่
"เข้ามาเสียงดังก็ไม่ได้แต๊ะอั๋งเมียอย่างงี้สิครับ" คริสยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนในกระจกก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มนิ่มไปอีกฟอดใหญ่จนคนเสียเปรียบดิ้นหนีออกจากอ้อมกอดแข็งแรงพร้อมทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ
"วันนี้ผมจะยกโทษให้เพราะอารมณ์ดีหรอกนะ คราวหน้าจะตีให้แขนช้ำเลย" หน้าหวานแยกเขี้ยวคาดโทษร่างสูงเอาไว้แต่อีกคนกลับหัวเราะท่าทางน่ารักนั่น
"ดุซะด้วย" หน้าคมพูดแซวกวนประสาทชานยอลเล่น เอาจริงๆแล้ววันนี้คริสเองก็อารมณ์ดีไม่ต่างกัน เขาจะพาเด็กน้อยไปเที่ยว ไปใช้เวลาร่วมกัน ต่อจากนี้งานเขาจะน้อยลงจนมีเวลามาดูแลเด็กน้อยคนนี้ให้เชื่อฟังแต่เขา มองแค่เขา เห็นแค่เขา และรักแค่เขาเท่านั้น
..คริสจะต้องไม่มีวันเสียชานยอลไป
"เจ้านายครับ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว" เสียงลูกน้องคนสนิทดังขึ้นขัดจังหวะเรียกให้ดวงตากลมหันไปมองได้ในทันทีก่อนจะหลุบลงพร้อมกับซ่อนความรู้สึกต่างๆไว้ให้ลึกที่สุดเพราะหากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของรู้เรื่องเขากับจงอินคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ ชานยอลรู้ว่าคริสเป็นคนยังไง..
"งั้นเราก็ไปกันเถอะ" ร่างสูงเดินเข้าไปโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าแล้วเดินลงไปขึ้นรถด้านล่างที่จอดรอไว้เรียบร้อยแล้ว คริสเปิดประตูให้ชานยอลขึ้นรถก่อนตัวเองจะอ้อมไปทำหน้าที่คนขับแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เนื่องจากเป็นวันทำงานคนจึงไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มันเหมือนเป็นการมาเดทมากกว่ามาเที่ยวเพราะคริสจะพาชานยอลมากิน เดินเล่น ช้อปปิ้ง ตามประสาคู่รักทั่วไปเขาทำกัน หัวใจของคนตัวโตเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาวางแผนทุกอย่างมาไว้ก่อนแล้ว แอบตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะปกติที่เคยพาสาวๆมาเดินมันไม่ใช่ความรู้สึกนี้ ไม่ใช่การผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป แต่มันคือการครอบครองหรือการหยุดเพื่อใครสักคนหนึ่ง และใครคนนั้นก็คือคนที่กำลังเดินนำหน้าเขาแล้วทำตัวดุ๊กดิ๊กเหมือนพาเด็กน้อยมาเที่ยวสวนสนุก มันน่ารักเป็นบ้าเลย
"ชานยอลเดินช้าๆสิ ฉันเดินตามไม่ทันแล้วนะ" คนถูกเรียกหันกลับมามองพร้อมรอยยิ้มสดใสที่สุดเท่าที่คริสเคยเห็นมา คงจะมีความสุขมากเลยสินะ มันทำให้เขารู้สึกผิดไม่น้อยเลยที่ทิ้งให้ชานยอลอยู่แต่บ้านมาเป็นเดือน
"พี่คริสเดินเร็วๆสิครับ" หน้าหวานกวักมือเรียกร่างสูงให้เข้าไปหาก่อนจะคว้ามือใหญ่ไปกุมเอาไว้แน่น อ่า.. หลงตายเลยสิครับเด็กน้อยคนนี้
คริสพาชานยอลไปซื้อเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นต้องใช้เพราะดูจากเสื้อเชิ้ตของเขาที่หน้าหวานใส่วันนี้มันดูใหญ่เกินตัวไปเยอะพอสมควรเลย ชานยอลเองก็พาร่างสูงไปในที่ที่เขาอยากไป แต่ดูแล้วจะเป็นของกินซะส่วนใหญ่ เห็นอย่างงี้กินเก่งใช่ย่อยเลยนะ เด็กน้อยต้องอ้วนแน่ๆเลย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวจะผลาญแคลอรี่ให้คืนนี้..ขาก็หายดีจนวิ่งทั่วห้างได้แล้วหลุดสถานะคนป่วยมาทำหน้าที่เมียที่ดีให้พี่ได้แล้วละนะ คิดไปก็ได้แต่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เงียบๆคนเดียว ส่วนคนโชคร้ายก็นั่งตาใสซูดบะหมี่กินไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
ทั้งสองเดินเล่นทำนั่นนี่ไปจนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง เกิดความสุขน้อยๆขึ้นมาในความสัมพันธ์ รอยยิ้มที่เกิดขึ้นบนใบหน้าหวานหลายต่อหลายครั้งในวันนี้คริสก็ได้แต่หวังว่ามันจะเกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างในใจ บางอย่างที่เขาอยากจะได้จากอีกคน บางอย่างที่มันควรจะมีในความสัมพันธ์ของพวกเขาเพราะตอนนี้มันดูจะว่างเปล่าเหลือเกิน
ขณะที่ทั้งสองตัดสินใจที่จะกลับเพราะตอนนี้มันก็เริ่มเย็นมากแล้ว ขาเรียวยาวก้าวไปเรื่อยๆพลันดวงตากลมก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งที่แทบจะหยุดเวลาของเขาเอาไว้ สิ่งที่ปาร์คชานยอลชอบจนไม่ละสายตาไปไหน
กีต้าร์..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เด็กหนุ่มสองคนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสนามหญ้าสีเขียวขจี คนตัวสูงโปร่งนั่งลงข้างๆ เด็กเกเรที่โดดเรียนทั้งวันมานั่งถอนหายใจเล่นอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้า
"ไค.. เป็นอะไรรึป่าว?" น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือขาวที่วางบนไหล่แกร่ง คนถูกถามหันหน้ามาหาคนข้างๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"หนุนตักหน่อยนะ" ไม่รอให้อนุญาตคนผิวสีคล้ำก็ทิ้งตัวนอนลงบนตักนิ่มทันที
"บอกมาเหอะว่ามีเรื่องอะไร โดดเรียนทั้งวันแบบนี้ยอลรู้ว่ามีเรื่องไม่สบายใจ" มือขาวยกมาเกลี่ยเส้นผมดำที่พริ้วไปตามลมเล่นไปมา เวลาคนบนตักไม่เซ็ทผมดูเป็นเด็กม.ปลายธรรมดา น่ารักกว่าเซ็ทแต่งให้มันไม่เป็นธรรมชาติเป็นไหนๆ ชานยอลชอบแบบที่ให้เขายีเล่นได้แบบนี้มากกว่า
"เรื่องแม่" จงอินเอ่ยพร้อมปิดเปลือกตาลง เขาไม่สามารถทนให้อีกคนเห็นความอ่อนแอที่ฉายชัดในดวงตาได้อีกต่อไปแล้ว แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ชานยอลเห็นเขาคิดมากเรื่องแม่แต่ครั้งนี้ปัญหามันเลวร้ายกว่าครั้งอื่นๆที่ผ่านมา
"ไม่เอาหน่า เดี๋ยวก็ผ่านไปก่อนหน้านี้ยังผ่านมาได้เลยนะ ไคเข้มแข็งจะตาย" มือขาวลูบผมปลอบพร้อมพูดให้กำลังใจมันทำให้คนที่หนุนตักอยู่อยากจะร้องไห้เสียจริง คนผิวแทนพลิกตัวหันหน้าหนีใบหน้าหวานๆนั่น เวลาเขาร้องไห้มันไม่ได้น่าดูนักหรอกนะ
"ไคอ่า.. เอางี้ เดี๋ยวยอลเล่นกีต้าร์ให้ฟังดีกว่าเนาะ" พูดจบมือขาวก็เอื้อมไปหยิบกีต้าร์ที่วางไว้ห่างไม่ไกลมาแนบอกก่อนจะค่อยๆบรรเลงเพลงที่เขาถนัดที่สุด ริมฝีปากสีสดเอื้อนเอ่ยเสียงร้องเคล้าคลอไปกับเสียงกีต้าร์ที่เจ้าตัวเป็นคนดีด ชานยอลไม่ได้ร้องเพลงเพราะแต่คนที่นอนฟังอยู่กลับรู้สึกว่ามันวิเศษที่สุด เสียงทุ้มยังคงร้องเพลงต่อไปหัวใจอีกคนก็เต้นแรงขึ้นทุกนาที ใช้หูฟังแต่หัวใจกลับรู้สึก จงอินรู้ดีว่าชานยอลกำลังพยายามทำให้เขาดีขึ้นและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายอมหันมามองใบหน้าหวานอีกครั้ง
ยามนิ้วเรียวดีดสายกีต้าร์อย่างคล่องแคล่วนั้นกลีบปากสีสดจะเผยอออกหอบเอาลมหายใจเข้าไปถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงเพลง จมูกรั้นๆกับดวงตากลมโตคลอน้ำพร้อมกับขนตาหนาเป็นแพจะปิดลงเมื่อเจ้าของเสียงอินไปกับเนื้อเพลงมันช่างดูน่ารักซะจนคนมองเผลอหลงใหลได้ง่ายๆ
เมื่อโน๊ตสุดท้ายจบลงชานยอลก็ก้มลงมายิ้มให้กับคนบนตักของเขา จงอินไม่ได้ยิ้มตอบแต่อย่างใด เสียงเพลงจบลงไปแล้วแต่หัวใจของเขายังคงเต้นเร็วเพราะภาพใบหน้าหวานๆของคนตรงหน้า ริมฝีปากบางๆนั่น จมูกรั้นๆ ดวงตากลมโต พวงแก้มขาวๆกับรอยยิ้มแสนหวาน จงอินยืดตัวลุกขึ้นนั่งโดยยังไม่ได้ละสายตาจากภาพตรงหน้า กระพริบตาถี่ๆก่อนจะทำตามในสิ่งที่หัวใจสั่ง..
"ขอนะครับ" ไม่ทันได้ตั้งตัวกลีบปากสีสดนั่นก็ถูกทาบทับด้วยปากหยักของคนผิวแทนช่วงชิงลมหายใจที่ก่อนหน้าเคยถ่ายทอดเสียงออกมาให้หวานหู ดวงตากลมปิดลงช้าๆยอมรับสัมผัสที่อีกคนมอบให้ หัวสมองที่เคยมีเนื้อเพลงก็ว่างเปล่ากลายเป็นสีขาวโพลนอย่างที่ไม่เคยเป็น หรือนั่นอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของการเสียจูบแรกก็เป็นได้
.
.
.
.
.
"ชานยอล!" เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในห้วงความคิดเรียกให้หน้าหวานรู้สึกตัวหลังจากหลงเข้าไปในความทรงจำเสียนาน ชานยอลสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาคนข้างกายตอนนี้ของเขา
"คะ..ครับ" หน้าหวานขานรับเสียงอ่อน เขาไม่ควรคิดถึงคนใจร้าย ไม่ควรเลยจริงๆ
"เป็นอะไรฉันเรียกตั้งนาน?" คริสทำหน้าสงสัยกับปฏิกิริยาที่แปลกไปของอีกคน
"ป่าว ไม่ได้เป็นอะไรครับ" โกหกคำโตเลยปาร์คชานยอล..
"เห็นยืนมองกีต้าร์อยู่ตั้งนานแล้วอยากได้หรอ?"
"ไม่หรอก ของพรรค์นั้น.." ที่ทำให้เขาคิดถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นทุกครั้งที่เห็นมัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่ควรเข้ามาอยู่ในชีวิตเขาอีก แกควรลืมมันไม่ได้แล้ว ลืมทุกอย่างไปให้หมด ยิ่งยังยืนอยู่ข้างคนๆนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของชีวิตเขาแบบนี้มันยิ่งไม่สมควร...
..............................................................................................................................
ตัดฉากจบแปลกๆก็ขอโทษด้วยนะ 5555555
หลังจากนี้เรื่องราวก็จะเข้มข้นขึ้น มันมาถึงกลางๆเรื่องแล้วแหละ เย้ ><
ดูจากการเข้าชมและยอดเฟบแล้วทำให้เรารู้ว่านักอ่านเงานี่มีเยอะจริงๆ 555555
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ แต่ก็อยากขอความเห็นใจนะ
เราใช้เวลาแต่งตอนนึงก็นานแค่อยากได้ฟีดแบคกลับมาบ้างเพื่อให้รู้ว่ายังมีคนอยากอ่านฟิคเราต่อนะ
สำหรับคนที่คอมเมนท์ให้ก็ขอบคุณมากนะคะ คุณคือกำลังใจสำคัญที่ทำให้ฟิคเรื่องนี้ดำเนินต่อไปเลย
เอาจริงๆก็น้อยใจแหละ อืม -..- รู้สึกว่าเมื่อก่อนมันเคยคึกคักกว่านี้อ่ะ .___.
พอละบ่นเยอะเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน
ตอนหน้าสปอยล์ไว้เลย คนกามๆเตรียมเฮเลยนะคะ มันมาแล้ว 55555555
ไปแยะ #ฟิคของคุณ
เลิฟๆนะ
ความคิดเห็น