คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : -1- การพบกันอีกครั้ง
การพบกันอีกครั้ง
นิ้วบางไร้สัมผัสไปที่รอยกระดาษที่ถูกฉีกออก รอยนั่นมันเหมือนจะถูกจงใจฉีกออกไปซะมากกว่าการฉีกออกลวกๆ หรือหน้านั้นมันจะมีอะไรบางอย่าง ที่เจ้าของไม่อาจให้ใครรับรู้ได้งั้นหรอ หญิงสาวได้แต่คิ้วขมวดเข้าหากัน อย่างสงสัย มือบางพยายามจะหาส่วนที่มันหายแต่กลับไร้ผล แต่สายกลับพบกับบ้างสิ่ง ที่เขียนไว้หลังสมุด
“ฉันยังคงอยู่ที่เก่า….”
คิ้วที่ขมวดเข้าหากันอยู่แล้วกับเบียดชิดกันยิ่งกว่าเดิม ด้วยประโยคชวนสงสัย เมื่อได้อ่านประโยคที่ถูกเขียนไว้หลังบันทึกนั่น หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดมากมายออกไป เมื่อมันไม่มีประโยคที่จะสงสัยอะไรมันอีกต่อไป มือเรียวสัมผัสหนังสือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลา เธอนั่งคลุกเข่าลงกับพื้นคอนกรีตเพื่อที่จะจัดการเก็บบันทึกเข้าไปที่ที่มันควรอยู่ ซองพลาสติกที่ห่อกับที่เดิมเหมือนก่อนหน้า ก่อนที่ถูกวางในกระถางต้นไม้ดังเดิม ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเก็บมันเข้าสู่ที่เข้า เธอก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเธอ เหมือนสมองจะสั่งให้เธอหยิบบันทึกเล่มนั้นกับมาในอ้อมกอด แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือเรียวที่วางเสยผมที่ปรกหน้า ก่อนที่ขาเรียวจะค่อยพาร่างของเธอหมุนไปตามความรู้สึก ดวงตาที่ดูเหมือนจะว่างเปล่าในตอนแรก กับกระพริบตาถี่ขึ้นกว่าเดิม เมื่อภาพที่เธอเห็นคือหญิงสาวผิวคล้ำ ผมยาว อยู่ในชุดนักศึกษาเช่นเดียวกับเธอ แต่ที่ยิ่งน่าตกใจคือ ตราที่ติดอยู่อกซ้ายมันเหมือนกับของเธอเอง
“นะ….น้ำ”
คนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกนั่น ทำให้น้ำละสายตาจากการจ้องมองคนตรงหน้าทันที แต่มุมปากกับยกยิ้มอย่างฝืนๆ อ้อมกอดที่เคยกระชับบันทึกกับคลายออกเปลี่ยนเป็นการถือแบบลวกๆ น้ำกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะเงยหน้ากับมามองคนตรงหน้าดังเดิม
“พี่เอม….สบายดีใช่มั้ย”
น้ำเอยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งคำพูดที่เคนใช้ตอนที่ยังไม่สนิทกันหรือไม่รู้จักกัน ถูกกลับน้ำมาใช้ คนตรงหน้ามีสีหน้าหมองลงจากก่อนหน้าที่ดูเหมือนจะมีความดีใจ มันกลับหายไปเพราะสรรพนามที่เธอไม่เคยอยากได้ยินจากน้ำ
“อื้ม…เอมสบายดี น้ำดูสวยขึ้นเยอะนะ”
รอยยิ้มแห้งถูกยกขึ้น โดยที่ดวงตาใสของเธอยังคงจับจ้องไปที่ร่างบางตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ถึงแม้คนตรงหน้าจะดูเหมือนอึดอัดที่ได้เจอกับเธอ
“ขอบคุณ พี่เอมก็ดูดีขึ้นนะคะ”
เอมยิ้มรับคำชมของคนตรงหน้า แต่กลับไม่มีคำพูดใดออกมา มันเหมือนจุกไปหมด ทั้งคู่ได้แต่ยืนอยุ่นิ่งๆ ไม่มีใครที่จะเปิดบทสนทนาเพิ่มแต่อย่างใด ความเข้าขั้นกลางคนทั้งสองไปโดยปริยาย แต่แล้วความเงียบก็ถูกทำลายลงเมื่อ หญิงสาวน่าตาน่ารักเดินเข้า
“น้ำ!”
เสียงหญิงสาวน่าตาน่ารักเรียกความสนใจของน้ำไป น้ำดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนสนิทมายืนอยู่ตรงหน้า ทั้งๆที่ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่นอกจากผู้เป็นพ่อของเธอเอง
“ไม่ต้องทำหน้าตกใจ เราโทรหาน้ำเป็นสิบสายแต่น้ำไม่รับสายเรา เราเลยต้องโทรถามพ่อน้ำว่าน้ำอยู่ที่ไหน”
“อ่อ ชั้นขอโทษ”
น้ำหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาดู เธอก็พบกับข้อความแจ้งเตือนที่บอกถึงการโทรเข้าเป็นสิบสายอย่างเวย์บอก น้ำยิ้มให้เพื่อนสาวอย่างสำนึกผิด เพราะเธอคงจะลำลึกความหลังกับบ้านหลังนี้เพลินไปหน่อย
“ชั่งเถอะ ว่าแต่….”
สายตาของเวย์มองไปที่หญิงสาวหน้าคมที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสงสัย พลางมองมาที่เพื่อนของตนอย่างรอคำตอบ
“พี่เอมนะ เพื่อนสนิทชั้นตอนม.4 น่ะ”
“เพื่อน…ทำไมน้ำถึงเรียกว่าพี่ละ”
“พอดีเราเรียนช้า1 ปีนะ เลยอายุมากกว่าพวกเธอ1ปี เธอไม่ได้เรียกเราว่าพี่ก็ได้นะ”
หญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่นานเอยบอกเพื่อนใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เวย์พยักหน้ารับ และส่งยิ้มไปให้ ก่อนที่จะถูกขักจังหวะในการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อย่างเอมไปซะก่อน
“ ว่าแต่เวย์มีอะไรถึงมาที่นี่อ่ะ”
“ก็ชั้นจะมาคุยกับแกเรื่อง สถานที่จะใช้ในการซ้อมดนตรีของเราไง แต่….ตอนนี้ชั้นรู้แล้วละว่าเราจะใช้ที่ไหนดี”
นิ้วเรียวชี้ไปที่บ้านหลังที่น้ำเพิ่งเดินออกมา รอยยิ้มอันแสนหวานถูกยกขึ้น ขาเรียวเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้าน เหมือนว่าเธอตกหลุมรักบ้านหลังนี้เข้าซะแล้ว
“บ้านนี้ใช่ไหมที่ น้ำเคยอยู่อ่ะ”
เวย์พอจะได้ยินน้ำเอยถึงบ้านเก่าของตนให้เธอฟังบ้าง เธอกับน้ำรู้จักกันตอนม.5 ตอนที่น้ำย้ายไปเรียนที่ โคราช ก็มีเวย์นี่แหละ ที่คอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องต่าง นั่นพลอยให้เธอได้รับเรื่องราวต่างๆของน้ำที่เกิดขึ้นที่นี่ พวกเธอสองคนสนิทกันมาก สนิทกันจนเวย์ตกลงที่จะมาเรียนที่กรุงเทพ มหาลัยเดียวกับน้ำ
“ใช่ บ้านหลังนี้แหละ”
“โอเค ชั้นตกว่าจะใช้บ้านหลังนี้ของน้ำเป็นที่ฝึกดนตรีนะ น้ำคงไม่ขัดใช่ไหม”
น้ำเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าแล้วพยักหน้าให้เพื่อนของเธอ โดยที่ไม่สนใจใครอีกคนที่ยังยืนอยู่ที่เก่า ราวกับว่าคนคนนั้นเป็นอากาศธาตุ
“โอเค งั้นเรารีบไปกันเถอะ พ่อของเธอรอนานแล้วนะ”
เวย์รั้งแขนของน้ำ ให้ตามตัวเธอไป โดยที่เวย์ไปลืมหันมายิ้มให้กับเพื่อนใหม่ของตน น้ำที่ดูเหมือนจะขัดขืนแรงดึงของเวย์ ก็ต้องยอมปล่อยตัวไปตามแรงลากของเวย์ จนสมุดบันทึกที่อยู่ในมือตกลงบนพื้น ขาเรียวก้าวเข้ามาตรงที่สมุดของเธอตกอยู่ ร่างบางก้มหยิบมันขึ้น พร้อมใช้มือปัดทรายที่เกาะอยู่ ดวงตาคอยเปลี่ยนทิศจากที่จับจ้องอยู่กับบันทึก เปลี่ยนไปมองยังคนที่พึ่งเดินหันหลังออกไป
--------------------------------------------------------------------------------
เช้าอันสดใส ในเวลา 07.00 เป็นเวลาที่เด็กในวัยเรียนหลายคนจะต้องลุกขึ้น เพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนของการเปิดเทอมวันแรก แต่นั้นไม่ใช่กับเด็กสาว ที่ขึ้น ม.4 อย่างน้ำ เธอยังคงนอนหลับเป็นอยู่บนเตียง โดยที่นาฬิกาปลุกยังคงดังปลุกเธออยู่อย่างนั้น
“ย๊า! ยัยลี่น้ำ นี่มันเจ็ดโมงแล้วนะ ตื่นเดี๋ยวนี้!!”
เสียงของนักเรียนวัย ม.5 ที่อยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้ว ยืนจ้องมองผู้เป็นน้องสาว ที่หลับน้ำลายยืดอยู่บนเตียง ไม่วายที่เธอต้องปลุกน้องสาวเหมือนทุกวันอีกตามเคย และวิธีปลุกของเธอนั้นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
ตึ๊บ!!
โอ้ย!!!
“ใครถีบว่ะ!”
ร่างหญิงสาวในชุดนอนตกกระแทกพื้นด้วยแรงถีบของพี่ชายอย่างภูมิ เธอใช้มือลูบไปที่ก้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหันมาที่ตัวการที่ยืนหัวเราะชอบใจอยู่ตรงข้างเตียง หน้าตาบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดปนกับความโมโห มันสร้างความหัวเราะให้กับผู้เป็นพี่ชายได้อย่างดี
“พี่ภูมิ!……. ทำอะไรของพี่เนีย!!”
หญิงสาวเอยถามอย่าหงุดหงิด แต่ก็ยังไม่วายที่จะพยายามคืบคลานตะเกียดตะกายขึ้นไปบนเตียง แต่ก็ถูกพี่ชายตัวดีผลักกลับไปกองกับพื้นตามเดิม
“ก็แกไม่ยอมตื่น!! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วห๊ะ!”
คนเป็นพี่เอยอย่างหัวเสีย ก่อนจะหยิบนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะหัวนอนโยนใส่ตัวน้องสาวที่ยังคงนอนราบอยู่กับพื้น ผู้เป็นน้องรับมันมาก่อนจะหันด้านที่บอกเวลามาดูให้ถนัด เพื่อจะยืนยันว่าตนไม่ได้ตื่นสายอย่างที่พี่ชายกล่าวหา สายตาที่แถบจะปิดกับเบิกตากว้างขึ้นในทันที เมื่อหน้าปัดนาฬิกาบ่งบอกว่าเธอสายแล้ว
“07.30!!!”
“ ตาย!”
“วันนี้เปิดเทอมวันแรกด้วย! ทำไมพี่ไม่ปลุกฉ้านนนนนนน”
“แม่!!!!”
เสียงโว้ยดังขึ้นลั่นบ้าน จนคนเป็นพี่อยากจะเอาอวัยวะส่วนล่างยัดปากคนน้องซะเหลือเกิน และยิ่งยากจะกระทืบซ้ำเมื่อไอ้แสบดันโว้ยวายโทษว่าเป็นความผิดของแม่บ้างที่ไม่ปลุก โทษว่าเป็นความผิดของตนบ้าง แทนที่จะโทษว่าเป็นความผิดของตน
หญิงสาวแทบจะปานาฬิกาทิ้งไปซะเมื่อเธอเห็นเวลาที่มันสายมากสำหรับเวลาเรียน น้ำรั่วคำพูดฉอดๆใส่พี่ชายจนคนเป็นพี่ถึงกลับเงียบ ไม่ตอบกลับ แต่เธอก็พอรู้ว่าจริงๆที่พี่ชายของตนเงียบนั่น หมายความว่าเขาอยากกระทืบเธอซะมากกว่า ก่อนที่เธอจะโดนกระทืบ หญิงสาวหยิบเสื้อนักเรียนที่แขวนอยู่ข้างตู้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปmyomu
“พี่ต้องไปก่อน เธอไปโรงเรียนคนเดียวนะ! มันสายละพี่ไม่อยากโดนลงโทษกับเธอ! แล้ววันนี้พี่ก็นัดครูไว้ด้วย! ”
ภูมิตะโกนเอยบอกผู้เป็นน้องที่ยังคงวุ่นวายกับการอาบน้ำและแต่งตัวอยู่ในห้องน้ำ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากน้ำเลยสักนิด ภูมิส่ายหน้าไปมาจึงเดินออกไปทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่บ่นพึมพำคนเดียวในห้องน้ำ
“เสร็จแล้ว…. พะ…..พี่…..”
เสียงขาดหายไป เมื่อย่างก้าวออกมาจากห้องน้ำกับไม่มีผู้เป็นพี่ยืนรออยู่ เธอมั่นใจแล้วว่าเธอถูกพี่ชายของเธอทิ้งให้ไปโรงเรียนตามลำพังอีกตามเคย น้ำได้แต่หัวเสีย เธอจัดแจ้งหยิบกระเป๋านักเรียนของเธอ ก่อนจะเดินลงบันไดมายังชั้นล่าง ที่มีผู้เป็นแม่กำลังทำความสะอาดบ้าน น้ำนำกระเป๋าของเธอวางบนโต๊ะที่ตั้งในมุมโปรดของเธอ มุมนั้นจะสามารถเห็นห้องนอนชั้นสองของบ้านข้างๆได้ชัดเจน และนั่นทำให้น้ำเห็นถึงความผิดปกติ เมื่อหน้าต่างห้องดังกล่าวกลับเปิดอ้า เหมือนมีคนอยู่…..ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้บ้านหลังนั้นไม่มีผู้อาศัย
“แม่คะ! มีใครย้ายมาข้างบ้านเราหรอคะ!?”
หญิงสาวเอยถามผู้เป็นแม่ที่กำลังทำความสะอาด ผู้เป็นแม่หันมามองทางน้ำ ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ คิ้วของหญิงสาวขมวดเข้าหากันทันที ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะเดินนำอาหารเช้ามาวานตรงหน้าเธอ พร้อมกับเอยในสิ่งที่เธออยากรู้
“อ๋อคุณนายจองนะ เพื่อนแม่เอง…..”
น้ำพยักหน้ารับโดยที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่หน้าต่างบานนั้น และยิ่งทำให้น้ำจ้องหน้าต่างบานนั่นอย่างพินิจขึ้น เมื่อมีหญิงสาววัยเดียวกับเธอ และใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอ กำลังจดจ้องกับการแต่งตัวตรงกระจกที่อยู่ข้างๆหน้าต่างบานที่น้ำมองอยู่ เธอมีผิวคล้ำขาวและมีใบหน้าคม สังเกตได้จากเงาสะท้อนในกระจกบานนั้น
“น้ำ!”
เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ นั่นกับเรียกสติให้กับน้ำ เธอละสายตาจากหน้าต่างนั่นแล้วหันมาที่ผู้เป็นแม่ เมื่อได้ฟังคำเอยของผู้เป็นแม่ที่เตือนเธอ ว่าเธอสายมากแล้ว น้ำพยักหน้ารับ เธอลุกขึ้นยืนแล้วหยิบกระเป๋า ก่อนจะหันกลับไปมองที่หน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า เมื่อหญิงสาวคนนั้นกับหลายไปแล้ว น้ำส่ายหน้าไปมา เธอบอกลาพ่อและแม่เธอ ก่อนจะเดินออกมา
และเป็นอย่างที่คลาดเธอโดนอาจารย์ทำข้อหามาสายอีกตามระเบียบ นั่นทำให้หญิงสาวต้องเร่งฝีเท้าในการวิ่งไปเข้าเรียนในคาบแรกให้ทัน ก่อนจะถูกลงโทษข้อหาเข้าเรียนสายอีก ยิ่งเร่งฝีเท้าทำให้เธอไม่สังเกตสิ่งรอบข้างๆใดทั้งสิ้น มันให้การมองเห็นของเธอพล่ามั่ว จนบางทีอาจจะไม่เห็นอะไรเลย แม่แต่คน
ตุ๊บ!
ร่างบางล้มไปกองกับพื้นทันที เมื่อวิ่งชนกับใครสักคนเข้า กระเป๋าผ้าที่มีหนังสือมากมายหล่นอยู่ตามพื้น ทำให้น้ำรีบลุกขึ้นแล้วเก็บมันทันที โดยไม่สนใจใครอีกคนที่กำลังช่วยเธอเก็บของ ทั้งๆที่คนนั้นก็เจ็บไม่ต่างกับเธอ เมื่อหนังสือเล่มสุดท้ายอยู่ในมือ น้ำเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหนาอย่างหาเรือง นั่นทำให้เธอนึกขึ้นได้บางอย่างว่าคนตรงหน้า ก็คือคนคนเดียวที่เธอเห็นเมื่อเช้า
“ขอโทษนะ”
คำขอโทษถูกเอยจากปากของร่างบาง แต่ร่างบางกลับไม่มีทีท่าจะสำนึกผิด หน่ำซ้ำ ยังเดินตรงไปกระชากหนังสือในมือของคนตรงหน้า แล้วเดินจากไปแทบจะทันที ทิ้งไว้เพียงความมึนงงของหญิงสาว
“เหอะ! ทำผิดแต่ขอทาด้วยท่าที เย็นชา…น่ารังเกลียดชะมัด”
“มันเหมือนกับครั้งแรกที่เราเจอกัน….เธอยังคงเย็นชา”
เม้นเยอะ อัพบ่อยคะ พูดเลย
ทวงฟิคได้ที่
@jeanfeawjf
ความคิดเห็น